ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ราชวงศ์แสนซ้าย"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ไม่มีความย่อการแก้ไข
ป้ายระบุ: การแก้ไขแบบเห็นภาพ แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่
บรรทัด 69: บรรทัด 69:
*กันจรรยา ต้นสกุล คือ เจ้าปัญญา บุตรเจ้าหนานคันธิยะ พระญาติ[[แม่เจ้าสุพรรณวดี|แม่เจ้าสุพรรณวดีราชเทวี]]
*กันจรรยา ต้นสกุล คือ เจ้าปัญญา บุตรเจ้าหนานคันธิยะ พระญาติ[[แม่เจ้าสุพรรณวดี|แม่เจ้าสุพรรณวดีราชเทวี]]
*ธงสังกา
*ธงสังกา
*ศรีเมือง ต้นสกุล คือเจ้าศรีเมือง บุตรแม่เจ้าอินทรลงเหลากับเจ้าศรีทิ (เจ้านายเมืองน่าน) แม่เจ้าอินทรลงเหลาเป็นธิดาพระยาพิมพิสาร
*
*
*
*

รุ่นแก้ไขเมื่อ 13:26, 18 พฤศจิกายน 2563

ราชวงศ์แสนซ้าย
พระราชอิสริยยศเจ้าประเทศราช
ปกครองนครแพร่
สาขา31 ราชสกุล
ประมุขพระองค์แรกพระยาแสนซ้าย
ประมุขพระองค์สุดท้ายเจ้าพิริยเทพวงษ์
สถาปนาพ.ศ. 2330
ล่มสลายพ.ศ. 2445

ราชวงศ์เทพวงศ์ หรือ ราชวงศ์แพร่ เป็นราชวงศ์ที่สืบเชื้อสายมาจาก พระยาเทพวงศ์ เจ้าผู้ครองนครแพร่ยุคประเทศราชของสยาม ที่ปกครองนครแพร่มาตั้งแต่ พ.ศ. 2330 มาจนถึง พ.ศ. 2445 ได้เกิดความไม่สงบขึ้นในเมืองนครแพร่ โดยพวกไทใหญ่หรือเงี้ยวได้ทำการก่อจลาจลในเมืองนครแพร่ จากเหตุการณ์ครั้งนี้ เจ้าพิริยเทพวงษ์ เจ้าผู้ครองนครแพร่ ถูกกล่าวหาว่าสมคบกับพวกเงี้ยว ท่านจึงหลีภัยไปเมืองหลวงพระบาง ประเทศลาว และได้พำนักอยู่ที่นั่นจนกระทั่งพิราลัย ในปี พ.ศ. 2455 หลังจากนั้นทางราชสำนักสยาม ก็มิได้แต่งตั้งผู้ใดขึ้นเป็นเจ้าผู้ครองนครแพร่อีก จึงถือเป็นการสิ้นสุดตำแหน่งเจ้าผู้ครองนครนับแต่นั้นเป็นต้นมา

