ผลต่างระหว่างรุ่นของ "สมเด็จพระอินทราชา"
พุทธามาตย์ (คุย | ส่วนร่วม) ย้อนการแก้ไขที่ 8724350 สร้างโดย 58.82.139.130 (พูดคุย) ป้ายระบุ: ทำกลับ |
ไม่มีความย่อการแก้ไข ป้ายระบุ: แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ |
||
บรรทัด 67: | บรรทัด 67: | ||
[[หมวดหมู่:พระมหากษัตริย์ในราชวงศ์สุพรรณภูมิ]] |
[[หมวดหมู่:พระมหากษัตริย์ในราชวงศ์สุพรรณภูมิ]] |
||
[[หมวดหมู่:ผู้ครองเมืองสุพรรณบุรี]] |
[[หมวดหมู่:ผู้ครองเมืองสุพรรณบุรี]] |
||
[[หมวดหมู่:ผู้นำที่ขึ้นสู่ตำแหน่งจากรัฐประหาร]] |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 19:03, 14 เมษายน 2563
สมเด็จพระอินทราชา | |
---|---|
พระเจ้ากรุงศรีอยุธยา | |
ครองราชย์ | พ.ศ. 1952 - 1967 (15 ปี 0 วัน) |
ก่อนหน้า | สมเด็จพระเจ้ารามราชา |
ถัดไป | สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 |
พระราชสมภพ | พ.ศ. 1902 |
สวรรคต | พ.ศ. 1967 (65 พรรษา) |
พระราชบุตร | เจ้าอ้ายพระยา เจ้ายี่พระยา สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 |
ราชวงศ์ | ราชวงศ์สุพรรณภูมิ |
พระราชบิดา | สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 1 |
สมเด็จพระอินทราชาเจ้า หรือ สมเด็จพระนครินทราธิราช เสด็จพระราชสมภพเมื่อปี พ.ศ. 1902 เป็นพระราชโอรสในสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 1 และเสด็จขึ้นครองราชย์เป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 6 ของอาณาจักรอยุธยา เมื่อปี พ.ศ. 1952
พระราชประวัติ
สมเด็จพระอินทราชา มีพระนามเดิมว่า เจ้านครอินทร์ เสด็จพระราชสมภพเมื่อปี พ.ศ. 1882[1] พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับเยเรเมียส ฟาน ฟลีต ระบุว่าพระองค์เป็นพระราชโอรสในสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 1 และเป็นพระเชษฐาในสมเด็จพระเจ้าทองลัน[2] ส่วนพระชนนีมีเชื้อสายราชวงศ์พระร่วงแห่งสุโขทัย[3] พระราชพงศาวดารกรุงเก่า ฉบับหลวงประเสริฐอักษรนิติ์ ระบุว่าพระองค์ได้เสวยราชสมบัติอยู่ ณ เมืองสุพรรณบุรี จนกระทั่งสมเด็จพระเจ้ารามราชาทรงพิพาทกับเจ้าเสนาบดี เป็นเหตุให้เจ้าเสนาบดีหนีมาสวามิภักดิ์กับพระองค์ กราบทูลว่าจะชิงราชสมบัติถวาย เมื่อสมเด็จพระอินทราชาเจ้าเสด็จมาถึง เจ้าเสนาบดีจึงเข้ายึดกรุงศรีอยุธยาได้แล้วจึงเชิญสมเด็จพระอินทราชาเจ้าขึ้นเสวยราชสมบัติ[4] ขณะพระชนมายุได้ 70 พรรษา[2] ส่วนสมเด็จพระรามราชาธิราชได้รับโปรดเกล้าฯ ให้ไปครองเมืองปทาคูจามแทน
สมเด็จพระอินทราชาประชวรเสด็จสวรรคตเมื่อปี พ.ศ. 1967[4] พระราชพงศาวดาร ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม) ระบุว่าทรงครองราชย์ได้ 15 ปี[5] แต่ฉบับฟาน ฟลีต ว่า 20 ปี[2] ในครั้งนั้นเจ้าอ้ายพระยาและเจ้ายี่พระยาพระราชโอรสของพระองค์ต่างยกพลเข้ามายังกรุงศรีอยุธยาเพื่อหมายในราชสมบัติ จึงเกิดการชนช้างกันขึ้น ณ สะพานป่าถ่าน จนสิ้นพระชนม์ทั้ง 2 พระองค์ เป็นเหตุให้เจ้าสามพระยาพระราชโอรสพระองค์ที่ 3 ได้ขึ้นครองกรุงศรีอยุธยา โดยมีพระนามว่าสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2
พระราชกรณียกิจ
ด้านการปกครอง
เมื่อปี พ.ศ. 1962 พระมหาธรรมราชาที่ 3 เสด็จสวรรคต หัวเมืองเหนือทั้งปวงเป็นจลาจลอันเนื่องมาจากพระยาบาลเมืองและพระยารามพระราชโอรสในพระมหาธรรมราชาที่ 3 แย่งชิงราชสมบัติแห่งกรุงสุโขทัยกัน เมื่อพระองค์ต้องเสด็จขึ้นไปถึงเมืองพระบาง ทั้งพระยาบาลเมืองและพระยารามได้ออกมาถวายบังคม[5] เมื่อพระองค์เสด็จกลับกรุงศรีอยุธยาจึงพระองค์โปรดเกล้าฯ ให้พระราชโอรสไปครองเมืองอันเป็นเมืองลูกหลวง ได้แก่
