ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ไทยลีก 2"
ลไม่มีความย่อการแก้ไข ป้ายระบุ: การแก้ไขแบบเห็นภาพ แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ |
|||
บรรทัด 52: | บรรทัด 52: | ||
==โครงสร้างของลีก== |
==โครงสร้างของลีก== |
||
=== การเลื่อนชั้น === |
=== การเลื่อนชั้น === |
||
⚫ | โดยในช่วงจัดการแข่งขันใหม่ๆ จนถึง [[ไทยลีกดิวิชัน 1 ฤดูกาล 2548|ฤดูกาล 2548]] การเลื่อนชั้น จะมีหลักเกณฑ์คือสโมสรชนะเลิศ ได้สิทธิ์เลื่อนชั้นเข้าไปทำการแข่งขันใน ไทยลีก โดยอัตโนมัติ และจะมีการเพลย์ออฟ เลื่อนชั้น-ตกชั้น ระหว่างสโมสรที่จบอันดับรองชนะเลิศ กับ สโมสรอันดับที่ 11 ของ ไทยลีก (จนถึง [[ไทยลีกดิวิชัน 1 ฤดูกาล 2543|ฤดูกาล 2543]]) ต่อมาใน [[ไทยลีกดิวิชัน 1 ฤดูกาล 2545/46|ฤดูกาล 2545/46]] มีการเปลี่ยนแปลง โดยให้สโมสรที่ชนะเลิศ และ รองชนะเลิศ เลื่อนชั้นโดยอัตโนมัติ และ การเพลย์ออฟยังคงเดิม แต่ให้สิทธิ์ สโมสรที่จลการแข่งขันด้วยอันดับที่ 3 จะต้องไปแข่งเพลย์ออฟ เลื่อนชั้น-ตกชั้น กับ อันดับที่ 8 ของไทยลีก จนถึง 2548 |
||
ทีมอันดับ 1 และ 2 (แชมป์และรองแชมป์) จะได้เลื่อนชั้นไปเล่นใน[[ไทยลีก]]โดยอัตโนมัติ และทีมอันดับ 3-6 จะได้สิทธิ์เตะเพลย์ออฟ เพื่อหาแชมป์เพลย์ออฟขึ้นไปเล่นในไทยลีกอีก 1 ทีม ในขณะเดียวกัน สโมสรอันดับ 16-18 ในไทยลีก จะต้องตกชั้นลงมาเล่นในไทยลีก 2 แทน |
|||
⚫ | โดยในช่วงจัดการแข่งขันใหม่ๆ จนถึง [[ไทยลีกดิวิชัน 1 ฤดูกาล 2548|ฤดูกาล 2548]] จะมีการเพลย์ออฟ เลื่อนชั้น-ตกชั้น ระหว่างสโมสรที่จบอันดับรองชนะเลิศ กับ สโมสรอันดับที่ 11 ของ ไทยลีก (จนถึง [[ไทยลีกดิวิชัน 1 ฤดูกาล 2543|ฤดูกาล 2543]]) ต่อมาใน [[ไทยลีกดิวิชัน 1 ฤดูกาล 2545/46|ฤดูกาล 2545/46]] อันดับที่ 3 จะต้องไปแข่งเพลย์ออฟ เลื่อนชั้น-ตกชั้น กับ อันดับที่ 8 |
||
ใน [[ไทยลีก 2 ฤดูกาล 2563|ฤดูกาล 2563]] ได้มีการปรับปรุงระเบียบการแข่งขันใหม่ โดยนำระบบการเพลย์ออฟ กลับมาใช้กครั้ง เพียงแต่มีการเปลี่ยนรูปแบบ กล่าวคือ ยังคงให้ สโมสรชนะเลิศ และ รองชนะเลิศ จะได้สิทธิ์เลื่อนชั้นไปทำการแข่งขันใน [[ไทยลีก]] โดยอัตโนมัติ แต่จะให้สโมสรที่จบการแข่งขันอันดับที่ 3 - 6 จะต้องมาทำการแข่งขันได้เพลย์ออฟ เพื่อหาสโมสรชนะเลิศที่เพลย์ออฟ เลื่อนชั้นขึ้นไปทำการแข่งขันในไทยลีก ซึ่งแตกต่างจากหลายฤดูกาลก่อนหน้าที่ มีการเลื่อนชั้นทั้งหมด 3 สโมสร โดยใช้ตารางอันดับเมื่อจลการแข่งขัน (กล่าวคือ สโมสรชนะเลิศ รองชนะเลิศ และ สโมสรที่จบอันดับ 3 ในการแข่งขัน เลื่อนชั้นโดยทันที) |
|||
=== การตกชั้น === |
=== การตกชั้น === |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 08:29, 5 กุมภาพันธ์ 2563
ก่อตั้ง | 2540 |
---|---|
ประเทศ | ไทย |
สมาพันธ์ | เอเอฟซี |
จำนวนทีม | 18 |
ระดับในพีระมิด | 2 |
เลื่อนชั้นสู่ | ไทยลีก |
ตกชั้นสู่ | ไทยลีก 3 |
ถ้วยระดับประเทศ | ไทยเอฟเอคัพ |
ถ้วยระดับลีก | ไทยลีกคัพ |
ถ้วยระดับนานาชาติ | เอเอฟซีแชมเปียนส์ลีก (ผ่านบอลถ้วย) |
ทีมชนะเลิศปัจจุบัน | บีจี ปทุม ยูไนเต็ด (2562) |
ชนะเลิศมากที่สุด | เพื่อนตำรวจ (4) |
หุ้นส่วนโทรทัศน์ | ทรูวิชั่นส์ |
เว็บไซต์ | Thai League 2 (T2) |
ปัจจุบัน: ฤดูกาล 2563 |
ไทยลีก 2 (อังกฤษ: Thai League 2; ชื่อย่อ T2) เป็นการแข่งขันฟุตบอลลีกอาชีพ ระดับที่สองใน ประเทศไทย ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2540 ภายใต้การบริหารของ บริษัท ไทยลีก จำกัด มีสโมสรฟุตบอลที่เข้าร่วมการแข่งขันทั้งหมด 18 สโมสร ดำเนินการแข่งขัน ในช่วงระหว่างเดือนมีนาคมถึงตุลาคมของทุกปี โดยแต่ละสโมสรจะแข่งขันแบบพบกันหมด สองนัดเหย้าเยือนรวม 34 นัดต่อสโมสรต่อฤดูกาล รวมทั้งหมด 306 นัดต่อฤดูกาล
ประวัติ
ก่อนหน้าที่จะมีการจัดการแข่งขัน การแข่งขันฟุตบอลระดับสโมสรระดับสองของประเทศ คือ ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานประเภท ข. (ถ้วยน้อย) ซึ่งจัดการแข่งขันตั้งแต่ปี พ.ศ. 2459 จนถึงปี พ.ศ. 2539 ต่อมาทาง สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้มีความคิดในการที่จะปรับปรุงระบบการแข่งขันฟุตบอลในประเทศ โดยเริ่มก่อตั้งฟุตบอลลีกสูงสุดขึ้น และมีปรับโครงสร้างลีก โดยได้มีการจัดการแข่งขันฟุตบอลลีกระดับที่สองแทน เพื่อรองรับสโมสรที่ตกชั้นจาก ไทยลีก ฤดูกาล 2539 และ สโมสรที่ขึ้นชั้นมาจาก ถ้วย ข. ฤดูกาล 2539 โดยแข่งขันระบบลีกแบบพบกันหมดสองนัด เหย้า-เยือน ซึ่งมีสโมสรเข้าร่วมการแข่งขันใน ฤดูกาลแรก 10 สโมสร โดยมีการเพลย์ออฟเลื่อนชั้น-ตกชั้น อีกด้วย
การควบรวมลีก
