ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ฐานานุกรม"
ลไม่มีความย่อการแก้ไข |
ลไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
บรรทัด 23: | บรรทัด 23: | ||
ในอดีต ตำแหน่งฐานานุกรมบางตำแหน่งมีลำดับสมณศักดิ์สูงกว่า[[พระมหา]]เปรียญ จึงมีบางครั้งที่พระมหาเปรียญก็อาจได้รับแต่งตั้งฐานานุกรมบ้าง ซึ่งเรียกกันในภาษาปากว่า '''ฐานาทรงเครื่อง''' หรือ '''พระครูทรงเครื่อง''' คือมีทั้งตำแหน่งมหาเปรียญและฐานานุกรมในคราวเดียวกัน<ref name="วิทยา2"/> |
ในอดีต ตำแหน่งฐานานุกรมบางตำแหน่งมีลำดับสมณศักดิ์สูงกว่า[[พระมหา]]เปรียญ จึงมีบางครั้งที่พระมหาเปรียญก็อาจได้รับแต่งตั้งฐานานุกรมบ้าง ซึ่งเรียกกันในภาษาปากว่า '''ฐานาทรงเครื่อง''' หรือ '''พระครูทรงเครื่อง''' คือมีทั้งตำแหน่งมหาเปรียญและฐานานุกรมในคราวเดียวกัน<ref name="วิทยา2"/> |
||
== ประเภทของฐานานุกรม |
== ประเภทของฐานานุกรม== |
||
ฐานานุกรมแบ่งได้ 4 ตำแหน่ง ได้แก่ |
ฐานานุกรมแบ่งได้ 4 ตำแหน่ง ได้แก่ |
||
# '''ฐานานุกรมชั้นพระราชาคณะ''' ตำแหน่งนี้มีเฉพาะฐานานุกรมในสมเด็จพระสังฆราชเท่านั้น มี 2 ตำแหน่งคือ พระราชาคณะปลัดขวาและพระราชาคณะซ้าย (บางสมัยอาจมีพระราชาคณะปลัดกลาง) และฐานานุกรมชั้นนี้สามารถตั้งฐานานุกรมได้ 3 ตำแหน่งเหมือนพระราชาคณะชั้นสามัญทั่วไป |
# '''ฐานานุกรมชั้นพระราชาคณะ''' ตำแหน่งนี้มีเฉพาะฐานานุกรมในสมเด็จพระสังฆราชเท่านั้น มี 2 ตำแหน่งคือ พระราชาคณะปลัดขวาและพระราชาคณะซ้าย (บางสมัยอาจมีพระราชาคณะปลัดกลาง) และฐานานุกรมชั้นนี้สามารถตั้งฐานานุกรมได้ 3 ตำแหน่งเหมือนพระราชาคณะชั้นสามัญทั่วไป |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 02:36, 27 มิถุนายน 2563
ส่วนหนึ่งของชุดบทความ |
ศาสนาพุทธ |
---|
ฐานานุกรม คือชื่อเรียกลำดับตำแหน่งสมณศักดิ์ของพระสงฆ์ไทย ซึ่งภิกษุผู้มีตำแหน่งทางการปกครองหรือมีสมณศักดิ์สูงบางตำแหน่ง มีสิทธิ์ตั้งพระภิกษุรูปอื่นให้เป็นฐานานุกรมได้ ตามศักดิ์ที่ได้รับพระบรมราชานุญาตจากพระมหากษัตริย์ไทยที่ระบุไว้ในพระบรมราชโองการพระราชทานสมณศักดิ์ หรือพระราชบัญญัติอื่นอันเกี่ยวเนื่องด้วยคณะสงฆ์
ฐานานุกรมนั้นมีตำแหน่งที่เป็นหลัก 3 ตำแหน่ง คือ พระปลัด พระสมุห์ พระใบฎีกา หากพระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ที่มีสิทธิ์ตั้งฐานานุกรมเป็นผู้ที่มีสมณศักดิ์ตั้งแต่พระราชาคณะชั้นราชขึ้นไป พระฐานานุกรมที่ท่านเหล่านั้นตั้ง จะเรียก "พระครู" นำหน้าตำแหน่งฐานานุกรมนั้นทุกตำแหน่ง เช่น พระครูปลัด พระครูสังฆรักษ์ เป็นต้น[1]
