ผลต่างระหว่างรุ่นของ "กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์"
ป้ายระบุ: แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ |
ป้ายระบุ: แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ |
||
บรรทัด 53: | บรรทัด 53: | ||
== ประวัติหน่วย == |
== ประวัติหน่วย == |
||
{{โครง-ส่วน}} |
|||
[[ไฟล์:King Rama V of Siam.jpg|thumb|พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว องค์ผู้พระราชทานกำเนิดกิจการ[[ทหารรักษาพระองค์]]ของไทย ในฉลองพระองค์ตำแหน่งผู้บังคับการกรมทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์]] |
[[ไฟล์:King Rama V of Siam.jpg|thumb|พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว องค์ผู้พระราชทานกำเนิดกิจการ[[ทหารรักษาพระองค์]]ของไทย ในฉลองพระองค์ตำแหน่งผู้บังคับการกรมทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์]] |
||
บรรทัด 92: | บรรทัด 91: | ||
4 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 เนื่องด้วย[[พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562|พระราชพิธีบรมราชาภิเษก]]หน่วยได้เปลี่ยนนามใหม่อีกครั้งเป็น '''กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ ในพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว''' |
4 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 เนื่องด้วย[[พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562|พระราชพิธีบรมราชาภิเษก]]หน่วยได้เปลี่ยนนามใหม่อีกครั้งเป็น '''กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ ในพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว''' |
||
30 กันยายน พ.ศ. 2562 ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่พระราชกำหนดที่กำหนดให้โอนอัตรากำลังพลและงบประมาณของ กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ไปเป็นของ [[หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์]] <ref> [http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2562/A/103/T_0001.PDF พระราชกำหนดโอนอัตรากำลังพลและงบประมาณบางส่วนของกองทัพบก กองทัพไทย กระทรวงกลาโหม ไปเป็นของหน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ ซึ่งเป็นส่วนราชการในพระองค์ พ.ศ. ๒๕๖๒] </ref> |
|||
== เครื่องแบบเต็มยศรักษาพระองค์ประจำหน่วย == |
== เครื่องแบบเต็มยศรักษาพระองค์ประจำหน่วย == |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 20:46, 30 กันยายน 2562
กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ ในพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว (ร.1 ทม.รอ.) | |
---|---|
"ตราราชวัลลภ" เครื่องหมายราชการแห่งกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ | |
ประเทศ | ไทย |
รูปแบบ | กรมทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ |
กองบัญชาการ | แขวงสามเสนใน เขตพญาไท, กรุงเทพมหานคร |
สีหน่วย | แดง-ขาว |
เพลงหน่วย | มาร์ชราชวัลลภ |
วันสถาปนา | 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2411 (วันบรมราชาภิเษกครั้งที่ 1 ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว) |
ปฏิบัติการสำคัญ | กรณีพิพาทอินโดจีน สงครามมหาเอเชียบูรพา สงครามเกาหลี สงครามเวียดนาม |
กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์[1](อักษรย่อ: ร.1 ทม.รอ.) มีชื่อเต็มว่า กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ ในพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นหน่วยทหารรักษาพระองค์ที่ตั้งขึ้นหน่วยแรกสุดของประเทศไทย มีหน้าที่ถวายความปลอดภัยและถวายพระเกียรติแด่พระมหากษัตริย์, สมเด็จพระราชินี, พระรัชทายาท, ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์อย่างใกล้ชิด
การจัดกำลังหน่วย
กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ ในพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว (ร.1 ทม.รอ.) จัดแบ่งกำลังพลภายในหน่วยออกเป็น 3 กองพัน โดยชื่อกองพันเรียกนามหน่วยว่ากรมทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ที่ 1 ในพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว คือ
- กองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ที่ 1 ในพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว (ทม.ร.1/1 รอ.)
- กองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ที่ 1 ในพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว (ทม.ร.1/2 รอ.)
- กองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ที่ 1 ในพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว (ทม.ร.1/3 รอ.)
