ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ดักมาร์แห่งโบฮีเมีย"
Novaskosia (คุย | ส่วนร่วม) ไม่มีความย่อการแก้ไข |
Novaskosia (คุย | ส่วนร่วม) |
||
บรรทัด 29: | บรรทัด 29: | ||
พระราชบิดาของเจ้าหญิงมาร์เคตา คือ [[พระเจ้าออทโทคาร์ที่ 1 แห่งโบฮีเมีย|ออทโทคาร์ที่ 1]] ทรงเป็น[[รายพระนามพระมหากษัตริย์โบฮีเมีย|ดยุกแห่งโบฮีเมีย]]ในปีค.ศ. 1192 แต่ในปีค.ศ. 1193 ทรงถูกปลดจากตำแหน่งจากภัยทางการเมืองของจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ พระองค์และราชวงศ์ได้ออกจาก[[โบฮีเมีย]] พระชายาของพระองค์คือ [[อเดเลดแห่งไมเซิน]] และพระโอรสธิดาได้ไปประทับที่ราชสำนักของพระเชษฐาในพระนางอเดเลด คือ [[อัลเบร็ชท์ที่ 1 มาร์เกรฟแห่งไมเซิน]] ออทโทคาร์ทรงกลายเป็นทหารรับจ้างของจักรพรรดิเยอรมัน ในปีค.ศ. 1197 ออทโทคาร์ได้รับตำแหน่งดยุกแห่งโบฮีเมียเป็นครั้งที่สอง และได้ขึ้นเป็นกษัตริย์โบฮีเมียในปีค.ศ. 1198 กษัตริย์ออทโทคาร์ที่ 1 ทรงละทิ้งพระราชินีอเดเลดด้วยการหย่าร้างในปีค.ศ. 1199 จาก[[การร่วมสายโลหิตกัน]] และหลังจากนั้นหนึ่งปีทรงอภิเษกสมรสใหม่กับ[[คอนสแตนเซียแห่งฮังการี|เจ้าหญิงคอนสแตนเซียแห่งฮังการี]]{{sfn|Earenfight|2013|p=175}} กระบวนการนี้มีส่วนช่วยให้พระองค์ยกระดับตำแหน่งจากดยุกมาเป็นพระมหากษัตริย์ตาม[[พระราชกฤษฎีกาทองแห่งซิชิลี]] |
พระราชบิดาของเจ้าหญิงมาร์เคตา คือ [[พระเจ้าออทโทคาร์ที่ 1 แห่งโบฮีเมีย|ออทโทคาร์ที่ 1]] ทรงเป็น[[รายพระนามพระมหากษัตริย์โบฮีเมีย|ดยุกแห่งโบฮีเมีย]]ในปีค.ศ. 1192 แต่ในปีค.ศ. 1193 ทรงถูกปลดจากตำแหน่งจากภัยทางการเมืองของจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ พระองค์และราชวงศ์ได้ออกจาก[[โบฮีเมีย]] พระชายาของพระองค์คือ [[อเดเลดแห่งไมเซิน]] และพระโอรสธิดาได้ไปประทับที่ราชสำนักของพระเชษฐาในพระนางอเดเลด คือ [[อัลเบร็ชท์ที่ 1 มาร์เกรฟแห่งไมเซิน]] ออทโทคาร์ทรงกลายเป็นทหารรับจ้างของจักรพรรดิเยอรมัน ในปีค.ศ. 1197 ออทโทคาร์ได้รับตำแหน่งดยุกแห่งโบฮีเมียเป็นครั้งที่สอง และได้ขึ้นเป็นกษัตริย์โบฮีเมียในปีค.ศ. 1198 กษัตริย์ออทโทคาร์ที่ 1 ทรงละทิ้งพระราชินีอเดเลดด้วยการหย่าร้างในปีค.ศ. 1199 จาก[[การร่วมสายโลหิตกัน]] และหลังจากนั้นหนึ่งปีทรงอภิเษกสมรสใหม่กับ[[คอนสแตนเซียแห่งฮังการี|เจ้าหญิงคอนสแตนเซียแห่งฮังการี]]{{sfn|Earenfight|2013|p=175}} กระบวนการนี้มีส่วนช่วยให้พระองค์ยกระดับตำแหน่งจากดยุกมาเป็นพระมหากษัตริย์ตาม[[พระราชกฤษฎีกาทองแห่งซิชิลี]] |