การสถาปนา

ราชวงศ์เทพวงศ์ หรือ ราชวงศ์แพร่ ได้สถาปนาขึ้นโดยพระยาเทพวงศ์ ปฐมราชวงศ์แห่งเจ้าผู้ครองนครแพร่ เชื้อสายเจ้าผู้ครองนคร 5 พระองค์สุดท้าย พระยาเทพวงศ์เป็นราชโอรสในพระยาแสนซ้าย เจ้าเมืองแพร่ พระยาเทพวงศ์ นี้เป็นเจ้าเมืองที่พูดจาไพเราะน่าฟัง พูดเก่ง พูดจาสิ่งใด ใครๆ ก็เชื่อฟังหมดจนชาวเมืองให้การเคารพนับถือ จึงตั้งสมญานามว่า "เจ้าหลวงลิ้นตอง" (ลิ้นทอง) จนถึงรัชสมัยของ เจ้าพิริยเทพวงษ์ ปี พ.ศ. 2445 ได้เกิดความไม่สงบขึ้นในเมืองนครแพร่ โดยพวกไทใหญ่หรือเงี้ยวที่ได้เข้ามาอยู่อาศัยในเมืองนครแพร่ และทำมาหากินในการขุดพลอย ประเภทพลอยไพลิน ที่ตำบลบ่อแก้ว อำเภอเด่นชัย จังหวัดแพร่ ในปัจจุบัน ได้ทำการก่อจลาจลในเมืองนครแพร่ เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2445 จากเหตุการณ์ครั้งนี้ เจ้าหลวงนครแพร่ถูกกล่าวหาว่าคบกับพวกเงี้ยว พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 จึงโปรดให้ถอดจากยศตำแหน่ง ริบเครื่องราชอิสริยาภรณ์ทั้งหมดคืน พระองค์จึงไปใช้ชีวิตบั้นปลายที่เมืองหลวงพระบาง ประเทศลาว และได้พำนักอยู่ที่นั่นจนกระทั่งแก่พิราลัย ในปี พ.ศ. 2455 แม้จนสุดท้ายแล้ว ถึงแม้พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จะทรงพิโรธต่อการเรียกร้องความไม่เป็นธรรมของเจ้าหลวงเมืองแพร่อย่างไร พระองค์ก็ทรงออกมาปกป้องว่า เจ้าหลวงพิริยะเทพวงษ์นั้น แม้จะกลับมาชิงบ้านเมืองคืนจริง ก็ไม่ใช่ความคิดของเจ้าหลวงแต่เป็นนโยบายของฝรั่งเศส [ต้องการอ้างอิง] พระองค์ทรงให้เจ้านายทายาทเจ้าหลวงอยู่อย่างสงบสุข ด้วยเจ้านายราชวงศ์จักรีที่ทรงวางใจคือ สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ มือขวาของพระองค์นั่นเอง ส่วนเจ้านายที่ถูกคาดโทษพระองค์ก็ให้ทำหน้าที่ปราบโจรผู้ร้ายชดใช้

ราชสกุลผู้สืบเชื้อสายเจ้าผู้ครองนครแพร่ มีทั้งหมด 31 ราชสกุล ถึงไม่มีราชสกุล ณ แพร่ แต่รวมกันเรียกว่า วงศ์วรญาติ เทียบเท่าราชสกุล ณ เชียงใหม่ ณ ลำพูน ณ ลำปาง และ ณ น่าน ในหัวเมืองฝ่ายเหนือ

เจ้าผู้ครองนครแพร่ (2330-2445)

รายพระนามเจ้าผู้ครองนครแพร่ ยุคราชวงศ์เทพวงศ์

ลำดับ พระนาม ปีที่ครองราชย์
1 พระยาแสนซ้าย พ.ศ. 2330-ก่อน พ.ศ. 2348
2 พระยาเทพวงศ์ ก่อน พ.ศ. 2348-พ.ศ. 2359
3 พระยาอินทวิไชย พ.ศ. 2359-พ.ศ. 2390
4 พระยาพิมพิสารราชา พ.ศ. 2390-พ.ศ. 2429
5 เจ้าพิริยเทพวงษ์ พ.ศ. 2432-พ.ศ. 2445

ราชสกุลเจ้าผู้ครองนครแพร่

ราชสกุลสายเจ้าผู้ครองนครแพร่ มีทั้งหมด 31 ราชสกุล รวมกันเรียกว่าวงศ์วรญาติ คือ

อ้างอิง

  • ภูเดช แสนสา เจ้าผู้ครองนครแพร่ยุคประเทศราชของสยาม
  • ประวัติศาสตร์แพร่ (เหตุเงี้ยวจลาจล)
ก่อนหน้า ราชวงศ์แสนซ้าย ถัดไป
ราชวงศ์มังไชย ราชวงศ์ที่ปกครองนครรัฐแพร่
(พ.ศ. 2330 - พ.ศ. 2445)