ผลต่างระหว่างรุ่นของ "เจ้าพระยาราชศุภมิตร (อ๊อด ศุภมิตร)"
ป้ายระบุ: แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ |
ป้ายระบุ: แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ |
||
บรรทัด 4: | บรรทัด 4: | ||
เจ้าพระยาราชศุภมิตร มีนามเดิมว่า'''อ๊อด''' เป็นบุตรพระมหาสงคราม (ศุข) กับท่านเป้า ธิดาพระยาศรีอรรคราชนารถภักดี (เมือง บุรานนท์) เกิดเมื่อวันอังคารที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2398 ปีเถาะ<ref name="หน้า200">''เรื่องตั้งเจ้าพระยาในกรุงรัตนโกสินทร์'', หน้า 200</ref> |
เจ้าพระยาราชศุภมิตร มีนามเดิมว่า'''อ๊อด''' เป็นบุตรพระมหาสงคราม (ศุข) กับท่านเป้า ธิดาพระยาศรีอรรคราชนารถภักดี (เมือง บุรานนท์) เกิดเมื่อวันอังคารที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2398 ปีเถาะ<ref name="หน้า200">''เรื่องตั้งเจ้าพระยาในกรุงรัตนโกสินทร์'', หน้า 200</ref> |
||
ปี พ.ศ. 2411 ได้เข้ารับราชการในรัชสมัย[[พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว]] ตำแหน่งมหาดเล็กวิเศษ เวรฤทธิ์ ต่อมาในปี พ.ศ. 2427 ได้รับบรรดาศักดิ์เป็น''หลวงศิลปสารสราวุธ'' ถือศักดินา ๘๐๐<ref> [http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2427/032/284_2.PDF พระราชทานสัญญาบัตร ตั้งตำแหน่ง (หน้า ๒๘๕ ลำดับที่ ๒๙๔)] </ref>ถึงปี พ.ศ. 2428 เลื่อนเป็น''จมื่นวิชิตไชยศักดาวุธ'' ถือศักดินา ๑๐๐๐<ref> [http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2429/021/164.PDF สัญญาบัตรปีระกาสัปตศก]</ref>ต่อมาในปี พ.ศ. 2430 ได้รับพระราชทานยศ "พันตรี" ถือศักดินา ๑๕๐๐<ref> [http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2430/009/66_2.PDF ข่าวพระราชทานสัญญาบัตรเลื่อนตำแหน่งข้าราชการ] </ref>และในวันที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2435 ได้เลื่อนเป็น''พระราชวัลภานุสิษฐ์'' มีตำแหน่งราชการในกรมยุทธนาธิการ ถือศักดินา 1,000<ref>ราชกิจจานุเบกษา, [http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2435/035/291_1.PDF พระราชทานสัญญาบัตรขุนนาง], เล่ม ๙, ตอน ๓๕, ๒๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๓๕, หน้า ๒๙๑</ref> |
ปี พ.ศ. 2411 ได้เข้ารับราชการในรัชสมัย[[พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว]] ตำแหน่งมหาดเล็กวิเศษ เวรฤทธิ์ ต่อมาในปี พ.ศ. 2427 ได้รับบรรดาศักดิ์เป็น''หลวงศิลปสารสราวุธ'' ถือศักดินา ๘๐๐<ref> [http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2427/032/284_2.PDF พระราชทานสัญญาบัตร ตั้งตำแหน่ง (หน้า ๒๘๕ ลำดับที่ ๒๙๔)] </ref>ถึงปี พ.ศ. 2428 เลื่อนเป็น''จมื่นวิชิตไชยศักดาวุธ'' ถือศักดินา ๑๐๐๐<ref> [http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2429/021/164.PDF สัญญาบัตรปีระกาสัปตศก]</ref>ต่อมาในปี พ.