ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ซัมซุง"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ไม่มีความย่อการแก้ไข
ป้ายระบุ: การแก้ไขแบบเห็นภาพ แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่
ไม่มีความย่อการแก้ไข
ป้ายระบุ: การแก้ไขแบบเห็นภาพ แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่
บรรทัด 21: บรรทัด 21:


== แหล่งข้อมูลอื่น ==
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
* [http://www.samsung.com/th ซัมซุงประเทศไทย]
* ซัมซุงประเทศไทย

{{บริษัทไอทีขนาดใหญ่}}


[[หมวดหมู่:บริษัทของเกาหลีใต้]]
[[หมวดหมู่:บริษัทของเกาหลีใต้]]
บรรทัด 30: บรรทัด 28:
[[หมวดหมู่:ซัมซุง]]
[[หมวดหมู่:ซัมซุง]]
[[หมวดหมู่:บริษัทนานาชาติที่มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เกาหลีใต้]]
[[หมวดหมู่:บริษัทนานาชาติที่มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เกาหลีใต้]]
{{โครงบริษัท}}

รุ่นแก้ไขเมื่อ 18:53, 24 พฤษภาคม 2563

ซัมซุง หรือ ซัมซอง (อังกฤษ: Samsung ; เกาหลี: 삼성, ฮันจา: 三星, MC: Samseong, MR: Samsŏng, ภาษาเกาหลีอ่านว่า ซัม-ซอง) เป็นชื่อกลุ่มบริษัทแห่งหนึ่งจากประเทศเกาหลีใต้ มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่โซล, ประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งประกอบด้วยบริษัทย่อยจำนวนมาก และธุรกิจที่เกี่ยวข้องส่วนใหญ่อยู่ภายใต้แบรนด์ซัมซุง และเป็นกลุ่มธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดในเกาหลีใต้

ซัมซุงได้ก่อตั้งโดย ลี เบียงชอล ในปี พ.ศ. 2481 ในช่วงแรกของการทำธุรกิจนั้นได้เน้น ไปที่การส่งออกสินค้า, แปรรูปอาหาร, สิ่งทอ ซัมซุงเริ่มเข้ามาในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ในปลายปี พ.ศ. 2503 หลังจากการจากไปของประธานผู้ก่อตั้ง ลี เบียงชอล ทำให้ซัมซุงได้แยกกลุ่มธุรกิจออกเป็น 4 กลุ่ม คือ Samsung Group, Shinsegae Group, CJ Group และ Hansol Group และตั้งแต่ปี พ.ศ. 2533 มา ซัมซุงได้เป็นที่รู้จักเป็นสากลมากขึ้นจากสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ โดยเฉพาะโทรศัพท์มือถือที่เป็นแหล่งรายได้สำคัญของบริษัทในปัจจุบัน

ปัจจุบันธุรกิจของซัมซุง แบ่งออกเป็น 4 หน่วยใหญ่ ๆ คือ เครื่องใช้ในบ้าน เครื่องใช้สำนักงาน โทรศัพท์มือถือ และส่วนประกอบหลัก ๆ ที่ใช้ในการผลิตอุปกรณ์ดิจิตอลที่เป็นนวัตกรรมล่าสุดของโลกในศตวรรษ 21 มีฐานการผลิต 25 แห่ง,บริษัทสาขาตลาด 36 แห่ง, สำนักงานย่อย 23 แห่ง ที่ประจำอยู่ใน 46 ประเทศทั่วโลก และกระจายอยู่ทั้ง 7 ทวีป คือ อเมริกาเหนือ ยุโรป เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เอเชียกลาง จีน CIS และละตินอเมริกา

รายได้หลักในปี 2018

ล่าสุดนี้บริษัท Electronic ยักษ์ใหญ่จากเกาหลีใต้อย่าง Samsung ก็ได้ประกาศผลประกอบการในไตรมาสที่สามของปี2018 ออกมา โดยข้อมูลเผยว่ารอบนี้ได้รับกำไร (Operating Profit) มากที่สุดในประวัติศาสตร์ของแบรนด์เลยทีเดียว! รอบนี้ทำกำไรไปได้ถึงกว่าหนึ่งหมื่นห้าพันล้านดอลล่าร์สหรัฐ และเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ปีนี้ทำได้มากกว่าถึง 20% ตรงกันข้ามในช่วงไตรมาสที่สองของปี2018 Samsung กลับเสียส่วนแบ่งการตลาดของ Smartphone ไปมากที่สุดเมื่อเทียบกับทุกๆแบรนด์ ส่วนที่ทำกำไรให้กับ Samsung นั้นก็จะเป็นส่วนที่ไม่ค่อยมีใครรู้จัก หรือบางคนยังไม่รู้เลยว่า Samsung ทำด้วยซ้ำ อย่างเช่น Memory และตอนนี้ Samsung ก็ได้เลื่อนขั้นเป็นผู้ผลิต Semi-Conductor ที่ใหญ่ที่สุดของโลก (นับจากรายได้) แซง Intel ไปเรียบร้อย แค่ในช่วงไตรมาสที่สองของปี2018 รายได้ของส่วน Memory Devision นั้นได้เติบโตไปถึง 33% ในขณะที่ฝั่ง Smartphone นั้นลดลง 22%

ผลิตภัณฑ์

โทรศัพท์มือถือ

ซัมซุงนับว่าเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ที่ผลิตโทรศัพท์มือถือทั้งรุ่นปกติและแบบสมาร์ทโฟน ออกมาจำหน่ายหลากหลายรุ่น โดยมีส่วนแบ่งการตลาดระดับโลกอยู่ในอันดับต้น ๆ และมีรุ่น Flagship ที่เปิดตัวทุกปี ภายใต้ชื่อ Galaxy Note และ Galaxy S โดยในรุ่น Note จะมีปากกาที่เรียกว่า S Pen เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการเขียน วาด บนหน้าจอ ในขณะที่รุ่น S จะเน้นการผลิตโดยใช้สเปคเครื่องที่สูงกว่ารุ่นอื่น ๆ ทั้งหมดที่ผลิตออกมา ทั้งรุ่น Note และ S นับเป็นคู่แข่งสำคัญของ iPhone ที่ผลิตโดย Apple Inc

Smartwatch

ซัมซุงได้ออก Smartwatch ที่ใช้ระบบปฏิบัติการที่พัฒนาเองรุ่นแรกในชื่อ Samsung Gear และหลังจากนั้นได้ทยอยออกรุ่นต่าง ๆ ตามมา เช่น Gear 2, Gear 2 Neo ที่คล้าย Gear 2 แต่ตัดฟังก์ชันกล้องออกไป, Gear Fit ที่เน้นสำหรับใส่ออกกำลังกาย Gear S ที่มีฟังก์ชันการใช้งานโทรศัพท์ได้ในตัว จนล่าสุดเมื่อปี 2558 ได้ออกรุ่น Gear S2 และ Gear S2 Classic ที่ได้ปรับการใช้งานโดยสามารถหมุนหน้าจอเป็นวงกลมได้ ทำให้การใช้งานคล่องตัวมากกว่าเดิมและได้รับคำชมจากการสร้างวิธีการใช้งานที่แตกต่างจากยี่ห้ออื่นและสามารถทำให้ประสบการณ์การใช้งาน Smartwatch ดีขึ้นกว่าเดิม

อ้างอิง


แหล่งข้อมูลอื่น

  • ซัมซุงประเทศไทย