ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ลิขิต เอกมงคล"
บรรทัด 76: | บรรทัด 76: | ||
* แม่เบี้ย (2533) |
* แม่เบี้ย (2533) |
||
* รักเธอเท่าฟ้า (2533) |
* รักเธอเท่าฟ้า (2533) |
||
⚫ | |||
* แด่เพื่อนพ้องและตัวกู (2533) |
* แด่เพื่อนพ้องและตัวกู (2533) |
||
* รักคืนเรือน (2533) |
* รักคืนเรือน (2533) |
||
บรรทัด 98: | บรรทัด 97: | ||
* ขยี้ (2534) |
* ขยี้ (2534) |
||
* หน่วยรบทมิฬ (2534) |
* หน่วยรบทมิฬ (2534) |
||
⚫ | |||
* สองฝั่งโขง (2535) |
* สองฝั่งโขง (2535) |
||
* ยากูซ่า (2535) |
* ยากูซ่า (2535) |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 09:22, 22 มิถุนายน 2563
ลิขิต เอกมงคล | |
---|---|
เกิด | 15 มกราคม พ.ศ. 2501 ลิขิต ศุกรเสพย์ |
ThaiFilmDb |
ลิขิต เอกมงคล (แด็กซ์) นามสกุลเดิมคือ ศุกรเสพย์ เกิดเมื่อวันที่ เกิด 15 มกราคม พ.ศ. 2501 ที่จังหวัดอ่างทอง เป็นนักแสดงชาวไทย ปัจจุบันได้ลาออกจากวงการบันเทิงแล้ว โดยยังมีแฟนคลับที่ติดตามและเฝ้ารอคอยการกลับมาของลิขิต เอกมงคลอยู่ตลอดเวลา
ประวัติ
ลิขิต เอกมงคลเป็นชาวอำเภอวิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง เป็นลูกคนที่ 4 ในจำนวนพี่น้อง 5 คน[1] พ่อแม่ส่งมาเรียนหนังสือที่กรุงเทพฯ เริ่มเรียนที่โรงเรียนทหาร (กองทัพบกอุปถัมภ์วิทยา) ซึ่งอยู่ในกรมวิทยาศาสตร์การทหารบางเขน กรุงเทพฯ ตั้งแต่ชั้น ป.4 จนถึงมัธยมต้น ต่อมัธยมปลายที่โรงเรียนผะดุงศิษย์พิทยา เดิมทีฝันอยากเป็นตำรวจอุตส่าห์มุ่งมั่นจนสอบข้อเขียนติดโรงเรียนนายร้อยสามพรานแต่ก็พลาด เพราะตาบอดสี เลยหันเหไปเรียนคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง[2] แต่ไม่จบเพราะเข้าวงการแสดงเสียก่อน ได้เล่นละครเรื่องแรกคือ จดหมายจากเมืองไทย ของ ม.จ.ชาตรีเฉลิม ยุคล ออกอากาศทางช่อง 7 สี มีบทไม่มากนัก ต่อมาได้เป็นหนุ่มแพรว ประจำปี 2527 เริ่มอาชีพจากการเป็นนายแบบ จากนั้นคิด สุวรรณศร ชักชวนมาเล่นภาพยนตร์เรื่องแรกคือ "ปล.ผมรักคุณ" คู่ อรพรรณ พานทอง เมื่อปลายปี 2526 หลังจากนั้นก็ได้เล่นหนังมาเรื่อยๆ ในเครือสหมงคลฟิล์ม เช่น เพลิงพิศวาส, ฉันผู้ชาย (นะยะ) ฯ ต่อมาก็เริ่มซาลง รับบทรองหลายเรื่องเช่น สะใภ้ (พระรอง) , ฟ้าสีทอง (ผู้ร้าย)
