ผลต่างระหว่างรุ่นของ "แอนน์ บุลิน"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Yokoronichi (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
ป้ายระบุ: ถูกย้อนกลับแล้ว การแก้ไขแบบเห็นภาพ แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่
Yokoronichi (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
ป้ายระบุ: ย้อนด้วยมือ ถูกย้อนกลับแล้ว การแก้ไขแบบเห็นภาพ แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่
บรรทัด 1: บรรทัด 1:
{{กล่องข้อมูล เชื้อพระวงศ์
{{กล่องข้อมูล เชื้อพระวงศ์
| ชื่อ = สมเด็จพระนางเจ้าแอนน์ บุลิน พระบรมราชินี
| ชื่อ = แอนน์ บุลิน
| สีพิเศษ = blue
| สีพิเศษ = blue
| ภาพ = ไฟล์:Anne boleyn.jpg
| ภาพ = ไฟล์:Anne boleyn.jpg

รุ่นแก้ไขเมื่อ 18:45, 27 กันยายน 2563

แอนน์ บุลิน
ราชินีแห่งอังกฤษ
(28 พฤษภาคม พ.ศ. 2076 - 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2079)
ประสูติประมาณปี พ.ศ. 2050
ศาลาบลิกลิง หรือ ปราสาทเฮฟเวอร์ อังกฤษ
สวรรคต19 พฤษภาคม พ.ศ. 2079
หอคอยแห่งลอนดอน อังกฤษ
พระราชสวามีพระเจ้าเฮนรีที่ 8 แห่งอังกฤษ
พระราชบุตรเจ้าชายเฮนรี ดยุกแห่งคอร์นวอลล์ (ที่ 3)
สมเด็จพระราชินีนาถอลิซาเบธที่ 1 แห่งอังกฤษ
พระราชโอรสไม่ปรากฏพระนาม
ราชวงศ์ทิวดอร์ (สมรส)
พระราชบิดาเอิร์ลทอมัส บุลินที่ 1 แห่งวิลต์เชอร์
พระราชมารดาเลดีเอลิซาเบธ ฮอเวิร์ด
ลายพระอภิไธย
พระมเหสีทั้งหกของ
พระเจ้าเฮนรีที่ 8
กาตาลินาแห่งอารากอน
แอนน์ บุลิน
เจน ซีมอร์
แอนน์แห่งคลีฟส์
แคเทอริน เฮาเวิร์ด
แคเทอริน พาร์

สมเด็จพระนางเจ้าแอนน์ บุลิน พระบรมราชินี (อังกฤษ: Anne Boleyn) เป็นบุตรีของเซอร์ทอมัส บุลิน กับเลดีเอลิซาเบธ บุลิน และเป็นพระมเหสีพระองค์ที่ 2 ในพระเจ้าเฮนรีที่ 8 แห่งอังกฤษ และพระบรมราชชนนีในเจ้าหญิงเอลิซาเบธ (ต่อมาเสด็จขึ้นเถลิงราชย์เป็นสมเด็จพระราชินีนาถอลิซาเบธที่ 1 แห่งอังกฤษ)

พระราชพิธีอภิเษกสมรสระหว่างสมเด็จพระเจ้าเฮนรีที่ 8 กับสมเด็จพระราชินีแอนน์เป็นจุดเริ่มต้นแห่งเรื่องราว พระราชอำนาจหลังพระราชบัลลังก์ฉายเด่นชัดจากสมเด็จพระราชินีพระองค์นี้ ข้าราชการแบ่งฝักฝ่ายเป็นสองพวกคือ "คนของพระราชา" และ "คนของพระราชินี" แม้จนเมื่อท้ายที่สุดแล้วสมเด็จพระเจ้าเฮนรีที่ 8 จะทรงมีชัยชนะเหนือพระมเหสี สามารถสำเร็จโทษพระนางได้ ด้วยการกล่าวหาว่าพระนางสมสู่กับน้องชายแท้ ๆ ของพระนางเอง แต่ความแตกร้าวก็ยังคงมีอยู่ไม่รู้จบ พระองค์ถูกกล่าวขานถึงว่า "ราชินีแห่งอังกฤษที่โดดเด่นและสำคัญที่สุดเท่าที่เคยมี"

