ผลต่างระหว่างรุ่นของ "พระพณิชยสารวิเทศ (ผาด มนตธาตุผลิน)"
ไม่มีความย่อการแก้ไข ป้ายระบุ: เครื่องมือแก้ไขต้นฉบับปี 2560 |
|||
บรรทัด 8: | บรรทัด 8: | ||
| predecessor = [[พระยาบรมบาทบำรุง (พิณ ศรีวรรธนะ)]] |
| predecessor = [[พระยาบรมบาทบำรุง (พิณ ศรีวรรธนะ)]] |
||
| successor = [[พระยาภะรตราชา (หม่อมหลวงทศทิศ อิศรเสนา)|มหาอำมาตย์ตรี พระยาภะรตราชา (หม่อมหลวงทศทิศ อิศรเสนา)]] |
| successor = [[พระยาภะรตราชา (หม่อมหลวงทศทิศ อิศรเสนา)|มหาอำมาตย์ตรี พระยาภะรตราชา (หม่อมหลวงทศทิศ อิศรเสนา)]] |
||
| birth_date = 11 มกราคม พ.ศ.2431 |
| birth_date = 11 มกราคม พ.ศ. 2431 |
||
| birth_place = จังหวัดธนบุรี |
| birth_place = จังหวัดธนบุรี |
||
| death_date = 30 ธันวาคม พ.ศ.2513 ({{อายุปีและวัน|2431|01|11|2513|12|30}}) |
| death_date = 30 ธันวาคม พ.ศ. 2513 ({{อายุปีและวัน|2431|01|11|2513|12|30}}) |
||
| death_place = |
| death_place = |
||
| father = นายสิบเอกพร้อม มนธาตุผลิน |
| father = นายสิบเอกพร้อม มนธาตุผลิน |
||
บรรทัด 21: | บรรทัด 21: | ||
}} |
}} |
||
'''อำมาตย์เอก พระพณิชยสารวิเทศ (ผาด มนธาตุผลิน)''' อดีตผู้บังคับการ[[วชิราวุธวิทยาลัย]] เกิดเมื่อวันที่ 11 มกราคม พ.ศ.2431 เป็นบุตรคนแรกของนายสิบเอกพร้อม มนธาตุผลิน นายทหารสังกัดกรมทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ และนางทองอยู่ มนธาตุผลิน เกิดที่บ้านข้างวัดศรีสุดาลัย (วัดหนัง) ตำบลบางค้อ อำเภอบางขุนเทียน จังหวัดธนบุรี |
'''อำมาตย์เอก พระพณิชยสารวิเทศ (ผาด มนธาตุผลิน)''' อดีตผู้บังคับการ[[วชิราวุธวิทยาลัย]] เกิดเมื่อวันที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2431 เป็นบุตรคนแรกของนายสิบเอกพร้อม มนธาตุผลิน นายทหารสังกัดกรมทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ และนางทองอยู่ มนธาตุผลิน เกิดที่บ้านข้างวัดศรีสุดาลัย (วัดหนัง) ตำบลบางค้อ อำเภอบางขุนเทียน จังหวัดธนบุรี |
||
== ประวัติ == |
== ประวัติ == |
||
เมื่อยังเล็กบิดาได้ให้ไปหัดหนังสือกับพระครูภาวนาโกศล (พระครูทอง) เจ้าอาวาสวัดศรีสุดาลัย (วัดหนัง) เมื่ออายุได้ 8 ขวบ เข้าเรียนที่โรงเรียนวัดศรีสุดาราม (วัดชีปะขาว) และเข้าศึกษาที่โรงเรียนวัดประยุรวงศาวาส และโรงเรียนมัธยมวัดราชบูรณะ ท่านผู้ใหญ่เห็นว่าเป็นเด็กที่มีความสามารถในการศึกษา จึงสนับสนุนให้เรียนชั้นสูง โดยนำตัวไปฝากกับ[[เจ้าพระยาพระเสด็จสุเรนทราธิบดี (หม่อมราชวงศ์เปีย มาลากุล)]] เพื่อให้เป็นมหาดเล็กในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เจ้าพระยาพระเสด็จฯ ได้ส่งเข้าโรงเรียนมัธยมสายสวลี และได้ย้ายไปเรียนที่โรงเรียนสวนกุหลาบ จนจบมัธยม 6 ก็ออกเพราะโรงเรียนย้ายไปที่อื่นทำให้เดินทางลำบาก |
