ผลต่างระหว่างรุ่นของ "สมเด็จพระปิยมาวดี ศรีพัชรินทรมาตา"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ไม่มีความย่อการแก้ไข
ป้ายระบุ: ทำกลับ
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 4: บรรทัด 4:
| title =
| title =
| image = PrincessPiyamawadiSriPatcharinMataPiam.jpg
| image = PrincessPiyamawadiSriPatcharinMataPiam.jpg
| caption =
| succession =
| reign-type=
| reign =
| coronation =
| predecessor =
| birth_date = {{วันเกิด|2381|3|5}}
| birth_date = {{วันเกิด|2381|3|5}}
| birth_place =
| birth_place =
บรรทัด 33: บรรทัด 27:
}}
}}


'''สมเด็จพระปิยมาวดี ศรีพัชรินทรมาตา''' เดิมคือ '''เจ้าจอมมารดาเปี่ยม''' (สกุลเดิม: สุจริตกุล; 5 มีนาคม พ.ศ. 2381 – 13 เมษายน พ.ศ. 2447) พระสนมเอก<ref name="ราชสกุลวงศ์">{{cite book | author = กรมศิลปากร. สำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ | title = ราชสกุลวงศ์ | url = http://bcnnon.ac.th/webnon/Load/2013/01/king22.pdf | publisher = สำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ กรมศิลปากร | location = กรุงเทพฯ | year = 2554 | page = 60}}</ref>ใน[[พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว]] เป็นพระราชชนนีของพระอัครมเหสีในรัชกาลที่ 5 ถึงสามพระองค์คือ [[สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี]] [[สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า]] และ[[สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง]] เป็นพระอัยยิกาฝ่ายพระชนนีใน[[พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว]]และ[[พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว]] และเป็นพระปัยยิกาใน[[พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร]]และ[[พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร]]<ref>{{cite book | author =| title = อภิธัมมัตถสังคหะและอภิธัมมัตถวิภาวินีฎีกา (บาลี-ไทย) ภาค 1 | url = http://bhumibalo.org/wp-content/uploads/2018/06/ABHIDHAMMATTHASANGAHA-and-PALI-THAI-PART-I-1-3.pdf | publisher = มูลนิธิภูมิพโลภิกขุ | location = กรุงเทพฯ | year = 2546 | page = 39-40}}</ref>
'''สมเด็จพระปิยมาวดี ศรีพัชรินทรมาตา''' พระนามเดิม '''เปี่ยม''' (สกุลเดิม: สุจริตกุล; 5 มีนาคม พ.ศ. 2381 – 13 เมษายน พ.ศ. 2447) เป็นพระสนมเอก<ref name="ราชสกุลวงศ์">{{cite book | author = กรมศิลปากร. สำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ | title = ราชสกุลวงศ์ | url = http://bcnnon.ac.th/webnon/Load/2013/01/king22.pdf | publisher = สำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ กรมศิลปากร | location = กรุงเทพฯ | year = 2554 | page = 60}}</ref>ใน[[พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว]] เป็นพระราชชนนีของพระอัครมเหสีในรัชกาลที่ 5 ถึงสามพระองค์คือ [[สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี]] [[สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า]] และ[[สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง]] เป็นพระอัยยิกาฝ่ายพระชนนีใน[[พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว]]และ[[พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว]] และเป็นพระปัยยิกาใน[[พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร]]และ[[พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร]]<ref>{{cite book | author =| title = อภิธัมมัตถสังคหะและอภิธัมมัตถวิภาวินีฎีกา (บาลี-ไทย) ภาค 1 | url = http://bhumibalo.org/wp-content/uploads/2018/06/ABHIDHAMMATTHASANGAHA-and-PALI-THAI-PART-I-1-3.pdf | publisher = มูลนิธิภูมิพโลภิกขุ | location = กรุงเทพฯ | year = 2546 | page = 39-40}}</ref>


