ผลต่างระหว่างรุ่นของ "สโมสรฟุตบอลเมืองทอง ยูไนเต็ด"
→ผู้เล่นชุดปัจจุบัน: อดิศร พรหมรักษ์ ย้ายจาก เมืองทอง > การท่าเรือ ป้ายระบุ: แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขขั้นสูงด้วยอุปกรณ์เคลื่อนที่ |
→ผู้เล่นชุดปัจจุบัน: https://www.matichon.co.th/sport/footballlocal/news_2202719 |
||
บรรทัด 172: | บรรทัด 172: | ||
{{Fs player|no=3|nat=Brazil|pos=DF|name=[[ลูคัส โฮช่า]]}} |
{{Fs player|no=3|nat=Brazil|pos=DF|name=[[ลูคัส โฮช่า]]}} |
||
{{Fs player|no=4|nat=Thailand|pos=DF|name=อติคุณ มีท้วม}} |
{{Fs player|no=4|nat=Thailand|pos=DF|name=อติคุณ มีท้วม}} |
||
{{Fs player |no=6 |nat=Thailand |pos=MF |name=[[สารัช อยู่เย็น]] |other=[[กัปตัน (ฟุตบอล)|กัปตันทีม]]}} |
|||
{{Fs player |no=7 |nat=Thailand |pos=MF |name=[[สรวิทย์ พานทอง]]}} |
{{Fs player |no=7 |nat=Thailand |pos=MF |name=[[สรวิทย์ พานทอง]]}} |
||
{{Fs player |no=8 |nat=Thailand |pos=FW |name=[[กรวิชญ์ ทะสา]]}} |
{{Fs player |no=8 |nat=Thailand |pos=FW |name=[[กรวิชญ์ ทะสา]]}} |
||
บรรทัด 183: | บรรทัด 182: | ||
{{Fs player|no=19|nat=BRA|pos=FW|name=[[วีลียัง ป๊อปป์]]}} |
{{Fs player|no=19|nat=BRA|pos=FW|name=[[วีลียัง ป๊อปป์]]}} |
||
{{Fs player |no=20 |nat=Thailand |pos=FW |name=[[ปรเมศย์ อาจวิไล]]}} |
{{Fs player |no=20 |nat=Thailand |pos=FW |name=[[ปรเมศย์ อาจวิไล]]}} |
||
⚫ | |||
{{Fs player |no=21 |nat=Thailand |pos=DF |name=สกุลชัย แสงโทโพธิ์}} |
{{Fs player |no=21 |nat=Thailand |pos=DF |name=สกุลชัย แสงโทโพธิ์}} |
||
⚫ | |||
{{Fs player |no=22 |nat=Philippines |pos=DF |name=[[ไดซูเกะ ซาโตะ]]}} |
{{Fs player |no=22 |nat=Philippines |pos=DF |name=[[ไดซูเกะ ซาโตะ]]}} |
||
{{Fs player|no=23|nat=Thailand|pos=GK|name=[[กัมพล ปฐมอรรฆย์กุล]]}} |
{{Fs player|no=23|nat=Thailand|pos=GK|name=[[กัมพล ปฐมอรรฆย์กุล]]}} |
||
บรรทัด 194: | บรรทัด 193: | ||
{{Fs player |no=31 |nat=Thailand |pos=DF |name=ชาติชาย แสงดาว}} |
{{Fs player |no=31 |nat=Thailand |pos=DF |name=ชาติชาย แสงดาว}} |
||
{{Fs player|no=33|nat=Thailand|pos=DF|name=ชยพล ทรัพย์มา}} |
{{Fs player|no=33|nat=Thailand|pos=DF|name=ชยพล ทรัพย์มา}} |
||