สิทธิในการให้พระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์สามารถแต่งตั้งพระฐานานุกรมได้ จะมีระบุไว้ในสัญญาบัตรพระบรมราชโองการพระราชทานสมณศักดิ์ ว่าให้สามารถตั้งได้เท่านั้นเท่านี้รูป ซึ่งพระสงฆ์ผู้ได้รับพระราชทานสิทธิในการตั้งพระฐานานุกรม จะตั้งหรือไม่ตั้งก็ได้ หรือจะตั้ง แต่ตั้งเพียงจำนวนเท่าที่เห็นควรก็ได้ ไม่จำต้องตั้งทั้งหมด
ตำแหน่งเหล่านี้เดิมมีพัดยศของหลวงพระราชทานมาให้ แต่ปัจจุบันนี้ต้องจัดทำเอง โดยพระสงฆ์ผู้ทรงสมณศักดิ์ที่มีสิทธิ์แต่งตั้งฐานานุกรมจะแต่งตั้งพระสงฆ์รูปใดในศิษยานุศิษย์ของตน ก็สุดแล้วแต่อัธยาศัย ทางการไม่ได้เกี่ยวข้องในการแต่งตั้งพระฐานานุกรม เพียงแต่รับรู้เท่านั้น[1]
ความหมายของฐานานุกรม
คำว่า ฐานานุกรม ในภาษาบาลี มาจากบทคือ ฐาน (ตำแหน่ง) +อนุกฺกม (ลำดับ, ระเบียบ, ชั้น) ประกอบกัน จึงแปลว่า ตำแหน่งที่ตั้งขึ้นตามทำเนียบ ฐานานุกรมจึงหมายถึง ลำดับตำแหน่งยศพระสงฆ์ที่พระราชาคณะมีอำนาจตั้งสมณศักดิ์ให้ ตามทำเนียบที่พระมหากษัตริย์โปรดเกล้าพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้พระราชาคณะหรือเจ้าคณะผู้ปกครองนั้น ๆ เช่น พระสงฆ์ดำรงตำแหน่งเจ้าคณะอำเภอ สามารถตั้งฐานานุกรมได้ 3 ตำแหน่ง พระราชาคณะชั้นสามัญตั้งฐานานุกรมได้ 3 ตำแหน่ง เป็นต้น ไปจนกระทั่งถึงสมเด็จพระสังฆราชทรงตั้งฐานานุกรมได้ 15 ตำแหน่ง
สถานะของพระฐานานุกรม
ภิกษุผู้ได้รับแต่งตั้งในลักษณะนี้เรียกว่า พระฐานานุกรม ทุกรูปจัดเป็นพระมีสมณศักดิ์ เช่นเดียวกับพระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ตั้งแต่พระครูสัญญาบัตรขึ้นไป ที่พระมหากษัตริย์ทรงมีพระบรมราชโองการแต่งตั้ง
การตั้งฐานานุกรมของพระราชาคณะ เป็นการตั้งโดยพระบรมราชานุญาตตามความที่ระบุในพระบรมราชโองการ ซึ่งทรงใช้พระราชอำนาจในการสถาปนาและถอดถอนฐานันดรศักดิ์ ตามความในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย โดยไม่ทรงระบุอำนาจในการถอดถอนฐานานุกรมไว้แต่ประการใด ดังนั้นผู้ได้รับแต่งตั้งฐานานุกรมจากพระราชาคณะแล้ว จึงได้รับฐานานุกรมเป็นสิทธิ์เฉพาะตัวตามพระราชโองการ และสามารถใช้ตำแหน่งนั้นได้ตราบเท่าที่ผู้ได้รับตั้งให้เป็นฐานานุกรมยังไม่ลาสิกขา ได้รับสมณศักดิ์สูงขึ้น หรือมรณภาพ
กรณีพระราชาคณะผู้ได้ตั้งฐานานุกรมไว้ตามความในพระราชโองการพระราชทานสมณศักดิ์ ได้ลาสิกขา ได้รับสมณศักดิ์สูงขึ้น หรือมรณภาพ ตำแหน่งฐานานุกรมต่าง ๆ ที่พระราชาคณะนั้นๆ ได้ตั้งไว้แก่พระภิกษุต่างๆ แล้ว ยังไม่ถือเป็นอันสิ้นสุดไป เว้นแต่ตำแหน่งฐานานุกรมที่ยังไม่ได้ตั้งจึงถือเป็นอันสิ้นสุดไปตามผู้มีสิทธิ์ตั้ง ไม่สามารถตั้งได้อีกตามพระบรมราชโองการ เนื่องจากพระราชาคณะนั้นๆ ย่อมได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ลาสิกขาบท ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์สูงขึ้น หรือได้ทำหนังสือกราบถวายบังคมทูลลามรณภาพแล้วตามระเบียบปฏิบัติ
