ผลต่างระหว่างรุ่นของ "แบรด พิตต์"
ล ย้อนการแก้ไขที่อาจเป็นการทดลอง หรือก่อกวนด้วยบอต ไม่ควรย้อน? แจ้งที่นี่ ป้ายระบุ: ย้อนด้วยมือ |
→ชีวิตในวัยเด็ก: เพิ่มเนื้อหา ป้ายระบุ: แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ |
||
บรรทัด 38: | บรรทัด 38: | ||
'''วิลเลียม แบรดลีย์ พิตต์''' ({{Lang-en|William Bradley Pitt}}) เป็นนักแสดงชาย[[ชาวอเมริกัน]] เขาถูกเสนอชื่อเข้าชิง[[รางวัลออสการ์]]จากภาพยนตร์เรื่อง ''[[12 Monkeys]]'' (1995) ปีเดียวกับที่[[นิตยสารพีเพิ่ล]]ยกให้เป็น "ผู้ชายที่เซ็กซี่ที่สุด (ที่ยังมีชีวิตอยู่)" และยังเป็นผู้อำนวยการสร้างในนาม Plan B Entertainment ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง พิตต์เพิ่งได้รับการเสนอชื่อเข้าชิง[[รางวัลลูกโลกทองคำ]] สาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม โดยประกบ[[เคท แบลนเช็ต]] ใน BABEL ของอเลแจนโดร กอนซาเลซ อินาริตู และเป็นหนึ่งในคณะนักแสดงที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Screen Actors Guild Award สาขา Outstanding Performance by a Motion Picture Cast ด้วย |
'''วิลเลียม แบรดลีย์ พิตต์''' ({{Lang-en|William Bradley Pitt}}) เป็นนักแสดงชาย[[ชาวอเมริกัน]] เขาถูกเสนอชื่อเข้าชิง[[รางวัลออสการ์]]จากภาพยนตร์เรื่อง ''[[12 Monkeys]]'' (1995) ปีเดียวกับที่[[นิตยสารพีเพิ่ล]]ยกให้เป็น "ผู้ชายที่เซ็กซี่ที่สุด (ที่ยังมีชีวิตอยู่)" และยังเป็นผู้อำนวยการสร้างในนาม Plan B Entertainment ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง พิตต์เพิ่งได้รับการเสนอชื่อเข้าชิง[[รางวัลลูกโลกทองคำ]] สาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม โดยประกบ[[เคท แบลนเช็ต]] ใน BABEL ของอเลแจนโดร กอนซาเลซ อินาริตู และเป็นหนึ่งในคณะนักแสดงที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Screen Actors Guild Award สาขา Outstanding Performance by a Motion Picture Cast ด้วย |
||
==ชีวิตในวัยเด็ก== |
|||
== ประวัติ == |
|||
พิตต์เกิดเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2506 ที่เมืองชอว์นีย์ [[รัฐโอคลาโฮมา]] โดยเป็นลูกคนโตในจำนวนทั้งหมด 3 คน บิดาเป็นเจ้าของบริษัทขนส่งรถบรรทุก ชื่อ วิลเลียม อัลวิน พิตต์ และ มารดาเป็นที่ปรึกษานักเรียน ชื่อ เจน เอ็ตตา ฮิลล์เฮาส์<ref>{{cite book|url=https://books.google.com/?id=mQhjzHbUEyoC&pg=PA81|title=Celebutards|first=Andrea|last=Peyser|page=81|publisher=Citadel Press|year=2010|isbn=978-0806533841}}</ref><ref>{{cite news|last=Bunbury|first=Stephanie|title=The business of being Brad|url=https://www.smh.com.au/news/entertainment/film/the-business-of-being-brad/2008/12/13/1228585167094.html|newspaper=Sydney Morning Herald|date=December 14, 2008|access-date=May 13, 