||
อดีตพระราชินีอเดเลดไม่ทรงสละสิทธิของพระนาง ในปีค.ศ. 1205 พระนางเสด็จกลับไปยัง[[ปราก]]ชั่วคราว ในช่วงนั้นกษัตริย์ออทโทคาร์ทรงให้เจ้าหญิงมาร์เคตา พระราชธิดาอภิเษกสมรสกับ[[พระเจ้าวัลเดมาร์ที่ 2 แห่งเดนมาร์ก]] พระมเหสีองค์ใหม่ของพระองค์คือ พระราชินีคอนสแตนเซียมีประสูติกาลพระโอรสซึ่งต่อมาคือ [[สมเด็จพระเจ้าเวนสเลาสที่ 1 แห่งโบฮีเมีย|พระเจ้าเวนสเลาสที่ 1 แห่งโบฮีเมีย]]ในปีเดียวกัน อดีตพระราชินีอเดเลดเสด็จออก |
อดีตพระราชินีอเดเลดไม่ทรงสละสิทธิของพระนาง ในปีค.ศ. 1205 พระนางเสด็จกลับไปยัง[[ปราก]]ชั่วคราว ในช่วงนั้นกษัตริย์ออทโทคาร์ทรงให้เจ้าหญิงมาร์เคตา พระราชธิดาอภิเษกสมรสกับ[[พระเจ้าวัลเดมาร์ที่ 2 แห่งเดนมาร์ก]] พระมเหสีองค์ใหม่ของพระองค์คือ พระราชินีคอนสแตนเซียมีประสูติกาลพระโอรสซึ่งต่อมาคือ [[สมเด็จพระเจ้าเวนสเลาสที่ 1 แห่งโบฮีเมีย|พระเจ้าเวนสเลาสที่ 1 แห่งโบฮีเมีย]]ในปีเดียวกัน อดีตพระราชินีอเดเลดเสด็จออกจากโบฮีเมีย และสิ้นพระชนม์ในเวลาไม่นานหลังจากนั้น |
||
==สมเด็จพระราชินี== |
==สมเด็จพระราชินี== |
||
รุ่นแก้ไขเมื่อ 12:26, 7 สิงหาคม 2563
เกอร์ทรูดแห่งบาวาเรีย | |||||
---|---|---|---|---|---|
สมเด็จพระราชินีแห่งเดนมาร์ก | |||||
ดักมาร์แห่งโบฮีเมีย สมเด็จพระราชินีแห่งเดนมาร์ก บนภาพศิลปะเฟรสโก ที่โบสถ์นักบุญเบ็นท์, ริงสเต็ด, เดนมาร์ก | |||||
สมเด็จพระราชินีแห่งเดนมาร์ก | |||||
ครองราชย์ | 1205 – 24 พฤษภาคม 1212 | ||||
ก่อนหน้า | เกอร์ทรูดแห่งบาวาเรีย | ||||
ถัดไป | เบเรนกาเรียแห่งโปรตุเกส | ||||
ประสูติ | ราวค.ศ. 1186 ไมเซิน | ||||
สวรรคต | 24 พฤษภาคม ค.ศ. 1212 รีเบ | (26 ปี)||||
ฝังพระศพ | โบสถ์นักบุญเบ็นท์, ริงสเต็ด, เดนมาร์ก | ||||
คู่อภิเษก | พระเจ้าวัลเดมาร์ที่ 2 แห่งเดนมาร์ก | ||||
พระราชบุตร | ยุวกษัตริย์วัลเดมาร์แห่งเดนมาร์ก | ||||
| |||||
ราชวงศ์ | ราชวงศ์เพรมีสลีด | ||||
พระราชบิดา | พระเจ้าออทโทคาร์ที่ 1 แห่งโบฮีเมีย | ||||
พระราชมารดา | อเดเลดแห่งไมเซิน | ||||
ศาสนา | โรมันคาทอลิก |