{{Fs player |no=34 |nat=Thailand |pos=MF |name=[[วัฒนา พลายนุ่ม]]|other=[[กัปตัน (ฟุตบอล)| |
{{Fs player |no=34 |nat=Thailand |pos=MF |name=[[วัฒนา พลายนุ่ม]]|other=[[กัปตัน (ฟุตบอล)|กัปตันทีม]]}} |
||
{{Fs player|no=36|nat=Thailand|pos=DF|name= เพชรรัตน์ โชติปาละ}} |
{{Fs player|no=36|nat=Thailand|pos=DF|name= เพชรรัตน์ โชติปาละ}} |
||
{{Fs player |no=37 |nat=Thailand |pos=DF |name=[[สุพร ปีนะกาตาโพธิ์]]}} |
{{Fs player |no=37 |nat=Thailand |pos=DF |name=[[สุพร ปีนะกาตาโพธิ์]]}} |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 16:47, 26 พฤษภาคม 2563
ชื่อเต็ม | สโมสรฟุตบอลเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด | ||
---|---|---|---|
ฉายา | กิเลนผยอง | ||
ก่อตั้ง | พ.ศ. 2532[1] | ||
สนาม | เอสซีจีสเตเดียม | ||
ความจุ | 15,000 ที่นั่ง | ||
เจ้าของ | สยามสปอร์ต, ปูนซิเมนต์ไทย | ||
ประธาน | วิลักษณ์ โหลทอง | ||
ผู้จัดการ | กานต์ จันรัตน์ | ||
ผู้ฝึกสอน | อาเลชังดรี กามา | ||
ลีก | ไทยลีก | ||
2562 | ไทยลีก, อันดับที่ 5 | ||
เว็บไซต์ | เว็บไซต์สโมสร | ||
| |||
สโมสรฟุตบอลเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด เป็นสโมสรฟุตบอลในประเทศไทย ก่อตั้งสโมสรในปี พ.ศ. 2532 โดยปัจจุบันลงเล่นในไทยลีก
ประวัติสโมสร
ยุคแรก
เริ่มก่อตั้งในปี พ.ศ. 2532 ชื่อแรกที่ขึ้นทะเบียนไว้กับสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย คือ "ทีมโรงเรียนหนองจอกพิทยานุสสรณ์" เริ่มแข่งขันจากถ้วยพระราชทานประเภท ง ซึ่งเป็นถ้วยที่เล็กสุด กระทั่งในการแข่งขันฟุตบอลไทยลีกดิวิชัน 1 ฤดูกาล 2545–2546 ทีมโรงเรียนหนองจอกพิทยานุสรณ์ ก็ได้เปลี่ยนชื่อเป็น "สโมสรฟุตบอลไข่มุกดำหนองจอก"[2] โดยได้วีระ มุสิกพงศ์ อดีตนักการเมืองเข้ามาทำทีม แต่ทำทีมได้เพียงแค่ฤดูกาลเดียว เมื่อไม่ประสบความสำเร็จ วีระก็เลิกลาไปโดยที่ทีมยังคงอยู่ในลีกดิวิชัน 1 ต่อไป[3]
เข้าสู่ระบบลีก
ฤดูกาลต่อมาของไทยลีกดิวิชัน 1 2546 - 2547 ทีมเปลี่ยนชื่ออีกครั้งตามกลุ่มที่เข้ารับทำทีมต่อคือ สโมสรฟุตบอลหลักทรัพย์โกล์เบล็ค หนองจอก โดยมีสมศักดิ์ เซ็นเชาวนิช เป็นผู้จัดการทีม แต่ปีนั้นทีมทำผลงานได้ย่ำแย่ จนสุดท้ายก็ต้องตกชั้นไปเล่นในถ้วยพระราชทานประเภท ข ในฤดูกาล 2547-2548 โดยกลับไปใช้ชื่อเดิม ร.ร.หนองจอกพิทยานุสรณ์ แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร
ต่อมา สมาคมฟุตบอลฯ ต้องการยกระดับลีกการแข่งขันในประเทศไทยให้เป็นสากลมากขึ้น จึงก่อตั้ง ลีกภูมิภาค ดิวิชัน 2 ขึ้นมา โดยนำทีมจากถ้วยพระราชทาน ข และ ค มาผสมรวมกันเพื่อแข่งขันในลีกนี้ในฤดูกาล ซึ่ง ร.ร.หนองจอกพิทยานุสรณ์ได้สิทธิ์เข้าแข่งขันด้วย และปีนั้นกับลีกดิวิชัน 2 ของไทยครั้งแรกในชื่อทีม เมืองทองหนองจอก ยูไนเต็ด โดยผู้สนับสนุนทีมคือ ระวิ โหลทอง ที่รับตำแหน่งประธานสโมสร[1]
เริ่มต้นความสำเร็จ
เริ่มต้นที่ปี พ.ศ. 2550 ปีนั้นทีมใช้ผู้ฝึกสอนอย่าง นพพร เอกศาสตรา คุมทีมโดยมี โรเบิร์ต โปรคูเรอร์ ชาวเบลเยี่ยมเป็นผู้จัดการทีม ปีนั้นเมืองทองหนองจอก ยูไนเต็ดได้แชมป์ลีกดิวิชัน 2 ครั้งแรกพร้อมได้สิทธิ์ขึ้นไปเล่นลีกดิวิชัน 1 ในปี พ.ศ. 2551 ในปีต่อมา ผู้ฝึกสอนอย่าง สุรศักดิ์ ตังสุรัตน์ สามารถพาทีมคว้าแชมป์ไทยลีกดิวิชัน 1 2551 มาครอบครองได้สำเร็จ พร้อมขึ้นชั้นมาเล่นไทยพรีเมียร์ลีก 2552 (ไทยลีก ครั้งที่ 13)
ไทยพรีเมียร์ลีก 2552 อันเป็นครั้งแรกของทีมเมืองทองหนองจอก ยูไนเต็ด ที่ได้ขึ้นมาเล่นลีกสูงสุดของประเทศ นับจากก่อตั้งสโมสรมา 20 ปี และในปีนั้น เมืองทองหนองจอก ยูไนเต็ดได้สร้างประวัติศาสตร์เป็นทีมแรกที่สามารถคว้าแชมป์ฟุตบอลลีกของประเทศไทยไล่จากลีกดิวิชัน 2, ดิวิชัน 1 จนถึงลีกสูงสุดโดยใช้เวลาเพียง 3 ปี
ไทยพรีเมียร์ลีก
จากนั้นก็ได้แชมป์ ถ้วยพระราชทานประเภท ก (ไทยแลนด์แชมเปียนส์คัพ ในปัจจุบัน) ที่สามารถชนะการท่าเรือไทย ได้ 2-0 ส่วนถ้วยอื่น ๆ อย่างเอเอฟซีคัพ และไทยคม เอฟเอคัพ ได้ตำแหน่งรองชนะเลิศ
ฤดูกาล 2554 สโมสรฟุตบอลเมืองทอง หนองจอก ยูไนเต็ดได้ลงป้องกันแชมป์ไทยพรีเมียร์ลีกติดต่อกันเป็นปีที่ 3 ครั้งนี้ทีมพยายามอย่างเต็มที่เพื่อจะได้เป็นแชมป์ 3 สมัยติดต่อกัน แต่ด้วยการไปเล่นเอเอฟซีคัพ ทำให้มีการเหนื่อยล้าของนักเตะ[4]รวมถึงการเปลี่ยนผู้ฝึกสอนใหม่จากเรอเน เดอซาแยร์ ชาวเบลเยี่ยมมาเป็น การ์ลูส โรเบร์ตู จี การ์วัลยูสโมสรฟุตบอลเมืองทอง หนองจอก ยูไนเต็ด ที่ได้แชมป์ไทยพรีเมียร์ลีก 2552 ในฤดูกาลก่อนได้ลงป้องกันแชมป์ไทยพรีเมียร์ลีก โดยตลอดทั้งฤดูกาลก็ทำผลงานได้ดีจนได้แชมป์ไทยพรีเมียร์ลีก 2553 เป็นสมัยที่สองติดต่อกัน ซึ่งการได้ 2 สมัยนั้นทำให้มีสถิติเทียบเท่าบีอีซี เทโรศาสน, ธนาคารกรุงไทย และทหารอากาศ (หรือแอร์ฟอร์ซ เซ็นทรัล ในปัจจุบัน) [5] ส่วนก่อนฤดูกาลแข่งการ์ลูส โรเบร์ตู จี การ์วัลยู ชาวบราซิลและเฮ็นริเก คาลิสโต ชาวโปรตุเกสในช่วงเลก 2 