2009|archive-url=https://web.archive.org/web/20090603061437/http://www.smh.com.au/news/entertainment/film/the-business-of-being-brad/2008/12/13/1228585167094.html|archive-date=June 3, 2009|url-status=live}}</ref> หลังจากนั้นไม่นานครอบครัวเขาได้ย้ายไปยังเมืองสปริงฟิลด์ [[รัฐมิสซูรี]]<ref name="slipping four">{{cite news|title=Slippin' around on the road with Brad Pitt |author=Chris Mundy |date=December 1, 1994|work=Rolling Stone}}</ref> ครอบครัวของเขาเป็น[[คริสต์ศาสนิกชน]]ที่อนุรักษ์นิยม<ref name="Blair2019">{{cite web |last1=Blair |first1=Leonardo |title=Brad Pitt no longer identifies as atheist, says he was just being 'rebellious' |url=https://www.christianpost.com/news/brad-pitt-no-longer-identifies-as-atheist-says-he-was-just-being-rebellious.html |publisher=[[The Christian Post]] |accessdate=October 3, 2019 |language=English |date=September 30, 2019 |archive-url=https://web.archive.org/web/20191004010333/https://www.christianpost.com/news/brad-pitt-no-longer-identifies-as-atheist-says-he-was-just-being-rebellious.html |archive-date=October 4, 2019 |url-status=live }}</ref><ref name="Parents">{{cite news|url=https://theprovince.com/entertainment/movie-guide/Brad+Pitt+mother+bashes+Obama+local+paper/6894885/story.html |title=Brad Pitt's Mother Bashes Obama in Local Paper |accessdate=July 6, 2012 |date=July 6, 2012 |author=Alexander C. Kaufman |agency=The Wrap |work=The Providence|url-status=dead |archiveurl=https://web.archive.org/web/20120707195733/http://www.theprovince.com/entertainment/movie-guide/Brad%2BPitt%2Bmother%2Bbashes%2BObama%2Blocal%2Bpaper/6894885/story.html |archivedate=July 7, 2012 }}</ref> |
|||
แบรดลีย์ พิตต์ เกิดเมื่อวันที่ [[18 ธันวาคม]] [[พ.ศ. 2506]] ที่เมือง[[ชอว์นีย์]] [[รัฐโอคลาโฮมา]] เป็นคนโตในจำนวนทั้งหมด 3 คน บิดาเป็นผู้บริหารธุรกิจขนส่งทางรถบรรทุก ชื่อ บิล พิตต์ และ มารดาชื่อ เจน พิตต์ |
|||
ที่ปรึกษาผู้ปกครอง แบรด ชีวิตวัยเด็กของเขาไม่มีอะไรแตกต่างไปจากเด็ก ๆ ในแถบตะวันตกตอนกลางของอเมริกา รูปร่างหน้าตาของเขาก็ไม่ได้ทำให้เขามีอะไรพิเศษไปกว่าคนอื่น ๆ |
|||
สมัยที่เรียนไฮสคูล พิตต์เล่นกีฬาหลายประเภทและเคยโต้วาทีในชั้นเรียน นอกจากนี้เขายังทำกิจกรรมเกี่ยวกับทางด้านดนตรีด้วย |
|||
หลังจากสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนมัธยม พิตต์ได้เข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยมิสซูรี ในปี 2525 สาขาวารสารศาสตร์โดยเน้นที่การโฆษณา<ref>{{cite news |url=http://www.biography.com/people/brad-pitt-9441989 |archive-url=https://web.archive.org/web/20111004005938/http://www.biography.com/people/brad-pitt-9441989 |url-status=live |archive-date=October 4, 2011 |title=Brad Pitt – Film Actor, Producer, Actor |date=March 1, 2018 |publisher=[[Biography (TV series)|A & E Television Networks]] |accessdate=October 9, 2018 }}</ref> เมื่อการสำเร็จการศึกษาใกล้เข้ามา พิตต์ไม่พร้อมที่จะเริ่มต้นอาชีพ เขาหลงรักภาพยนตร์และได้กล่าวว่าเป็น "ประตูสู่โลกที่แตกต่างสำหรับผม" และเนื่องจาก[[รัฐมิสซูรี]]ไม่ใช่แหล่งที่ผลิตภาพยนตร์ เขาจึงตัดสินใจไปที่ที่ภาพยนตร์ถูกผลิตขึ้น<ref name="parade">{{cite web|title=Interview With Brad Pitt|url=http://parade.condenast.com/50120/parade/interview-with-brad-pitt/|publisher=Parade|accessdate=August 28, 2014|date=September 18, 2007|archive-url=https://web.archive.org/web/20140906114921/http://parade.condenast.com/50120/parade/interview-with-brad-pitt/|archive-date=September 6, 2014|url-status=live}}</ref><ref>{{cite magazine|author1=Tom Junod|title=Brad Pitt: A Life So Large|url=http://www.esquire.com/features/brad-pitt-cover-interview-0613|magazine=Esquire|accessdate=August 28, 2014|date=May 20, 2013|archive-url=https://web.archive.org/web/20140906114320/http://www.esquire.com/features/brad-pitt-cover-interview-0613|archive-date=September 6, 2014|url-status=live}}</ref> หลังจากพิตต์ออกจากมหาวิทยาลัยและย้ายไปยัง[[ลอสแองเจลิส]] 2 สัปดาห์ เขาได้เริ่มเรียนการแสดงและหางานทำ |
|||
พอจบไฮสคูล แบรดย้ายไปเรียนวารสารศาสตร์ที่[[มหาวิทยาลัยมิสซูรี่]]ในสาขาเกี่ยวกับ[[หนังสือพิมพ์]]และ[[โฆษณา]] ก่อนจบการศึกษาจนเหลืออีกเพียงสองหน่วยกิต ในช่วงที่เรียนอยู่พิตต์ไปสมัครเป็นนายแบบที่บริษัทโมเดลลิ่งแห่งหนึ่ง แล้วก็ได้รับการติดต่อให้โฆษณา[[กางเกงยีนส์]][[ลีวายส์]]ลงใน[[นิตยสาร]] หลังจากนั้นก็มีงานโฆษณาติดต่อเข้ามาเรื่อยๆ จนกระทั่งเขาออกจากมหาวิทยาลัยแล้วก็ย้ายไปที่[[แคลิฟอร์เนีย]] |
|||
==อาชีพ== |
|||
แบรดต้องขับ[[รถลิมูซีน]] ในช่วงที่ยังไม่มีชื่อเสียง หรือไม่ก็สวมชุดเป็นการ์ตูนมาสค็อต ต้อนรับเด็ก ๆ ให้เครือร้านไก่ทอดชื่อดังร้านหนึ่ง และแล้วชีวิตเขาก็เปลี่ยนไป เมื่อเขาได้รับบทจอมโจรผู้ฉกปล้นหัวใจและเงินตรา ในเรื่อง Thelma & Louise และมีผลงานออกมามากมาย ทั้ง A River Runs Through It, Interview with a Vampire และ Seven |
|||
[[File:BradPittBAR08.jpg|thumb|upright|left| พิตต์ในรอบปฐมทัศน์ภาพยนตร์เรื่อง ''[[ยกขบวนป่วนซีไอเอ|Burn After Reading]]'' เดือนสิงหาคม 2551]] |
|||
พิตต์เคยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำ จากบททริสตั้น ชายหนุ่มเลือดร้อนที่มีความมุ่งมั่นแรงกล้าใน Legends of the Fall เมื่อปี 1994 สองปีหลังจากนั้นเขาก็ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ |
|||