เมื่อยังเล็กบิดาได้ให้ไปหัดหนังสือกับพระครูภาวนาโกศล (พระครูทอง) เจ้าอาวาสวัดศรีสุดาลัย (วัดหนัง) เมื่ออายุได้ 8 ขวบ เข้าเรียนที่โรงเรียนวัดศรีสุดาราม (วัดชีปะขาว) และเข้าศึกษาที่โรงเรียนวัดประยุรวงศาวาส และโรงเรียนมัธยมวัดราชบูรณะ ท่านผู้ใหญ่เห็นว่าเป็นเด็กที่มีความสามารถในการศึกษา จึงสนับสนุนให้เรียนชั้นสูง โดยนำตัวไปฝากกับ[[เจ้าพระยาพระเสด็จสุเรนทราธิบดี (หม่อมราชวงศ์เปีย มาลากุล)]] เพื่อให้เป็นมหาดเล็กในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เจ้าพระยาพระเสด็จฯ ได้ส่งเข้าโรงเรียนมัธยมสายสวลี และได้ย้ายไปเรียนที่โรงเรียนสวนกุหลาบ จนจบมัธยม 6 ก็ออกเพราะโรงเรียนย้ายไปที่อื่นทำให้เดินทางลำบาก |
||
ต่อมาบิดาจึงนำไปฝากกับพระยาสังกรณ์ (ตาบ จารุรัตน์) ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์เพื่อให้ฝึกงานในศาลและเรียนกฎหมาย แต่เจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรีแนะนำว่าไม่ควรทิ้งภาษาอังกฤษที่เรียนมาจึงขอให้มาเข้าโรงเรียนฝึกหัดครู และทำการสอนภาษาอังกฤษอยู่ที่โรงเรียนวัดอนงคาราม และย้ายไปสอนยังโรงเรียนบ้านสมเด็จเจ้าพระยา สอนอยู่ปีเศษจึงได้ทุนรัฐบาลไปศึกษาที่โชรสเบอรี่ พับลิกสกูล ประเทศอังกฤษ เมื่อ พ.ศ.2452 แล้วจึงเข้าศึกษาต่อยังมหาวิทยาลัยมิงแฮมทางด้านพาณิชยการและวิชาครู |
ต่อมาบิดาจึงนำไปฝากกับพระยาสังกรณ์ (ตาบ จารุรัตน์) ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์เพื่อให้ฝึกงานในศาลและเรียนกฎหมาย แต่เจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรีแนะนำว่าไม่ควรทิ้งภาษาอังกฤษที่เรียนมาจึงขอให้มาเข้าโรงเรียนฝึกหัดครู และทำการสอนภาษาอังกฤษอยู่ที่โรงเรียนวัดอนงคาราม และย้ายไปสอนยังโรงเรียนบ้านสมเด็จเจ้าพระยา สอนอยู่ปีเศษจึงได้ทุนรัฐบาลไปศึกษาที่โชรสเบอรี่ พับลิกสกูล ประเทศอังกฤษ เมื่อ พ.ศ. 2452 แล้วจึงเข้าศึกษาต่อยังมหาวิทยาลัยมิงแฮมทางด้านพาณิชยการและวิชาครู |
||
==ชีวิตครอบครัว== |
==ชีวิตครอบครัว== |
||
พระพณิชยสารวิเทศ สมรสกับนางสาวเสงี่ยม สุวรรณปัทม์ บุตรี พระบาสวัสดิคิริศรีสมันตราษฎร์นายก อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ.2458 มีบุตร ธิดารวม 8 คนคือ |
พระพณิชยสารวิเทศ สมรสกับนางสาวเสงี่ยม สุวรรณปัทม์ บุตรี พระบาสวัสดิคิริศรีสมันตราษฎร์นายก อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ. 2458 มีบุตร ธิดารวม 8 คนคือ |
||
* นายผงาด มนธาตุผลิน |
* นายผงาด มนธาตุผลิน |
||
* นางสาวสงบ มนธาตุผลิน |
* นางสาวสงบ มนธาตุผลิน |
||
บรรทัด 40: | บรรทัด 40: | ||
==ตำแหน่งหน้าที่การงาน== |
==ตำแหน่งหน้าที่การงาน== |
||