เจ้าจอมมารดาเปี่ยม ได้รับการสถาปนาเป็น เจ้าคุณจอมมารดาเปี่ยม เจ้าคุณพระอัยยิกาเปี่ยม และหลังจากพิราลัยได้รับการสถาปนาขึ้นเป็น[[เจ้า]] ทรงพระนามว่า ''สมเด็จพระปิยมาวดี ศรีพัชรินทรมาตา''<ref>{{cite book | author = คุณหญิงกุลทรัพย์ เกษแม่นกิจ และสายไหม จบกลศึก (บรรณาธิการ) | title = ราชาศัพท์ | url = http://www.identity.opm.go.th/identity/doc/nis05223.PDF | publisher = สำนักงานเสริมสร้างเอกลักษณ์ของชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี | location = กรุงเทพฯ | year = 2555 | page = 20}}</ref> โดยสร้อยพระนาม "ศรีพัชรินทรมาตา" มีความหมายว่า เป็นพระมารดาของ[[สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง]]
เจ้าจอมมารดาเปี่ยม ได้รับการสถาปนาเป็น เจ้าคุณจอมมารดาเปี่ยม เจ้าคุณพระอัยยิกาเปี่ยม และหลังจากพิราลัยได้รับการสถาปนาขึ้นเป็น[[เจ้า]] ทรงพระนามว่า ''สมเด็จพระปิยมาวดี ศรีพัชรินทรมาตา''<ref>{{cite book | author = คุณหญิงกุลทรัพย์ เกษแม่นกิจ และสายไหม จบกลศึก (บรรณาธิการ) | title = ราชาศัพท์ | url = http://www.identity.opm.go.th/identity/doc/nis05223.PDF | publisher = สำนักงานเสริมสร้างเอกลักษณ์ของชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี | location = กรุงเทพฯ | year = 2555 | page = 20}}</ref> โดยสร้อยพระนาม "ศรีพัชรินทรมาตา" มีความหมายว่า เป็นพระมารดาของ[[สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง]]
บรรทัด 60: บรรทัด 54:


=== สิ้นพระชนม์ ===
=== สิ้นพระชนม์ ===
เจ้าคุณจอมมารดาเปี่ยมถึงแก่พิราลัยเมื่อวันที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2447 พระอัฐิถูกบรรจุไว้ ณ ศาลาพระอัยกาใน[[วัดราชาธิวาสราชวรวิหาร]]<ref>วรชาติ มีชูบท. "เมื่อรัชกาลที่ 6 ทรงถูกเกณฑ์ให้เลือกคู่". ''ศิลปวัฒนธรรม''. 37 : 1 พฤศจิกายน 2558, หน้า 79</ref> ต่อมาพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาพระอัฐิขึ้นเป็นเจ้านายในราชวงศ์จักรี ถวายพระนามาภิไธยว่า '''สมเด็จพระปิยมาวดี ศรีพัชรินทรมาตา''' เนื่องด้วยในรัชกาลนั้นมีพระฐานะเป็นสมเด็จพระอัยยิกาเจ้า (ยาย) เมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2466<ref>[[ราชกิจจานุเบกษา]], [http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2466/A/1.PDF พระบรมราชโองการ ประกาศ สถาปนา เรื่อง สถาปนาพระนามพระอัฐิ พระอัยยิกา],เล่ม ๔๐, ตอน ๐ ก, ๑ เมษายน พ.ศ. ๒๔๖๖, หน้า ๑</ref>
เจ้าคุณจอมมารดาเปี่ยมถึงแก่พิราลัยเมื่อวันที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2447 พระอัฐิถูกบรรจุไว้ ณ ศาลาพระอัยกาใน[[วัดราชาธิวาสราชวรวิหาร]]<ref>วรชาติ มีชูบท. "เมื่อรัชกาลที่ 6 ทรงถูกเกณฑ์ให้เลือกคู่". ''ศิลปวัฒนธรรม''. 37 : 1 พฤศจิกายน 2558, หน้า 79</ref> ต่อมาพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาพระอัฐิขึ้นเป็นเจ้านายในราชวงศ์จักรี ถวายพระนามาภิไธยว่า '''สมเด็จพระปิยมาวดี ศรีพัชรินทรมาตา''' เนื่องด้วยในรัชกาลนั้นมีพระฐานะเป็นพระอัยยิกา (ยาย) เมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2466<ref>[[ราชกิจจานุเบกษา]], [http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2466/A/1.PDF พระบรมราชโองการ ประกาศ สถาปนา เรื่อง สถาปนาพระนามพระอัฐิ พระอัยยิกา],เล่ม ๔๐, ตอน ๐ ก, ๑ เมษายน พ.ศ. ๒๔๖๖, หน้า ๑</ref>