พิตต์ได้รับบทบาทครั้งแรกในฐานะนักโบกรถคาวบอยในภาพยนตร์เรื่อง '''Thelma & Louise''' (2534) บทบาทนำครั้งแรกของเขาในการถ่ายทำที่มีงบประมาณมหาศาลมาในภาพยนตร์ดรามาเรื่อง '''A River Runs Through It''' (2535) และ '''Legends of the Fall''' (2537) และภาพยนตร์สยองขวัญ '''Interview with the Vampire''' (2537) การแสดงของเขาได้รับการยกย่องอย่างมากในภาพยนตร์อาชญากรรมระทึกขวัญเรื่อง '''[[เซเว่น เจ็ดข้อต้องฆ่า|Seven]]''' (2538) และภาพยนตร์แนววิทยาศาสตร์เรื่อง '''12 Monkeys''' (2538) ทำให้เขาได้รับ[[รางวัลลูกโลกทองคำ]]สาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมและได้รับการเสนอชื่อชิง[[รางวัลออสการ์]] |
|||
เขาได้รับ[[รางวัลออสการ์]] จากบทบาทในภาพยนตร์ เรื่อง 12 Monkeys (1995) ซึ่งเป็นปีเดียวกับที่ [[นิตยสารพีเพิล]] ระบุชื่อเขาเป็น “ผู้ชายที่เซ็กซี่ที่สุด (ที่ยังมีชีวิตอยู่)” แบรด พิตต์ ยังคงได้รับการตอบรับที่ดีอย่างต่อเนื่อง หลังจากนั้นพิตต์ก็เป็นยกย่องจากบทบาทนำแสดงของเขาใน Se7en กับ Fight Club ของ[[เดวิด ฟินเชอร์]], Seven Years in Tibet ของ[[ฌ็อง ชาร์ค แอนนัด]], และ Snatch ของ[[กาย ริทชี่]] เขายังร่วมแสดงกับ[[จอร์จ คลูนี่]], [[จูเลีย โรเบิตส์]], [[แม็ทต์ เดม่อน]], [[ดอน ชี้ดเดิ้ล]], และ[[เบอร์นี่ แม็ค]] ใน Ocean's Eleven ภาพยนตร์รวมดาวดาราที่[[สตีเว่น โซเดอร์เบิร์ก]] หยิบหนังเก่ามาปัดฝุ่นสร้างขึ้นใหม่และได้รับความนิยมอย่างสูง ซึ่งพิตต์ก็กลับมารับบทเดิมใน Ocean's Twelve ซึ่งนักแสดงจากภาคแรกยังคงกลับมาร่วมแสดงให้สตีเว่น โซเดอร์เบิร์ก กำกับกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา |
|||
นอกจากนี้ พิตต์ยังได้แสดงในเรื่อง ''Fight Club'' (2542) และภาพยนตร์ปล้นเรื่อง ''Ocean's Eleven'' (2544) รวมถึงภาคต่อ ''Ocean's Twelve'' (2547) และ ''Ocean's Thirteen'' (2550) ความสำเร็จด้านรายได้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขา ได้แก่ เรื่อง ''Ocean's Eleven'' (2544), ''Troy'' (2547), ''Mr. & Mrs.Smith'' (2548), ''[[มหาวิบัติสงคราม Z|World War Z]]'' (2556) และ ''Once Upon a Time in Hollywood'' (2562) ซึ่งเขาได้รับรางวัล [[รางวัลลูกโลกทองคำ]]ครั้งที่สองและ[[รางวัลออสการ์ สาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม]] ผลงานการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์อื่น ๆ ของพิตต์ ได้แก่ เรื่อง ''[[เบนจามิน บัตตัน อัศจรรย์ฅนโลกไม่เคยรู้|The Curious Case of Benjamin Button]]'' (2551) และ ''Moneyball'' (2554) เขายังได้อำนวยการสร้างภาพยนตร์เรื่อง ''[[ภารกิจโหด แฝงตัวโค่นเจ้าพ่อ|The Departed]]'' (2549) และ ''[[ปลดแอก คนย่ำคน|12 Years a Slave]]'' (2556) ซึ่งทั้งสองเรื่องได้รับ[[รางวัลออสการ์ สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม]] นอกจากนี้ภาพยนตร์เรื่อง ''The Tree of Life'' (2554), ''Moneyball'' (2554) และ ''The Big Short'' (2558) ยังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมอีกด้วย |