ภารกิจและหน้าที่รับผิดชอบ
กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ ในพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีภารกิจดังต่อไปนี้
- ทำลายกำลังรบของข้าศึก เข้ายึดและควบคุมพื้นที่ รวมทั้งประชาชน และ ทรัพยากรในพื้นที่
- การรักษาความสงบภายใน ป้องกันและปราบปรามการก่อความไม่สงบ, ระวังป้องกันสถานที่ตั้ง และบุคคลสำคัญในพื้นที่รับผิดชอบ
- การป้องกันประเทศ จากการรุกรานภายนอก
- การปฏิบัติการจิตวิทยา และช่วยเหลือประชาชน เสริมสร้างความสัมพันธ์และความเข้าใจอันดีระหว่าง ทหาร กับ ประชาชน
นอกจากนี้ ในฐานะที่เป็นหน่วยทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ กรมทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ที่ 1 จึงมีภารกิจนอกเหนือไปจากหน่วยทหารราบอื่นด้วย กล่าวคือ การถวายความปลอดภัย และถวายพระเกียรติ แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว, สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ, พระรัชทายาท, ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ โดยใกล้ชิด โดยหน้าที่ของหน่วยทหารตามภารกิจดังกล่าวคือ การรับเสด็จ การแซงเสด็จ การนำเสด็จ การตามเสด็จ และการรักษาการณ์
ประวัติหน่วย
กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ ถือกำเนิดขึ้นพร้อม ๆ กับกิจการทหารรักษาพระองค์และทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ของไทย กล่าวคือ ในปี พ.ศ. 2404 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้รวบรวมบุตรในราชตระกูลและบุตรข้าราชการที่ยังเยาว์วัยมาทดลองฝึกหัดเป็นทหาร ตามยุทธวิธีแบบใหม่เช่นเดียวกับกรมทหารหน้า ซึ่งในชั้นแรกนั้นมี 12 คน และให้ทำหน้าที่ไล่กาที่บินมารบกวนในเวลาทรงบาตร ตลอดจนตั้งแถวรับเสด็จฯ ณ ที่นั้นทุกเวลาเช้า มหาดเล็กเหล่านี้เรียกกันทั่วไปว่า “ทหารมหาดเล็กไล่กา”
ปลายปี พ.ศ. 2411 รัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว หลังจากพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ครั้งที่ 1 ผ่านพ้นไปแล้ว ได้โปรดเกล้าฯ ให้รวบรวมทหารมหาดเล็กข้าหลวงเดิมจำนวน 24 คน ตั้งขึ้นเป็นหน่วยทหารอีกหน่วยหนึ่ง เรียกว่า ทหารสองโหล มีหน้าที่เฝ้าพระฉากตามเดิมแต่ในตอนเช้าและตอนเย็นต้องมารับการฝึกทหาร
พ.ศ. 2413 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระยาสุรศักดิ์มนตรี (แสง ชูโต) จางวางมหาดเล็ก ทำการคัดเลือกบรรดาบุตรในราชตระกูล และบุตรข้าราชการที่เป็นทหารมหาดเล็ก เพื่อจัดตั้งเป็นกองทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ ทำหน้าที่รักษาพระองค์อย่างใกล้ชิด และตามเสด็จในเวลาเสด็จประพาสหัวเมือง ในชั้นนี้คัดเลือกไว้ 48 คน เมื่อรวมทหารมหาดเล็ก 2 โหลเดิมด้วยแล้ว จึงมีทหารมหาดเล็กทั้งหมด 72 คน
เมื่อการปฏิบัติหน้าที่กว้างขวางขึ้น จำนวนทหารที่มีอยู่เดิมจึงไม่เพียงพอที่จะปฏิบัติหน้าที่ จึงโปรดเกล้าฯ ให้พระยาสุรศักดิ์มนตรีคัดเลือกบุคคลเข้ามาเป็นทหารเพิ่มขึ้น ในการนี้ พระยาสุรศักดิ์มนตรี (แสง ชูโต) ได้นำบุตรชาย คือ นายเจิม ชูโต (ต่อมาคือเจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี เจิม แสง-ชูโต) เข้าถวายตัวเป็นทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ โดยสมัครเป็นตัวอย่างคนแรก (เนื่องจากสมัยนั้นคนไทยไม่นิยมเป็นทหาร) ทำให้มีจำนวนทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์เพิ่มขึ้นทั้งที่เป็นผู้ใหญ่และที่เป็นเด็ก เพราะทุกคนต่างก็เห็นและรู้สึกเป็นเกียรติแก่วงศ์ตระกูลในการที่บุตรหลานของตนได้เข้ารับราชการใกล้ชิดพระมหากษัตริย์