โดยพระนาม "ปิยมาวดี" นั้น [[พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว]]ทรงแปลจากพระนามเดิมว่า "เปี่ยม" ซึ่งเป็นคำไทย แปลงรูปสระเอียเป็นเอ กลายเป็น[[ภาษาบาลี|คำบาลี]]ว่า "เปม" แปลว่า "ความรัก" แล้วแปลงเป็นอิยะ เป็น "ปิยมา" มีวนฺตุเป็น[[ปัจจัย]] รวมเป็นคำว่า "ปิยมาวดี" ({{lang-pi|ปิยมาวตี}}) ส่วนสร้อยพระนาม "ศรีพัชรินทรมาตา" มาจากพระนามของสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง กับคำว่ามาตา แปลว่าแม่ รวมกันมีความหมายว่า "พระราชชนนีของสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง"<ref>{{cite book | author =| title = อภิธัมมัตถสังคหะและอภิธัมมัตถวิภาวินีฎีกา (บาลี-ไทย) ภาค 1 | url = http://bhumibalo.org/wp-content/uploads/2018/06/ABHIDHAMMATTHASANGAHA-and-PALI-THAI-PART-I-1-3.pdf | publisher = มูลนิธิภูมิพโลภิกขุ | location = กรุงเทพฯ | year = 2546 | page = 44}}</ref>
โดยพระนาม "ปิยมาวดี" นั้น [[พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว]]ทรงแปลจากพระนามเดิมว่า "เปี่ยม" ซึ่งเป็นคำไทย แปลงรูปสระเอียเป็นเอ กลายเป็น[[ภาษาบาลี|คำบาลี]]ว่า "เปม" แปลว่า "ความรัก" แล้วแปลงเป็นอิยะ เป็น "ปิยมา" มีวนฺตุเป็น[[ปัจจัย]] รวมเป็นคำว่า "ปิยมาวดี" ({{lang-pi|ปิยมาวตี}}) ส่วนสร้อยพระนาม "ศรีพัชรินทรมาตา" มาจากพระนามของสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง กับคำว่ามาตา แปลว่าแม่ รวมกันมีความหมายว่า "พระราชชนนีของสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง"<ref>{{cite book | author =| title = อภิธัมมัตถสังคหะและอภิธัมมัตถวิภาวินีฎีกา (บาลี-ไทย) ภาค 1 | url = http://bhumibalo.org/wp-content/uploads/2018/06/ABHIDHAMMATTHASANGAHA-and-PALI-THAI-PART-I-1-3.pdf | publisher = มูลนิธิภูมิพโลภิกขุ | location = กรุงเทพฯ | year = 2546 | page = 44}}</ref>

รุ่นแก้ไขเมื่อ 23:32, 22 ตุลาคม 2563

สมเด็จพระปิยมาวดี ศรีพัชรินทรมาตา
ประสูติ5 มีนาคม พ.ศ. 2381
สิ้นพระชนม์13 เมษายน พ.ศ. 2447 (66 ปี)
พระราชสวามีพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
พระราชบุตร
ราชวงศ์จักรี
พระบิดาหลวงอาสาสำแดง (แตง)
พระมารดาท้าวสุจริตธำรง (นาค)
ศาสนาพุทธ

สมเด็จพระปิยมาวดี ศรีพัชรินทรมาตา พระนามเดิม เปี่ยม (สกุลเดิม: สุจริตกุล; 5 มีนาคม พ.ศ. 2381 – 13 เมษายน พ.ศ. 2447) เป็นพระสนมเอก[1]ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นพระราชชนนีของพระอัครมเหสีในรัชกาลที่ 5 ถึงสามพระองค์คือ สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า และสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เป็นพระอัยยิกาฝ่ายพระชนนีในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวและพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว และเป็นพระปัยยิกาในพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทรและพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร[2]