ศ. 2430 ได้รับพระราชทานยศ "พันตรี" ถือศักดินา ๑๕๐๐<ref> [http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2430/009/66_2.PDF ข่าวพระราชทานสัญญาบัตรเลื่อนตำแหน่งข้าราชการ] </ref>และในวันที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2435 ได้เลื่อนเป็น''พระราชวัลภานุสิษฐ์'' มีตำแหน่งราชการในกรมยุทธนาธิการ ถือศักดินา 1,000<ref>ราชกิจจานุเบกษา, [http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2435/035/291_1.PDF พระราชทานสัญญาบัตรขุนนาง], เล่ม ๙, ตอน ๓๕, ๒๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๓๕, หน้า ๒๙๑</ref> โดยก่อนหน้านั้นในวันที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2435 ได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเป็นราชองครักษ์ประจำการในตำแหน่ง ผู้บังคับการกองทหารมหาดเล็ก<ref> [http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2435/035/295_1.PDF ประกาศกรมยุทธนาธิการ ศาลายุทธนาธิการ] </ref> |
||
วันที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2437 ได้รับแต่งตั้งเป็นองคมนตรีพร้อมทั้งเลื่อนยศและบรรดาศักดิ์เป็น''นายพันโท พระยาราชวัลภานุสิษฐ์'' มีตำแหน่งราชการในกรมยุทธนาธิการ ถือศักดินา 1,500<ref>ราชกิจจานุเบกษา, [http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2437/045/382_1.PDF ทรงตั้งองคมนตรีและพระราชทานสัญญาบัตร เครื่องราชอิสริยาภรณ์], เล่ม ๑๑, ตอน ๔๕, ๓ กุมภาพันธ์ ร.ศ.๑๑๓, หน้า ๓๘๒-๓</ref> ปฏิบัติหน้าที่ราชองครักษ์ประจำรักษาพระองค์[[พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว|สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ สยามมกุฎราชกุมาร]]<ref>ราชกิจจานุเบกษา, [http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2437/045/383.PDF กราบถวายบังคมลา], เล่ม ๑๑, ตอน ๔๕, ๓ กุมภาพันธ์ ร.ศ.๑๑๓, หน้า ๓๘๓</ref> อยู่ตลอดเวลาที่ทรงศึกษาอยู่ที่ประเทศอังกฤษ ต่อเนื่องมาจนทรงสำเร็จการศึกษาแล้วเสด็จกลับมาประทับ ณ พระนคร ท่านได้รับพระราชทานเลื่อนยศเป็นลำดับจนถึง''นายพลตรี'' และพ้นจากหน้าที่ราชองครักษ์ประจำการเพราะครบกำหนดในปี พ.ศ. 2446<ref>ราชกิจจานุเบกษา, [http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2446/049/835.PDF แจ้งความกรมยุทธนาธิการ เรื่อง ให้พระยารามกำแหง เป็นผู้บัญชาการทหารบก มณฑลกรุงเทพ ฯ ให้พระพิเรนทรเทพ เป็นราชองครักษ์ประจำการในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชเปลี่ยนพระยาราชวัลภานุสิษฐ์], เล่ม ๒๐, ตอน ๔๙, ๖ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๔๖, หน้า ๘๓๕-๖</ref> |
วันที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2437 ได้รับแต่งตั้งเป็นองคมนตรีพร้อมทั้งเลื่อนยศและบรรดาศักดิ์เป็น''นายพันโท พระยาราชวัลภานุสิษฐ์'' มีตำแหน่งราชการในกรมยุทธนาธิการ ถือศักดินา 1,500<ref>ราชกิจจานุเบกษา, [http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2437/045/382_1.PDF ทรงตั้งองคมนตรีและพระราชทานสัญญาบัตร เครื่องราชอิสริยาภรณ์], เล่ม ๑๑, ตอน ๔๕, ๓ กุมภาพันธ์ ร.ศ.