ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ราชวงศ์แสนซ้าย"
รสเข้ม ต้นสกุล คือ เจ้าเทพรส บุตรพระยาไชยสงคราม (สืบเชื้อสายเจ้าเจ็ดตนทางพะเยา) โดยมีน้องสาวคือ แม่เจ้าบัวไหลราชเทวี ชายาเจ้าพิริยเทพวงษ์ เจ้าผู้ครองนครแพร่ |
ราชวงศ์เทพวงศ์ หรือ ราชวงศ์แพร่ |
||
บรรทัด 13: | บรรทัด 13: | ||
| cadet branches = 31 ราชสกุล |
| cadet branches = 31 ราชสกุล |
||
}} |
}} |
||
'''ราชวงศ์เทพวงศ์''' หรือ '''ราชวงศ์แพร่''' เป็นราชวงศ์ที่สืบเชื้อสายมาจาก[[พระยาเทพวงศ์]] |
'''ราชวงศ์เทพวงศ์''' หรือ '''ราชวงศ์แพร่''' เป็นราชวงศ์ที่สืบเชื้อสายมาจาก [[พระยาเทพวงศ์]] เจ้าผู้ครองนครแพร่ยุคประเทศราชของสยาม ที่ปกครองนครแพร่มาตั้งแต่ พ.ศ. 2330 มาจนถึง พ.ศ. 2445 ได้เกิดความไม่สงบขึ้นในเมือง[[นครรัฐแพร่|นครแพร่]] โดยพวกไทใหญ่หรือเงี้ยวได้ทำการก่อจลาจลในเมืองนครแพร่ จากเหตุการณ์ครั้งนี้ [[เจ้าพิริยเทพวงษ์]] เจ้าผู้ครองนครแพร่ ถูกกล่าวหาว่าสมคบกับพวกเงี้ยว ท่านจึงหลีภัยไปเมือง[[หลวงพระบาง]] [[ประเทศลาว]] และได้พำนักอยู่ที่นั่นจนกระทั่งพิราลัย ในปี พ.ศ. 2455 หลังจากนั้นทางราชสำนัก[[สยาม]] ก็มิได้แต่งตั้งผู้ใดขึ้นเป็นเจ้าผู้ครองนครแพร่อีก จึงถือเป็นการสิ้นสุดตำแหน่งเจ้าผู้ครองนครนับแต่นั้นเป็นต้นมา |
||
== การสถาปนา == |
== การสถาปนา == |
||
'''ราชวงศ์เทพวงศ์''' หรือ '''ราชวงศ์แพร่''' ได้สถาปนาขึ้นโดยพระยาเทพวงศ์ ปฐมราชวงศ์แห่งเจ้าผู้ครองนครแพร่เชื้อสายเจ้าผู้ครองนคร 4 |
'''ราชวงศ์เทพวงศ์''' หรือ '''ราชวงศ์แพร่''' ได้สถาปนาขึ้นโดยพระยาเทพวงศ์ ปฐมราชวงศ์แห่งเจ้าผู้ครองนครแพร่ เชื้อสายเจ้าผู้ครองนคร 4 พระองค์สุดท้าย พระยาเทพวงศ์เป็นราชโอรสในพระยาแสนซ้าย เจ้าเมืองแพร่ พระยาเทพวงศ์ นี้เป็นเจ้าเมืองที่พูดจาไพเราะน่าฟัง พูดเก่ง พูดจาสิ่งใด ใครๆ ก็เชื่อฟังหมดจนชาวเมืองให้การเคารพนับถือ จึงตั้งสมญานามว่า "เจ้าหลวงลิ้นตอง" (ลิ้นทอง) จนถึงรัชสมัยของ [[เจ้าพิริยเทพวงษ์]] ปี พ.ศ. 2445 ได้เกิดความไม่สงบขึ้นในเมืองนครแพร่ โดยพวกไทใหญ่หรือเงี้ยวที่ได้เข้ามาอยู่อาศัยในเมืองนครแพร่ และทำมาหากินในการขุดพลอย ประเภทพลอยไพลิน ที่ตำบลบ่อแก้ว อำเภอเด่นชัย จังหวัดแพร่ ในปัจจุบัน ได้ทำการก่อจลาจลในเมืองนครแพร่ เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2445 จากเหตุการณ์ครั้งนี้ เจ้าหลวงนครแพร่ถูกกล่าวหาว่าคบกับพวกเงี้ยว พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 จึงโปรดให้ถอดจากยศตำแหน่ง ริบเครื่องราชอิสริยาภรณ์ทั้งหมดคืน พระองค์จึงไปใช้ชีวิตบั้นปลายที่เมือง[[หลวงพระบาง]] [[ประเทศลาว]] และได้พำนักอยู่ที่นั่นจนกระทั่งแก่พิราลัย ในปี พ.