เจ้าจอมมารดาเปี่ยม ได้รับการสถาปนาเป็น เจ้าคุณจอมมารดาเปี่ยม เจ้าคุณพระอัยยิกาเปี่ยม และหลังจากพิราลัยได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นเจ้า ทรงพระนามว่า สมเด็จพระปิยมาวดี ศรีพัชรินทรมาตา[3] โดยสร้อยพระนาม "ศรีพัชรินทรมาตา" มีความหมายว่า เป็นพระมารดาของสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง

พระประวัติ

ชีวิตตอนต้นและเข้ารับราชการ

เจ้าจอมมารดาเปี่ยมแต่งกายอย่างตะวันตก เมื่อสมัยแรกรับราชการ

สมเด็จพระปิยมาวดี ศรีพัชรินทรมาตา ประสูติเมื่อวันที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2381 เป็นธิดาหลวงอาสาสำแดง (แตง) และท้าวสุจริตธำรง (นาค) ต้นราชินิกูลสุจริตกุล พระองค์สืบเชื้อสายจีนมาแต่ฝ่ายบิดาและมารดา[4][5] ในบันทึกของแอนนา ลีโอโนเวนส์ระบุว่าเจ้าจอมมารดาเปี่ยมนั้นมีเชื้อสายจีนจากบิดา และไม่มีชาติกำเนิดสูงส่งอย่างใด[6]

เบื้องต้น เปี่ยมเข้าเป็นนางฟ้อนในคณะละครหลวง[7] ก่อนได้รับการแต่งตั้งเป็นบาทบริจาริกาในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จากการที่เจ้าจอมมารดาเปี่ยมไม่ได้เป็นเจ้า พระราชบุตรจึงมีฐานันดรศักดิ์เป็นพระองค์เจ้า[7] แม้นางจะไม่มีชาติกำเนิดสูงส่ง ทว่าฉลาด สามารถชักพาญาติพี่น้องรับราชการ และนำคนจีนจำนวนมากให้ไปรู้จักกับกษัตริย์สยาม ดังปรากฏในหนังสือของแอนนา ลีโอโนเวนส์ ความว่า[6]

"สตรีเพียงหนึ่งเดียวซึ่งเป็นที่ยอมรับว่ามัดใจพระองค์ [พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว] ได้สำเร็จคือคุณจอมเปี่ยม แม้จะไม่ใช่คนสวยอะไร แต่วางตัวดีและมียุทธวิธีเยี่ยมยอด เธอมิได้มีการศึกษาและชาติกำเนิดสูงส่งเลย ทั้งยังมีเชื้อสายจีนทางฝั่งบิดา กระนั้นกลับมีคุณลักษณะที่น่าชื่นชมโดยเนื้อแท้ เมื่อรู้สึกได้ว่าตนเริ่มมีอิทธิพลเหนือกษัตริย์ เธอวางแผนจะรักษาและใช้ประโยชน์จากอำนาจดังกล่าวอยู่นานหลายปี โดยใช้วิธีบอกปัดบ้างเป็นครั้งคราว ถ่อมตนเกินเหตุจนน่ารำคาญบางครั้งถึงกับถูกกล่าวหาว่าดัดจริต เธอมักหาข้ออ้างไม่ไปเข้าเฝ้าฯ กษัตริย์อยู่เป็นประจำ โดยอ้างว่าป่วยบ้าง ต้องดูแลลูก ๆ บ้าง อยู่ระหว่างไว้ทุกข์ญาติบ้าง และจะเต็มใจไปเข้าเฝ้าฯ ถวายงานเองเป็นช่วง ๆ ในช่วงเวลา 6 ปีที่ถวายตัวรับใช้ เธอสะสมทรัพย์สมบัติไว้เป็นจำนวนไม่น้อย ทั้งยังจัดการให้สมาชิกในครอบครัวเธอได้รับราชการตำแหน่งดี ๆ ตลอดจนช่วงชักนำชาวจีนอีกมากมายให้ได้รู้จักกษัตริย์ ในขณะเดียวกันเธอก็ใช้ชีวิตด้วยความหวาดกลัวตลอดเวลา ต้องยอมอ่อนน้อมถ่อมตนและประนีประนอมกับบรรดาสตรีคู่แข่งซึ่งออกจะสมเพชเธอมากกว่าอิจฉา และต้องอยู่ในอาณัติของเหล่าสตรีผู้ทรงอำนาจแห่งวังหลวง"