ในอดีต ตำแหน่งฐานานุกรมบางตำแหน่งมีลำดับสมณศักดิ์สูงกว่าพระมหาเปรียญ จึงมีบางครั้งที่พระมหาเปรียญก็อาจได้รับแต่งตั้งฐานานุกรมบ้าง ซึ่งเรียกกันในภาษาปากว่า ฐานาทรงเครื่อง หรือ พระครูทรงเครื่อง คือมีทั้งตำแหน่งมหาเปรียญและฐานานุกรมในคราวเดียวกัน[1]
ประเภทของฐานานุกรม
ฐานานุกรมแบ่งได้ 4 ตำแหน่ง ได้แก่
- ฐานานุกรมชั้นพระราชาคณะ ตำแหน่งนี้มีเฉพาะฐานานุกรมในสมเด็จพระสังฆราชเท่านั้น มี 2 ตำแหน่งคือ พระราชาคณะปลัดขวาและพระราชาคณะซ้าย (บางสมัยอาจมีพระราชาคณะปลัดกลาง) และฐานานุกรมชั้นนี้สามารถตั้งฐานานุกรมได้ 3 ตำแหน่งเหมือนพระราชาคณะชั้นสามัญทั่วไป
- ฐานานุกรมชั้นพระครูปลัดมีราชทินนาม พระครูปลัดมีราชทินนามเป็นฐานานุกรมของพระราชาคณะชั้นธรรมขึ้นไปจนถึงสมเด็จพระราชาคณะ เมื่อได้ตั้งฐานานุกรมชั้นนี้แล้ว ต้องไปแจ้งที่กรมการศาสนาเพื่อขึ้นทะเบียน และจัดนิตยภัตถวายเช่นเดียวกับพระครูสัญญาบัตรทั่วไป
- ฐานานุกรมชั้นพระครูอื่น คือ ฐานานุกรมของพระราชาชั้นราชขึ้นไปจนถึงฐานานุกรมในสมเด็จพระสังฆราชบางตำแหน่ง เป็นตำแหน่งที่มีคำว่า "พระครู" นำหน้า เช่น พระครูปลัด พระครูวินัยธร เป็นต้น อนึ่ง พระครูฐานานุกรมของสมเด็จพระสังฆราช 4 ตำแหน่งที่อยู่อยู่ระหว่างพระราชาคณะปลัดซ้ายกับพระครูวินัยธร มีสิทธิ์รับพระราชทานนิตยภัตเช่นเดียวกับพระครูปลัดมีราชทินนาม
- ฐานานุกรมชั้นธรรมดา ฐานานุกรมชั้นนี้เป็นของพระราชาชั้นสามัญ มี 3 ตำแหน่งคือ พระปลัด พระสมุห์ และพระใบฎีกา ไม่มีคำว่าพระครูนำหน้า
ทำเนียบฐานานุกรมของพระราชาคณะชั้นต่างๆ
จำนวนของฐานานุกรม ที่พระราชาคณะชั้นต่างๆ จะมีสิทธิ์ตั้งได้นั้น จะถูกระบุไว้ในพระบรมราชโองการพระราชทานสมณศักดิ์ ปัจจุบันการพระราชทานพระราชอำนาจให้แก่พระราชาคณะในการตั้งฐานานุกรมชั้นต่าง ๆ เป็นไปตามพระราชอัธยาศรัย แต่โดยประเพณีจะมีการตั้งโดยระบุฐานานุกรมมีราชทินนาม และฐานานุกรมอื่น ดังนี้
สมเด็จพระราชาคณะ | พระราชาคณะเจ้าคณะรอง | พระราชาคณะชั้นธรรม | พระราชาคณะชั้นเทพ | พระราชาคณะชั้นราช | พระราชาคณะชั้นสามัญ |
---|---|---|---|---|---|
|
|
|
|
|
|
- หมายเหตุ
- ↑ ยกเว้นพระครูปลัด ฐานานุกรมในพระสาสนโสภณ จะมีราชทินนามว่า พระครูปลัดอรรถจริยานุกิจ
- ↑ ในพระราชาคณะชั้นธรรมบางรูป จะมีฐานานุกรมที่ลงท้ายด้วย "วัตร" เช่น พระธรรมราชานุวัตร มีพระครูปลัด มีราชทินนามว่า พระครูปลัดมหาเถรานุวัตร เป็นต้น
อ้างอิง
- พระธรรมกิตติวงศ์ (ทองดี สุรเตโช), พจนานุกรมเพื่อการศึกษาพุทธศาสน์ ชุด คำวัด, วัดราชโอรสารามราชวรวิหาร กรุงเทพฯ พ.ศ. 2548
- ↑ 1.0 1.1 1.2 พระธรรมปริยัติโสภณ (วรวิทย์ คงฺคปญฺโญ ป.ธ. ๘). (2552). วิทยาพระสังฆาธิการ เล่ม 2. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์ รำไท เพรส จำกัด. ISBN 9789748287768