เมื่อสำเร็จการศึกษาจากต่างประเทศ ในปี พ.ศ.2457 ก็ได้รับราชการที่กระทรวงศึกษาธิการครั้งแรกในตำแหน่งอาจารย์โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ได้รับพระราชทานยศบรรดาศักดิ์ เป็นรองอำมาตย์เอก หลวงพณิชยสารวิเทศ เมื่อวันที่ 6 มีนาคม พ.ศ.2458 และได้รับเชิญจากอธิบดีกรมศึกษาธิการให้ไปสอนพิเศษในวิชาบัญชี ภูมิศาสตร์ และภาษาอังกฤษแก่เสมียนในเวลากลางคืน และสอนพิเศษวิชาอังกฤษแก่นักเรียนเพาะช่าง |
เมื่อสำเร็จการศึกษาจากต่างประเทศ ในปี พ.ศ. 2457 ก็ได้รับราชการที่กระทรวงศึกษาธิการครั้งแรกในตำแหน่งอาจารย์โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ได้รับพระราชทานยศบรรดาศักดิ์ เป็นรองอำมาตย์เอก หลวงพณิชยสารวิเทศ เมื่อวันที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2458 และได้รับเชิญจากอธิบดีกรมศึกษาธิการให้ไปสอนพิเศษในวิชาบัญชี ภูมิศาสตร์ และภาษาอังกฤษแก่เสมียนในเวลากลางคืน และสอนพิเศษวิชาอังกฤษแก่นักเรียนเพาะช่าง |
||
พ.ศ.2459 ได้รับแต่งตั้งเป็นอาจารย์ใหญ่โรงเรียนมหาวชิราวุธ จังหวัดสงขลา ได้รับพระราชทานยศเป็นอำมาตย์ตรี และท่านได้สมัครเข้าเป็นเสือป่า ในกองเสือป่าหลวงรักษาดินแดน มณฑลนครศรีธรรมราช เป็นผู้บังคับกองร้อยที่ 2 ด้วย |
พ.ศ. 2459 ได้รับแต่งตั้งเป็นอาจารย์ใหญ่โรงเรียนมหาวชิราวุธ จังหวัดสงขลา ได้รับพระราชทานยศเป็นอำมาตย์ตรี และท่านได้สมัครเข้าเป็นเสือป่า ในกองเสือป่าหลวงรักษาดินแดน มณฑลนครศรีธรรมราช เป็นผู้บังคับกองร้อยที่ 2 ด้วย |
||
พ.ศ.2465 ได้ย้ายมารับตำแหน่งอาจารย์ใหญ่โรงเรียนวัดเบญจบพิตรอยู่ 4 ปี ได้รับพระราชทานยศ บรรดาศักดิ์เป็น อำมาตย์โท พระพณิชยสารวิเทศ เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2466 |
พ.ศ. 2465 ได้ย้ายมารับตำแหน่งอาจารย์ใหญ่โรงเรียนวัดเบญจบพิตรอยู่ 4 ปี ได้รับพระราชทานยศ บรรดาศักดิ์เป็น อำมาตย์โท พระพณิชยสารวิเทศ เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2466 |
||
จากนั้นย้ายมาเป็นผู้กำกับคณะในโรงเรียนมหาดเล็กหลวง (ซึ่งในขณะนั้นชื่อคณะ ใช้ชื่อตามราชทินนามของผู้กำกับคณะ ซึ่งคือ คณะพณิชยสารวิเทศ หรือคณะพญาไท วชิราวุธวิทยาลัยในปัจจุบัน) |
จากนั้นย้ายมาเป็นผู้กำกับคณะในโรงเรียนมหาดเล็กหลวง (ซึ่งในขณะนั้นชื่อคณะ ใช้ชื่อตามราชทินนามของผู้กำกับคณะ ซึ่งคือ คณะพณิชยสารวิเทศ หรือคณะพญาไท วชิราวุธวิทยาลัยในปัจจุบัน) |
||
วันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ.2469 พระวรวงศ์เธอ กรมหมื่นพิทยลาภพฤฒิยากร เสนาบดีกระทรวงธรรมการโปรดให้ย้ายไปทำงานในหน้าที่การเงินในกระทรวง เป็นผู้ตรวจบัญชี (หลังจากเปลี่ยนแปลงการปกครองแล้วจึงเปลี่ยนเป็นชื่อตำแหน่งหัวหน้ากองคลัง และยังเป็นหัวหน้ากองศาสนสมบัติที่โอนมาจากกระทรวงวังด้วย หากธรรมการจังหวัด ธรรมการมณฑลใดมีเรื่องเกี่ยวกับการเงิน ต้องให้ท่านออกไปสะสางทุกราย) |
วันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2469 พระวรวงศ์เธอ กรมหมื่นพิทยลาภพฤฒิยากร เสนาบดีกระทรวงธรรมการโปรดให้ย้ายไปทำงานในหน้าที่การเงินในกระทรวง เป็นผู้ตรวจบัญชี (หลังจากเปลี่ยนแปลงการปกครองแล้วจึงเปลี่ยนเป็นชื่อตำแหน่งหัวหน้ากองคลัง และยังเป็นหัวหน้ากองศาสนสมบัติที่โอนมาจากกระทรวงวังด้วย หากธรรมการจังหวัด ธรรมการมณฑลใดมีเรื่องเกี่ยวกับการเงิน ต้องให้ท่านออกไปสะสางทุกราย) |
||
วันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ.2472 ได้รับตำแหน่งเป็นผู้ช่วยปลัดทูลฉลองกระทรวงธรรมการ แล้วจึงได้รับพระราชทานยศเป็น อำมาตย์เอก |
วันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2472 ได้รับตำแหน่งเป็นผู้ช่วยปลัดทูลฉลองกระทรวงธรรมการ แล้วจึงได้รับพระราชทานยศเป็น อำมาตย์เอก |
||
วันที่ 24 เมษายน พ.ศ.2477 ท่านได้รับตำแหน่งเป้นผู้รักษาการแทนในตำแหน่งอธิบดีกรมศึกษาธิการ |
วันที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2477 ท่านได้รับตำแหน่งเป้นผู้รักษาการแทนในตำแหน่งอธิบดีกรมศึกษาธิการ |
||
วันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ.2478 มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้ดำรงตำแหน่งผู้บังคับการวชิราวุธวิทยาลัย <ref>ราชกิจจานุเบกษา,[http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2478/D/1451.PDF ประกาศเปลี่ยนกรรมการจัดการและผู้บังคับการวชิราวุธวิทยาลัยในพระบรมราชูปถัมภ์] เล่ม 52 หน้า 1451 วันที่ 4 สิงหาคม พ.ศ.2478</ref> และออกรับพระราชทานบำนาญเมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ.2480 แต่ยังคงเป็นผู้บังคับการวชิราวุธวิทยาลัยต่อจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ.2485 สาเหตุที่ลาออกเพราะไม่ใคร่สบายเกี่ยวกับโรคกระเพาะ แต่ก็ยังมีผู้เชิญไปสอนพิเศษยังที่ต่างๆ เช่น มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โรงเรียนเทเวศน์ศึกษา |
วันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2478 มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้ดำรงตำแหน่งผู้บังคับการวชิราวุธวิทยาลัย <ref>ราชกิจจานุเบกษา,[http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2478/D/1451.PDF ประกาศเปลี่ยนกรรมการจัดการและผู้บังคับการวชิราวุธวิทยาลัยในพระบรมราชูปถัมภ์] เล่ม 52 หน้า 1451 วันที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2478</ref> และออกรับพระราชทานบำนาญเมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2480 แต่ยังคงเป็นผู้บังคับการวชิราวุธวิทยาลัยต่อจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2485 สาเหตุที่ลาออกเพราะไม่ใคร่สบายเกี่ยวกับโรคกระเพาะ แต่ก็ยังมีผู้เชิญไปสอนพิเศษยังที่ต่างๆ เช่น มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โรงเรียนเทเวศน์ศึกษา |
||