ช่วงต้นของชีวิต

แมรี บุลิน พระเชษฐภคินีของพระนางแอนน์

แอนน์ บุลินเป็นบุตรีของเซอร์ทอมัส บุลิน กับ เลดีเอลิซาเบธ บุลิน แอนน์เกิดราว พ.ศ. 2050 เซอร์ทอมัส บุลินเป็นที่โปรดปรานของพระเจ้าเฮนรีที่ 7 แห่งอังกฤษ ผู้ส่งเขาไปทำหน้าที่การทูตระหว่างประเทศ แอนน์ บุลินมีพี่น้องอยู่ 5 คน เสียชีวิตแต่เล็ก 2 คน เชษฐภคินีของแอนน์คือ แมรี บุลิน และพระอนุชาของแอนน์คือ จอร์จ บุลิน

ในเนเธอร์แลนด์

บิดาของแอนน์ บุลินได้ทำงานทางการทูตอย่างต่อเนื่อง ในยุโรป ทอมัส บุลินเป็นที่นับถือมาก รวมทั้งอาร์ชดัชเชสมาร์กาเร็ตแห่งออสเตรีย พระราชธิดาของจักรพรรดิมักซีมีเลียนที่ 1 แห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ พระนางได้เสด็จไปประเทศเนเธอร์แลนด์ในนามของพระบิดาและพระนางทรงประทับใจในทอมัส บุลินพระนางเสนอให้แอนน์ บุลินมาเป็นครอบครัวเดียวกัน แอนน์ บุลินเป็นที่รักใคร่ เอ็นดูต่ออาร์ชดัชเชสมาก กิริยาท่าทางของแอนน์สร้างความประทับใจในเนเธอร์แลนด์ได้มากและนางอยู่ที่นั่นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2056 หลังจากนั้นพระบิดาก็ให้นางไปคอยรับใช้พระขนิษฐภคินีของสมเด็จพระเจ้าเฮนรีที่ 8 คือ แมรี ทิวดอร์ สมเด็จพระราชินีแห่งฝรั่งเศสในฤดูหนาว พ.ศ. 2057

ในฝรั่งเศส

ในประเทศฝรั่งเศสแอนน์ได้เป็นนางสนองโอษฐ์ของพระราชินีแมรี ซึ่งพระนางแมรีทรงไม่โปรดแอนน์ หลังจากนั้นได้เป็นนางสนองโอษฐ์ของพระนางโกลด สมเด็จพระราชินีแห่งฝรั่งเศส พระนางโกลดทรงเอ็นดูแอนน์มากและทรงเรียกแอนน์ว่า "แม่บุลินตัวน้อย" แอนน์ได้เรียนภาษาฝรั่งเศส, การแต่งกาย และศาสนา ปรัชญา แอนน์ บุลินได้รับความรู้อย่างละเอียด และได้สอนพระขนิษฐาของพระราชาคือพระนางมาร์เกอริตแห่งอองกูแลมแอนน์ได้สนใจด้านกวีและวรรณกรรม การเรียนรู้ในฝรั่งเศสทำให้แอนน์ได้เป็นนางสนองโอษฐ์ของพระนางแคเธอรีนแห่งอารากอน พระราชินีแห่งอังกฤษ คนทั่วไปมักพูดถึงความงดงาม มีเสน่ห์ของแอนน์ ประสบการณ์ในฝรั่งเศสทำให้ชื่นชอบในโปรแตสแตนต์ ในปี พ.ศ. 2064นางได้ถูกเรียกกลับไปอังกฤษโดยพระบิดา