ศ. 2455 แม้จนสุดท้ายแล้ว ถึงแม้พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จะทรงพิโรธต่อการเรียกร้องความไม่เป็นธรรมของเจ้าหลวงเมืองแพร่อย่างไร พระองค์ก็ทรงออกมาปกป้องว่า เจ้าหลวงพิริยะเทพวงษ์นั้น แม้จะกลับมาชิงบ้านเมืองคืนจริง ก็ไม่ใช่ความคิดของเจ้าหลวงแต่เป็นนโยบายของฝรั่งเศส {{อ้างอิง}} พระองค์ทรงให้เจ้านายทายาทเจ้าหลวงอยู่อย่างสงบสุข ด้วยเจ้านายราชวงศ์จักรีที่ทรงวางใจคือ [[สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ]] มือขวาของพระองค์นั่นเอง ส่วนเจ้านายที่ถูกคาดโทษพระองค์ก็ให้ทำหน้าที่ปราบโจรผู้ร้ายชดใช้ |
||
ราชสกุลผู้สืบเชื้อสายเจ้าผู้ครองนครแพร่ มีทั้งหมด 31 ราชสกุล ถึงไม่มีราชสกุล ณ แพร่ แต่รวมกันเรียกว่า '''วงศ์วรญาติ''' เทียบเท่าราชสกุล ณ เชียงใหม่ ณ ลำพูน ณ ลำปาง และ ณ น่าน ในหัวเมืองฝ่ายเหนือ |
ราชสกุลผู้สืบเชื้อสายเจ้าผู้ครองนครแพร่ มีทั้งหมด 31 ราชสกุล ถึงไม่มีราชสกุล ณ แพร่ แต่รวมกันเรียกว่า '''วงศ์วรญาติ''' เทียบเท่าราชสกุล ณ เชียงใหม่ ณ ลำพูน ณ ลำปาง และ ณ น่าน ในหัวเมืองฝ่ายเหนือ |
||
บรรทัด 74: | บรรทัด 74: | ||
{{รายการอ้างอิง}} |
{{รายการอ้างอิง}} |
||
*ภูเดช แสนสา '''เจ้าผู้ครองนครแพร่ยุคประเทศราชของสยาม''' |
*ภูเดช แสนสา '''เจ้าผู้ครองนครแพร่ยุคประเทศราชของสยาม''' |
||
*ประวัติศาสตร์แพร่(เหตุเงี้ยวจลาจล) |
*ประวัติศาสตร์แพร่ (เหตุเงี้ยวจลาจล) |
||
{{เริ่มกล่อง}} |
{{เริ่มกล่อง}} |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 12:48, 11 เมษายน 2563
บทความนี้ยังต้องการเพิ่มแหล่งอ้างอิงเพื่อพิสูจน์ความถูกต้อง |
พระราชอิสริยยศ | เจ้าประเทศราช |
---|---|
ปกครอง | นครแพร่ |
สาขา | 31 ราชสกุล |
ประมุขพระองค์แรก | พระยาเทพวงศ์ |
ประมุขพระองค์สุดท้าย | เจ้าพิริยเทพวงษ์ |
สถาปนา | พ.ศ. 2348 |
ล่มสลาย | พ.ศ. 2445 |
ราชวงศ์เทพวงศ์ หรือ ราชวงศ์แพร่ เป็นราชวงศ์ที่สืบเชื้อสายมาจาก พระยาเทพวงศ์ เจ้าผู้ครองนครแพร่ยุคประเทศราชของสยาม ที่ปกครองนครแพร่มาตั้งแต่ พ.ศ. 2330 มาจนถึง พ.ศ. 2445 ได้เกิดความไม่สงบขึ้นในเมืองนครแพร่ โดยพวกไทใหญ่หรือเงี้ยวได้ทำการก่อจลาจลในเมืองนครแพร่ จากเหตุการณ์ครั้งนี้ เจ้าพิริยเทพวงษ์ เจ้าผู้ครองนครแพร่ ถูกกล่าวหาว่าสมคบกับพวกเงี้ยว ท่านจึงหลีภัยไปเมืองหลวงพระบาง ประเทศลาว และได้พำนักอยู่ที่นั่นจนกระทั่งพิราลัย ในปี พ.ศ. 2455 หลังจากนั้นทางราชสำนักสยาม ก็มิได้แต่งตั้งผู้ใดขึ้นเป็นเจ้าผู้ครองนครแพร่อีก จึงถือเป็นการสิ้นสุดตำแหน่งเจ้าผู้ครองนครนับแต่นั้นเป็นต้นมา