๑๑๓, หน้า ๓๘๒-๓</ref> ปฏิบัติหน้าที่ราชองครักษ์ประจำรักษาพระองค์[[พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว|สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ สยามมกุฎราชกุมาร]]<ref>ราชกิจจานุเบกษา, [http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2437/045/383.PDF กราบถวายบังคมลา], เล่ม ๑๑, ตอน ๔๕, ๓ กุมภาพันธ์ ร.ศ.๑๑๓, หน้า ๓๘๓</ref> อยู่ตลอดเวลาที่ทรงศึกษาอยู่ที่ประเทศอังกฤษ ต่อเนื่องมาจนทรงสำเร็จการศึกษาแล้วเสด็จกลับมาประทับ ณ พระนคร ท่านได้รับพระราชทานเลื่อนยศเป็นลำดับจนถึง''นายพลตรี'' และพ้นจากหน้าที่ราชองครักษ์ประจำการเพราะครบกำหนดในปี พ.ศ. 2446<ref>ราชกิจจานุเบกษา, [http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2446/049/835.PDF แจ้งความกรมยุทธนาธิการ เรื่อง ให้พระยารามกำแหง เป็นผู้บัญชาการทหารบก มณฑลกรุงเทพ ฯ ให้พระพิเรนทรเทพ เป็นราชองครักษ์ประจำการในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชเปลี่ยนพระยาราชวัลภานุสิษฐ์], เล่ม ๒๐, ตอน ๔๙, ๖ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๔๖, หน้า ๘๓๕-๖</ref> |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 23:38, 12 มิถุนายน 2563
พระตำรวจเอก เจ้าพระยาราชศุภมิตร (อ๊อด ศุภมิตร) เป็นขุนนางชาวสยาม ได้ดำรงตำแหน่งสำคัญ เช่น องคมนตรี ราชองครักษ์พิเศษ สมุหพระตำรวจ ต้นสกุลศุภมิตร[1]
ประวัติ
เจ้าพระยาราชศุภมิตร มีนามเดิมว่าอ๊อด เป็นบุตรพระมหาสงคราม (ศุข) กับท่านเป้า ธิดาพระยาศรีอรรคราชนารถภักดี (เมือง บุรานนท์) เกิดเมื่อวันอังคารที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2398 ปีเถาะ[2]
ปี พ.ศ. 2411 ได้เข้ารับราชการในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ตำแหน่งมหาดเล็กวิเศษ เวรฤทธิ์ ต่อมาในปี พ.ศ. 2427 ได้รับบรรดาศักดิ์เป็นหลวงศิลปสารสราวุธ ถือศักดินา ๘๐๐[3]ถึงปี พ.ศ. 2428 เลื่อนเป็นจมื่นวิชิตไชยศักดาวุธ ถือศักดินา ๑๐๐๐[4]ต่อมาในปี พ.ศ. 2430 ได้รับพระราชทานยศ "พันตรี" ถือศักดินา ๑๕๐๐[5]และในวันที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2435 ได้เลื่อนเป็นพระราชวัลภานุสิษฐ์ มีตำแหน่งราชการในกรมยุทธนาธิการ ถือศักดินา 1,000[6] โดยก่อนหน้านั้นในวันที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2435 ได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเป็นราชองครักษ์ประจำการในตำแหน่ง ผู้บังคับการกองทหารมหาดเล็ก[7]
วันที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2437 ได้รับแต่งตั้งเป็นองคมนตรีพร้อมทั้งเลื่อนยศและบรรดาศักดิ์เป็นนายพันโท พระยาราชวัลภานุสิษฐ์ มีตำแหน่งราชการในกรมยุทธนาธิการ ถือศักดินา 1,500[8] ปฏิบัติหน้าที่ราชองครักษ์ประจำรักษาพระองค์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ สยามมกุฎราชกุมาร[9] อยู่ตลอดเวลาที่ทรงศึกษาอยู่ที่ประเทศอังกฤษ ต่อเนื่องมาจนทรงสำเร็จการศึกษาแล้วเสด็จกลับมาประทับ ณ พระนคร ท่านได้รับพระราชทานเลื่อนยศเป็นลำดับจนถึงนายพลตรี และพ้นจากหน้าที่ราชองครักษ์ประจำการเพราะครบกำหนดในปี พ.ศ. 2446[10]