ในราชสำนักของพระเจ้าเฮนรีที่ 8 แห่งอังกฤษ

สมเด็จพระเจ้าเฮนรีที่ 8

แอนน์ได้ถูกเรียกกลับมาเพื่อแต่งงานกับญาติของพระนางคือ เจมส์ บัตเลอร์ เอิร์ลแห่งออร์มอนด์ที่ 5 แต่เจมส์ก็เสียชีวิตเสียก่อน น้องสาวของแอนน์ แมรี บุลินได้เป็นสตรีรับใช้พระราชา แอนน์ บุลินได้ถูกส่งเข้าราชสำนักเพื่อรับใช้พระนางแคเธอรีนแห่งอารากอน

การอภิเษกสมรสถือเป็นอันโมฆะ

แคเธอรีนแห่งอารากอน พระราชินีแห่งอังกฤษ

พระเจ้าเฮนรีที่ 8 แห่งอังกฤษได้ทรงเบื่อพระนางแคทเทอรีนแห่งอรากอนเนื่องจากโดยเวลานี้พระนางแคทเทอรีนประสบปัญหาจากการมีบุตร และพระนางแคทเทอรีนนั้นมีพระชนมายุสูงวัยกว่าพระเจ้าเฮนรี

ในปี พ.ศ. 2068 พระเจ้าเฮนรีที่ 8 ได้ตกหลุมรักแอนน์ บุลินนางสนองโอษฐ์ในพระราชินีแคทเทอรีน แห่งอรากอนและพระเจ้าเฮนรีต้องการนาง พระเจ้าเฮนรีเริ่มเชื่อว่าการสมรสครั้งนี้ต้องคำสาปและหาคำยืนยันจากคัมภีร์ไบเบิล และเอาสาเหตุที่ว่าพระนางแคทเทอรีนเคยอภิเษกสมรสกับเจ้าชายอาเทอร์แล้วซึ่งเป็นการผิดบัญญัติแห่งพระเจ้า พระองค์ต้องการหย่ากับพระนางแคทเทอรีน แห่งอรากอนพระองค์ได้ส่งคำร้องไปยังพระสันตปาปา แต่พระสันตปาปาทรงไม่ยินยอม เนื่องจากพระนางแคทเทอรีนเป็นพระปิตุจฉาของสมเด็จพระจักรพรรดิคาร์ลที่ 5 แห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งตอนนี้พระสันตปาปาได้ถูกครอบงำโดยพระจักรพรรดิคาร์ลที่ 5 ถ้ายินยอมไปตัวพระสันตปาปาเองอาจไม่ปลอดภัย

พระเจ้าเฮนรีที่ 8 แห่งอังกฤษได้ตั้งนิกายโปรเตสแตนต์นิกายหนึ่งคือคริสตจักรแห่งอังกฤษ โดยมีพระองค์เองเป็นประมุข 1 ปีต่อมาพระนางแคทเทอรีนทรงถูกขับไล่ออกไปจากพระราชวัง ห้องของพระองค์ตกเป็นของแอนน์ บุลิน เมื่อวิลเลียม วอร์แฮม อาร์ชบิชอปแห่งแคนเทอร์เบอรี มรณภาพ ทอมัส แครนเมอร์ อนุศาสนาจารย์ของตระกูลบุลินได้รับการแต่งตั้งเป็นอาร์ชบิชอปต่อมา เครนเมอร์ได้ประกาศว่า การอภิเษกสมรสของพระเจ้าเฮนรีที่ 8 กับพระนางแคเธอรีนแห่งอารากอนถือเป็นโมฆะ

อภิเษกสมรส

ในวันที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2075 แอนน์ บุลินได้รับการแต่งตั้งเป็นมาชันเนสเพมโบรค และกลายเป็นสตรีผู้สูงศักดิ์เป็นที่เคารพนับถือ ทั้งๆที่ตำแหน่งเพมโบรคนั้นสำหรับเชื้อพระวงศ์ทิวดอร์เท่านั้น แอนน์ บุลินได้อภิเษกสมรสแบบลับ ๆ กับพระเจ้าเฮนรี และมีพระประสูติกาลและได้อภิเษกสมรสเป็นครั้งที่ 2 ที่ลอนดอนในวันที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2076 ในวันที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2076ทอมัส เครนเมอร์ได้พิพากษาการอภิเษกสมรสของพระเจ้าเฮนรีที่ 8 กับพระนางแคทเทอรีนแห่งอรากอนเป็นสิ่งไม่ถูกต้องและต่อมาวันที่ 28 พฤษภาคม ได้ประกาศว่าการสมรสกับแอนน์ บุลินเป็นอันถูกต้อง

แอน บุลินและพระเจ้าเฮนรีที่ 8 ในขณะล่าสัตว์

สมเด็จพระราชินีแห่งอังกฤษ

พระนางแคทเทอรีนต้องสูญเสียตำแหน่งราชินีให้แก่แอนน์ บุลิน พระนางแอนน์ บุลินได้ทำพิธีสวมมงกุฎราชินีในวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2076 พระสันตปาปากรุงโรมได้ทำตัดพระเจ้าเฮนรีและทอมัส แครนเมอร์ พระนางแคทเทอรีนต้องถูกขับไล่ไปจากพระราชวังเนื่องจากทรงศรัทธาในโรมันคาทอลิก คริสตจักรแห่งอังกฤษนั้นควบคุมโดยพระเจ้าเฮนรีที่ 8 มิใช่สันตปาปาแห่งโรม พระนางแอนน์ บุลินนั้นฝักใฝ่นิกายนี้มาก

การกำเนิดของเจ้าหญิงอลิซาเบธ

หลังจากพิธีสวมมงกุฎมีพระประสูติกาลที่พระราชวังกรีนิช ได้ทรงคลอดก่อนกำหนดในวันที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2076 พระนางได้ให้กำเนิดพระธิดา พระเจ้าเฮนรีทรงให้พระนามว่า เอลิซาเบธ ตามพระนามของพระมารดาของพระเจ้าเฮนรี คือพระนางเอลิซาเบธแห่งยอร์ก

พระธิดานั้นทรงเป็นโปรแตสแตนต์ แต่พระนางทรงหวั่นพระทัยว่าพระธิดาอาจถูกข่มขู่โดยเจ้าหญิงแมรี พระธิดาของพระนางแคทเทอรีนแห่งอรากอนซึ่งเป็นโรมันคาทอลิก พระเจ้าเฮนรีจึงส่งเจ้าหญิงแมรีไปที่อื่นเพื่อให้พระนางแอนน์สบายพระทัย

พระนางแอนน์ทรงมีบ่าวรับใช้จำนวนมากซึ่งมาจากพระนางแคทเทอรีนแห่งอรากอน มีบ่าวรับใช้มากกว่า 250 คน และนางสนองโอษฐ์มากกว่า 60 คน พระนางมักจะจ้างอนุศาสนาจารย์มามาก

การขัดแย้งกับพระเจ้าเฮนรี

จอห์น ฟริชเชอร์ วาดโดย ฮันส์ โฮลไบน์ (ผู้ลูก)

ในช่วงแรกชีวิตคู่ก็มีความสุข แต่พอนาน ๆ เข้าความสัมพันธ์เริ่มตึงเครียด พระเจ้าเฮนรีทรงไม่ชอบท่าทางของแอนน์ที่ทำเพื่อตนเองและชอบโต้แย้งกับพระองค์ หลังจากการล้มเหลวจากการได้บุตรในปี พ.ศ. 2077 พระเจ้าเฮนรีมองการล้มเหลวจากการให้บุตรชายของแอนน์ซึ่งเป็นการทรยศพระองค์ ในวันคริสต์มาสพระเจ้าเฮนรีได้สนทนากับทอมัส เครนเมอร์ และ ทอมัส ครอมเวลล์ในเรื่องการขับไล่พระนางแอนน์ บุลิน และให้พระนางแคทเทอรีน แห่งอรากอนกลับมา