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งหน่วยทหารดังกล่าวขึ้นเป็น กรมทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ และทรงดำรงพระยศเป็นนายพันเอก ตำแหน่งผู้บังคับการกรมด้วยพระองค์เอง ต่อมาโปรดเกล้าฯ ให้จัดหน่วยทหารมหาดเล็กออกเป็น 2 กองร้อย และขยายเป็น 6 กองร้อยในเวลาต่อมา พร้อมทั้งจัดระเบียบในกรมทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์จนมั่นคงดีขึ้น และได้ทรงขนานนามหน่วยนี้เสียใหม่ว่า "กรมทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์" (ราชวัลลภ หมายถึง ผู้เป็นที่รัก สนิท คุ้นเคยของพระราชา) ในปี พ.ศ. 2414
ปลาย พ.ศ. 2416 โปรดเกล้าฯ ให้แบ่งทหารในกรมทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์จากทุกกองร้อยทำการฝึกการใช้ปืนกล ซึ่งได้นำเข้ามาประจำการครั้งแรก 10 กระบอก และจัดตั้งเป็น “กองปืนกล” ในการบังคับบัญชาของกรมทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ ซึ่งต่อมาได้ย้ายไปอยู่ในการบังคับบัญชากับกรมแสง (กรมสรรพาวุธทหารบกในปัจจุบัน)
พ.ศ. 2417 โปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้งกองทหารม้าขึ้นในกรมทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ นับเป็นการสถาปนากิจการทหารม้าในประเทศไทย
พ.ศ. 2418 โปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้งกองทหารช่างขึ้นในกรมทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ ทั้งยังได้ดำเนินการ ฝึกหัดวิชาแผนที่ขึ้นในกองทหารช่างนี้ ซึ่งถือได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นกิจการทหารช่างและกิจการแผนที่ทหารในเมืองไทยด้วย
พ.ศ. 2420 โปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติข้อบังคับสำหรับกรมทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ ลงวันศุกร์ เดือน 9 ขึ้นค่ำ 1 ปีฉลู นพศก จุลศักราช 1239 เพื่อให้การจัดหน่วยเป็นไปอย่างเป็นระเบียบและมีประสิทธิภาพเป็นแบบแผนเดียวกัน โดยพระองค์ทรงดำรงตำแหน่งผู้บังคับการกรม และทรงตั้งผู้รับพระบรมราชโองการมาสั่งการแก่ทหาร และนำกิจการในโรงทหารขึ้นกราบบังคมทูลพระกรุณา
พ.ศ. 2430 โปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติจัดการทหารขึ้น โดยรวมทหารบก ทหารเรือ ตั้งเป็นกรมหนึ่ง เรียกว่า “กรมยุทธนาธิการ” กรมทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ ได้เปลี่ยนแปลงรูปแบบของกรมและวิธีการปกครองเป็นอย่างใหม่ให้เป็นเพียงกองพันทหารราบกองหนึ่ง เรียกว่า “กองทหารราบใน มหาดเล็กรักษาพระองค์” และให้ พลโท พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงอดิศรอุดมเดช (แต่เมื่อครั้งยังเป็น กรมหมื่น และ พันตรี ปฏิบัติหน้าที่ผู้แทนผู้บังคับการกรมทหารล้อมวัง) ดำรงพระยศเป็น พันโท ตำแหน่งผู้บังคับการกองทหารมหาดเล็กที่จัดใหม่ เมื่อโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งผู้บังคับการกรมคนใหม่แล้ว จึงเลิกตำแหน่งผู้รับพระบรมราชโองการในกรมนี้ตั้งแต่นั้นมา
ครั้นถึง พ.ศ. 2435 กรมยุทธนาธิการได้ดำเนินการจัดระเบียบหน่วยทหารใหม่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว จึงได้จัดให้มี พระราชพิธีพระราชทานธงชัยเฉลิมพลใหญ่รูปตราแผ่นดินพื้นสีแดงแก่กองทหารให้เป็นแบบเดียวกันทุกหน่วย
พ.ศ. 2450 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จฯ ประทับที่พระราชวังดุสิตเป็นการถาวร กรมทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์จึงจัดให้กองร้อยที่ 3 ไปประจำอยู่ ณ ที่นั้นทั้งกอง และได้พระราชทานนามหน่วยใหม่ว่า “กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์”