โดยในปี พ.ศ. 2549 ได้มีการปรับเปลื่ยนระบบการแข่งขัน เพื่อให้สอดคล้องกับการรวมลีกในอนาคต จึงทำให้ ฤดูกาล 2549 เป็นฤดูกาลแรกที่ยกเลิกการเพลย์ออฟเลื่อนชั้น-ตกชั้น โดยจะให้สโมสรชนะเลิศและรองชนะเลิศของการแข่งขัน เลื่อนชั้นไปทำการแข่งขันใน ไทยลีก โดยอัตโนมัติ[1] และสืบเนื่องจากการที่ สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้จัดการแข่งขัน ไทยลีกดิวิชัน 2 ขึ้นมาเป็นลีกระดับสาม แทนที่ ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานประเภท ข. ทำให้มีการเปลื่ยนแปลงคือให้สองทีมอันดับสุดท้ายของตาราง (อันดับที่ 11 และ 12) ตกชั้นไปทำการแข่งขันใน ดิวิชั่น 2 ฤดูกาล 2550
จนกระทั่งในปีถัดมา (พ.ศ. 2550) จึงมีการควบรวม โปรวินเชียลลีก โดยได้มีการจัดทำ บันทึกช่วยจำ การจัดการแข่งขันฟุตบอลอาชีพของประเทศไทย ระหว่าง การกีฬาแห่งประเทศไทย กับสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ[2] ซึ่งเป็นเอกสารข้อตกลงในการรวมลีกทั้งสองเข้าเป็นลีกเดียว โดยให้สิทธิ์สโมสรที่จบอันดับ 4-14 ในการแข่งขัน โปรลีก ฤดูกาล 2549 เข้าร่วมการแข่งขันในลีก โดยรวมกับ สโมสรที่จบอันดับ 3-10 ของ ฤดูกาล 2549 เป็น 24 สโมสร และปรับโครงสร้างลีกให้ลดจำนวนสโมสรที่ทำการแข่งขัน เหลือ 16 สโมสร ใน ฤดูกาล 2551
การปรับโครงสร้างลีกสู่ลีกอาชีพ
ต่อมาในปี พ.ศ. 2552 สมาพันธ์ฟุตบอลเอเชีย ออกระเบียบว่าด้วยความเป็นสโมสรฟุตบอลอาชีพอย่างสมบูรณ์แบบ เป็นผลให้สมาคมฯ ต้องดำเนินการจัดตั้งนิติบุคคลเพื่อบริหารลีกและจัดการแข่งขันแทนที่ สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ โดยได้มีการจัดตั้ง บริษัท ไทยพรีเมียร์ลีก จำกัด ขึ้น ส่งผลให้มีการแข่งขันเชิงรูปแบบ การบริหารจัดการให้เป็นมืออาชีพยิ่งขึ้น รวมทั้งแพร่หลายออกไปยังส่วนภูมิภาคทั่วประเทศ โดยใน ฤดูกาล 2554 สมาคมฯ ประกาศเพิ่มจำนวนสโมสรที่จะทำการแข่งขัน เป็น 18 สโมสรเป็นตันมาจนถึงปัจจุบัน[3]
-
ไทยแลนด์ลีก ดิวิชั่น 1
(2540-2541, 2543-2551) -
ฟุตบอลปลามังกรลีก ดิวิชั่น 1
(2542) -
ไทยลีก ดิวิชั่น 1
(2552) -
ไทยลีก ดิวิชั่น 1
(2553-2554) -
ยามาฮ่า ลีกวัน
(2555-2558) -
ยามาฮ่าลีก ดิวิชั่น 1
(2559) -
ไทยลีก 2 เอ็ม-150 แชมเปียนชิป
(2560- )
โครงสร้างของลีก
การเลื่อนชั้น