เจ้าจอมมารดาเปี่ยมได้รับการแต่งตั้งเป็นพระสนมเอกในรัชกาล[1][8] จากการที่เจ้าจอมมารดาเปี่ยมเป็นที่สนิทสวาทของพระสวามี พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงโปรดพระราชบุตรที่ประสูติแต่เจ้าจอมมารดาเปี่ยมเป็นพิเศษ ดังจะพบการตั้งพระนามอันแสดงถึงความศิวิไลซ์ ลูกหลวงและบาทบริจาริกาเหล่านี้สวมฉลองพระองค์อย่างยุโรปและเล่าเรียนภาษาอังกฤษจากพระอาจารย์ต่างชาติในวังหลวง[9] และท่านเป็นบาทบริจาริกาที่ถวายการดูแลพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวในช่วงปลายพระชนม์ชีพ[10]

ในฐานะพระสัสสุ

หลังการสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และการเสวยราชย์ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระราชธิดาสามพระองค์ในรัชกาลก่อนที่ประสูติแต่เจ้าจอมมารดาเปี่ยมได้ถวายตัวเป็นพระภรรยาเจ้าในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้แก่ พระเจ้าน้องนางเธอ พระองค์เจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระเจ้าน้องนางเธอ พระองค์เจ้าสว่างวัฒนา และพระเจ้าน้องนางเธอ พระองค์เจ้าเสาวภาผ่องศรี ตามกฎมนเทียรบาลว่าด้วยความบริสุทธิ์ของเชื้อสายหรืออุภโตสุชาติสังสุทธเคราหณี พระภรรยาร่วมสายเลือดเหล่านี้ถือเป็นพระภรรยาชั้นสูง พระราชโอรสที่เกิดจากพระภรรยาเจ้ามีสิทธิธรรมในการสืบราชสันตติวงศ์สูงกว่าพระราชโอรสที่ประสูติแต่เจ้าจอมสามัญชน[11]

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาเป็น เจ้าคุณจอมมารดาเปี่ยม เมื่อวันที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2428 ในพระราชวโรกาสมงคลวันเฉลิมพระชนมพรรษา 20 กันยายน ศกนั้น ด้วยเหตุที่เป็นพระชนนีในสมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนา พระบรมราชเทวี ซึ่งเป็นสมเด็จพระอัครมเหสีในขณะนั้น พร้อมทั้งพระราชทานเครื่องยศ[12] ได้แก่

  • พานหมากทองคำเครื่องในลงยา
  • หีบหมากลงยา
  • กาทองรองถาด
  • กระโถนทองคำ

เจ้าคุณจอมมารดาเปี่ยมได้บริจาคเงินจำนวน 100 ชั่ง หรือ 8,000 บาทสำหรับสร้างถาวรวัตถุเพื่อสาธารณะประโยชน์ อุทิศพระกุศลถวายพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอุณากรรณอนันตนรไชย พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ จัดสรรงบประมาณสมทบเงินจำนวนดังกล่าว ตัดถนนเส้นหนึ่งระหว่างถนนเจริญกรุงกับถนนบำรุงเมือง กรมโยธาธิการสร้างถนนเสร็จในปี พ.ศ. 2443 แล้วถวายเป็นถนนหลวง จึงพระราชทานนามถนนเส้นดังกล่าวว่าถนนอุณากรรณ[13][14]

สิ้นพระชนม์

เจ้าคุณจอมมารดาเปี่ยมถึงแก่พิราลัยเมื่อวันที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2447 พระอัฐิถูกบรรจุไว้ ณ ศาลาพระอัยกาในวัดราชาธิวาสราชวรวิหาร[15] ต่อมาพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาพระอัฐิขึ้นเป็นเจ้านายในราชวงศ์จักรี ถวายพระนามาภิไธยว่า สมเด็จพระปิยมาวดี ศรีพัชรินทรมาตา เนื่องด้วยในรัชกาลนั้นมีพระฐานะเป็นพระอัยยิกา (ยาย) เมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2466[16]