- เจ้าอ้ายพระยา ครองเมืองสุพรรณบุรี ซึ่งเป็นเมืองลูกหลวง
- เจ้ายี่พระยา ครองเมืองแพรกศรีราชา (เมืองสรรค์) (บริเวณอำเภอสรรคบุรี จังหวัดชัยนาท)
- เจ้าสามพระยา ครองเมืองชัยนาท (พิษณุโลก) ซึ่งเป็นเมืองหน้าด่านทางด้านเหนือ
นอกจากนี้พระองค์ยังได้ขอพระราชธิดาแห่งกรุงสุโขทัยคือ พระราชเทวี กลับมาแต่งงานกับรัชทายาทพระองค์เล็กของพระองค์คือเจ้าสามพระยา (ต่อมาได้ให้กำเนิดสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ)
ด้านการต่างประเทศ
เจ้านครอินทร์เคยเสด็จไปเมืองจีนในปี พ.ศ. 1920 เมื่อครั้งยังครองเมืองสุพรรณบุรีในฐานะเจ้านครอินทร์ จักรพรรดิเจี้ยนเหวินแห่งราชวงศ์หมิงให้ความสนิทสนม อีกทั้งยังยกย่องว่าเป็นกษัตริย์เพียงพระองค์เดียวที่เคยเสด็จไปถึงราชสำนักจีน โดยจดหมายเหตุทางจีนออกพระนามพระองค์ว่า "เจียวลกควนอิน" ซึ่งมาจากพระนาม เจ้านครอินทร์
เมื่อสมเด็จพระเจ้ารามราชาเกิดข้อพิพาทกับเจ้าพระยามหาเสนาบดี เป็นเหตุให้เจ้าพระยามหาเสนาบดีหนีมาขึ้นกับพระองค์และยกกำลังเข้ายึดกรุงศรีอยุธยาได้ แล้วจึงทูลเชิญพระองค์ขึ้นครองราชสมบัติแห่งกรุงศรีอยุธยา หลังจากนั้น พระองค์และพระเจ้ากรุงจีนได้แต่งราชทูตเพื่อเจริญทางพระราชไมตรีระหว่างกันอีกหลายครั้ง โดยจดหมายเหตุจีนออกพระนามพระองค์หลังขึ้นครองราชสมบัติแล้วว่า "เจียวลกควนอินตอล่อทีล่า" ซึ่งมาจากพระนาม เจ้านครอินทราธิราช
รายการอ้างอิง
- เชิงอรรถ
- ↑ นามานุกรมพระมหากษัตริย์ไทย, หน้า 64
- ↑ 2.0 2.1 2.2 พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาฉบับ เยเรเมียส ฟาน ฟลีตฯ, หน้า 30
- ↑ การเมืองในประวัติศาสตร์ ยุคสุโขทัย-อยุธยา พระมหาธรรมราชา กษัตราธิราช, หน้า 65
- ↑ 4.0 4.1 พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม) และเอกสารอื่น, หน้า 394
- ↑ 5.0 5.1 พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม) และเอกสารอื่น, หน้า 50
- บรรณานุกรม
- มูลนิธิสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา. นามานุกรมพระมหากษัตริย์ไทย. กรุงเทพฯ : มูลนิธิสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา, 2554. 264 หน้า. หน้า 64-66. ISBN 978-616-7308-25-8
- พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม) และเอกสารอื่น. นนทบุรี : ศรีปัญญา, 2553. 800 หน้า. ISBN 978-616-7146-08-9
- หม่อมราชวงศ์ศุภวัฒย์ เกษมศรี. พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาฉบับเยเรเมียส ฟาน ฟลีตและผลงานคัดสรร พลตรี หม่อมราชวงศ์ ศุภวัฒย์ เกษมศรีฯ. กรุงเทพฯ : สมาคมประวัติศาสตร์ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี, 2552. 171 หน้า. ISBN 9789746425872
- พิเศษ เจียจันทร์พงษ์. การเมืองในประวัติศาสตร์ ยุคสุโขทัย-อยุธยา พระมหาธรรมราชา กษัตราธิราช. กรุงเทพฯ : มติชน, 2553. 184 หน้า. ISBN 978-974-02-0401-5
ดูเพิ่ม
ก่อนหน้า | สมเด็จพระอินทราชา | ถัดไป | ||
---|---|---|---|---|
สมเด็จพระเจ้ารามราชา (ราชวงศ์อู่ทอง) (พ.ศ. 1938 - 1952) |
พระเจ้ากรุงศรีอยุธยา (ราชวงศ์สุพรรณภูมิ) (พ.ศ. 1952 - 1967) |
สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 (ราชวงศ์สุพรรณภูมิ) (พ.ศ. 1967 - 1991) |