พระนางแอนน์ไม่เกรงกลัวต่ออันตรายใดๆทรงใช้จ่ายอย่างสุรุ่ยสุร่าย พระนางพยายามยุ่งเกี่ยวทางการเมือง ข้าราชการแบ่งฝักฝ่ายเป็นสองพวกคือ "คนของพระราชา" และ "คนของพระราชินี" และได้มีการสั่งประหารศัตรูของพระนางคือ บิชอปแห่งโรเชสเตอร์, จอห์น ฟริชเชอร์ และ ทอมัส มอร์ ผู้ซึ่งต่อต้านคริสตจักรแห่งอังกฤษ

หายนะและการประหารชีวิต

เจน ซีมัวร์ พระราชินีแห่งอังกฤษ พระมเหสีพระองค์ที่ 3 ของพระเจ้าเฮนรี

ในวันที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2079 ข่าวการสวรรคตของพระนางแคทเทอรีนก็ได้ทราบถึงพระกรรณของพระเจ้าเฮนรีและพระนางแอนน์ ทั้งคู่ได้ทรงฉลองพระองค์สีเหลืองซึ่งเป็นสีที่ไม่เป็นมงคลสำหรับสเปนจัดงานเฉลิมฉลองครั้งใหญ่ หลังจากมีการชันสูตรพระศพของพระนางแคทเทอรีน แห่งอรากอนได้พบว่าพระหฤทัยของพระนางกลายเป็นสีดำ บางคนเชื่อว่าไม่พระเจ้าเฮนรีก็พระนางแอนน์ได้ลอบวางยาพิษพระนางแคทเทอรีน แต่บ้างก็ว่าพระเจ้าเฮนรีทรงเสียพระทัยในการจากไปของพระนางแคทเทอรีนอย่างมาก

พระนางแอนน์ทรงพระครรภ์อีกครั้ง ในเดือนต่อมาพระเจ้าเฮนรีได้ทรงตกม้าจากการแข่งขันทำให้ทรงบาดเจ็บมาก ดูเหมือนว่าพระองค์อาการหนักมาก เมื่อข่าวล่วงรู้ถึงพระนางแอนน์ ทำให้พระนางตกพระทัยเป็นอันมากจนถึงขนาดทรงแท้งทารกชายในครรภ์ที่มีอายุเพียง 15 สัปดาห์ เหตุการณ์ครั้งนี้บังเกิดขึ้นในวันฝังพระศพของพระนางแคทเทอรีน แห่งอรากอน วันที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2079 พระนางแอนน์จึงมีบุตรีคนเดียวที่ดำรงพระชนม์ชีพ คือ เจ้าหญิงเอลิซาเบธ เหตุการ์ณเริ่มเปลี่ยนไปเมื่อนางเจน เซมัวร์ นางสนองโอษฐ์ในพระราชาเข้ามาอยู่ในราชวัง