23 ตุลาคม พ.ศ. 2453 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จสวรรคต พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวมีพระราชดำริว่า “ควรจะยกกรมนี้ถวายแด่สมเด็จพระบรมชนกาธิบดีให้เป็นข้าสืบไปชั่วกัลป์ปาวศานต์" จึงโปรดเกล้าฯ ให้ขนานนามกรมทหารนี้ว่า “กรมทหารบกราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว” และ ให้มีเครื่องหมายเป็นอักษรพระปรมาภิไธยย่อ จ.ป.ร. ติดที่อินธนูทหารในกรมนี้ทั่วไป
ลุถึงสมัยรัชกาลที่ 7 กรมทหารบกราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้รับการเปลี่ยนนามหน่วยโดยตัดคำว่า “บก” ออก เป็น “กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว” และปรับอัตรากำลังพลเป็น 1 กองพัน กองพันละ 1 กองร้อย
ภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ฯ ก็ได้ย้ายเข้าที่ตั้งแห่งใหม่ ณ สวนเจ้าเชตุ จังหวัดพระนคร
18 มกราคม พ.ศ. 2562 หน่วยได้เปลี่ยนชื่อใหม่อีกครั้งเป็น กรมทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ที่ 1 ในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ
23 เมษายน พ.ศ. 2562 ประกาศราชกิจจานุเบกษาจัดตั้งชื่อหน่วยเป็น กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ ในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ (เฉพาะกองบังคับการ)[2]
4 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 เนื่องด้วยพระราชพิธีบรมราชาภิเษกหน่วยได้เปลี่ยนนามใหม่อีกครั้งเป็น กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ ในพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว
30 กันยายน พ.ศ. 2562 ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่พระราชกำหนดที่กำหนดให้โอนอัตรากำลังพลและงบประมาณของ กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ไปเป็นของ หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ [3]
เครื่องแบบเต็มยศรักษาพระองค์ประจำหน่วย
สำหรับหน่วยขึ้นตรงทุกหน่วย (ยกเว้นกองพันที่ 3)
ในช่วงที่กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ ยังใช้ชื่อว่ากรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้กำหนดให้หน่วยขึ้นตรงทั้งหมด ยกเว้นกองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ที่ 1 ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ใช้เครื่องแบบเต็มยศดังนี้
- หมวก หมวกยอดสีขาว มีพู่สีดำ หน้าหมวกมีตราราชวัลลภ ยอดหมวกและสายรัดคางโซ่ถักทำด้วยโลหะสีทอง
- เสื้อ สักหลาดหรือเสิร์จสีแดง ปลอกคอโดยรอบทำด้วยกำมะหยี่สีดำ ปลอกคอด้านบนมีแถบไหมสีเหลือง 1 แถบ แนวอกมีดุมโลหะสีทองขนาดใหญ่ 7 ดุม ที่ดุมมีอักษรพระปรมาภิไธย จปร. ที่บ่ามีอินทรธนูอ่อน ขัดดุมสีทองขนาดเล็ก
- คันชีพ สายสะพาย ทำด้วยหนังสีขาว
- เข็มขัด ทำด้วยหนังสีขาว หัวเข็มขัดทำด้วยโลหะสีทอง มีตราเครื่องหมายกองทัพบกดุนนูน
- กางเกง สักหลาดหรือเสิร์จสีดำ ที่แนวตะเข็บข้างมีแถบสักหลาดสีแดง 1 แถบ กว้าง 1 ซม.
- ร้องเท้า หุ้มข้อหนังสีดำ
- กระเป๋าคันชีพ ทำด้วยหนังสีขาว มีตราราชวัลลภทำด้วยโลหะสีทอง ติดที่ฝากระเป๋า
- ชายเสื้อด้านหลัง มีดุมโลหะสีทองขนาดกลางข้างละ 1 ดุม
- แขนเสื้อด้านข้าง ปลอกข้อมือด้านนอกทั้ง 2 ข้าง โดยรอบทำด้วยกำมะหยี่สีดำ มีแถบ 3 แถบ ทำด้วยไหมสีเหลือง 2 แถบ ไหมสีขาวอยู่กลาง 1 แถบ ด้านบนเป็นรูปสามเหลี่ยม ปักอักษรไขว้กันด้วยไหมสีเหลืองและสีขาวเป็นตัวอักษร สพปมจ.