การสถาปนา
ราชวงศ์เทพวงศ์ หรือ ราชวงศ์แพร่ ได้สถาปนาขึ้นโดยพระยาเทพวงศ์ ปฐมราชวงศ์แห่งเจ้าผู้ครองนครแพร่ เชื้อสายเจ้าผู้ครองนคร 4 พระองค์สุดท้าย พระยาเทพวงศ์เป็นราชโอรสในพระยาแสนซ้าย เจ้าเมืองแพร่ พระยาเทพวงศ์ นี้เป็นเจ้าเมืองที่พูดจาไพเราะน่าฟัง พูดเก่ง พูดจาสิ่งใด ใครๆ ก็เชื่อฟังหมดจนชาวเมืองให้การเคารพนับถือ จึงตั้งสมญานามว่า "เจ้าหลวงลิ้นตอง" (ลิ้นทอง) จนถึงรัชสมัยของ เจ้าพิริยเทพวงษ์ ปี พ.ศ. 2445 ได้เกิดความไม่สงบขึ้นในเมืองนครแพร่ โดยพวกไทใหญ่หรือเงี้ยวที่ได้เข้ามาอยู่อาศัยในเมืองนครแพร่ และทำมาหากินในการขุดพลอย ประเภทพลอยไพลิน ที่ตำบลบ่อแก้ว อำเภอเด่นชัย จังหวัดแพร่ ในปัจจุบัน ได้ทำการก่อจลาจลในเมืองนครแพร่ เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2445 จากเหตุการณ์ครั้งนี้ เจ้าหลวงนครแพร่ถูกกล่าวหาว่าคบกับพวกเงี้ยว พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 จึงโปรดให้ถอดจากยศตำแหน่ง ริบเครื่องราชอิสริยาภรณ์ทั้งหมดคืน พระองค์จึงไปใช้ชีวิตบั้นปลายที่เมืองหลวงพระบาง ประเทศลาว และได้พำนักอยู่ที่นั่นจนกระทั่งแก่พิราลัย ในปี พ.ศ. 2455 แม้จนสุดท้ายแล้ว ถึงแม้พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จะทรงพิโรธต่อการเรียกร้องความไม่เป็นธรรมของเจ้าหลวงเมืองแพร่อย่างไร พระองค์ก็ทรงออกมาปกป้องว่า เจ้าหลวงพิริยะเทพวงษ์นั้น แม้จะกลับมาชิงบ้านเมืองคืนจริง ก็ไม่ใช่ความคิดของเจ้าหลวงแต่เป็นนโยบายของฝรั่งเศส[ต้องการอ้างอิง] พระองค์ทรงให้เจ้านายทายาทเจ้าหลวงอยู่อย่างสงบสุข ด้วยเจ้านายราชวงศ์จักรีที่ทรงวางใจคือ สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ มือขวาของพระองค์นั่นเอง ส่วนเจ้านายที่ถูกคาดโทษพระองค์ก็ให้ทำหน้าที่ปราบโจรผู้ร้ายชดใช้
ราชสกุลผู้สืบเชื้อสายเจ้าผู้ครองนครแพร่ มีทั้งหมด 31 ราชสกุล ถึงไม่มีราชสกุล ณ แพร่ แต่รวมกันเรียกว่า วงศ์วรญาติ เทียบเท่าราชสกุล ณ เชียงใหม่ ณ ลำพูน ณ ลำปาง และ ณ น่าน ในหัวเมืองฝ่ายเหนือ
เจ้าผู้ครองนครแพร่ (2348-2445)
รายพระนามเจ้าผู้ครองนครแพร่ ยุคราชวงศ์เทพวงศ์
ลำดับ | พระนาม | ปีที่ครองราชย์ | |
---|---|---|---|
1 | พระยาแสนซ้าย | พ.ศ. 2330-ก่อน พ.ศ. 2348 | |