ของฤดูกาลมีการเซ็นสัญญาซื้อร็อบบี ฟาวเลอร์ ตำนานกองหน้าของ ลิเวอร์พูล เข้าร่วมทีม ต่อมาในเดือนกันยายน คาลิสโต ที่พาทีมตกรอบเอเอฟซีคัพ ถูกทางสโมสรปลดออก และร็อบบี ฟาวเลอร์ ตำแหน่งเพลเยอร์-เมเนเจอร์ (เป็นทั้งผู้จัดการทีมและผู้เล่น) โดยทำการคุมทีมนัดแรกในนัดที่พบกับเอสซีจี สมุทรสงคราม หลังจากนั้นอีกไม่นาน เมื่อเมืองทอง ยูไนเต็ด ได้เพียงอันดับ 3 ในฤดูกาลนี้ ทำให้ฟาวเลอร์ ได้ขอลาออกจากตำแหน่ง[6]
ในฤดูกาล 2555 เอสซีจี ได้เซ็นสัญญาเพื่อมาเป็นผู้สนับสนุนของทีม โดยมีมูลค่าสัญญามากถึง 600 ล้านบาท[7] และได้ทำการเปลี่ยนชื่อสนาม จาก ยามาฮ่า สเตเดียม มาเป็น เอสซีจี สเตเดียม และชื่อทีมจาก เมืองทอง หนองจอก ยูไนเต็ด มาเป็น เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ส่วนโลโก้ของสโมสรก็มีการเปลี่ยนให้ตัวกิเลนทั้ง 2 ตัว มีขาชิดกันมากขึ้นกว่าเดิม ช่วงก่อนเปิดฤดูกาลก็ได้มีการซื้อเอกภูมิ โพธารุ่งโรจน์, มงคล นามนวด, อัดนัน บาราคัท และมารีโอ ยูโรฟสกี มิดฟิลด์ทีมชาติมาซิโดเนียเข้ามาร่วมทีม รวมถึงการเซ็นสัญญาผู้ฝึกสอนคนใหม่ คือ สลาวีชา วอคานอวิช ชาวเซอร์เบียโดยผลงานจบเลกแรก ด้วยการเป็นอันดับที่ 1 ของตารางไทยพรีเมียร์ลีก 2555 หลังจากนั้นก่อนเปิดเลกที่ 2 ก็ได้มีการซื้อนักเตะเพิ่มเติม โดยมีเอดีบัลโด โรคัซ เอร์โมซา ปีกทีมชาติโบลิเวีย และเปาโล เรนเกิล นักเตะบราซิล ต่อมาในช่วงเดือนกันยายน ทีมได้ตกรอบโตโยต้า ลีกคัพ ด้วยการแพ้ทีโอที เอสซี และตกรอบไทยคม เอฟเอคัพด้วยการแพ้อาร์มี ยูไนเต็ด แต่ทีมยังรักษาอันดับ 1 ไว้ได้ตั้งแต่เลกแรก และจนถึงช่วงปลายเลกที่ 2 ทีมก็ยังรักษาฟอร์มที่ดีไว้ได้ จนเหลือ 3 นัดสุดท้าย เมื่อแต้มได้ทิ้งห่าง ชลบุรี เอฟซี ทีมอันดับที่ 2 มากพอที่จะได้เป็นแชมป์อย่างเป็นทางการตั้งแต่ยังไม่จบฤดูกาล โดยมีการฉลองแชมป์ที่เอสซีจี สเตเดียม ในนัดที่พบกับชัยนาท ฮอร์นบิล โดยหลังจบเกม ทางสโมสรให้แฟนบอลได้ฉลองกันอย่างเต็มที่ และให้ลงมาสัมผัสสนามหญ้าของเอสซีจี สเตเดียม รวมไปถึงให้พบกับนักฟุตบอลของทีมอย่างใกล้ชิดและเป็นกันเอง และในปีนี้เองที่ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ได้ทำสถิติไร้พ่ายเป็นครั้งแรกของสโมสรในประเทศไทย พร้อมกับได้สิทธิ์ไปเล่นเอเอฟซีแชมเปียนส์ลีกในรอบแบ่งกลุ่มในฤดูกาลหน้า
คู่แข่ง
ชลบุรี
