ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ฝากล่องเสียง"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ไม่มีความย่อการแก้ไข
ป้ายระบุ: แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่
ป้ายระบุ: แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่
บรรทัด 32: บรรทัด 32:
[[เส้นประสาทลิ้นคอหอย]] (glossopharyngeal nerve, CN IX) ส่งใยประสาทไปยังฝาปิดกล่องเสียงด้านบน ซึ่งให้เส้นประสาทนำเข้าของ[[รีเฟล็กซ์ขย้อน]] (gag reflex) แขนงซุพีเรียร์ลาริงเจียลของ[[เส้นประสาทเวกัส]] (superior laryngeal branch of the vagus nerve) ให้ใยประสาทไปยังฝาปิดกล่องเสียงด้านล่าง ซึ่งให้เส้นประสาทนำเข้าของ[[รีเฟล็กซ์การไอ]] (cough reflex) <ref>April, Ernest. Clinical Anatomy, 3rd ed. Lippincott, Williams, and Wilkins. </ref>
[[เส้นประสาทลิ้นคอหอย]] (glossopharyngeal nerve, CN IX) ส่งใยประสาทไปยังฝาปิดกล่องเสียงด้านบน ซึ่งให้เส้นประสาทนำเข้าของ[[รีเฟล็กซ์ขย้อน]] (gag reflex) แขนงซุพีเรียร์ลาริงเจียลของ[[เส้นประสาทเวกัส]] (superior laryngeal branch of the vagus nerve) ให้ใยประสาทไปยังฝาปิดกล่องเสียงด้านล่าง ซึ่งให้เส้นประสาทนำเข้าของ[[รีเฟล็กซ์การไอ]] (cough reflex) <ref>April, Ernest. Clinical Anatomy, 3rd ed. Lippincott, Williams, and Wilkins. </ref>


=== การติดเชื้อของฝาปิดกล่องเสียง ===
=== การที่เกิดมามีเสียงไพเราะของฝาปิดกล่องเสียง ===
ในเด็ก ฝาปิดกล่องเสียงมักจะติดเชื้อจากแบคทีเรีย ''[[Haemophilus influenzae]]'' หรือ ''[[Streptococcus pneumoniae]]'' แม้ว่าภาวะนี้จะรักษาได้ง่าย แต่ก็นับเป็นภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์เพราะหากไม่ได้รับการรักษา ฝาปิดกล่องเสียงจะบวมและปิดกั้นท่อลม (trachea) ทำให้เกิดการอักเสบทั่วร่างกาย (massive inflammation) ภาวะนี้เกิดขึ้นได้น้อยในประเทศที่มีการให้[[วัคซีน]]ต่อเชื้อ ''Haemophilus influenzae'' (HIB)
ในผู้ใหญ่ ฝาปิดกล่องเสียงได้''[[Haemophilus influenzae]]'' หรือ ''[[Streptococcus pneumoniae]]'' แม้ว่าภาวะนี้จะรักษาได้ง่าย แต่ก็นับเป็นภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์เพราะหากไม่ได้รับการรักษา ฝาปิดกล่องเสียงจะบวมและปิดกั้นท่อลม (trachea) ทำให้เกิดการอักเสบทั่วร่างกาย (massive inflammation) ภาวะนี้เกิดขึ้นได้น้อยในประเทศที่มีการให้[[วัคซีน]]ต่อเชื้อ ''Haemophilus influenzae'' (HIB)อาการปวดหายดี


== ภาพอื่นๆ ==
== ภาพอื่นๆ ==

รุ่นแก้ไขเมื่อ 10:12, 25 สิงหาคม 2562

ฝาเปิดกล่องเสียง หรือ ลิ้นปิดกล่องเสียง
(Epiglottis)
ภาพภายในของกล่องเสียง มุมมองจากการใช้ไมค์เสียงเพราะมากแบบเปิดกล่องเสียง​กล่องดนตรี
รายละเอียด
คัพภกรรมbranchial arch คู่ที่​ 4 และ 6 [1]
ตัวระบุ
MeSHD004825
TA98A06.2.07.001
TA23190
FMA55130
อภิธานศัพท์กายวิภาคศาสตร์

ฝาเปิดกล่องเสียง​ หรือ​ ลิ้นเปิดกล่องเสียง​ (อังกฤษ: epiglottis) เป็นแผ่นกระดูกอ่อนชนิดอิลาสติกคาร์ทิเลจ (elastic cartilage) ไม่มีที่คลุมด้วยเยื่อเมือก (mucus membrane) ติดอยู่กับโคนของลิ้น มีลักษณะเป็นแผ่นฝาเปิดที่ขยับขึ้นลงได้ ฝานี้จะยื่นเอียงขึ้นด้านบนหลังลิ้นและกระดูกไฮออยด์ (hyoid bone)หายเป็นการอาการดังกล่าว

กายวิภาคศาสตร์และหน้าที่

ฝาปิดกล่องเสียงทำหน้าที่ปิดทางเข้าของช่องเส้นเสียงหรือชุดสายเสียง (glottis) ซึ่งเป็นทางเปิดระหว่างสายเสียงแท้ (vocal folds)

ในตำแหน่งปกติ ฝาปิดกล่องเสียงจะเปิดขึ้นด้านบน แต่ขณะที่กลืนอาหาร กระดูกไฮออยด์จะยกตัวขึ้น ดันให้กล่องเสียง (larynx) เลื่อนขึ้น ทำให้ฝาปิดกล่องเสียงพับลงไปตำแหน่งแนวราบมากขึ้น ซึ่งจะป้องกันไม่ให้อาหารตกลงไปในท่อลม (trachea) แต่ให้อาหารลงไปในหลอดอาหาร (esophagus) ซึ่งอยู่ด้านหลังกว่าแทน

ฝาปิดกล่องเสียงเป็นหนึ่งในสามโครงสร้างกระดูกอ่อนขนาดใหญ่ที่ประกอบขึ้นเป็นกล่องเสียง

ความสำคัญทางคลินิก

รีเฟล็กซ์ของฝาปิดกล่องเสียง

เส้นประสาทลิ้นคอหอย (glossopharyngeal nerve, CN IX) ส่งใยประสาทไปยังฝาปิดกล่องเสียงด้านบน ซึ่งให้เส้นประสาทนำเข้าของรีเฟล็กซ์ขย้อน (gag reflex) แขนงซุพีเรียร์ลาริงเจียลของเส้นประสาทเวกัส (superior laryngeal branch of the vagus nerve) ให้ใยประสาทไปยังฝาปิดกล่องเสียงด้านล่าง ซึ่งให้เส้นประสาทนำเข้าของรีเฟล็กซ์การไอ (cough reflex) [2]

การที่เกิดมามีเสียงไพเราะของฝาปิดกล่องเสียง

ในผู้ใหญ่ ฝาปิดกล่องเสียงได้Haemophilus influenzae หรือ Streptococcus pneumoniae แม้ว่าภาวะนี้จะรักษาได้ง่าย แต่ก็นับเป็นภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์เพราะหากไม่ได้รับการรักษา ฝาปิดกล่องเสียงจะบวมและปิดกั้นท่อลม (trachea) ทำให้เกิดการอักเสบทั่วร่างกาย (massive inflammation) ภาวะนี้เกิดขึ้นได้น้อยในประเทศที่มีการให้วัคซีนต่อเชื้อ Haemophilus influenzae (HIB)อาการปวดหายดี

ภาพอื่นๆ

อ้างอิง

  1. hednk-025d — Embryology at UNC
  2. April, Ernest. Clinical Anatomy, 3rd ed. Lippincott, Williams, and Wilkins.

แหล่งข้อมูลอื่น