โดยในช่วงจัดการแข่งขันใหม่ๆ จนถึง ฤดูกาล 2548 การเลื่อนชั้น จะมีหลักเกณฑ์คือสโมสรชนะเลิศ ได้สิทธิ์เลื่อนชั้นเข้าไปทำการแข่งขันใน ไทยลีก โดยอัตโนมัติ และจะมีการเพลย์ออฟ เลื่อนชั้น-ตกชั้น ระหว่างสโมสรที่จบอันดับรองชนะเลิศ กับ สโมสรอันดับที่ 11 ของ ไทยลีก (จนถึง ฤดูกาล 2543) ต่อมาใน ฤดูกาล 2545/46 มีการเปลี่ยนแปลง โดยให้สโมสรที่ชนะเลิศ และ รองชนะเลิศ เลื่อนชั้นโดยอัตโนมัติ และ การเพลย์ออฟยังคงเดิม แต่ให้สิทธิ์ สโมสรที่จลการแข่งขันด้วยอันดับที่ 3 จะต้องไปแข่งเพลย์ออฟ เลื่อนชั้น-ตกชั้น กับ อันดับที่ 8 ของไทยลีก จนถึง 2548
ใน ฤดูกาล 2563 ได้มีการปรับปรุงระเบียบการแข่งขันใหม่ โดยนำระบบการเพลย์ออฟ กลับมาใช้กครั้ง เพียงแต่มีการเปลี่ยนรูปแบบ กล่าวคือ ยังคงให้ สโมสรชนะเลิศ และ รองชนะเลิศ จะได้สิทธิ์เลื่อนชั้นไปทำการแข่งขันใน ไทยลีก โดยอัตโนมัติ แต่จะให้สโมสรที่จบการแข่งขันอันดับที่ 3 - 6 จะต้องมาทำการแข่งขันได้เพลย์ออฟ เพื่อหาสโมสรชนะเลิศที่เพลย์ออฟ เลื่อนชั้นขึ้นไปทำการแข่งขันในไทยลีก ซึ่งแตกต่างจากหลายฤดูกาลก่อนหน้าที่ มีการเลื่อนชั้นทั้งหมด 3 สโมสร โดยใช้ตารางอันดับเมื่อจลการแข่งขัน (กล่าวคือ สโมสรชนะเลิศ รองชนะเลิศ และ สโมสรที่จบอันดับ 3 ในการแข่งขัน เลื่อนชั้นโดยทันที)
การตกชั้น
สำหรับการตกชั้นไปเล่นใน ไทยลีก 3 ของสโมสรในลีกไทยลีก 2 นั้น ทีมอันดับ 16-18 จะต้องตกชั้นลงมาเล่นใน ไทยลีก 3 ในขณะเดียวกัน สโมสรชนะเลิศทั้งสายบน และ ล่างของประเทศ รวมไปถึงสโมสรชนะเลิศเพลย์ออฟ (สโมสรรองชนะเลิศของทั้งสองสาย) จะได้สิทธิ์เลื่อนชั้นมาทำการแข่งขันแทน โดยในสองฤดูกาลแรกของการแข่งขัน ได้จัดให้สโมสรอันดับที่ 10 ตกชั้นโดยอัตโนมัติ และสโมสรอันดับที่ 9 จะต้องไปเพลย์ออฟ เลื่อนชั้น-ตกชั้น กับสโมสรรองชนะเลิศ ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานประเภท ข. ของปีนั้นๆ และยกเลิกไปใน ฤดูกาล 2542 ต่อมาเมื่อมีการจัดการแข่งขัน ไทยลีกดิวิชัน 2 ขึ้นในปี พ.ศ. 2550 ทำให้มีการปรับกฎระเบียบ โดยสโมสรที่จบสองอันดับสุดท้ายของ ฤดูกาล 2549 ตกชั้นลงไปเล่นดิวิชั่น 2 ต่อมาเมื่อมีการปรับโครงสร้างลีก โดยใน ฤดูกาล 2550 กำหนดให้สโมสรที่จบอันดับที่ 8-12 ของสาย A และ B ตกชั้นไปทำการแข่งขันดิวิชั่น 2 เพื่อปรับโครงสร้างลีกให้ได้ 16 ทีมใน ฤดูกาลถัดไป
เครือข่ายถ่ายทอดโทรทัศน์
- ครั้งที่ 13 : สยามสปอร์ต
- ครั้งที่ 14-18 : ทรูวิชันส์ (ทรูสปอร์ต) / สยามสปอร์ต
- ครั้งที่ 19-22 : ทรูวิชันส์ (ทรูสปอร์ต) / ทีเอ็นเอ็น24 / สยามสปอร์ต / ไทยไทยแชนแนล
ผู้สนับสนุนหลัก
รายชื่อผู้สนับสนุนหลักแข่งขันในฤดูกาลต่างๆ
- 2540-2541: ไม่มีผู้สนับสนุน (ไทยแลนด์ลีก ดิวิชั่น 1)