โดยพระนาม "ปิยมาวดี" นั้น พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงแปลจากพระนามเดิมว่า "เปี่ยม" ซึ่งเป็นคำไทย แปลงรูปสระเอียเป็นเอ กลายเป็นคำบาลีว่า "เปม" แปลว่า "ความรัก" แล้วแปลงเป็นอิยะ เป็น "ปิยมา" มีวนฺตุเป็นปัจจัย รวมเป็นคำว่า "ปิยมาวดี" (บาลี: ปิยมาวตี) ส่วนสร้อยพระนาม "ศรีพัชรินทรมาตา" มาจากพระนามของสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง กับคำว่ามาตา แปลว่าแม่ รวมกันมีความหมายว่า "พระราชชนนีของสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง"[17]

พระราชบุตร

สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมาร สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ามหิดลอดุลเดช และเจ้าคุณจอมมารดาเปี่ยมในฐานะขรัวยาย

เข้าถวายตัวเป็นเจ้าจอมในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และเป็นพระชนนีในพระราชโอรส พระราชธิดา จำนวน 6 พระองค์ คือ

  1. พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าอุณากรรณอนันตนรไชย (22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2399 – 29 มีนาคม พ.ศ. 2416) มีพระโอรสหนึ่งองค์
  2. พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าเทวัญอุไทยวงศ์ (27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2401 – 28 มิถุนายน พ.ศ. 2466) ต่อมาเป็น สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาเทวะวงศ์วโรปการ มีพระโอรส-ธิดา 40 พระองค์ เป็นพระปัยกาของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
  3. พระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ (11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2403 – 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2423) มีพระอิสริยยศสูงสุดที่ สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี อภิเษกสมรสกับพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระราชธิดาหนึ่งพระองค์
  4. พระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าสว่างวัฒนา (10 กันยายน พ.ศ. 2405 – 17 ธันวาคม พ.ศ. 2498) มีพระอิสริยยศสูงสุดที่ สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า อภิเษกสมรสกับพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระราชโอรส-ธิดา 8 พระองค์ และเป็นพระอัยยิกาในพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร และพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
  5. พระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าเสาวภาผ่องศรี (1 มกราคม พ.ศ. 2407 – 20 ตุลาคม พ.ศ. 2462) มีพระอิสริยยศสูงสุดที่ สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง อภิเษกสมรสกับพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระราชโอรส-ธิดา 14 พระองค์ เป็นพระบรมราชชนนีในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
  6. พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าสวัสดิโสภณ (22 ธันวาคม พ.ศ. 2408 – 10 ธันวาคม พ.ศ. 2478) ต่อมาเป็น สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระสวัสดิวัดนวิศิษฎ์ มีพระโอรส-ธิดา 36 พระองค์ หนึ่งในนั้นคือสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี

พระเกียรติยศ

พระอิสริยยศ

  • 5 มีนาคม พ.ศ. 2381 – ไม่ทราบปี : เปี่ยม
  • ไม่ทราบปี – 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2399 : เจ้าจอมเปี่ยม ในรัชกาลที่ 4
  • 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2399 – 20 กันยายน พ.ศ. 2428 : เจ้าจอมมารดาเปี่ยม ในรัชกาลที่ 4
  • 20 กันยายน พ.ศ. 2428 – 13 เมษายน พ.ศ. 2447 : เจ้าคุณจอมมารดาเปี่ยม
  • 23 ตุลาคม พ.ศ. 2453 : เจ้าคุณพระอัยยิกาเปี่ยม[18]
  • 1 เมษายน พ.ศ. 2466 : สมเด็จพระปิยมาวดี ศรีพัชรินทรมาตา

