ผลต่างระหว่างรุ่นของ "เจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี (เจิม แสง-ชูโต)"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ป้ายระบุ: แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่
ป้ายระบุ: แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่
บรรทัด 59: บรรทัด 59:
* พ.ศ. 2423 ผู้บังคับการกรมทหารหน้า และเป็นนายพันเอก
* พ.ศ. 2423 ผู้บังคับการกรมทหารหน้า และเป็นนายพันเอก
* พ.ศ. 2430 เจ้าพนักงานใหญ่ผู้บัญชาการยุทธภัณฑ์ ในกรมยุทธนาธิการ<ref> [http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2430/013/98.PDF ข่าวตั้งตำแหน่งกรมทหาร] </ref>
* พ.ศ. 2430 เจ้าพนักงานใหญ่ผู้บัญชาการยุทธภัณฑ์ ในกรมยุทธนาธิการ<ref> [http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2430/013/98.PDF ข่าวตั้งตำแหน่งกรมทหาร] </ref>
* พ.ศ. 2430 นายพลตรี<ref> [http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2430/036/280.PDF เปลี่ยนตำแหน่งและเพิ่มบรรดาศักดิ์ทหารที่ไปราชการทัพ] </ref>
* พ.ศ. 2430 นายพลตรี<ref> [http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2430/035/280.PDF เปลี่ยนตำแหน่งและเพิ่มบรรดาศักดิ์ทหารที่ไปราชการทัพ] </ref>
* พ.ศ. 2433 - 2435 ผู้บัญชาการกรมทหารบก
* พ.ศ. 2433 - 2435 ผู้บัญชาการกรมทหารบก
* พ.ศ. 2435 เสนาบดีกระทรวงเกษตรพาณิชการ
* พ.ศ. 2435 เสนาบดีกระทรวงเกษตรพาณิชการ

รุ่นแก้ไขเมื่อ 18:34, 12 มิถุนายน 2563

เจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี (เจิม แสง-ชูโต)
28 มีนาคม พ.ศ. 2394 – 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2474 (80 ปี)
ไฟล์:เจิม แสง-ชูโต.jpg
เจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี (เจิม แสง-ชูโต) ในเครื่องแบบเต็มยศ สวมสายสะพายมหาวราภรณ์ช้างเผือก และสายสร้อยปฐมจุลจอมเกล้า
เกิดที่ ธนบุรี ประเทศสยาม
อนิจกรรมที่ จังหวัดพระนคร ประเทศสยาม
เหล่าทัพ ทหารบก
ยศสูงสุด จอมพล (ทหารบก)
มหาอำมาตย์เอก (พลเรือน)
รับใช้ กองทัพบกไทย
การยุทธ สงครามปราบฮ่อ
กบฏเงี้ยวเมืองแพร่
สงครามญี่ปุ่น-รัสเซีย
บำเหน็จ ปฐมจุลจอมเกล้า
มหาวราภรณ์ช้างเผือก
มหาสุราภรณ์มงกุฎไทย
เหรียญปราบฮ่อ
อาชีพอื่น เสนาบดีกระทรวงเกษตรพาณิชการ (พ.ศ. 2437)

จอมพล มหาอำมาตย์เอก เจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี (เจิม แสง-ชูโต) (28 มีนาคม พ.ศ. 2394 - 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2474) อดีตเสนาบดีกระทรวงเกษตรพาณิชการ และผู้บัญชาการกรมทหารบก

ประวัติ

จอมพล เจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี มีชื่อเดิมว่า เจิม เป็นชาวฝั่งธนบุรี เกิดเมื่อปี พ.ศ. 2394 เป็นบุตรของพระยาสุรศักดิ์มนตรี (แสง ชูโต) กับคุณหญิงเดิม บุนนาค และเป็นหลานปู่ของพระยาสุรเสนา (สวัสดิ์ ชูโต) เป็นเหลนของ เจ้าคุณชูโต พระเชษฐาของสมเด็จพระอมรินทราบรมราชินี พระบรมราชินีในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช เนื่องจากมารดาถึงแก่กรรม ท่านเจิมจึงได้บวชเณรที่วัดพิชยญาติการามวรวิหาร เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับมารดา จึงมีโอกาสเรียนหนังสือที่วัดพิชัยญาติ

กระทั่ง อายุ 15 ปี ได้เข้าเรียน ที่สำนักสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) ที่สมุหกลาโหม หลังจากเรียนจนชำนาญ ได้เข้าถวายตัวเป็นมหาดเล็ก ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยเมื่อครั้งที่เสด็จเสวยราชสมบัติแรก ๆ ได้โปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้งกรมทหารมหาดเล็ก เพื่อฝึกสอนวิชาทหาร ท่านเจิมจึงได้รับบรรจุเป็นมหาดเล็กหมายเลข 1 นอกจากนี้ ยังโปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้งเป็นกองทหารองครักษ์ ซึ่งต่อมาเป็น กรมทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ในปัจจุบัน

เจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี (เจิม แสง-ชูโต) เมื่อครั้งเป็นจมื่นสราภัยสฤษดิ์การ อุปทูต ณ เมืองปัตตาเวีย

ครั้น เมื่อปี พ.ศ. 2414 เจิม แสงชูโต ได้รับยศนายร้อยตรี ตำแหน่งผู้บังคับกองร้อยที่ 6 มีบรรดาศักดิ์เป็น "หลวงศัลยุทธสรกรร" และตามเสด็จประพาสอินเดีย จึงได้เปลี่ยนบรรดาศักดิ์ใหม่เป็น "หลวงศัลยุทธวิธีการ" โดยต่อมา ได้รับโปรดเกล้าฯ เป็น "จมื่นสราภัยสฤษดิ์การ" เนื่องจากเป็นอุปทูตไปยังเมืองปัตตาเวีย

ต่อมาใน ปี พ.ศ. 2421 รัฐบาลไทยกับกงสุลอังกฤษเกิดข้อบาดหมางกัน พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพระยาภาสกรวงศ์ (พร บุนนาค) เป็นราชทูตออกไปยังประเทศอังกฤษ และจมื่นสราภัยสฤษดิ์การเป็นอุปทูตร่วมคณะ จนกระทั่งเรื่องราวสงบเรียบร้อย จึงได้รับความดีความชอบ เลื่อนเป็น "จมื่นไวยวรนาถ"

ปี พ.ศ. 2426 เกิดเหตุโจรผู้ร้ายชุกชุมที่เมืองสุพรรณบุรี จมื่นไวยวรนาถได้รับมอบหมายให้ไปปราบ ซึ่งสามารถปราบได้สำเร็จ รวมทั้งปราบโจรผู้ร้ายจากทางหัวเมืองตะวันออกด้วย ในปี พ.ศ. 2428 ยังได้รับหน้าที่ให้เป็นแม่ทัพปราบฮ่อที่หัวเมืองลาว และในปี พ.ศ. 2436

ได้รับหน้าที่ไปปราบฮ่ออีกครั้งหนึ่ง โดยคิดค้นและผลิตลูกระเบิดขึ้นใช้ในการรบ จนกระทั่งปราบฮ่อได้สำเร็จราบคาบ

จมื่นไวยวรนารถได้ริเริ่มวางแผนการ ก่อตั้งโรงไฟฟ้าขึ้นใช้ในกองทัพบก และเชิญชวนให้มีการเข้าหุ้นตั้งโรงไฟฟ้า ซึ่งท่านนำไฟฟ้ามาใช้ ในประเทศไทยเป็นครั้งแรก โดยในปี พ.ศ. 2433 มีการจัดตั้งโรงไฟฟ้า ที่วัดเลียบ จนกระทั่งกิจการไฟฟ้าก้าวหน้ามากขึ้น เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน ทำให้ประชาชนทั่วไป ได้รับความสะดวกสบาย และมีไฟฟ้าใช้กันเรื่อยมา นอกจากนี้ ยังเป็นผู้ดำเนินการจัดตั้งโรงทหารหน้า (ปัจจุบัน เป็นที่ตั้งของกระทรวงกลาโหม) โดยแต่เดิม เป็นที่ตั้งของฉางหลวงเก่าด้วย

ภายหลัง จากการปราบกบฏฮ่อ ได้สำเร็จถึง 2 ครั้ง ในปี พ.ศ. 2435 จึงได้รับพระราชทานโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้เป็นเสนาบดีกระทรวงเกษตร และต่อมาในปี พ.ศ. 2439 จึงได้รับการโปรดเกล้าฯ สถาปนาเป็น เจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี นฤบดีมหาสวามิภักดิ์ สัตยรักษ์เมตยาชวาศรัย ยุทธสมัยสมันตโกศล อณิกมณฑลอุขสุปรีย์ เสนานีอุดมเดช พิเศษสาธุคุณสุนทรพจน์ อดุลยยศเสนาบดี ศรีรัตนไตรยวุฒิธาดา อภัยพิริยปรากรมพาหุ[1] ดำรงศักดินา 10,000 ต่อมาได้รับหน้าที่เป็นแม่ทัพ ไปปราบกบฏเงี้ยวเมืองแพร่ ซึ่งก่อการจลาจลที่หัวเมืองเหนือ เมื่อปี พ.ศ. 2445[2]

เจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี รับใช้ราชการ มาจนกระทั่งสมัยรัชการที่ 6 โดยได้รับตำแหน่งรัฐมนตรี และได้รับพระราชทานนามสกุลว่า "แสงชูโต" ซึ่งในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 ได้ทรงพระราชทานยศให้เป็น "จอมพล เจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี" ในฐานะที่มีคุณงามความดีต่อประเทศชาติ

เจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรีเมื่อครั้งเป็นเจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรีดำรงตำแหน่งเป็นผู้ว่าการมณฑลปราจีนบุรี ท่านได้ยกตำแหน่ง ต.ศรีราชา ใน อ.บางพระ จ.ชลบุรี ขึ้นเป็น อ.ศรีราชา และลด อ.บางพระ เป็น ต.บางพระ สังกัด อ.ศรีราชา ท่านจึงถือเป็นผู้ก่อตั้งอำเภอศรีราชา

จอมพล เจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี ป่วยด้วยโรคตับอ่อนพิการ ถึงอสัญกรรมเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2474 เย็นวันรุ่งขึ้น สมเด็จพระเจ้าพี่ยาเธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต เสด็จพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ ประกอบโกศไม้สิบสองตั้งบนชั้น 2 ฉัตรเบญจา 10 คัน พระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรมมีกำหนด 15 วัน[3] ต่อมาวันที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2475 เวลา 17.30 น. พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จฯ ในการพระราชทานเพลิงศพ ณ เมรุหลวงหน้าพลับพลาอิศริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาส วันต่อมา เวลา 7.00 น. เจ้าภาพจึงเก็บอัฐิ[4]

ต่อมาค่ายสุรศักดิ์มนตรี จังหวัดลำปาง ได้สร้างอนุสาวรีย์ขึ้น เพื่อเป็นอนุสรณ์ ในการเป็นแม่ทัพสำคัญที่ได้ยกพลไปปราบกบฏเงี้ยว และได้มาพัก ณ บริเวณค่ายสุรศักดิ์มนตรีแห่งนี้ โดยได้ทำพิธีเปิดอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2504[5]เทศบาลเมืองศรีราชาและประชาชนชาวศรีราชานำโดย นายอำเภอในสมัยนั้นได้ร่วมกันหล่ออนุสาวรีย์เจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรีขึ้นเพื่อประดิษฐานบริเวณหน้าที่ว่าการเทศบาลและที่มุขทิศตะวันตกพระอุโบสถวัดศรีมหาราชา

อนุสาวรีย์

  • อนุสาวรีย์จอมพล มหาอำมาตย์เอก เจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี โรงเรียนสุรศักดิ์มนตรี
  • อนุสาวรีย์จอมพลเจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี ค่ายสุรศักดิ์มนตรี จังหวัดลำปาง
  • อนุสาวรีย์จอมพล มหาอำมาตย์เอก เจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี ที่ว่าการเทศบาลเมืองศรีราชา จ.ชลบุรี
  • อนุสาวรีย์จอมพล มหาอำมาตย์เอก เจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี หลังพระอุโบสถวัดศรีมหาราชา อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี
  • อนุสาวรีย์จอมพล มหาอำมาตย์เอก เจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี หน้าหอประชุมจอมพลมหาอำมาตย์เอกเจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี

ประวัติรับราชการ

จอมพล เจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี (เจิม แสง-ชูโต) เมื่อครั้งเป็นนายพันเอก เจ้าหมื่นไวยวรนาถ แม่ทัพปราบฮ่อฝ่ายไทยใน พ.ศ. 2428 - 2430 (นั่งทางซ้าย) ถ่ายรูปคู่กับเจ้าราชวงศ์ (คำสุก) แห่งหลวงพระบางที่กองบัญชาการเมืองซ่อน
  • มหาดเล็กหลวง ในรัชกาลที่ 4 ในตำแหน่งมหาดเล็กวิเศษ สังกัดเวรฤทธิ์
  • ทหารมหาดเล็ก ในรัชกาลที่ 5 ยศนายร้อยตรี
  • พ.ศ. 2416 นายร้อยโท และต่อมาเลื่อนขึ้นเป็นนายร้อยเอก
  • พ.ศ. 2423 ผู้บังคับการกรมทหารหน้า และเป็นนายพันเอก
  • พ.ศ. 2430 เจ้าพนักงานใหญ่ผู้บัญชาการยุทธภัณฑ์ ในกรมยุทธนาธิการ[6]
  • พ.ศ. 2430 นายพลตรี[7]
  • พ.ศ. 2433 - 2435 ผู้บัญชาการกรมทหารบก
  • พ.ศ. 2435 เสนาบดีกระทรวงเกษตรพาณิชการ
  • พ.ศ. 2439 เป็นเจ้าพระยา
  • พ.ศ. 2441 นายพลโท [8]
  • 20 สิงหาคม พ.ศ. 2454 - มหาอำมาตย์เอก (นอกราชการสังกัดกระทรวงเกษตราธิการ)[9]
  • 31 มีนาคม พ.ศ. 2468 (2469 นับแบบปัจจุบัน) จอมพล [10]

เจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี ได้ให้เงินแก่โรงเรียนมัธยมวัดเบญจมบพิตร ปีละ 100 บาท สำหรับเป็นทุนเล่าเรียนแก่นักเรียนที่สอบไล่ได้ที่ 1 ในชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5,6,7 ตั้งแต่พ.ศ. 2464 ตลอดจนชีวิตของท่าน เรียกชื่อทุนเล่าเรียนนี้ว่า"สุรศักดิ์สกอลาร์ชิป"[11]

ครอบครัว

เจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี มีภริยาชื่อ ไร บุนนาค บุตรีเจ้าพระยาสุรวงษ์ไวยวัฒน์ (วร บุนนาค) ภายหลังที่คุณไร บุนนาค ถึงแก่กรรม ได้สมรสกับ ท่านเลี่ยม พรตพิทยพยัต (น้องสาวคุณไร)

เครื่องราชอิสริยาภรณ์

จอมพล มหาอำมาตย์เอก เจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ดังนี้ [12]

อ้างอิง

  1. ราชกิจจานุเบกษา, พระบรมราชโองการ ประกาศ ในการพระราชทานสุพรรณบัตรและหิรัญบัตร, เล่ม ๑๓, ตอน ๓๔, ๒๒ พฤศจิกายน ๒๔๓๙, หน้า ๖๑๔
  2. ดูต่อที่ ปรีดี หงษ์สต้น. (2559, ส.ค.-2560, ก.ค.). สมบูรณาญาสิทธิราชย์ปราบเงี้ยว พ.ศ. 2445: กึ่งอาณานิคม การใช้กำลังทางทหาร และความเป็นชาย. วารสารประวัติศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. 41. น. 152-162.
  3. "ข่าวถึงอสัญกรรม" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 48 (ง): 1083–5. 5 กรกฎาคม 2574. {{cite journal}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |date= (help)
  4. "หมายกำหนดการ ที่ ๑๐/๒๔๗๕ พระราชทานเพลิงศพ พระภิกษุทรงสมณศักดิ์ และ ข้าทูลละอองธุลีพระบาท ณ เมรุวัดเทพศิรินทราวาส พุทธศักราช ๒๔๗๖" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 49 (0 ง): 4286–7. 12 มีนาคม 2575. {{cite journal}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |date= (help)
  5. http://www.pakxe.com/home/modules.php?name=Content&pa=showpage&pid=803 ประวัติจอมพลเจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี อ้าง 2010-12-21
  6. ข่าวตั้งตำแหน่งกรมทหาร
  7. เปลี่ยนตำแหน่งและเพิ่มบรรดาศักดิ์ทหารที่ไปราชการทัพ
  8. พระราชทานสัญญาบัตรทหาร
  9. พระบรมราชโองการ ประกาศพระราชทานยศ แก่ข้าราชการกระทรวงเกษตราธิการ (หน้า ๑๐๒๖)
  10. พระราชทานยศทหารบก
  11. ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความกระทรวงศึกษาธิการ แผนกกรมสามัญศึกษา เรื่อง ให้เงินเป็นทุนเล่าเรียนแก่นักเรียนโรงเรียนมัธยมวัดเบญจมบพิตร, เล่ม ๓๗, ตอน ๐, ๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๖๓, หน้า๓๗๗๓
  12. ผู้บัญชาการทหารบก ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน,
  13. ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเครื่องราชอิศริยาภรณ์, เล่ม ๑๘, ๑๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๔๔, หน้า ๘๗๓
  14. พระราชทานเหรียญปราบฮ่อ
  15. พระราชทานเหรียญรัตนาภรณ์รัชกาลที่ ๔
  16. 16.0 16.1 16.2 ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเหรียญดุษฎีมาลา, เล่ม ๒๓, ตอน ๒๔, ๙ กันยายน พ.ศ. ๒๔๔๙, หน้า ๖๑๓

งานศึกษาที่เกี่ยวข้อง


ก่อนหน้า เจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี (เจิม แสง-ชูโต) ถัดไป
พลเอก สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ
กรมพระยาดำรงราชานุภาพ
ผู้บัญชาการกรมทหารบก
(15 เมษายน พ.ศ. 2433 - 27 มีนาคม พ.ศ. 2435)
จอมพล สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ
เจ้าฟ้าฯ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช