ผลต่างระหว่างรุ่นของ "การ์โล อูร์บานี"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Applezapotis (คุย | ส่วนร่วม)
หน้าใหม่: '''การ์โล อูร์บานี''' ({{lang-it|Carlo Urbani}}; {{IPA-it|?karlo ur?ba?ni}}; 19 ตุลาคม พ.ศ. 2499 {{small|(ณ กัสเต...
 
Applezapotis (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 16: บรรทัด 16:


== อ้างอิง ==
== อ้างอิง ==
* {{cite book | author = Pierluigi Fiorini | title = Carlo Urbani : inseguendo un sogno | language = it | location = Cinisello Balsamo | publisher = Edizioni San Paolo | year = 2004 | oclc = 954723560 | isbn = 9788821551338 | pages = 97 | series = Evergreen | via = [http://archive.is/vThDY/ sites.google.com], [http://archive.is/PxBAq/ archive.is]}}<ref>On behalf of the Italian association named "Testimoni del tempo". Bibliographic note in {{cite book | author = Paul Ricoeur | translator = Daniella Iannotta | title = La critica e la convinzione. Intervista con François Azouvi e Marc de Launay | language = fr, it | page = 54 (of 262) | publisher = Jaca Book | year = 1997 | series = Di fronte e attraverso - Filosofia | via = [http://archive.is/a60hx/ archive.is] | issue = 437 | isbn = 9788816404373 | oclc = 841199842 | url = http://archive.is/E5d0o/ | deadurl = no| author-link = Paul Ricoeur }}</ref>
* {{cite book | author = Pierluigi Fiorini | title = Carlo Urbani : inseguendo un sogno | language = it | location = Cinisello Balsamo | publisher = Edizioni San Paolo | year = 2004 | oclc = 954723560 | isbn = 9788821551338 | pages = 97 | series = Evergreen | via = [http://archive.is/vThDY/ sites.google.com], [http://archive.is/PxBAq/ archive.is]}}


== แหล่งข้อมูลอื่น ==
== แหล่งข้อมูลอื่น ==

รุ่นแก้ไขเมื่อ 09:38, 7 กันยายน 2562

การ์โล อูร์บานี (อิตาลี: Carlo Urbani; เสียงอ่านภาษาอิตาลี: [?karlo ur?ba?ni]; 19 ตุลาคม พ.ศ. 2499 (ณ กัสเตลปลานีโอ อิตาลี) – 29 มีนาคม พ.ศ. 2546 (ณ กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย)) คือแพทย์และนักจุลชีววิทยาชาวอิตาลี ผู้ระบุกลุ่มอาการทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง (โรคซาร์ส) ว่าเป็นโรคติดต่อร้ายแรงที่เกิดจากเชื้อไวรัสได้เป็นคนแรก[1][2] คำเตือนในช่วงแรกของการระบาดที่เขาส่งไปยังองค์การอนามัยโลก ส่งผลให้ทั่วโลกตื่นตัวและรับมือได้ทันท่วงที และได้รับยกย่องว่าสามารถช่วยชีวิตคนไว้ได้นับไม่ถ้วน แม้ภายหลังตัวเขาเองจะติดเชื้อไวรัสและเสียชีวิตในเวลาต่อมา

บทบาททางการแพทย์

อูร์บานีสำเร็จการศึกษาแพทย์ศาสตร์บัณฑิต (ปริญญาตรี) จากมหาวิทยาลัยอังโกนาในปี พ.ศ. 2524 และได้รับประกาศณียบัตรแพทย์เฉพาะทางโรคติดต่อและโรคเขตร้อนจากมหาวิทยาลัยเมสซินา ซึ่งภายหลังสำเร็จการศึกษาแพทย์ศาสตร์มหาบัณฑิต (ปริญญาโท) ในด้านปรสิตวิทยาเขตร้อน อูร์บานีเอเข้าร่วมงานอาสาสมัครเกียวกับการรักษาโรคเฉพาะถิ่นแอฟริกากับองค์การนอกภาครัฐ (เอ็นจีโอ) คาทอลิกของอิตาลีอย่างมานี เตเซ (Mani Tese) ซึ่งหลังจากทำงานในแวดวงโรคเฉพาะถิ่นแล้ว ในปี พ.ศ. 2536 เขาได้รับแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาภายนอกขององค์การอนามัยโลก ต่อมาในปี พ.ศ. 2539 เขาเข้าร่วมกับองค์กรเมเดอแซ็ง ซ็อง ฟร็องตีแยร์ (Médecins Sans Frontières) และได้รับมอบหมายหน้าที่ในเวียดนามและกัมพูชาในการรักษาโรคปรสิตและเวชศาสตร์เฉพาะถิ่น อูร์บานีได้รับแต่งตั้งเป็นประธานหน่วยอิตาลีภายในเมเดอแซ็ง ซ็อง ฟร็องตีแยร์ ไม่นานหลังจากนั้น และเป็นหนึ่งในคณะบุคคลผู้เข้ารับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพประจำปี พ.ศ. 2542 ในนามขององค์กร[3] จากเงินรางวัลโนเบลที่ได้รับดังกล่าว เขาตัดสินใจตั้งกองทุนเพื่อส่งเสริมการรณรงค์การเข้าถึงยารักษาจำเป็นของประชากรกลุ่มยากจนที่สุดของโลก

การแพร่ระบาดของโรคซาร์ส

ช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2546[3] อูร์บานีถูกเรียกตัวไปยังโรงพยาบาลฝรั่งเศสฮานอย (L'Hôpital Français De Hanoï) เพื่อตรวจดูอาการของจอห์นนี เฉิน นักธุรกิจชาวอเมริกันที่ล้มป่วยกระทันหันขณะเดินทางด้วยเครื่องบินไปยังสิงค์โปร์[4] ซึ่งตอนแรกคณะแพทย์ลงความเห็นว่าเป็นกรณีร้ายแรงของโรคไข้หวัดใหญ่ อย่างไรก็ตาม อูร์บานีตระหนักได้ว่าอาการป่วยของเฉินน่าจะเป็นโรคติดต่อร้ายแรงชนิดใหม่ เขาได้เตือนองค์การอนามัยโลกในทันที ส่งผลให้เกิดการตื่นตัวรับมือโรคระบาดครั้งใหญ่ที่มีประสิทธิผลมากที่สุดในประวัติศาสตร์ นอกจากนี้เขายังได้โน้มน้าวกระทรวงสาธารณสุขเวียดนามให้เริ่มดำเนินการคัดแยกผู้ป่วยและคัดกรองผู้เดินทาง ซึ่งช่วยลดอัตราการแพร่ระบาดของโรคให้ช้าลง

ในวันที่ 11 มีนาคม เขาเดินทางออกจากฮานอยไปยังกรุงเทพมหานคร ประเทศไทย เพื่อเข้าร่วมการประชุมและบรรยายประเด็นปรสิตในเด็ก เขารู้สึกตัวว่ามีไข้ขณะอยู่บนเครื่องบิน เพื่อนร่วมงานของเขาที่พบกันที่สนามบินจึงเรียกรถพยาบาลมารับ ทั้งคู่นั่งห่างจากกันเป็นระยะ 8 ฟุต ขณะรอรถพยาบาลซึ่งมาถึงในอีก 90 นาถีทัดมา เนื่องจากรถพยาบาลต้องแวะรับชุดและอุปกรณ์ป้องกันโรคติดต่อก่อน

เสียชีวิต

อูร์บานี ติดโรคซาร์สมาจากคนไข้ที่เขารักษาในฮานอย ห้องผู้ป่วยแยกที่โรงพยาบาลในกรุงเทพของเขาถูกจัดขึ้นมาเป็นการเฉพาะและต้องสื่อสารกับบุคคลภายนอกผ่านโทรศัพท์ภายในเท่านั้น แม้แต่จูเลียนา คีออร์รีนี ผู้เป็นภรรยา ก็มีโอกาสได้พบเข้าขณะยังมีสติเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น และได้บ่นว่าเป็นพฤติกรรมที่ไม่รับผิดชอบต่อลูก ๆ วัย 4 - 17 ปี ทั้งสามคนของเขา จากการเอาชีวิตไปเสี่ยงกับการรักษาคนไข้ดังกล่าว[5] แต่เขาตอบกลับว่า "ถ้าหากผมไม่ทำงานในส่วนนี้ แล้วผมจะมาอยู่ตรงนี้เพื่ออะไร? จะให้อ่านอีเมลล์ ไปงานสังสรรค์ค็อกเทล และทำงานจำเจไปวัน ๆ เช่นนั้นหรือ?"[6] ต่อมาอาการของเขาทรุดหนักจนต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ และช่วงเวลสั้น ๆ ที่เขามีสติ เขาได้ขอบาทหลวงให้บาทหลวงประกอบพิธีศีลสุดท้าย (last rites) และเก็บเนื้อเยื้อปอดของเขาไว้เพื่อการวิจัยทางการแพทย์ (อ้างอิงจากสถานเอกอัครราชทูตอิตาลีประจำประเทศไทย) อูร์บานีเสียชีวิตเมื่อเวลา 11 นาฬิกา 45 นาทีของวันที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2546 รวมระยะเวลาในการรักษาผู้ป่วยหนัก (intensive care) ทั้งสิ้น 18 วัน

หมายเหตุ

  1. Coates, Sam; Asthana, Anushka. The Times. London http://www.timesonline.co.uk/tol/comment/obituaries/article1129034.ece. {{cite news}}: |title= ไม่มีหรือว่างเปล่า (help)แม่แบบ:Pay
  2. "Dr. Carlo Urbani of the World Health Organization dies of SARS". WHO.
  3. 3.0 3.1 McNEIL, DONALD G. Jr (April 8, 2003). "Disease's Pioneer Is Mourned as a Victim". The New York Times. สืบค้นเมื่อ 24 February 2012.
  4. คาร์โล เออร์บานี : แพทย์ผู้ยอมตายไปพร้อมกับโรคร้ายเพื่อมนุษยชาติ, Tomorn Sookprecha, The Matter, September 6, 2019
  5. "8 - Carlo Urbani - Una vita per gli altri".
  6. Disease's Pioneer Is Mourned as a Victim, Donald G. McNeil Jr., The New York Times, April 8, 2003

อ้างอิง

แหล่งข้อมูลอื่น