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงโปรดเกล้าฯ ตั้งเป็นราชองครักษ์ประจำการตั้งแต่เดือนธันวาคม พ.ศ. 2453[11] ต่อมาได้รับแต่งตั้งเป็นสมุหพระตำรวจตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2456 แทนพระยาอนุชิตชาญไชย (สาย สิงหเสนี) ที่ลาออกด้วยปัญหาสุขภาพ[12] วันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2461 ได้เลื่อนยศเป็นพระตำรวจเอก[13] และในวันพฤหัสบดีที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2463 ทรงสถาปนาเป็นเจ้าพระยา มีสมญาจารึกในหิรัญบัฏว่า เจ้าพระยาราชศุภมิตร์ วัลลภานุศิษฏ์สุรเสนี เทพวัชรีศรีมหาสวามิภักดิ์พิเศษ วิเทศจิรวาสีอัคระวราภิบาล สุจริตไพศาลสุนทรพจน์ อดุลยยศราชองครักษ์ อัคระรัตนไตรยสรณธาดา เมตตาชวาธยาศัย อภัยพิริยบรากรมพาหุ ถือศักดินา 10,000[14]
ถึงต้นรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เจ้าพระยาราชศุภมิตรได้ขอลาออกจากราชการ แต่ทรงตั้งท่านเป็นผู้กำกับการกรมพระตำรวจหลวงและพระราชทานเบี้ยบำนาญเป็นกรณีพิเศษ[15]
เจ้าพระยาราชศุภมิตร ป่วยด้วยโรคชรา ถึงแก่อสัญกรรมเมื่อวันที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2472 ปีมะเส็ง สิริอายุ 74 ปี ได้รับพระราชทานโกศแปดเหลี่ยม ชั้นรอง 2 ชั้น ฉัตรเบญจา 4 คัน ประกอบศพเป็นเกียรติยศ[16] ได้รับพระราชทานเพลิงศพในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2473 ณ เมรุวัดเบญจมบพิตรดุสิตวนารามราชวรวิหาร
ครอบครัว
เจ้าพระยาราชศุภมิตร สมรสกับท่านผู้หญิงแปลก ในปี พ.ศ. 2438 มีบุตรได้แก่ นางวิมลา บุรานนท์ ซึ่งสมรสกับนายประจวบ บุรานนท์ มีบุตรสามคน คือ
- พล.ต.ต.อังกูร บุรานนท์
- นายประวิตร บุรานนท์ และ
- นายทนง บุรานนท์
เจ้าพระยาราชศุภมิตร มีภรรยาอีกหนึ่งคนคือหม่อมกอง และมีบุตรชายคือมหาเสวกเอก พระยาสมบัติบริหาร (เอื้อ ศุภมิตร)[15] ซึ่งส่งไปศึกษาเรื่องป่าไม้ที่ประเทศอินเดีย และรับราชการในกรมป่าไม้ ต่อมาได้เป็นพระยาพระคลังข้างที่ สมรสกับคุณหญิงฟองแก้ว บุตรีหลวงโยธการพิจิตร (หม่องปันโหย่ว) เจ้าของสัมปทานป่าไม้ของเชียงใหม่และกาดต้นลำไย เรือนโบราณในโรงแรมเพชรงาม จ.เชียงใหม่ ร้านอาหารเฮือนโบราณ มีบุตรคือ
- นางสุมิตรา และ
- ร.ต. อานนท์ ศุภมิตร สมรสกับท่านผู้หญิงพึงจิตต์ คุณข้าหลวงผู้ใหญ่ในสมเด็จพระบรมราชินีนาถ (บุตรีหลวงพลหาญสงคราม (จิตร อัคนิทัต) กับนางไสว อัคนิทัต) มีบุตรี 1 คน คือ ดร.จินตนันท์ ชญาต์ร ศุภมิตร สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ปี 2557 ดร.จินตนันท์ มีบุตรี 1 คนคือ ด.ญ.โสภิภาส์ ศุภมิตร ไล
ร.ต อานนท์ ศุภมิตร มีบุตรจากการสมรสครั้งก่อนๆ คือ 1 นางอรอนงค์ -เรือเอกวินัย มงกุฎทอง 2 นางอังศณา -มร. คาส อดัม 3 นายอดิศร ศุภมิตร 4 นายศศิพงษ์ -นางประภา ศุภมิตร 5. นางอุมาภรณ์ เลสลี 6. นายศิริชัย-นางพนิดา ศุภมิตร
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
- เหรียญจักรมาลา (ร.จ.ม.)