|||
นอกจากนั้นพิตต์ยังร่วมแสดงใน Spy Game ของโทนี่ สก็อต ที่นำแสดงโดย[[โรเบิร์ต เรดฟอร์ด]], The Mexican ของ[[กอร์ เวอร์บินสกี้]] ที่นำแสดงกับจูเลีย โรเบิร์ต และ[[เจมส์ แกนดอลฟินี่]] นำแสดงใน Meet Joe Black ของ[[มาร์ติน เบรสท์]], The Devil's Own ของ[[อลัน เจ แพ็คคิวล่า]], Sleepers ของ[[แบร์รี่ เลวินสัน]], True romance ของ[[โทนี่ สก็อต]], Cool World ของ[[ราล์ฟ บาคชี่]], และ Johnny Suede ที่ได้รับรางวัล Best Picture จาก Locarno International Film Festival เมื่อปี 1991 ด้วย พิตต์ยังยอมรับแสดงบทเล็ก ๆ ใน Full Frontal ของโซเดอร์เบิร์ก, และ Confessions of a Dangerous Mind ของจอร์จ คลูนี่ ด้วย |
|||
พิตต์ ร่วมแสดงในภาพยนตร์ที่ต่างกันสุดขั้วสองเรื่องคือ Ocean's Thirteen ซึ่งเขากลับมารับบทเดิมเป็นรัสตี้ ไรอั้น, กับ The Assassination of Jesse James by the Coward Robert Ford ของ[[แอนดรู โดมินิค]] ซึ่งเขารับบทนำแสดงเป็นเจสซี่ เจมส์ และยังเป็นผู้อำนวยการสร้างด้วย หลังจากนั้นเขาก็จะนำแสดงใน The Curious Case of Benjamin Button ผลงานสุดโรแมนติคหลุดโลกแฟนตาซีที่จะได้ร่วมแสดงกับเคท แบลนเช็ต อีกครั้ง และจะได้ร่วมงานกับผู้กำกับภาพยนตร์เดวิด ฟินเชอร์ เป็นเรื่องที่สามด้วย โดยวางแผนไว้ว่าจะออกฉายในเดือนพฤษภาคมปี 2008 ช่วงปลายปีนี้เขาก็ยังจะไปร่วมแสดงใน Burn After Reading ผลงานตลกร้ายของพี่น้องโคเอ็น ที่จะนำแสดงโดยจอร์จ คลูนี่ และฟรานเซส แม็คดอร์มานด์ แล้วเขาก็ยังจะเข้ากล้องร่วมแสดงใน State of Play ที่สร้างอ้างอิงจากภาพยนตร์ชุดของ BBC ชื่อเดียวกันอีกด้วย |
|||
== ชีวิตส่วนตัว == |
== ชีวิตส่วนตัว == |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 16:21, 17 สิงหาคม 2563
แบรด พิตต์ | |
---|---|
แบรด พิตต์ ในปี 2014 | |
สารนิเทศภูมิหลัง | |
เกิด | 18 ธันวาคม พ.ศ. 2506 วิลเลียม แบรดลีย์ พิตต์ |
คู่สมรส | เจนนิเฟอร์ อนิสตัน (2000–2005) แอนเจลีนา โจลี (2005–2016) |
อาชีพ | นักแสดง โปรดิวเซอร์ภาพยนตร์ |
ผลงานเด่น | Fury (2014) - ดอน Ocean's Thirteen(2007) - รัสตี้ ไรอัน Babel(2007) - ริชาร์ด Mr. & Mrs. Smith(2005) - จอห์น สมิธ Troy(2004) - อคิลลิส Fight Club(1999) - ไทเลอร์ Meet Joe Black(1998) - โจ แบล็ค Interview with the Vampire: The Vampire Chronicles(1994) - หลุยส์ Legends of the Fall(1994) - ทริสตัน |
ลูกโลกทองคำ | นักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม ค.ศ. 1996 - Twelve Monkeys |