ต่อมาเมื่อมีการแปรสภาพหน่วยเป็นกรมทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ที่ 1 ในปี พ.ศ. 2562 ได้มีการปรับปรุงเครื่องแบบเต็มยศของหน่วยขึ้นตรงของ ทม.รอ.1 ทั้งหมด ยกเว้นกองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ที่ 1 ดังนี้
- หมวก หมวกยอดสีขาว มีพู่สีดำ หน้าหมวกมีตราพระราชลัญจกร ยอดหมวกและสายรัดคางโซ่ถักทำด้วยโลหะสีทอง
- เสื้อ สักหลาดหรือเสิร์จสีแดง ปลอกคอโดยรอบทำด้วยกำมะหยี่สีดำ ปลอกคอด้านบนมีแถบไหมสีเหลือง 1 แถบ แนวอกมีดุมโลหะสีทองขนาดใหญ่ 7 ดุม ที่ดุมมีอักษรพระปรมาภิไธยอ วปร. ที่บ่ามีอินทรธนูอ่อน ขัดดุมสีทองขนาดเล็ก
- คันชีพ สายสะพาย ทำด้วยหนังสีขาว
- เข็มขัด ทำด้วยหนังสีขาว หัวเข็มขัดทำด้วยโลหะสีทอง มีตราเครื่องหมายกองทัพบกดุนนูน
- กางเกง สักหลาดหรือเสิร์จสีดำ ที่แนวตะเข็บข้างมีแถบสักหลาดสีแดง 1 แถบ กว้าง 1 ซม.
- ร้องเท้า หุ้มข้อหนังสีดำ
- กระเป๋าคันชีพ ทำด้วยหนังสีขาว มีตราพระราชลัญจกรทำด้วยโลหะสีทอง ติดที่ฝากระเป๋า
- ชายเสื้อด้านหลัง มีดุมโลหะสีทองขนาดกลางข้างละ 1 ดุม
- แขนเสื้อด้านข้าง ปลอกข้อมือด้านนอกทั้ง 2 ข้าง โดยรอบทำด้วยกำมะหยี่สีดำ มีแถบ 3 แถบ ทำด้วยไหมสีเหลือง 2 แถบ ไหมสีขาวอยู่กลาง 1 แถบ ด้านบนเป็นรูปสามเหลี่ยม ปักอักษรด้วยไหมสีเหลืองเป็นอักษรพระปรมาภิไธย วปร.
สำหรับกองพันที่ 3
เนื่องจากกองพันที่ 3 เป็นหน่วยทหารที่แปรสภาพมาจากกรมทหารรักษาวังในรัชกาลที่ 6 จึงมีเครื่องแบบประจำกองพันของตนโดยเฉพาะ ซึ่งสืบทอดมาจากเครื่องแบบของกรมทหารรักษาวัง วปร. ดังนี้
- หมวกยอดมีพู่สีบานเย็น ตราพระราชลัญจกร
- เสื้อคอปิดสีขาว แผงคอและข้อมือสักหลาดสีบานเย็น
- ปลอกข้อมือปักรูปอักษรพระปรมาภิไธยย่อ วปร. ภายใต้พระมหาพิชัยมงกุฏเปล่งรัศมีสีทอง
- กางเกงสักหลาดสีดำ แถบสีบานเย็นข้างละ 2 แถบ รองเท้าหนังหุ้มข้อสีดำ
- เครื่องหมาย : อักษรพระปรมาภิไธยอ วปร. ทำด้วยโลหะสีทอง ประดับที่อกเสื้อเบื้องขวา
รายพระนาม/รายนามผู้บังคับการกรม
พระนาม / นาม | ดำรงตำแหน่ง (พ.ศ.) | หมายเหตุ |
---|---|---|
จอมพล พระบาทสมเด็จพระจุฬาลงกรณ์เกล้าเจ้าอยู่หัว | 2411–2416 | ทรงดำรงพระยศเป็นนายพันเอกผู้บังคับการพิเศษแห่งกองทหารราบมหาดเล็กรักษาพระองค์ |
นายพันโท เจ้าพระยาภาสกรวงศ์ (พร บุนนาค) | 2416–2422 | |
นายพันโท สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ | 2422–2428 | พระอิสริยยศสุดท้ายคือ จอมพล สมเด็จพระราชปิตุลาบรมพงศาภิมุข เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช |
นายพันโท พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าดิศวรกุมาร | 2428–2435 | พระอิสริยยศสุดท้ายคือ นายพลเอก สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ |
นายพันโท พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นอดิศรอุดมเดช | 2435 | พระอิสริยยศสุดท้ายคือ นายพลโท พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงอดิศรอุดมเดช |
นายพันโท จมื่นวิชิตไชยศักดาวุธ (อ๊อด ศุภมิตร) | 2435–2439 | ยศและบรรดาศักดิ์สุดท้ายในการรับราชการ คือ พระตำรวจเอก นายพลตรี เจ้าพระยาราชศุภมิตร |
นายพันโท พระราญรอนอริราช (เพิ่ม ภูมิประภาส) | 2439–2441 | บรรดาศักดิ์สุดท้ายคือ พระนราธิราชภักดี |
นายพันโท พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าจิรประวัติวรเดช | 2441–2444 | พระอิสริยยศสุดท้ายคือ จอมพล พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงนครไชยศรีสุรเดช |
นายพันโท สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ สยามมกฎราชกุมาร | 2444–2453 | พระอิสริยยศเมื่อเสวยราชสมบัติคือ จอมพล พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว |
จอมพล สมเด็จพระอนุชาธิราช เจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถ กรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ | 2453–2462 | |
นายพลเอก เจ้าพระยารามราฆพ (หม่อมหลวงเฟื้อ พึ่งบุญ) | 2462–2469 | |
จอมพล สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต | 2466–2475 | |
พันเอก หลวงไกรชิงฤทธิ (กร ไกรชิงฤทธิ) | 2484–2486 | |
พันเอก ชะลอ นันทเสนีย์ | 2486–2488 | |
พันเอก เชื้อ พลอยมีค่า | 2488 | |
พันเอก สฤษดิ์ ธนะรัชต์ | 2488–2491 | ชั้นยศสุดท้ายในการรับราชการทหาร คือ จอมพล |
พันเอก บัญญัติ เทพหัสดิน ณ อยุธยา | 2491 | ชั้นยศสุดท้ายในการรับราชการทหารคือ พลโท |
พันเอก ประภาส จารุเสถียร | 2491–2494 | ชั้นยศสุดท้ายในการรับราชการทหาร คือ จอมพล |
พันเอก ขุนชิตผะดุงผล (พิชิต ชิตอรุณ) | 2494–2496 | |
พันเอก กฤษณ์ สีวะรา | 2496–2500 | ชั้นยศสุดท้ายในการรับราชการทหาร คือ พลเอก |
พันเอก เกรียงไกร อัตตะนันทน์ | 2500–2503 | ชั้นยศสุดท้ายในการรับราชการทหาร คือ จอมพล |
พันเอก ประเสริฐ ธรรมศิริ | 2503–2507 | ชั้นยศสุดท้ายในการรับราชการทหารคือ พลเอก |
พันเอก เอื้อม จิรพงศ์ | 2507–2512 | ชั้นยศสุดท้ายในการรับราชการทหารคือ พลเอก |
พันเอก จิตต์กวี เกษะโกมล | 2512–2515 | ชั้นยศสุดท้ายในการรับราชการทหารคือ พลเอก |
พันเอก พัฒน์ อุไรเลิศ | 2515–2516 | ชั้นยศสุดท้ายในการรับราชการทหารคือ พลโท |
พันเอก อร่าม ศรีอักขรินทร์ | 2516–2519 | ชั้นยศสุดท้ายในการรับราชการทหารคือ พลตรี |
พันเอก สุธี บุญวัฒนะกุล | 2519–2520 | |
พันเอก จาป เอี่ยมศิริ | 2520–2521 | ชั้นยศสุดท้ายในการรับราชการทหารคือ พลโท |
พันเอก สุเทพ สีวะรา | 2521–2523 | ชั้นยศสุดท้ายในการรับราชการทหารคือ พลเอก |
พันเอก ปรีดี รามสูต | 2523–2524 | ชั้นยศสุดท้ายในการรับราชการทหารคือ พันเอก (พิเศษ) ถึงแก่กรรม |
พันเอก ศัลย์ ศรีเพ็ญ | 2524–2525 | ชั้นยศสุดท้ายในการรับราชการทหารคือ พลเอก |
พันเอก บัณฑิตย์ มลายอริศูนย์ | 2525–2528 | ชั้นยศสุดท้ายในการรับราชการทหาร คือ พลเอก |
พันเอก สมภพ อัตตะนันทน์ | 2528–2533 | ชั้นยศสุดท้ายในการรับราชการทหาร คือ พลเอก |