หลังจากที่เมืองทอง ยูไนเต็ด สามารถขึ้นชั้นและได้แชมป์ไทยพรีเมียร์ลีก 2552 ก็ได้แข่งขันแย่งตำแหน่งแชมป์กับชลบุรี มาโดยตลอด ทำให้เมื่อพบกันจึงได้รับขนานนามว่า "เอลกลาซีโกเมืองไทย"[8] ในปี พ.ศ. 2554 มีการแข่งขันนัดสำคัญคือการแข่งขัน ฟุตบอลถ้วยพระราชทาน ก โดยชลบุรีชนะ 2–1 และต่อมาเมื่อทั้งสองทีมลงแข่งขันกัน ก็จะมีแฟนบอลให้ความสนใจติดตามเป็นจำนวนมาก ปัจจุบัน เริ่มมีความสนใจลดน้อยลง เพราะ ช่วงนั้น บุรีรัมย์มาแรงมาก ทีมชลบุรีก็เริ่มดร็อปลงตามลำดับ
บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
ภายหลังการเข้าซื้อทีมการไฟฟ้าของเนวิน ชิดชอบ สำหรับการแข่งขันไทยพรีเมียร์ลีก 2553 ในชื่อ "บุรีรัมย์ พีอีเอ" ด้วยทุนมหาศาล ทำให้บุรีรัมย์ขึ้นมาเป็นทีมแถวหน้าในการแข่งขันไทยลีก และเป็นคู่แข่งกับเมืองทอง ยูไนเต็ด จนถึงปัจจุบัน โดยมีการแข่งขันสำคัญมากมาย เช่น ฟุตบอลถ้วยพระราชทาน ก. ในปี พ.ศ. 2556, 2557 และ 2559 ซึ่งตั้งแต่การเข้าซื้อทีมและเปลี่ยนเป็นชื่อบุรีรัมย์นั้น เมืองทองยังไม่สามารถชนะบุรีรัมย์ได้ จนถึงในวันที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2559 เมืองทอง ยูไนเต็ด สามารถบุกไปเอาชนะบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ได้ 3-0 ซึ่งได้ 2 ประตูจากเคลย์ตง ซิลวา และ อดิศักดิ์ ไกรษร อีก 1 ประตู[9]
ตราสัญลักษณ์และชุดแข่งขัน
ผู้ผลิตชุดแข่งขัน
ฤดูกาล | เสื้อ | ผู้สนับสนุน |
---|---|---|
2008 | แกรนด์ สปอร์ต | ยามาฮ่า |
2009–2010 | อาดิดาส | ยามาฮ่า |
2011 | แกรนด์ สปอร์ต | ยามาฮ่า |
2012–2019 | แกรนด์ สปอร์ต | เอสซีจี, ยามาฮ่า |
2020– | ซู๊ต | เอสซีจี, ยามาฮ่า |
สนาม
เอสซีจี สเตเดียม | |
ไฟล์:Thunder Dome Stadium (Thailand).jpg | |
ที่ตั้ง | อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี ประเทศไทย |
---|---|
เจ้าของ | สโมสรฟุตบอลเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด |
ผู้ดำเนินการ | สโมสรฟุตบอลเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด |
ความจุ | 15,000 ที่นั่ง[1] |
พื้นผิว | หญ้า |
เปิดใช้สนาม | พ.ศ. 2541 |
การใช้งาน | |
สโมสรฟุตบอลเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด |
สโมสรฟุตบอลเมืองทองยูไนเต็ด ใช้สนามเอสซีจีสเตเดียม เป็นสนามเหย้า โดยสนามแห่งนี้อยู่หลังอาคารชาเลนเจอร์ นอกจากนี้ยังมีห้องวีไอพีบ็อก ให้บริการ และพื้นที่สำหรับผู้สื่อข่าว รวมถึงห้องแถลงข่าว