วิลเลียม แบรดลีย์ พิตต์ (อังกฤษ: William Bradley Pitt) เป็นนักแสดงชายชาวอเมริกัน เขาถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์จากภาพยนตร์เรื่อง 12 Monkeys (1995) ปีเดียวกับที่นิตยสารพีเพิ่ลยกให้เป็น "ผู้ชายที่เซ็กซี่ที่สุด (ที่ยังมีชีวิตอยู่)" และยังเป็นผู้อำนวยการสร้างในนาม Plan B Entertainment ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง พิตต์เพิ่งได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำ สาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม โดยประกบเคท แบลนเช็ต ใน BABEL ของอเลแจนโดร กอนซาเลซ อินาริตู และเป็นหนึ่งในคณะนักแสดงที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Screen Actors Guild Award สาขา Outstanding Performance by a Motion Picture Cast ด้วย
ชีวิตในวัยเด็ก
พิตต์เกิดเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2506 ที่เมืองชอว์นีย์ รัฐโอคลาโฮมา โดยเป็นลูกคนโตในจำนวนทั้งหมด 3 คน บิดาเป็นเจ้าของบริษัทขนส่งรถบรรทุก ชื่อ วิลเลียม อัลวิน พิตต์ และ มารดาเป็นที่ปรึกษานักเรียน ชื่อ เจน เอ็ตตา ฮิลล์เฮาส์[1][2] หลังจากนั้นไม่นานครอบครัวเขาได้ย้ายไปยังเมืองสปริงฟิลด์ รัฐมิสซูรี[3] ครอบครัวของเขาเป็นคริสต์ศาสนิกชนที่อนุรักษ์นิยม[4][5]
หลังจากสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนมัธยม พิตต์ได้เข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยมิสซูรี ในปี 2525 สาขาวารสารศาสตร์โดยเน้นที่การโฆษณา[6] เมื่อการสำเร็จการศึกษาใกล้เข้ามา พิตต์ไม่พร้อมที่จะเริ่มต้นอาชีพ เขาหลงรักภาพยนตร์และได้กล่าวว่าเป็น "ประตูสู่โลกที่แตกต่างสำหรับผม" และเนื่องจากรัฐมิสซูรีไม่ใช่แหล่งที่ผลิตภาพยนตร์ เขาจึงตัดสินใจไปที่ที่ภาพยนตร์ถูกผลิตขึ้น[7][8] หลังจากพิตต์ออกจากมหาวิทยาลัยและย้ายไปยังลอสแองเจลิส 2 สัปดาห์ เขาได้เริ่มเรียนการแสดงและหางานทำ
อาชีพ
พิตต์ได้รับบทบาทครั้งแรกในฐานะนักโบกรถคาวบอยในภาพยนตร์เรื่อง Thelma & Louise (2534) บทบาทนำครั้งแรกของเขาในการถ่ายทำที่มีงบประมาณมหาศาลมาในภาพยนตร์ดรามาเรื่อง A River Runs Through It (2535) และ Legends of the Fall (2537) และภาพยนตร์สยองขวัญ Interview with the Vampire (2537) การแสดงของเขาได้รับการยกย่องอย่างมากในภาพยนตร์อาชญากรรมระทึกขวัญเรื่อง Seven (2538) และภาพยนตร์แนววิทยาศาสตร์เรื่อง 12 Monkeys (2538) ทำให้เขาได้รับรางวัลลูกโลกทองคำสาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมและได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลออสการ์
นอกจากนี้ พิตต์ยังได้แสดงในเรื่อง Fight Club (2542) และภาพยนตร์ปล้นเรื่อง Ocean's Eleven (2544) รวมถึงภาคต่อ Ocean's Twelve (2547) และ Ocean's Thirteen (2550) ความสำเร็จด้านรายได้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขา ได้แก่ เรื่อง Ocean's Eleven (2544), Troy (2547), Mr. & Mrs.Smith (2548), World War Z (2556) และ Once Upon a Time in Hollywood (2562) ซึ่งเขาได้รับรางวัล รางวัลลูกโลกทองคำครั้งที่สองและรางวัลออสการ์ สาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม ผลงานการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์อื่น