- 2542: ยาตราปลามังกร (ฟุตบอลปลามังกรลีก ดิวิชั่น 1)
- 2543-2554: ไม่มีผู้สนับสนุน (ไทยลีก ดิวิชั่น 1)
- 2555-2559: ยามาฮ่า (ยามาฮ่า ลีกวัน (จนถึง 2558) แล้วเปลี่ยนเป็น ยามาฮ่าลีก ดิวิชั่น 1)
- 2560-ปัจจุบัน: โอสถสภา (เอ็ม-150 เดอะ แชมเปียนชิป)
สโมสรที่เข้าร่วมไทยลีก 2 (ฤดูกาล 2563)
ทำเนียบสโมสร
ชนะเลิศและเลื่อนชั้น
2540 ถึง 2549
2550 ถึง 2562
2563 ถึง ปัจจุบัน
สโมสรที่ชนะเลิศเพลย์ออฟและเลื่อนชั้น จะเป็น ตัวหนา
ฤดูกาล | ชนะเลิศ | รองชนะเลิศ | สโมสรที่เข้าร่วมเพลย์ออฟ |
---|---|---|---|
2563 |
รางวัล
ผู้ทำประตูสูงสุดของฤดูกาล
ปี | ผู้เล่น | สโมสร | ประตู |
---|---|---|---|
2562 | ติอาโก ชูลาปา | ระยอง | 19 |
2561 | บารอส ทาเดลลี่ | ตราด | 18 |
2560 | ฌูนาตัน เฟร์ไรรา เรอิส | ม.เกษตรศาสตร์ | 25 |
2559 | ฮริสติยาน คีรอฟสกี | ประจวบ | 17 |
2558 | เฟลิเป้ เฟอร์เรร่า ธนา ชะนะบุตร |
สุโขทัย เพื่อนตำรวจ |
25 |
2557 | บาโบ มาร์ค แลนดรี | อ่างทอง | 19 |
2556 | เลอังดรู จี โอลีเวย์รา ดา ลุส | สิงห์ท่าเรือ | 24 |
2555 | ลี ทัค | บางกอก | 23 |
2554 | อดิศักดิ์ ศรีกำปัง ภูวดล สุวรรณชาติ |
ปตท.ระยอง ชัยนาท |
21 |
2553 | ชัยณรงค์ ทาทอง | จุฬาฯ ยูไนเต็ด | 19 |
2552 | วุฒิพงษ์ เกิดกุล | รัตนบัณฑิต | 27 |
2551 | ทนงศักดิ์ พรมดาด Moussa Sylla |
ราชวิถี สุพรรณบุรี |
18 |
2550 | มานะ หลักชุม | สุราษฎร์ธานี | 12 |
2549 | อานนท์ สังข์สระน้อย | เซ็นทรัล | 20 |
2548 | อานนท์ สังข์สระน้อย | เซ็นทรัล | 14 |
2547 | จักรพงษ์ สมบูรณ์ | ทหารบก | 14 |
2545/46 | TBC | TBC | TBC |
2544/45 | ชูชีพ ปุจฉาการณ์ | การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค | 16 |
2543 | พิพัฒน์ ต้นกันยา ไชยา สอนไชยา คาราแมน |
ราชประชา กรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย พนักงานยาสูบ |
10 |
2542 | ยอดชาย เดชเลย์ | ตำรวจ | 15 |
2541 | ปุณณรัตน์ จงรักษ์ | ระยอง-ราชพฤกษ์ | 17 |
2540 | เบลลี่ เย็บ | พนักงานยาสูบ | 18 |
เงินรางวัลและถ้วยรางวัล
เงินรางวัล
สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ และ บริษัท ไทยลีก จำกัด เป็นผู้สนับสนุนเงินรางวัล สำหรับสโมสรฟุตบอลซึ่งได้คะแนนรวม เมื่อสิ้นสุดฤดูกาลในอันดับต่างๆ ดังต่อไปนี้
อันดับที่ | รางวัล |
---|---|
อันดับที่ 1 | 5,000,000 บาท |
อันดับที่ 2 | 3,000,000 บาท |
อันดับที่ 3 | 1,000,000 บาท |
อันดับที่ 4 | 500,000 บาท |
อันดับที่ 5 | 300,000 บาท |
อันดับที่ 6 | 100,000 บาท |
อันดับที่ 7 | 50,000 บาท |
นอกจากนี้ ยังมีเงินบำรุงสโมสรที่เข้าร่วมแข่งขัน และโล่รางวัลสำหรับสโมสรที่มีมารยาทยอดเยี่ยม, ผู้จัดการทีม/หัวหน้าผู้ฝึกสอนยอดเยี่ยม, ผู้ทำประตูสูงสุด, นักฟุตบอลเยาวชนผู้มีผลงานโดดเด่น และผู้เล่นยอดเยี่ยมตำแหน่งต่างๆ คือผู้รักษาประตู, กองหลัง, กองกลาง, กองหน้า[6]
ถ้วยรางวัลชนะเลิศ
ถ้วยรางวัลชนะเลิศ เป็นถ้วยเกียรติยศที่ทาง “สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ” และ “ฝ่ายจัดการแข่งขัน” จะมอบให้กับทีมชนะเลิศในวันแข่งขันนัดเหย้าที่เป็นนัดสุดท้ายของทีมชนะเลิศในแต่ละประเภท โดยมอบให้ครองเป็นเกียรตินาน 1 ปีและจะต้องส่งคืนให้กับ บริษัท ไทยลีก จำกัด ก่อนจบฤดูกาลของการแข่งขันปีถัดไปไม่น้อยกว่า 2 เดือน รวมทั้งจะต้องรับผิดชอบต่อการชำรุดหรือสูญหายของถ้วยรางวัลระหว่างที่ครอบครองอยู่ด้วย ทั้งนี้ “สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ” และ “ฝ่ายจัดการแข่งขัน” ขอสงวนสิทธิ์ในการเรียกคืนถ้วยรางวัลชนะเลิศได้ตลอดเวลา
อ้างอิง
- ↑ http://web.archive.org/web/20060702011415/http://fat.or.th:80/download/Division1-2006-Policy.doc ระเบียบการแข่งขันฟุตบอลลีกดิวิชั่น 1 2006 - ส.ฟ.ท.
- ↑ http://web.archive.org/web/20070202012321if_/http://www.fat.or.th:80/Download/SATMemo.doc บันทึกช่วยจำ การจัดการแข่งขันฟุตบอลอาชีพของประเทศไทย ระหว่าง การกีฬาแห่งประเทศไทย กับสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูถัปภ์ - เว็บไซต์เก่า ส.ฟ.ท.
- ↑ "แถลงแล้ว ไทยลีก-ด.1 เพิ่ม 18 ทีม เพลย์อ๊อฟเริ่มหวด ธ.ค." SMM Sport. SMM Sport. 9 พฤศจิกายน 2553. สืบค้นเมื่อ 5 มกราคม 2560.
{{cite news}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ https://sport.mthai.com/football-thai/73392.html บุรีรัมย์เอฟซี เปลี่ยนชื่อเป็น วัวชน ยูไนเต็ด ลุยไทยลีก! - Mthai.com
- ↑ https://www.thairath.co.th/content/574898 'ทีมเพื่อนตำรวจ' อดเตะไทยลีก ดันบีบีซียูเสียบแทน - ไทยรัฐออนไลน์
- ↑ ประกาศรางวัล และโล่ห์เกีรยติยศ ฟุตบอลสปอนเซอร์ ไทยพรีเมียร์ลีก และลีกดิวิชั่น 1