การคบชู้สู่ชาย การร่วมประเวณีกับผู้ใกล้ชิด และการทรยศ

ในวันสุดท้ายของเดือนเมษายน นักดนตรีชาวเฟลมมิชที่พระนางแอนน์เรียกไปรับใช้ชื่อว่า มาร์ก สเมียตัน ได้ถูกจับกุมและทรมานร่างกาย เพราะได้ถูกตั้งข้อหาว่าคบชู้กับพระราชินีแต่ระหว่างการทรมานเขาได้สารภาพผิด ต่อมาชาวต่างชาติ เฮนรี นอร์ริส ได้ถูกจับในเดือนพฤษภาคมแต่เนื่องจากเขาเป็นชนชั้นสูงจึงไม่ถูกทรมาน เขาได้ปฏิเสธและสาบานว่าเขาเป็นผู้บริสุทธิ์ 2 วันต่อมาเซอร์ฟรานซิส เวสตันได้ถูกจับกุมในข้อกล่าวหาเดียวกัน วิลเลียม แบร์ตันบ่าวรับใช้ของพระเจ้าเฮนรีก็ถูกจับกุมในข้อกล่าวหานี้เช่นกัน สุดท้ายก็มีการจับกุมพระอนุชาของพระนางแอนน์ จอร์จ บุลินในข้อหาคบชู้กับสายเลือดเดียวกัน

วันที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2079 พระนางแอนน์ได้ถูกจับกุมและส่งไปหอคอยแห่งลอนดอน นักโทษคนอื่นได้รับการปลดปล่อยเหลือแต่พระนางแอนน์และจอร์จ บุลิน 3 วันต่อมาแอนน์ได้ถูกกล่าวหาว่าได้คบชู้สู่ชายกับสายเลือดเดียวกัน และทรงเป็นผู้ทรยศ

เวลาสุดท้าย

หลังจากการตัดสิน จอร์จ บุลินพระอนุชาได้ถูกประหารในวันที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2079 แอนโทนี คิงส์ตันผู้เป็นยามเฝ้าประตูได้บันทึกไว้ว่า พระนางแอนน์นั้นดูมีความสุขและเตรียมตัวเตรียมใจที่จะได้รับการประหาร พระเจ้าเฮนรีได้ทำตามคำขอของพระนางแอนน์เป็นครั้งสุดท้ายโดยได้จ้างเพชรฆาตชาวฝรั่งเศสมาทำการประหารโดยใช้ดาบตามธรรมเนียมฝรั่งเศส เนื่องจากพระนางแอนน์กลัวการประหารด้วยขวานทื่อๆตามธรรมเนียมอังกฤษ ในเช้าของวันที่ 19 ทหารได้มาเชิญพระนางเข้ารับการประหาร แอนโทนี คิงส์ตันได้เขียนบันทึกเป็นภาษาอังกฤษว่า

The This morning she sent for me, that I might be with her at such time as she received the good Lord, to the intent I should hear her speak as touching her innocency always to be clear. And in the writing of this she sent for me, and at my coming she said, 'Mr. Kingston, I hear I shall not die afore noon, and I am very sorry therefore, for I thought to be dead by this time and past my pain.' I told her it should be no pain, it was so little. And then she said, 'I heard say the executioner was very good, and I have a little neck,' and then put her hands about it, laughing heartily.

พระนางแอนน์ได้ทรงฉลองพระองค์สีแดง พระเกศารวบด้วยผ้าลินินสีขาวซึ่งเป็นธรรมเนียมฝรั่งเศส พระนางทรงมีนางสนองโอษฐ์ 4 คนเดินตามจนถึงแท่นประหาร พระนางได้ทรงกล่าวประโยคสั้นๆก่อนถูกประหารว่า

Good Christian people, I am come hither to die, for according to the law, and by the law I am judged to die, and therefore I will speak nothing against it. I am come hither to accuse no man, nor to speak anything of that, whereof I am accused and condemned to die, but I pray God save the king and send him long to reign over you, for a gentler nor a more merciful prince was there never: and to me he was ever a good, a gentle and sovereign lord. And if any person will meddle of my cause, I require them to judge the best. And thus I take my leave of the world and of you all, and I heartily desire you all to pray for me. O Lord have mercy on me, to God I commend my soul