ช่วงที่พอมีเวลาว่างบ้างก็หันไปเล่นการเมือง เป็น สจ.อ่างทอง ก็กลับเข้าสู่วงการบันเทิง พอปลายปี 2530 ได้รับตุ๊กตาทองดารานำชายจากเรื่อง"ครั้งเดียวก็เกินพอ" แล้วหันกลับมาเล่นบทพระเอกเต็มตัวเรื่องแรกสำหรับละครโทรทัศน์ คือเรื่อง "จำเลยรัก" คู่กับสาวิตรี สามิภักดิ์ เป็นละครที่ได้รับความนิยมอย่างมาก และมีผลงานละครเรื่อยมา เช่น เชลยศักดิ์ (พบจินตหราครั้งแรกและครั้งเดียว) ส่วนใหญ่เป็นละครของช่อง 7 ไปเล่นให้ช่องอื่น ก็มีเรื่อง ท่าฉลอม ของวิทยา สุขดำรงค์ (ช่อง 9) และยังมีอีกหลายเรื่องเช่น อุบัติเหตุ, เสราดารัล, นางทาส, สารวัตรใหญ่ (กันตนา) ทางด้านผลงานภาพยนตร์เช่น ช่างมันฉันไม่แคร์, ฉันรักผัวเขา, อุบัติโหด, หัวใจห้องที่ 5, แม่เบี้ย
นอกจากนี้ได้รับตุ๊กตาทองดารานำชายเป็นตัวที่ 2 จากเรื่อง "ขยี้" ปลายปี พ.ศ. 2534 โดยรับร่วมกับสามารถ พยัคฆ์อรุณ เป็นครั้งเดียวในประวัติศาสตร์ที่ดารานำชายมี 2 คนและจากเรื่องเดียวกันและหนังเรื่องนี้ก็ยังไม่เคยเข้าฉายในโรง ในช่วงที่ภาพยนตร์ไทยเริ่มซบเซา จึงหันมาเล่นหนังบู๊ภูธรเกรดบี ต่อมาบทบาททางการแสดงก็ยุติลงเนื่องจากเป็นงูสวัดและทำตา รับเล่นละครเรื่องสุดท้ายคือ เพชรตัดเพชร[3] และประกาศออกมาว่าจะไม่ออกรายการทีวีอีก แต่เมื่อหลายปีก่อนได้ออกรายการเพชรรามา บอกว่าทำธุรกิจส่วนตัว ซึ่งเกี่ยวกับสมุนไพรที่ช่วยในเรื่องของสมรรถภาพทางเพศของท่านชาย และนอกจากนี้ยังมีผลิตภัณฑ์ที่เป็นเซรั่มบำรุงผิวอีกด้วย
ผลงานภาพยนตร์
- ปล.ผมรักคุณ (2527)
- เพลิงพิศวาส (2527)
- เฮฮาเมียนาวี (2527)
- สะใภ้ (2529)
- ช่างมันฉันไม่แคร์ (2529)
- ไฟเสน่หา (2530)
- นางนวล (2530)
- ฉันรักผัวเขา (2530)
- ฟ้าสีทอง (2530)
- บาปสวาท (2530)
- มันแอบอยู่ในหอ (2530)
- ฉันผู้ชายนะยะ (2530)
- เรือมนุษย์ (2531)
- ทายาทคนใหม่ (2531)
- วิมานเสน่หา (2531)
- เหยื่ออารมณ์ (2531)
- ครั้งเดียวก็เกินพอ (2531)
- อุบัติโหด (2531)
- ทอง 3 (2531)
- กลกามแห่งความรัก (2533)
- ปล้น เช็คบิล (2533)
- แม่เบี้ย (2533)
- รักเธอเท่าฟ้า (2533)
- แด่เพื่อนพ้องและตัวกู (2533)
- รักคืนเรือน (2533)
- 3 อันตราย (2533)
- ข้ามากับปืน (2533)
- ดอกฟ้าในมือมาร (2533)
- ดอกแก้วดำ/ลายแทงมหาภัย (2533)
- นางฟ้าอีดิน (2533)
- บ่อเพลิงที่โพธิ์ทะเล (2533)
- กว่าจะถึงสวรรค์ (2533)
- เพลิงอารมณ์ (2533)