สำหรับสนามเอสซีจี สเตเดียม นั้นปัจจุบันมีความจุ 15,000 ที่นั่ง ได้มาตรฐานสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชีย[10] ย้อนกลับไปปี พ.ศ 2550 สภาพสนามเอสซีจีสเตเดียม ซึ่งยังเรียกว่า ธันเดอร์โดมสเตเดียม แสดงพัฒนาการให้เห็นขึ้นตามลำดับ ไล่มาตั้งแต่การคว้าแชมป์ดิวิชัน 2 ในปี 2550 ก่อนจะก้าวไปอีกขั้นกับ แชมปืดิวิชัน 1 ในปี 2551 ต่อด้วย แชมป์ไทยพรีเมียร์ลีก ในปี 2552 จนแฟนคลับมีจำนวนเพื่มขึ้นตามลำดับ จึงได้มีการเปลี่ยนชื่อสนามเป็น ยามาฮ่า สเตเดี้ยม พร้อมลงมือก่อสร้างอัฒจรรย์ทั้ง 3ด้าน รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกและในปี 2553 ได้ทำการปรับปรุงพื้นสนาม โดยใช้หญ้าพันธุ์ดีอย่าง "พาสพาลัม"[11] ขณะที่ส่วนอัฒจรรย์ ที่นั่งของสนามยามาฮ่าสเตเดียม ยังติดตั้งเก้าอี้ จำนวน 9,000 ที่นั้ง ในอัฒจรรย์ฝั่งทิศตะวันออกและตะวันตก ปี 2555 ได้เปลี่ยนชื่อตามสปอนเซอร์ใหม่เป็น "เอสซีจี สเตเดียม"
อนาคตทางเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ดมีแผน 2 แผนคือ ต่อเติมให้มีความจุ 40,000 คน หรือสร้างสนามใหม่เพื่อรองรับแฟนบอล 35,000 คน ซึ่งใช้งบราว 500-700 ล้านบาท[12]
เกียรติประวัติ
- ไทยลีก:
- ไทยลีก 2:
- ชนะเลิศ (1): 2551
- ไทยลีก 4:
- ชนะเลิศ (1): 2550
- ฟุตบอลถ้วยพระราชทานประเภท ก.:
- ไทยแลนด์แชมเปียนส์คัพ:
- ชนะเลิศ (1): 2560
- ไทยลีกคัพ:
- แม่โขงคลับแชมเปียนชิพ:
- ชนะเลิศ (1): 2560
- โตโยต้า พรีเมียร์คัพ:
- รองชนะเลิศ (1): 2560
ผู้เล่น
ผู้เล่นชุดปัจจุบัน
หมายเหตุ: ธงชาติที่ปรากฏบ่งบอกให้ทราบว่าผู้เล่นคนนั้นสามารถเล่นให้กับชาติใดตามกฎของฟีฟ่าตามความเหมาะสม เพราะผู้เล่นบางคนอาจถือสองสัญชาติ
|
|
ผู้เล่นที่ถูกยืมตัว
หมายเหตุ: ธงชาติที่ปรากฏบ่งบอกให้ทราบว่าผู้เล่นคนนั้นสามารถเล่นให้กับชาติใดตามกฎของฟีฟ่าตามความเหมาะสม เพราะผู้เล่นบางคนอาจถือสองสัญชาติ
|
|
ผู้เล่นชุดเยาวชน
ผู้เล่นชุดเยาวชนที่เคยมีรายชื่อลงเล่นให้กับการแข่งขันหลักของสโมสร
หมายเหตุ: ธงชาติที่ปรากฏบ่งบอกให้ทราบว่าผู้เล่นคนนั้นสามารถเล่นให้กับชาติใดตามกฎของฟีฟ่าตามความเหมาะสม เพราะผู้เล่นบางคนอาจถือสองสัญชาติ
|
ผลงานตามฤดูกาลแข่งขัน
ฤดูกาล | ลีก | เอฟเอคัพ | ลีกคัพ | ถ้วย ก | เอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก |
เอเอฟซีคัพ | อาเซียน คลับ |
ผู้ทำประตูสูงสุด | |||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ระดับแข่งขัน | น | ช | ส | พ | ด | ส | แต้ม | อันดับ | ชื่อผู้ทำประตู | ประตู | |||||||