เครื่องราชอิสริยาภรณ์

อ้างอิง

  1. 1.0 1.1 กรมศิลปากร. สำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ (2554). ราชสกุลวงศ์ (PDF). กรุงเทพฯ: สำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ กรมศิลปากร. p. 60.
  2. อภิธัมมัตถสังคหะและอภิธัมมัตถวิภาวินีฎีกา (บาลี-ไทย) ภาค 1 (PDF). กรุงเทพฯ: มูลนิธิภูมิพโลภิกขุ. 2546. p. 39-40.
  3. คุณหญิงกุลทรัพย์ เกษแม่นกิจ และสายไหม จบกลศึก (บรรณาธิการ) (2555). ราชาศัพท์ (PDF). กรุงเทพฯ: สำนักงานเสริมสร้างเอกลักษณ์ของชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี. p. 20.
  4. ธำรงศักดิ์ อายุวัฒนะ. ราชสกุลจักรีวงศ์ และราชสกุลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ฉบับสมบูรณ์ (ภาคจบ). พิมพ์ครั้งที่ 2. นครหลวงฯ : รุ่งวัฒนา. 2515, หน้า 305
  5. เผ่าทอง ทองเจือ (19 มกราคม 2555). "ไหว้เจ้าตรุษจีน: เมื่อ 'เจ้า' ไหว้เจ้า". ไทยรัฐ. สืบค้นเมื่อ 15 มีนาคม 2557. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  6. 6.0 6.1 ลีโอโนเวนส์, แอนนา แฮร์เรียต (เขียน), สุภัตรา ภูมิประภาสและสุภิดา แก้วสุขสมบัติ (แปล). อ่านสยามตามแอนนา. กรุงเทพฯ : มติชน, 2562, หน้า 304
  7. 7.0 7.1 ดารณี ศรีหทัย. สมเด็จรีเยนต์. กรุงเทพฯ : มติชน, 2554, หน้า 44
  8. ดารณี ศรีหทัย. สมเด็จรีเยนต์. กรุงเทพฯ : มติชน, 2554, หน้า 45
  9. ดารณี ศรีหทัย. สมเด็จรีเยนต์. กรุงเทพฯ : มติชน, 2554, หน้า 48
  10. "เปิดเรื่องราวประวัติศาสตร์ จับสลากพระราชมรดก ในคืนสวรรคต ร.4". กระปุกดอตคอม. สืบค้นเมื่อ 16 พฤษภาคม 2563. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  11. ดารณี ศรีหทัย. สมเด็จรีเยนต์. กรุงเทพฯ : มติชน, 2554, หน้า 55-57
  12. สมเด็จพระบรมราชปิตุลาธิบดี เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ, จดหมายเหตุรายวันของสมเด็จพระบรมราชปิตุลาธิบดี เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ, กรุงเทพฯ : บรรณกิจ ๑๙๙๑, ๒๕๕๐
  13. กนกวลี ชูชัยยะ. พจนานุกรมวิสามานยนามไทย : วัด วัง ถนน สะพาน ป้อม. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ : ราชบัณฑิตยสถาน, 2548, หน้า 439.
  14. ศันสนีย์ วีระศิลป์ชัย. ชื่อบ้านนามเมือง. กรุงเทพฯ : มติชน, 2551, หน้า 9
  15. วรชาติ มีชูบท. "เมื่อรัชกาลที่ 6 ทรงถูกเกณฑ์ให้เลือกคู่". ศิลปวัฒนธรรม. 37 : 1 พฤศจิกายน 2558, หน้า 79
  16. ราชกิจจานุเบกษา, พระบรมราชโองการ ประกาศ สถาปนา เรื่อง สถาปนาพระนามพระอัฐิ พระอัยยิกา,เล่ม ๔๐, ตอน ๐ ก, ๑ เมษายน พ.ศ. ๒๔๖๖, หน้า ๑
  17. อภิธัมมัตถสังคหะและอภิธัมมัตถวิภาวินีฎีกา (บาลี-ไทย) ภาค 1 (PDF). กรุงเทพฯ: มูลนิธิภูมิพโลภิกขุ. 2546. p. 44.
  18. "พระราชหัตถ์เลขาส่วนพระองค์ สมเด็จพระรามาธิบดี ศรีสินทรมหาจุฬาลงกรณ์ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชทานแด่ สมเด็จพระศรีพัชรินทรา บรมราชินีนารถ พระบรมราชชนนี ในเวลาที่ทรงสำเร็จราชการแผ่นดินต่างพระองค์ เมื่อเสด็จพระราชดำเนินประพาศยุโรป พ.ศ. ๒๔๔๐ พระราชประวัติสังเขป". วชิรญาณ. สืบค้นเมื่อ 6 พฤษภาคม 2563. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  19. ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ จุลจอมเกล้า,เล่ม ๑๕, ตอน ๓๔, ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๔๑, หน้า ๓๕๔

แหล่งข้อมูลอื่น