- ก่อนจะสิ้นแสงตะวัน (2533)
- ก้อนหินในดินทราย (2533)
- หัวใจห้องที่ 5 (2533)
- มายาเพชรฆาต (2533)
- แม่นาคคืนชีพ (2533)
- ข้ามฟ้ามาหารัก (2533)
- แผนกับดัก (2534)
- เลือดเข้าตา (2534)
- สงครามเมีย (2534)
- ขยี้ (2534)
- หน่วยรบทมิฬ (2534)
- ทะนง (ระห่ำสะท้านโลก) (2534)
- สองฝั่งโขง (2535)
- ยากูซ่า (2535)
- สะเหร่อซะไม่เมี๊ย (2536)
- นักฆ่าตาปีศาจ (2537)
- สยึ๋มกึ๋ย 2 (2537)
- เสือล่าเสือ (2537)
- รำปืนลำเพลิน (2538)
ผลงานละครโทรทัศน์
- [2525] จดหมายจากเมืองไทย ช่อง 7 ร่วมกับ ดวงใจ หทัยกาญจน์, ปัญญา นิรันดร์กุล
- [2531] จำเลยรัก ช่อง 7 คู่กับ สาวิตรี สามิภักดิ์
- [2532] ท่าฉลอม ช่อง 9 คู่กับ ลีลาวดี วัชโรบล
- [2532] อยู่เพื่อรัก ช่อง 7 คู่กับ มาช่า วัฒนพานิช
- [2533] อุบัติเหตุ ช่อง 7 คู่กับ สิเรียม ภักดีดำรงฤทธิ์
- [2533] หงส์ทอง ช่อง 7 คู่กับ อรพรรณ พานทอง
- [2534] เชลยศักดิ์ ช่อง 7 คู่กับ จินตหรา สุขพัฒน์
- [2534] กำแพงบุญ ช่อง 7 คู่กับ ชฎาพร รัตนากร
- [2535] ภาพอาถรรพ์ ช่อง 7 คู่กับ มนฤดี ยมาภัย, ชฎาพร รัตนากร
- [2536] นางทาส ช่อง 7 คู่กับ มนฤดี ยมาภัย
- [2537] สารวัตรใหญ่ ช่อง 7 คู่กับ มนฤดี ยมาภัย
- [2538] เสราดารัล ช่อง 7 คู่กับ นุสบา ปุณณกันต์
- [2538] ยอดตำรวจหญิง ช่อง 7 ร่วมกับ กมลชนก เขมะโยธิน, ชไมพร จตุรภุช, ชฎาพร รัตนากร
- [2539] พันหนึ่งราตรี ช่อง 7 คู่กับ กัญญารัตน์ จิรรัชชกิจ
- [2540] แม่น้ำไม่เคยหลับ ช่อง 3 ลิขิต ชุดาภา
- [2541] กิ่งไผ่ ช่อง 7 คู่กับ กชกร นิมากรณ์ / ร่วมกับ สวิช เพชรวิเศษศิริ, วรนุช วงษ์สวรรค์
- [2541] บ่วงหงส์ ช่อง 7 คู่กับ ปัทมาศ ยงวิสุทธิ์ / ร่วมกับ จอห์น รัตนเวโรจน์, บุษกร พรวรรณะศิริเวช
- [2543] ชาติมังกร ช่อง 7 ร่วมกับ สัญญา คุณากร, ณัฐริกา ธรรมปรีดานันท์
- [2544] เพชรตัดเพชร ช่อง 7 คู่กับ ชลิตา พานิชการ / ร่วมกับ เจตริน วรรธนะสิน, พัชราภา ไชยเชื้อ
- [2544] ขุมทรัพย์แม่น้ำแคว ช่อง 7 ร่วมกับ นวพล ภูวดล, อรวรรษา ฐานวิเศษ
- [2547] 7 พระกาฬ ช่อง 7 คู่กับ อุทุมพร ศิลาพันธุ์ / ร่วมกับ ดนุพร ปุณณกันต์, พัชราภา ไชยเชื้อ, วินัย ไกรบุตร, เอกราช สุวรรณภูมิ
อ้างอิง
- ↑ ผลงานของ ลิขิต เอกมงคล
- ↑ ลิขิต เอกมงคล คอลัมน์ รู้ไปโม้ด น้าชาติ ประชาชื่น
- ↑ [1]