ดักมาร์แห่งโบฮีเมีย (หรือพระนามว่า มาร์กาเร็ต เช็ก: Markéta (มาร์เคตา) ราวค.ศ. 1186 - 24 พฤษภาคม ค.ศ. 1212 เมืองรีเบ) ทรงเป็นสมเด็จพระราชินีแห่งเดนมาร์ก จากการอภิเษกสมรสกับพระเจ้าวัลเดมาร์ที่ 2 แห่งเดนมาร์ก โดยทรงเป็นพระมเหสีพระองค์แรก พระนางเป็นพระราชธิดาในพระเจ้าออทโทคาร์ที่ 1 แห่งโบฮีเมียที่ประสูติแต่พระมเหสีองค์แรกคือ อเดเลดแห่งไมเซิน[1]
ช่วงต้นพระชนมชีพ
พระราชบิดาของเจ้าหญิงมาร์เคตา คือ ออทโทคาร์ที่ 1 ทรงเป็นดยุกแห่งโบฮีเมียในปีค.ศ. 1192 แต่ในปีค.ศ. 1193 ทรงถูกปลดจากตำแหน่งจากภัยทางการเมืองของจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ พระองค์และราชวงศ์ได้ออกจากโบฮีเมีย พระชายาของพระองค์คือ อเดเลดแห่งไมเซิน และพระโอรสธิดาได้ไปประทับที่ราชสำนักของพระเชษฐาในพระนางอเดเลด คือ อัลเบร็ชท์ที่ 1 มาร์เกรฟแห่งไมเซิน ออทโทคาร์ทรงกลายเป็นทหารรับจ้างของจักรพรรดิเยอรมัน ในปีค.ศ. 1197 ออทโทคาร์ได้รับตำแหน่งดยุกแห่งโบฮีเมียเป็นครั้งที่สอง และได้ขึ้นเป็นกษัตริย์โบฮีเมียในปีค.ศ. 1198 กษัตริย์ออทโทคาร์ที่ 1 ทรงละทิ้งพระราชินีอเดเลดด้วยการหย่าร้างในปีค.ศ. 1199 จากการร่วมสายโลหิตกัน และหลังจากนั้นหนึ่งปีทรงอภิเษกสมรสใหม่กับเจ้าหญิงคอนสแตนเซียแห่งฮังการี[2] กระบวนการนี้มีส่วนช่วยให้พระองค์ยกระดับตำแหน่งจากดยุกมาเป็นพระมหากษัตริย์ตามพระราชกฤษฎีกาทองแห่งซิชิลี
อดีตพระราชินีอเดเลดไม่ทรงสละสิทธิของพระนาง ในปีค.ศ. 1205 พระนางเสด็จกลับไปยังปรากชั่วคราว ในช่วงนั้นกษัตริย์ออทโทคาร์ทรงให้เจ้าหญิงมาร์เคตา พระราชธิดาอภิเษกสมรสกับพระเจ้าวัลเดมาร์ที่ 2 แห่งเดนมาร์ก พระมเหสีองค์ใหม่ของพระองค์คือ พระราชินีคอนสแตนเซียมีประสูติกาลพระโอรสซึ่งต่อมาคือ พระเจ้าเวนสเลาสที่ 1 แห่งโบฮีเมียในปีเดียวกัน อดีตพระราชินีอเดเลดเสด็จออกจากโบฮีเมีย และสิ้นพระชนม์ในเวลาไม่นานหลังจากนั้น
สมเด็จพระราชินี
อ้างอิง
- ↑ "Dronning Dagmar". historie-online.dk. สืบค้นเมื่อ August 1, 2018.
- ↑ Earenfight 2013, p. 175.
- Earenfight, Theresa (2013). Queenship in Medieval Europe. Palgrave Macmillan. ISBN 978-1137303929.
{{cite book}}
:|ref=harv
ไม่ถูกต้อง (help)
ก่อนหน้า | ดักมาร์แห่งโบฮีเมีย | ถัดไป | ||
---|---|---|---|---|
เกอร์ทรูดแห่งบาวาเรีย | สมเด็จพระราชินีแห่งเดนมาร์ก (ราชวงศ์แอสตริดเซน) (ค.ศ. 1205 – ค.ศ. 1212) |
เบเรนกาเรียแห่งโปรตุเกส |