อ้างอิง
- เชิงอรรถ
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศกระทรวงมุรธาธร เรื่อง ประกาศพระราชทานนามสกุล ครั้งที่ ๑, เล่ม ๓๐, ตอน ๐ ง, ๒๖ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๕๖, หน้า ๖๕๐
- ↑ เรื่องตั้งเจ้าพระยาในกรุงรัตนโกสินทร์, หน้า 200
- ↑ พระราชทานสัญญาบัตร ตั้งตำแหน่ง (หน้า ๒๘๕ ลำดับที่ ๒๙๔)
- ↑ สัญญาบัตรปีระกาสัปตศก
- ↑ ข่าวพระราชทานสัญญาบัตรเลื่อนตำแหน่งข้าราชการ
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานสัญญาบัตรขุนนาง, เล่ม ๙, ตอน ๓๕, ๒๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๓๕, หน้า ๒๙๑
- ↑ ประกาศกรมยุทธนาธิการ ศาลายุทธนาธิการ
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, ทรงตั้งองคมนตรีและพระราชทานสัญญาบัตร เครื่องราชอิสริยาภรณ์, เล่ม ๑๑, ตอน ๔๕, ๓ กุมภาพันธ์ ร.ศ.๑๑๓, หน้า ๓๘๒-๓
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, กราบถวายบังคมลา, เล่ม ๑๑, ตอน ๔๕, ๓ กุมภาพันธ์ ร.ศ.๑๑๓, หน้า ๓๘๓
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความกรมยุทธนาธิการ เรื่อง ให้พระยารามกำแหง เป็นผู้บัญชาการทหารบก มณฑลกรุงเทพ ฯ ให้พระพิเรนทรเทพ เป็นราชองครักษ์ประจำการในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชเปลี่ยนพระยาราชวัลภานุสิษฐ์, เล่ม ๒๐, ตอน ๔๙, ๖ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๔๖, หน้า ๘๓๕-๖
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความกรมยุทธนาธิการ เรื่อง ให้นายพันโท พระยาอภัยพลภักดิ์ ออกจากตำแหน่งราชองครักษ์ประจำการ และรับพระราชทานเบี้ยบำนาญตามพระราชบัญญัติให้นายพลตรี พระยาราชวัลภานุศิษฎ์เป็นราชองครักษ์ประจำการ, เล่ม ๒๗, ตอน ๐ ง, ๒๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๕๓, หน้า ๒๐๑๒
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, พระบรมราชโองการ ประกาศ พระยาอนุชิตชาญไชย ลาออกจากตำแหน่ง สมุหพระตำรวจ และตั้งพระยาราชวัลภานุศิษฎ์ เป็นสมุหพระตำรวจแทน, เล่ม ๒๙, ตอน ก, ๓๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๕๕, หน้า ๒๙๔-๕
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศเลื่อนยศข้าราชการกรมพระตำรวจหลวงรักษาพระองค์, เล่ม ๓๕, ตอน ง, ๕ มกราคม พ.ศ. ๒๔๖๑, หน้า ๒๗๐๗
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, พระบรมราชโองการ ประกาศ เลื่อนกรม ตั้งกรมและตั้งเจ้าพระยา, เล่ม ๓๗, ตอน ๐ ก, ๑๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๖๓, หน้า ๒๙๗-๓๐๐
- ↑ 15.0 15.1 เรื่องตั้งเจ้าพระยาในกรุงรัตนโกสินทร์, หน้า 203
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, ข่าวถึงอสัญญกรรม, เล่ม ๔๖, ตอน ง, ๒๘ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๒, หน้า ๒๔๙-๒๕๑
- บรรณานุกรม
- สมมตอมรพันธุ์, พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระ. เรื่องตั้งเจ้าพระยาในกรุงรัตนโกสินทร์. กรุงเทพฯ : กรมศิลปากร, 2545. 404 หน้า. หน้า 200-3. ISBN 974-417-534-6
- บุคคลที่เกิดในปี พ.ศ. 2398
- บุคคลที่เสียชีวิตในปี พ.ศ. 2472
- บรรดาศักดิ์ชั้นเจ้าพระยา
- องคมนตรี
- ผู้ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ร.ว.
- ผู้ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ป.จ. (ฝ่ายหน้า)
- ผู้ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ป.ช.
- ผู้ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ป.ม.
- ผู้ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ว.ภ.
- ผู้ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ว.ม.ล.
- ผู้ได้รับเหรียญรัตนาภรณ์ ว.ป.ร.1
- ผู้ได้รับเหรียญ ร.ด.ม.(พ)
- ผู้ได้รับเหรียญจักรมาลา
- ผู้ได้รับเครื่องอิสริยาภรณ์เลฌียงดอเนอร์