ต่อมาเมื่อ พ.ศ.2492 พระยาสฤษดิการบรรจง อาจารย์ใหญ่โรงเรียนวิศวกรรมรถไฟได้เชิญท่านไปสอนที่โรงเรียน และบรรจุเป็นข้าราชการรถไฟด้วย และสอนอยู่จนเกษียณอายุ |
ต่อมาเมื่อ พ.ศ. 2492 พระยาสฤษดิการบรรจง อาจารย์ใหญ่โรงเรียนวิศวกรรมรถไฟได้เชิญท่านไปสอนที่โรงเรียน และบรรจุเป็นข้าราชการรถไฟด้วย และสอนอยู่จนเกษียณอายุ |
||
== เครื่องราชอิสริยาภรณ์ == |
== เครื่องราชอิสริยาภรณ์ == |
||
บรรทัด 63: | บรรทัด 63: | ||
== ผู้บังคับการวชิราวุธวิทยาลัย == |
== ผู้บังคับการวชิราวุธวิทยาลัย == |
||
เมื่อพระยาบรมบาทบำรุง (พิณ ศรีวะะธนะ) ได้พ้นจากหน้าที่ผู้บังคับการวชิราวุธวิทยาลัย จึงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้พระพณิชยสารวิเทศย้ายจากกระทรวงธรรมการมาดำรงตำแหน่งผู้บังคับการวชิราวุธวิทยาลัย เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ.2478 จึงขาดจากราชการกระทรวงศึกษาธิการอีกครั้ง และโดยที่คณะรัฐมนตรีในยุคแรกเปลี่ยนแปลงการปกครองได้มีมติว่า วชิราวุธวิทยาลัยเป็นโรงเรียนราษฎร์ แต่ครูและพนักงานเป็นข้าราชการสังกัดกระทรวงศึกษาธิการจึงไม่ชอบด้วยแนวนโยบายแห่งรัฐ จึงให้ปลดครูและพนักงานทั้งหมดออกจากราชการ เพื่อสนองนโยบายของรัฐ เมื่อพระพณิชยสารวิเทศย้ายมาดำรงตำแหน่งผู้บังคับการวชิราวุธวิทยาลัย จึงได้ลาออกจากราชการเมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ.2480 และมีพระบรมราชโองการให้พ้นจากตำแหน่งผู้บังคับการวชิราวุธวิทยาลัยเมื่อวันที่ 1 มกราคม พ.ศ.2486 |
เมื่อพระยาบรมบาทบำรุง (พิณ ศรีวะะธนะ) ได้พ้นจากหน้าที่ผู้บังคับการวชิราวุธวิทยาลัย จึงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้พระพณิชยสารวิเทศย้ายจากกระทรวงธรรมการมาดำรงตำแหน่งผู้บังคับการวชิราวุธวิทยาลัย เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2478 จึงขาดจากราชการกระทรวงศึกษาธิการอีกครั้ง และโดยที่คณะรัฐมนตรีในยุคแรกเปลี่ยนแปลงการปกครองได้มีมติว่า วชิราวุธวิทยาลัยเป็นโรงเรียนราษฎร์ แต่ครูและพนักงานเป็นข้าราชการสังกัดกระทรวงศึกษาธิการจึงไม่ชอบด้วยแนวนโยบายแห่งรัฐ จึงให้ปลดครูและพนักงานทั้งหมดออกจากราชการ เพื่อสนองนโยบายของรัฐ เมื่อพระพณิชยสารวิเทศย้ายมาดำรงตำแหน่งผู้บังคับการวชิราวุธวิทยาลัย จึงได้ลาออกจากราชการเมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2480 และมีพระบรมราชโองการให้พ้นจากตำแหน่งผู้บังคับการวชิราวุธวิทยาลัยเมื่อวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2486 |
||
== ถึงแก่กรรม == |
== ถึงแก่กรรม == |
||
พระพณิชยสารวิเทศ ถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 30 ธันวาคม พ.ศ.2513 ด้วยโรคเส้นโลหิตในสมองแตก สิริอายุ 83 ปี |
พระพณิชยสารวิเทศ ถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2513 ด้วยโรคเส้นโลหิตในสมองแตก สิริอายุ 83 ปี |