พันเอก ภิรมย์ ตังครัตน์ | 2533–2536 | ชั้นยศสุดท้ายในการรับราชการทหาร คือ พลเอก |
พันเอก ฤทธิชัย เถาทอง | 2536–2538 | ชั้นยศสุดท้ายในการรับราชการทหาร คือ พลโท |
พันเอก จิระเดช โมกขะสมิต | 2538–2542 | ชั้นยศสุดท้ายในการรับราชการทหาร คือ พลเอก |
พันเอก รณยุทธ ฤทธิฦาชัย | 2542–2543 | ชั้นยศสุดท้ายในการรับราชการทหาร คือ พลเอก |
พันเอก พฤณท์ สุวรรณทัต | 2543–2544 | ชั้นยศสุดท้ายในการรับราชการทหาร คือ พลเอก |
พันเอก นพดล เจริญพร | 2544–2545 | ชั้นยศสุดท้ายในการรับราชการทหาร คือ พลเอก |
พันเอก ชำนิ รักเรือง | 2545–2546 | ชั้นยศสุดท้ายในการรับราชการทหาร คือ พลเอก |
พันเอก ยศนันท์ หร่ายเจริญ | 2546–2548 | ชั้นยศสุดท้ายในการรับราชการทหาร คือ พลเอก |
พันเอก ไพบูลย์ คุ้มฉายา | 2548–2549 | ชั้นยศสุดท้ายในการรับราชการทหาร คือ พลเอก |
พันเอก วราห์ บุญญะสิทธิ์ | 2549–2551 | ชั้นยศสุดท้ายในการรับราชการทหาร คือ พลเอก |
พันเอก ณัฐวัฒน์ อัคนิบุตร | 2551–2553 | ชั้นยศปัจจุบัน คือ พลโท |
พันเอก พงษ์สวัสดิ์ พรรณจิตต์ | 2553–2555 | ชั้นยศปัจจุบัน คือ พลโท |
พันเอก เอกรัตน์ ช้างแก้ว | 2555–2557 | ชั้นยศปัจจุบัน คือ พลตรี |
พันเอก อาสาศึก ขันติรัตน์ | 2557–2561 | |
พันเอก พงศกร อาจสัญจร | 2561–ปัจจุบัน |
อ้างอิง
- ตำนานมหาดเล็ก (คัดจากต้นฉบับเดิม โดย นายวรการบัญชา) . หนังสือที่ระลึกเนื่องในงานราชวัลลภฯ ครบรอบหนึ่งร้อยสามสิบหกปี กรมทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ 11 พฤศจิกายน 2547 กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์. กรุงเทพฯ: กรีนแมคพาย, 2547.
- สมุดภาพเครื่องแบบทหารบก กรมกำลังพลทหารบก พ.ศ. 2541
- http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2562/E/100/T_0027.PDF
ดูเพิ่ม
แหล่งข้อมูลอื่น
- กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ฯ
- กองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ฯ
- กองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ฯ
- กองพันทหารราบที่ 4 กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ฯ
- ทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์และทหารรักษาพระองค์ (หอมรดกไทย กระทรวงกลาโหม)[ลิงก์เสีย]
- แผนที่และภาพถ่ายทางอากาศของ กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์
- ภาพถ่ายดาวเทียมจากวิกิแมเปีย หรือกูเกิลแมปส์
- แผนที่จากลองดูแมป หรือเฮียวีโก
- ภาพถ่ายทางอากาศจากเทอร์ราเซิร์ฟเวอร์
พิกัดภูมิศาสตร์: 13°46′32″N 100°33′11″E / 13.775665°N 100.553124°E
- ↑ http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2562/E/100/T_0027.PDF
- ↑ http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2562/E/100/T_0027.PDF
- ↑ พระราชกำหนดโอนอัตรากำลังพลและงบประมาณบางส่วนของกองทัพบก กองทัพไทย กระทรวงกลาโหม ไปเป็นของหน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ ซึ่งเป็นส่วนราชการในพระองค์ พ.ศ. ๒๕๖๒