ๆ ของพิตต์ ได้แก่ เรื่อง The Curious Case of Benjamin Button (2551) และ Moneyball (2554) เขายังได้อำนวยการสร้างภาพยนตร์เรื่อง The Departed (2549) และ 12 Years a Slave (2556) ซึ่งทั้งสองเรื่องได้รับรางวัลออสการ์ สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม นอกจากนี้ภาพยนตร์เรื่อง The Tree of Life (2554), Moneyball (2554) และ The Big Short (2558) ยังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมอีกด้วย
ชีวิตส่วนตัว
ด้านชีวิตส่วนตัว แบรด พิตต์เคยหมั้นอยู่กับกวินเน็ธ พัลโทรว์ เป็นเวลาสามปี ต่อมาใช้ชีวิตคู่กับ เจนนิเฟอร์ อนิสตัน เมื่อเดือนกรกฎาคม ปี 2000 และต่อมาก็เลิกรากันในเดือนมกราคม 2005 ปัจจุบันใช้ชีวิตร่วมกับแอนเจลีนา โจลี มีลูกด้วยกันทั้งหมด 6 คน มีลูกบุญธรรม 3 คนอย่างแม็ดด็อกซ์ , แพ็กซ์ เทียน และสะฮารา รวมถึงลูกสาวคนโตแท้ๆ อย่างไชโลห์ และฝาแฝดหญิง น็อกซ์ และ วิเวียน อีกสองคนที่เกิดจากเขาและแองเจลินา โจลี[9]
อ้างอิง
- ↑ Peyser, Andrea (2010). Celebutards. Citadel Press. p. 81. ISBN 978-0806533841.
- ↑ Bunbury, Stephanie (December 14, 2008). "The business of being Brad". Sydney Morning Herald. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 3, 2009. สืบค้นเมื่อ May 13, 2009.
- ↑ Chris Mundy (December 1, 1994). "Slippin' around on the road with Brad Pitt". Rolling Stone.
- ↑ Blair, Leonardo (September 30, 2019). "Brad Pitt no longer identifies as atheist, says he was just being 'rebellious'" (ภาษาEnglish). The Christian Post. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 4, 2019. สืบค้นเมื่อ October 3, 2019.
{{cite web}}
: CS1 maint: unrecognized language (ลิงก์) - ↑ Alexander C. Kaufman (July 6, 2012). "Brad Pitt's Mother Bashes Obama in Local Paper". The Providence. The Wrap. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 7, 2012. สืบค้นเมื่อ July 6, 2012.
- ↑ "Brad Pitt – Film Actor, Producer, Actor". A & E Television Networks. March 1, 2018. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 4, 2011. สืบค้นเมื่อ October 9, 2018.
- ↑ "Interview With Brad Pitt". Parade. September 18, 2007. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ September 6, 2014. สืบค้นเมื่อ August 28, 2014.
- ↑ Tom Junod (May 20, 2013). "Brad Pitt: A Life So Large". Esquire. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ September 6, 2014. สืบค้นเมื่อ August 28, 2014.
- ↑ "เจนนิเฟอร์ อนิสตัน" เตรียมเป็นคุณแม่มือใหม่คริสต์มาสนี้! โดย ผู้จัดการออนไลน์ 22 สิงหาคม 2550 19:48 น.
- แบรด พิตต์ (Brad Pitt) movieseer.com
- แบรด พิตต์ รู้ไปโม้ด
- Brad Pitt (แบรด พิตต์) nangdee.com