||
== อ้างอิง == |
== อ้างอิง == |
||
บรรทัด 83: | บรรทัด 83: | ||
| ถัดไป = [[พระยาภะรตราชา (หม่อมหลวงทศทิศ อิศรเสนา)|มหาอำมาตย์ตรี พระยาภะรตราชา <br>(หม่อมหลวงทศทิศ อิศรเสนา)]] |
| ถัดไป = [[พระยาภะรตราชา (หม่อมหลวงทศทิศ อิศรเสนา)|มหาอำมาตย์ตรี พระยาภะรตราชา <br>(หม่อมหลวงทศทิศ อิศรเสนา)]] |
||
| จำนวนถัดไป = |
| จำนวนถัดไป = |
||
| ช่วงเวลา = 1 สิงหาคม พ.ศ.2478 - 1 มกราคม พ.ศ.2486 |
| ช่วงเวลา = 1 สิงหาคม พ.ศ. 2478 - 1 มกราคม พ.ศ. 2486 |
||
}} |
}} |
||
{{จบกล่อง}} |
{{จบกล่อง}} |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 01:27, 2 มิถุนายน 2563
บทความนี้ยังไม่ได้รับการจัดหมวดหมู่ คุณสามารถช่วยปรับปรุงแก้ไข โดยการเพิ่มหมวดหมู่ที่เหมาะสมลงในบทความนี้ เพื่อจัดระเบียบบทความที่เกี่ยวข้องกัน ดูเพิ่มที่ โครงการจัดหมวดหมู่ |
อำมาตย์เอก พระพณิชยสารวิเทศ (ผาด มนธาตุผลิน) | |
---|---|
ผู้บังคับการวชิราวุธวิทยาลัย | |
ดำรงตำแหน่ง 1 สิงหาคม พ.ศ. 2478 – 1 มกราคม พ.ศ. 2486 (7 ปี 153 วัน) | |
ก่อนหน้า | พระยาบรมบาทบำรุง (พิณ ศรีวรรธนะ) |
ถัดไป | มหาอำมาตย์ตรี พระยาภะรตราชา (หม่อมหลวงทศทิศ อิศรเสนา) |
ข้อมูลส่วนบุคคล | |
เกิด | 11 มกราคม พ.ศ. 2431 จังหวัดธนบุรี |
เสียชีวิต | 30 ธันวาคม พ.ศ. 2513 (82 ปี 353 วัน) |
บุพการี |
|
อำมาตย์เอก พระพณิชยสารวิเทศ (ผาด มนธาตุผลิน) อดีตผู้บังคับการวชิราวุธวิทยาลัย เกิดเมื่อวันที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2431 เป็นบุตรคนแรกของนายสิบเอกพร้อม มนธาตุผลิน นายทหารสังกัดกรมทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ และนางทองอยู่ มนธาตุผลิน เกิดที่บ้านข้างวัดศรีสุดาลัย (วัดหนัง) ตำบลบางค้อ อำเภอบางขุนเทียน จังหวัดธนบุรี
ประวัติ
เมื่อยังเล็กบิดาได้ให้ไปหัดหนังสือกับพระครูภาวนาโกศล (พระครูทอง) เจ้าอาวาสวัดศรีสุดาลัย (วัดหนัง) เมื่ออายุได้ 8 ขวบ เข้าเรียนที่โรงเรียนวัดศรีสุดาราม (วัดชีปะขาว) และเข้าศึกษาที่โรงเรียนวัดประยุรวงศาวาส และโรงเรียนมัธยมวัดราชบูรณะ ท่านผู้ใหญ่เห็นว่าเป็นเด็กที่มีความสามารถในการศึกษา จึงสนับสนุนให้เรียนชั้นสูง โดยนำตัวไปฝากกับเจ้าพระยาพระเสด็จสุเรนทราธิบดี (หม่อมราชวงศ์เปีย มาลากุล) เพื่อให้เป็นมหาดเล็กในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เจ้าพระยาพระเสด็จฯ ได้ส่งเข้าโรงเรียนมัธยมสายสวลี และได้ย้ายไปเรียนที่โรงเรียนสวนกุหลาบ จนจบมัธยม 6 ก็ออกเพราะโรงเรียนย้ายไปที่อื่นทำให้เดินทางลำบาก