2550 | ดิวิชัน 2 | 22 | 15 | 5 | 2 | 39 | 19 | 50 | 1 | ||||||||
2551 | ดิวิชัน 1 | 30 | 19 | 8 | 3 | 58 | 17 | 65 | 1 | ยาย่า | 12 | ||||||
2552 | ไทยลีก | 30 | 19 | 8 | 3 | 48 | 20 | 65 | 1 | รอบ 3 | ดาโน | 10 | |||||
2553 | ไทยลีก | 30 | 20 | 7 | 3 | 64 | 19 | 67 | 1 | รอบ 2 | รอบ 3 | ชนะเลิศ | รอบคัดเลือก | รอบรองชนะเลิศ | ดาโน | 15 | |
2554 | ไทยลีก | 34 | 17 | 9 | 8 | 54 | 32 | 60 | 3 | รองชนะเลิศ | รอบ 5 | รองชนะเลิศ | คัดเลือก | ก่อนรองชนะเลิศ | ธีรศิลป์ | 13 | |
2555 | ไทยลีก | 34 | 25 | 9 | 0 | 78 | 31 | 84 | 1 | รอบก่อนรองชนะเลิศ | รอบ 5 | ธีรศิลป์ | 24 | ||||
2556 | ไทยลีก | 32 | 21 | 8 | 3 | 61 | 33 | 71 | 2 | รอบรองชนะเลิศ | รอบ 16 ทีม | รองชนะเลิศ | แบ่งกลุ่ม | ธีรศิลป์ | 18 | ||
2557 | ไทยลีก | 38 | 20 | 11 | 7 | 66 | 36 | 62 | 5 | รอบ 8 ทีม | รอบ 8 ทีม | รองชนะเลิศ | เพลย์ออฟ | มารีโอ | 13 | ||
2558 | ไทยลีก | 34 | 21 | 8 | 5 | 81 | 35 | 71 | 2 | รองชนะเลิศ | รอบ 32 ทีม | เคลย์ตง | 25 | ||||
2559 | ไทยลีก | 31 | 26 | 2 | 3 | 73 | 24 | 80 | 1 | รอบ 8 ทีม | ชนะเลิศ | รองชนะเลิศ | รอบคัดเลือกรอบที่ 3 | – | – | เคลย์ตง | 27 |
2560 | ไทยลีก | 34 | 22 | 6 | 6 | 79 | 29 | 72 | 2 | รอบ 4 ทีม | ชนะเลิศ | ชนะเลิศ | รอบ 16 ทีมสุดท้าย | – | – | ธีรศิลป์ | 14 |
2561 | ไทยลีก | 34 | 16 | 11 | 7 | 65 | 53 | 59 | 4 | รอบ 16 ทีม | รอบ 16 ทีม | – | รอบเพลย์ออฟ | – | – | เอเบร์ชี | 26 |
2562 | ไทยลีก | 30 | 14 | 4 | 12 | 45 | 42 | 46 | 5 | รอบ 16 ทีม | รอบ 32 ทีม | – | – | – | – | เอเบร์ชี | 13 |
ชนะเลิศ | รองชนะเลิศ | ตกชั้น | เลื่อนชั้น |
บุคลากร
หัวหน้าผู้ฝึกสอน
ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2550 ถึงปัจจุบัน
วันที่ | ชื่อ | สัญชาติ |
---|---|---|
2550 | นพพร เอกศาสตรา | ไทย |
2551 | สุรศักดิ์ ตังสุรัตน์ | ไทย |
2552 | อรรถพล ปุษปาคม | ไทย |
11 ม.ค. 2553 – 7 ม.ค. 2554 | เรอเน เดอซาแยร์ | เบลเยียม |
31 ธ.ค. 2553 – 28 ก.พ. 2554 | การ์ลูส โรเบร์ตู จี การ์วัลยู | บราซิล |
6 มี.ค. 2554 – 29 พ.ย. 2554 | เอนรีเก กาลิสตู | โปรตุเกส |
1 ต.ค. 2554 – 31 ม.ค. 2555 | ร็อบบี ฟาวเลอร์ | อังกฤษ |
27 ก.พ. 2555 – 4 มิ.ย. 2556 | สลาวีชา ยอคานอวิช | เซอร์เบีย |