2 | พระยาเทพวงศ์ | พ.ศ. 2348-พ.ศ. 2359 | |
3 | พระยาอินทวิไชย | พ.ศ. 2359-พ.ศ. 2490 | |
4 | พระยาพิมพิสารราชา | พ.ศ. 2490-พ.ศ. 2429 | |
5 | เจ้าพิริยเทพวงษ์ | พ.ศ. 2432-พ.ศ. 2445 |
ราชสกุลเจ้าผู้ครองนครแพร่
ราชสกุลสายเจ้าผู้ครองนครแพร่ มีทั้งหมด 31 ราชสกุล รวมกันเรียกว่าวงศ์วรญาติ คือ
- เทพวงศ์ ต้นสกุล คือ เจ้าพิริยเทพวงษ์ เจ้าผู้ครองนครแพร่ องค์ที่ 22
- แพร่พันธุ์ ต้นสกุล คือ เจ้าอินทรเดช เทพวงศ์ หรือ โชติ แพร่พันธุ์ ราชนัดดาเจ้าพิริยเทพวงษ์
- วังซ้าย ต้นสกุล คือ เจ้าพระวังซ้าย (มหาจักร) พระวังซ้ายนครแพร่
- ผาทอง ต้นสกุล คือ เจ้าเทพวงศ์ บุตรเจ้าแสนเสมอใจพระญาติพระยาเทพวงศ์
- วงศ์บุรี ต้นสกุล คือ แม่เจ้าบัวถา มหายศปัญญา พระชายาองค์แรกในเจ้าพิริยเทพวงษ์
- วงศ์พระถาง ต้นสกุล คือ เจ้าพระถาง พระถางนครแพร่
- ขัติยวรา
- รสเข้ม ต้นสกุล คือ เจ้าเทพรส บุตรพระยาไชยสงคราม (สืบเชื้อสายเจ้าเจ็ดตนทางพะเยา) โดยมีน้องสาวคือ แม่เจ้าบัวไหลราชเทวี ชายาเจ้าพิริยเทพวงษ์ เจ้าผู้ครองนครแพร่
- แสนศิริพันธุ์ ต้นสกุล คือ เจ้าพระวิไชยราชา (หนานขัติ) พระวิไชยราชานครแพร่ บุตรเจ้าแสนเสมอใจพระญาติพระยาเทพวงศ์
- วงศ์เมืองแก่น ต้นสกุล คือ เจ้าพระเมืองแก่น พระเมืองแก่นนครแพร่
- ไชยประวัติ
- วงศ์วรรณ ต้นสกุล คือ นายแสน หรือพ่อเจ้าแสน บุตรเจ้าเทพวงศ์ แยกมาจากสกุล "ผาทอง"
- วิจผัน
- บุตรรัตน์
- นามวงศ์ ต้นสกุล คือ เจ้าน้อยนามวงศ์ นัดดาเจ้าราชวงศ์นครแพร่
- แก่นหอม ต้นสกุล คือ เจ้าหนานตั๋น ราชโอรสในเจ้าพิริยเทพวงษ์ กับหม่อมไม่ทราบนาม
- แก่นจันทร์หอม ต้นสกุล คือ เจ้าหนานสม ราชโอรสในเจ้าพิริยเทพวงษ์ กับหม่อมบัวคำ
- ศรีจันทร์แดง
- อิ่นคำลือ เจ้าพระคำลือ(อิ่น) พระคำลือนครแพร่
- อุตรพงศ์
- มหายศปัญญา ต้นสกุล คือ พระยาบุรีรัตน์ (หนานมหายศ) พระยาบุรีรัตน์นครแพร่ ผู้ได้รับพระราชนามสกุลคือ รองอำมาตย์เอก พระยาบุรีรัตน์ (หนู มหายศปัญญา) นัดดา โอรสพระยาบุรีรัตน์ (หนานปัญญา)
- วราราช
- ใยญาณ
- เมืองพระ
- ดอกไม้
- สารศิริวงศ์ ต้นสกุล คือ เจ้าพระสุริยะจางวาง (น้อยมหาอินทร์ ) ราชโอรสพระยาพิมพิสารราชา
- หัวเมืองแก้ว
- รัตนวงศ์
- นันทิยา
- กันจรรยา
- วงศ์วรญาติ
- ธงสังกา
อ้างอิง
- ภูเดช แสนสา เจ้าผู้ครองนครแพร่ยุคประเทศราชของสยาม
- ประวัติศาสตร์แพร่ (เหตุเงี้ยวจลาจล)
ก่อนหน้า | ราชวงศ์แสนซ้าย | ถัดไป | ||
---|---|---|---|---|
ราชวงศ์มังไชย | ราชวงศ์ที่ปกครองนครแพร่ (พ.ศ. 2361 - พ.ศ. 2445) |
— |