การสวรรคตและการฝังพระศพ

ทอมัส เครนเมอร์

พระนางแอนน์รู้สึกดีขึ้นกับการประหารในแบบฝรั่งเศส พระนางได้สวดครั้งสุดท้ายว่า "แด่พระเยซูคริสต์ ข้ายินดีที่จะมอบวิญญาณของข้า องค์เยซูโปรดรับวิญญาณข้า" นางสนองโอษฐ์ได้นำผ้ามาปิดพระเนตรของพระนาง เพชรฆาตนั้นตื่นเต้นและพบว่าการประหารครั้งนี้สำเร็จยากเนื่องจากพระศอของพระนางนั้นสั้น เพื่อเป็นการเบนความสนใจพระนาง เพชรฆาตได้ตะโกนเสียงดังว่า "ดาบข้าอยู่ไหน" และได้ทำการบั่นพระเศียรของพระนางโดยที่พระนางไม่รู้ตัวว่าดาบมาเมื่อไร การประหารนี้เป็นการประหารอย่างรวดเร็วและเป็นการประหารในดาบเดียว

อเล็กซานเดอร์ อารส์ และทอมัส เครนเมอร์ได้เดินอยู่ในสวนของพระราชวังเลมเบิร์ธ เมื่อทั้ง 2 ได้ยินเสียงปืนใหญ่ยิงขึ้นจากหอคอยแห่งลอนดอนซึ่งเป็นสัญญาณในการสวรรคตของแอนน์ บุลิน อาร์คบิชอปได้มองและพูดขึ้นว่า"พระนางผู้ซึ่งเป็นราชินีแห่งพื้นแผ่นดิน วันนี้ได้กลายเป็นราชินีแห่งสรวงสวรรค์" เขาได้นั่งลงบนม้านั้งและร้องไห้

พระเจ้าเฮนรีไม่สามารถหาโลงพระศพที่ดีเยี่ยมให้แอนน์ บุลินได้ ดังนั้นจึงต้องนำร่างและพระเศียรของพระนางใส่หีบ และฝังโดยมิได้สวมหน้ากากให้ ฝังไว้ในห้องสวดมนต์ของโบสถ์เซนต์ปีเตอร์ แอด วินคิวลา ร่างของพระนางได้มีการระบุชื่อในระหว่างการปฏิสังขรณ์โบสถ์ในสมัยของสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรียแห่งสหราชอาณาจักร และได้มีการสวมหน้ากากให้พระศพของพระนาง ปัจจุบันหลังจากการสิ้นพระชนม์ของพระนางแอนน์ไปเกือบ 500 ปี มีคนเสนอให้รัฐบาลอังกฤษยกโทษให้พระนางแอนน์อย่างเป็นทางการเพื่อจะได้เคลื่อนย้ายพระศพจากโบสถ์เซนต์ปีเตอร์ แอด วินคิวลา ไปยังมหาวิหารเวสมินเตอร์เหมือนพระราชวงศ์อื่นๆแต่ได้รับการปฏิเสธจากรัฐบาล อ้างว่าคดีนี้เก่าจนไม่สามารถหาหลักฐานมาได้ว่าพระนางทรงเป็นผู้บริสุทธิ์ พระศพจึงถูกฝังที่โบสถ์เซนต์ปีเตอร์ แอด วินคิวลา เช่นเดียวกับพระศพของ สมเด็จพระราชินีแคทเธอรีน ฮาวเวิร์ดและสมเด็จพระราชินีนาถเจน เกรย์ ซึ่งถูกตัดสินประหารชีวิตเช่นกัน