ต่อมาบิดาจึงนำไปฝากกับพระยาสังกรณ์ (ตาบ จารุรัตน์) ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์เพื่อให้ฝึกงานในศาลและเรียนกฎหมาย แต่เจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรีแนะนำว่าไม่ควรทิ้งภาษาอังกฤษที่เรียนมาจึงขอให้มาเข้าโรงเรียนฝึกหัดครู และทำการสอนภาษาอังกฤษอยู่ที่โรงเรียนวัดอนงคาราม และย้ายไปสอนยังโรงเรียนบ้านสมเด็จเจ้าพระยา สอนอยู่ปีเศษจึงได้ทุนรัฐบาลไปศึกษาที่โชรสเบอรี่ พับลิกสกูล ประเทศอังกฤษ เมื่อ พ.ศ. 2452 แล้วจึงเข้าศึกษาต่อยังมหาวิทยาลัยมิงแฮมทางด้านพาณิชยการและวิชาครู
ชีวิตครอบครัว
พระพณิชยสารวิเทศ สมรสกับนางสาวเสงี่ยม สุวรรณปัทม์ บุตรี พระบาสวัสดิคิริศรีสมันตราษฎร์นายก อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ. 2458 มีบุตร ธิดารวม 8 คนคือ
- นายผงาด มนธาตุผลิน
- นางสาวสงบ มนธาตุผลิน
- นางผสม สีมานันท์
- นางสาวพรสุข มนธาตุผลิน
- นางสาวสงวน มนธาตุผลิน
- เด็กหญิงแดง มนธาตุผลิน
- นายผสาน มนธาตุผลิน
- นางโสภา บุราคม
ตำแหน่งหน้าที่การงาน
เมื่อสำเร็จการศึกษาจากต่างประเทศ ในปี พ.ศ. 2457 ก็ได้รับราชการที่กระทรวงศึกษาธิการครั้งแรกในตำแหน่งอาจารย์โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ได้รับพระราชทานยศบรรดาศักดิ์ เป็นรองอำมาตย์เอก หลวงพณิชยสารวิเทศ เมื่อวันที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2458 และได้รับเชิญจากอธิบดีกรมศึกษาธิการให้ไปสอนพิเศษในวิชาบัญชี ภูมิศาสตร์ และภาษาอังกฤษแก่เสมียนในเวลากลางคืน และสอนพิเศษวิชาอังกฤษแก่นักเรียนเพาะช่าง
พ.ศ. 2459 ได้รับแต่งตั้งเป็นอาจารย์ใหญ่โรงเรียนมหาวชิราวุธ จังหวัดสงขลา ได้รับพระราชทานยศเป็นอำมาตย์ตรี และท่านได้สมัครเข้าเป็นเสือป่า ในกองเสือป่าหลวงรักษาดินแดน มณฑลนครศรีธรรมราช เป็นผู้บังคับกองร้อยที่ 2 ด้วย
พ.ศ. 2465 ได้ย้ายมารับตำแหน่งอาจารย์ใหญ่โรงเรียนวัดเบญจบพิตรอยู่ 4 ปี ได้รับพระราชทานยศ บรรดาศักดิ์เป็น อำมาตย์โท พระพณิชยสารวิเทศ เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2466
จากนั้นย้ายมาเป็นผู้กำกับคณะในโรงเรียนมหาดเล็กหลวง (ซึ่งในขณะนั้นชื่อคณะ ใช้ชื่อตามราชทินนามของผู้กำกับคณะ ซึ่งคือ คณะพณิชยสารวิเทศ หรือคณะพญาไท วชิราวุธวิทยาลัยในปัจจุบัน)
วันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2469 พระวรวงศ์เธอ กรมหมื่นพิทยลาภพฤฒิยากร เสนาบดีกระทรวงธรรมการโปรดให้ย้ายไปทำงานในหน้าที่การเงินในกระทรวง เป็นผู้ตรวจบัญชี (หลังจากเปลี่ยนแปลงการปกครองแล้วจึงเปลี่ยนเป็นชื่อตำแหน่งหัวหน้ากองคลัง และยังเป็นหัวหน้ากองศาสนสมบัติที่โอนมาจากกระทรวงวังด้วย หากธรรมการจังหวัด ธรรมการมณฑลใดมีเรื่องเกี่ยวกับการเงิน ต้องให้ท่านออกไปสะสางทุกราย)
วันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2472 ได้รับตำแหน่งเป็นผู้ช่วยปลัดทูลฉลองกระทรวงธรรมการ แล้วจึงได้รับพระราชทานยศเป็น อำมาตย์เอก
วันที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2477 ท่านได้รับตำแหน่งเป้นผู้รักษาการแทนในตำแหน่งอธิบดีกรมศึกษาธิการ
วันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2478 มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้ดำรงตำแหน่งผู้บังคับการวชิราวุธวิทยาลัย [1] และออกรับพระราชทานบำนาญเมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2480 แต่ยังคงเป็นผู้บังคับการวชิราวุธวิทยาลัยต่อจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2485 สาเหตุที่ลาออกเพราะไม่ใคร่สบายเกี่ยวกับโรคกระเพาะ แต่ก็ยังมีผู้เชิญไปสอนพิเศษยังที่ต่างๆ เช่น มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โรงเรียนเทเวศน์ศึกษา
ต่อมาเมื่อ พ.ศ. 2492 พระยาสฤษดิการบรรจง อาจารย์ใหญ่โรงเรียนวิศวกรรมรถไฟได้เชิญท่านไปสอนที่โรงเรียน และบรรจุเป็นข้าราชการรถไฟด้วย และสอนอยู่จนเกษียณอายุ
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
- พ.ศ. ไม่ปรากฏ – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นที่ 4 จัตุรถาภรณ์ช้างเผือก (จ.ช.)
- พ.ศ. ไม่ปรากฏ – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นที่ 4 จัตุรถาภรณ์มงกุฎไทย (จ.ม.)
ผู้บังคับการวชิราวุธวิทยาลัย
เมื่อพระยาบรมบาทบำรุง (พิณ ศรีวะะธนะ) ได้พ้นจากหน้าที่ผู้บังคับการวชิราวุธวิทยาลัย จึงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้พระพณิชยสารวิเทศย้ายจากกระทรวงธรรมการมาดำรงตำแหน่งผู้บังคับการวชิราวุธวิทยาลัย เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2478 จึงขาดจากราชการกระทรวงศึกษาธิการอีกครั้ง และโดยที่คณะรัฐมนตรีในยุคแรกเปลี่ยนแปลงการปกครองได้มีมติว่า วชิราวุธวิทยาลัยเป็นโรงเรียนราษฎร์ แต่ครูและพนักงานเป็นข้าราชการสังกัดกระทรวงศึกษาธิการจึงไม่ชอบด้วยแนวนโยบายแห่งรัฐ จึงให้ปลดครูและพนักงานทั้งหมดออกจากราชการ เพื่อสนองนโยบายของรัฐ เมื่อพระพณิชยสารวิเทศย้ายมาดำรงตำแหน่งผู้บังคับการวชิราวุธวิทยาลัย จึงได้ลาออกจากราชการเมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2480 และมีพระบรมราชโองการให้พ้นจากตำแหน่งผู้บังคับการวชิราวุธวิทยาลัยเมื่อวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2486
ถึงแก่กรรม
พระพณิชยสารวิเทศ ถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2513 ด้วยโรคเส้นโลหิตในสมองแตก สิริอายุ 83 ปี
อ้างอิง
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา,ประกาศเปลี่ยนกรรมการจัดการและผู้บังคับการวชิราวุธวิทยาลัยในพระบรมราชูปถัมภ์ เล่ม 52 หน้า 1451 วันที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2478
ก่อนหน้า | พระพณิชยสารวิเทศ (ผาด มนตธาตุผลิน) | ถัดไป | ||
---|---|---|---|---|
พระยาบรมบาทบำรุง (พิณ ศรีวรรธนะ) | ไฟล์:Vc2.JPG ผู้บังคับการวชิราวุธวิทยาลัย (1 สิงหาคม พ.ศ. 2478 - 1 มกราคม พ.ศ. 2486) |
มหาอำมาตย์ตรี พระยาภะรตราชา (หม่อมหลวงทศทิศ อิศรเสนา) |