5 มิ.ย. 2556 – 16 ก.ค. 2556 | วินฟรีด เชเฟอร์ | เยอรมนี |
19 ก.ค. 2556 – 31 ธ.ค. 2556 | เรอเน เดอซาแยร์ | เบลเยียม |
2 ม.ค .2557 – 30 มี.ค. 2557 | สก็อตต์ คูเปอร์ | อังกฤษ |
2 ก.ค. 2557 – ม.ค. 2559 | ดราแกน ทาลายิช | โครเอเชีย |
21 ม.ค. 2559 – 12 มี.ค. 2561 | ธชตวัน ศรีปาน | ไทย |
30 เม.ย. 2561 – 5 ต.ค. 2561 | ราโดวาน เคอร์ซิซ | เซอร์เบีย |
22 พ.ย. 2561 – 31 มี.ค. 2562 | ไพโรจน์ บวรวัฒนดิลก | ไทย |
9 เม.ย. 2562 – 12 มิ.ย. 2562 | ยุน จง-ฮวัน | เกาหลีใต้ |
13 มิ.ย. 2562 – | อาเลชังดรี กามา | บราซิล |
เจ้าหน้าที่สโมสร
ตำแหน่ง | ชื่อ |
---|---|
ประธานที่ปรึกษาสโมสร | ระวิ โหลทอง |
ประธานสโมสร | วิลักษณ์ โหลทอง |
รองประธานสโมสร | |
เลขานุการสโมสร | |
ผู้อำนวยการสโมสร | รณฤทธิ์ ซื่อวาจา |
กรรมการบริหารสโมสร | |
ผู้จัดการทั่วไป | กานต์ จันรัตน์ |
หัวหน้าผู้ฝึกสอน | อาเลชังดรี กามา |
ผู้ช่วยผู้ฝึกสอน | อุทัย บุญเหมาะ |
ผู้ช่วยผู้ฝึกสอน | ซีซาร์ ดีนีส เปย์ไรรา โรเก |
ผู้ฝึกสอนการรักษาประตู | อาเลชังดรี โลเปส |
โค้ชฟิตเนสสโมสร | มาร์ซีอู ไมย์รา |
แพทย์ประจำสโมสร | นท.นพ.พรเทพ ม้ามณี |
แพทย์กายภาพสโมสร | วินวัฒน์ คงสุข ปรัชญา วิลัยสุทธิ์ |
นักกายภาพประจำสโมสร | ชาตรี ทองโคตร รมิดา วรเตชิน อุไร งามตา |
สถานที่เก็บตัวสโมสร
- กิเลน วัลเล่ย์ สปอร์ต รีสอร์ท เขาใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา
- แคมป์ เอสซีจี ท่าหลวง จังหวัดสระบุรี
อ้างอิง
- ↑ 1.0 1.1 1.2 ข้อมูลจำเพาะสโมสร
- ↑ เปิดตำนานเมืองทอง แชมป์ไทยลีก
- ↑ เมืองทองหนองจอกยูไนเต็ด
- ↑ เมืองทองเจาะคูเวตไม่เข้าเจ๊า 0-0 พ่ายประตูรวม
- ↑ ประวัติความเป็นมา แอร์ฟอร์ซยูไนเต็ด
- ↑ ชัดเจน!ฟาวเลอร์ประกาศลาออกจากกิเลนไปกินโรตี
- ↑ 'กิเลน'จับมือ'เอสซีจี'ทุ่มงบ600ล้าน 5 ปี เปลี่ยนชื่อทีม-รังเหย้า
- ↑ "Toyota Thai League Preview : ไทยแลนด์ กลาซิโก้ (ยกแรก)". โกล ประเทศไทย. 30 เมษายน 2559. สืบค้นเมื่อ 24 กรกฎาคม 2559.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ "ปลดล็อก!คลีตันเบิ้ลนำกิเลนผยองบุกอัดบุรีรัมย์3-0". สยามกีฬา. 27 เมษายน 2559. สืบค้นเมื่อ 24 กรกฎาคม 2559.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ AFC ตรวจสนาม YAMAHA ผ่านฉลุย
- ↑ เสี่ยเป้เผยสนามยามาฮ่าใกล้เสร็จ คาดต้นปีหน้าเตรียมเปิดใช้
- ↑ กิเลน เตรียมสร้างรังเหย้าใหม่จุ 3 หมื่น