ดวงพระวิญญาณของพระนางแอนน์ บุลิน

ไฟล์:Boleynwax.jpg
หุ่นขิ้ผึ้งพระนางแอนน์ บุลิน ที่ Madame Tussauds

กล่าวกันว่าหลังจากที่พระเจ้าเฮนรีที่ 8 ประหารชีวิตพระนางแอนน์ บุลิน ด้วยการตัดพระเศียร (ทรงจ้างเพชรฆาตมือหนึ่งและดาบที่คมที่สุดจากฝรั่งเศสตามคำขอของพระนางแอนน์ บุลิน ซึ่งโดยปรกติแล้วการประหารชีวิตในอังกฤษจะใช้ขวานทื่อๆในการตัดคอ) แล้วที่Tower Green ดวงวิญญาณของพระนางก็ยังคงสิงสถิตอยู่ที่นั่น กล่าวคือ มีทหารยามพบเป็นสตรีสวมผ้าคลุมศีรษะออกมาเดินเล่นริมระเบียงที่ถูกปิดตาย เพียงแต่สตรีผู้นั้นได้ถือศีรษะของตนออกมาเล่นด้วย ไม่ก็พระนางจะลากโซ่ตรวนในห้องประหารแล้วกรีดร้องเสียงดัง และเห็นพระนางแอนน์ บุลิน นำทหารในสมัยนั้นและเลดี้หรือสตรีระดับสูงเข้ามาในโบสถ์ที่หอคอยแห่งลอนดอน จนเงาพวกนั้นค่อย ๆ หายไป แล้วปล่อยให้โบสถ์นั้นเงียบสงัดไปดื้อ ๆ เป็นต้น จนบัดนี้เหตุการณ์แปลกๆที่ว่านี้ก็ยังมีให้เห็นทุกคืน

อ้างอิง

  • Lehmberg, Stanford E. The Reformation Parliament, 1529-1536 (1970).
  • Hibbert, Christopher. Tower Of London: A History of England From the Norman Conquest (1971).
  • Williams, Neville. Henry VIII and His Court (1971).
  • Lacey, Robert. The Life and Times of Henry VIII (1972).
  • Scarisbrick, J.J. Henry VIII (1972) ISBN 978-0-520-01130-4.
  • Anne Boleyn by Professor Eric Ives (1986).
  • Warnicke, R. M. The Rise and Fall of Anne Boleyn: Family politics at the court of Henry VIII (1989) ISBN 0-521-40677-3.
  • Weir, Alison. The Six Wives of Henry VIII (1991) ISBN 0-8021-3683-4.
  • The Wives of Henry VIII by Lady Antonia Fraser (1992) ISBN 0-679-73001-X.
  • Haigh, Christopher. English Reformations (1993).
  • Lindsey, Karen. Divorced Beheaded Survived: A Feminist Reinterpretation of the Wives of Henry VIII (1995) ISBN 0-201-40823-6.
  • Morris, T. A. Europe and England in the Sixteenth Century (1998).
  • Brigden, Susan. New Worlds, Lost Worlds (2000).
  • Schama, Simon. A History of Britain: At the Edge of the World?: 3000 BC–AD 1603 (19 October 2000) ISBN 0-563-38497-2.
  • Ashley, Mike. British Kings & Queens (2002) ISBN 0-7867-1104-3.
  • Weir, Alison. Henry VIII: The King and His Court (2002) ISBN 0-345-43708-X.
  • Starkey, David. Six Wives: The Queens of Henry VIII. ISBN 0-06-000550-5; New York: HarperCollins (2003) ISBN 0-694-01043-X.
  • Denny, Joanna. Anne Boleyn: A New Life of England's Tragic Queen (2004) ISBN 0-7499-5051-X.
  • Ives, Eric. The Life and Death of Anne Boleyn (2004) ISBN 1-4051-3463-1.

แหล่งข้อมูลอื่น

ก่อนหน้า แอนน์ บุลิน ถัดไป
สมเด็จพระราชินีแคทเธอรีนแห่งอารากอน
สมเด็จพระราชินีแห่งอังกฤษ
สมเด็จพระราชินีแห่งไอร์แลนด์
ใน พระเจ้าเฮนรีที่ 8 แห่งอังกฤษ

สมเด็จพระราชินีเจน เซมัวร์
ไม่มี (สถาปนาใหม่) มาชันเนสเพมโบรค
สิ้นสุด