ผลต่างระหว่างรุ่นของ "สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจุฑาธุชธราดิลก กรมขุนเพ็ชรบูรณ์อินทราไชย"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
spelling mistake
บรรทัด 20: บรรทัด 20:
วันที่ 18 มกราคม ร.ศ. 123 (นับแบบปัจจุบันตรงกับ พ.ศ. 2448) ได้รับสถาปนาเป็น''สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าจุฑาธุชธราดิลก สยามาธิปกปรมินทร จุฬาลงกรณ์ราชวโรรส อดิศัยยศอุภัยชาติพิสุทธิ์ ไทวปายณุตตมศักดิ์ วิบูลยลักษณวิลาศ มหามกุฎราชพงษานุพัทธ์ วิวรรฒผลพรพิสิษฐ มหิศรราชกุมาร กรมขุนเพ็ชรบูรณ์อินทราไชย''<ref name=":0">{{cite journal|journal=ราชกิจจานุเบกษา|volume=21|issue=44|pages=801-802|title=พระบรมราชโองการ ประกาศ เฉลิมพระนาม|url=http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2447/044/801.PDF|date=29 มกราคม ร.ศ. 123| accessdate = 26 กันยายน พ.ศ. 2561|language=ไทย}}</ref>
วันที่ 18 มกราคม ร.ศ. 123 (นับแบบปัจจุบันตรงกับ พ.ศ. 2448) ได้รับสถาปนาเป็น''สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าจุฑาธุชธราดิลก สยามาธิปกปรมินทร จุฬาลงกรณ์ราชวโรรส อดิศัยยศอุภัยชาติพิสุทธิ์ ไทวปายณุตตมศักดิ์ วิบูลยลักษณวิลาศ มหามกุฎราชพงษานุพัทธ์ วิวรรฒผลพรพิสิษฐ มหิศรราชกุมาร กรมขุนเพ็ชรบูรณ์อินทราไชย''<ref name=":0">{{cite journal|journal=ราชกิจจานุเบกษา|volume=21|issue=44|pages=801-802|title=พระบรมราชโองการ ประกาศ เฉลิมพระนาม|url=http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2447/044/801.PDF|date=29 มกราคม ร.ศ. 123| accessdate = 26 กันยายน พ.ศ. 2561|language=ไทย}}</ref>


พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าฯกรมขุนเพ็ชรบูรณ์อินทราไชยทรงเดินทางไปศึกษาต่อที่[[ประเทศอังกฤษ]] พร้อมกับ[[เจ้าฟ้าอัษฎางค์เดชาวุธ]]และ[[เจ้าฟ้ามหิดลอดุยเดช]] เมื่อ พ.ศ. 2448 ทรงศึกษาใน Magdelen College [[มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์]] กลับมารับราชการเป็นอาจารย์ใน[[จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย]]<ref>ราชกิจจานุเบกษา, [http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2461/D/1480.PDF แจ้งความกระทรวงธรรมการ เรื่อง ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ากรมขุนเพ็ชรบูรณ์อินทราไชย เสด็จเข้ารับราชการเป็นอาจารย์ในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย], เล่ม ๓๕, ตอน ๐ง, ๒๒ กันยายน พ.ศ. ๒๔๖๑, หน้า ๑๔๘๐</ref> ทรงสอนวิชาภาษาอังกฤษที่[[คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย|คณะรัฐฏประศาสนศาสตร์]] เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2461 และทรงเป็นผู้บัญชาการ[[โรงเรียนเพาะช่าง]] เมื่อ พ.ศ. 2461
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าฯกรมขุนเพ็ชรบูรณ์อินทราไชยทรงเดินทางไปศึกษาต่อที่[[ประเทศอังกฤษ]] พร้อมกับ[[เจ้าฟ้าอัษฎางค์เดชาวุธ]]และ[[เจ้าฟ้ามหิดลอดุยเดช]] เมื่อ พ.ศ. 2448 ทรงศึกษาใน Magdalene College [[มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์]] กลับมารับราชการเป็นอาจารย์ใน[[จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย]]<ref>ราชกิจจานุเบกษา, [http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2461/D/1480.PDF แจ้งความกระทรวงธรรมการ เรื่อง ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ากรมขุนเพ็ชรบูรณ์อินทราไชย เสด็จเข้ารับราชการเป็นอาจารย์ในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย], เล่ม ๓๕, ตอน ๐ง, ๒๒ กันยายน พ.ศ. ๒๔๖๑, หน้า ๑๔๘๐</ref> ทรงสอนวิชาภาษาอังกฤษที่[[คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย|คณะรัฐฏประศาสนศาสตร์]] เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2461 และทรงเป็นผู้บัญชาการ[[โรงเรียนเพาะช่าง]] เมื่อ พ.ศ. 2461


สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจุฑาธุชธราดิลก มีพระทัยใฝ่งานศิลปะ โปรดการทรงแกรนด์[[เปียโน]] [[ฮาร์พ]] และ[[ไวโอลิน]] โปรดศิลปะการละคร ได้ทรงพระนิพนธ์บทละครดึกดำบรรพ์
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจุฑาธุชธราดิลก มีพระทัยใฝ่งานศิลปะ โปรดการทรงแกรนด์[[เปียโน]] [[ฮาร์พ]] และ[[ไวโอลิน]] โปรดศิลปะการละคร ได้ทรงพระนิพนธ์บทละครดึกดำบรรพ์

รุ่นแก้ไขเมื่อ 10:00, 20 สิงหาคม 2562

สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ
เจ้าฟ้าจุฑาธุชธราดิลก
กรมขุนเพ็ชรบูรณ์อินทราไชย
ไฟล์:เจ้าฟ้าจุฑาธุชธราดิลก.jpg
ผู้อำนวยการโรงเรียนเพาะช่าง
ประสูติ5 กรกฎาคม พ.ศ. 2435
พระจุฑาธุชราชฐาน เกาะสีชัง
สิ้นพระชนม์8 กรกฎาคม พ.ศ. 2466 (31 ปี)
พระราชวังปทุมวัน กรุงเทพมหานคร
ภรรยาชายา
หม่อมเจ้าหญิงบุญจิราธร จุฑาธุช
หม่อม
หม่อมลออ จุฑาธุช ณ อยุธยา
หม่อมระวี จุฑาธุช ณ อยุธยา
พระบุตรพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าหญิงสุทธสิริโสภา
พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวรานนท์ธวัช
ราชวงศ์จักรี
พระบิดาพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
พระมารดาสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง

ศาสตราจารย์[1] สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจุฑาธุชธราดิลก กรมขุนเพ็ชรบูรณ์อินทราไชย (5 กรกฎาคม พ.ศ. 2435 — 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2466) เป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ประสูติแต่สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ประสูติเมื่อวันอังคารที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2435 เมื่อทรงพระเยาว์ทรงพระนามว่า "ทูลกระหม่อมติ๋ว" พระองค์จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ และเสด็จกลับมารับราชการเป็นอาจารย์ในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พระองค์โปรดงานทางด้านศิลปะ ดนตรี และการละคร โดยทรงพระนิพนธ์บทละครดึกดำบรรพ์ สิ้นพระชนม์ด้วยพระโรคพระวักกะพิการ เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2466 สิริรวมพระชนมายุได้ 31 พรรษา

พระประวัติ

สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจุฑาธุชธราดิลก กรมขุนเพ็ชรบูรณ์อินทราไชย พระราชโอรสองค์ที่ 72 ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระองค์ที่ 8 ใน สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ประสูติเมื่อวันอังคารที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2435 ณ พระตำหนักมรกฎสุทธิ์ เกาะสีชัง จังหวัดชลบุรี โดยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวพระราชทานนามเขตพระราชฐานว่า "พระจุฑาธุชราชฐาน" ตามพระนาม "สมเด็จเจ้าฟ้าจุฑาธุชธราดิลก" ซึ่งประสูติ ณ ที่แห่งนั้น [2] เมื่อทรงพระเยาว์ทรงพระนามว่า "ทูลกระหม่อมติ๋ว" พระองค์มีพระนามตามจารึกในพระสุพรรณบัฎว่า สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าจุฑาธุชธราดิลก สยามาธิปกปรมินทรจุฬาลงกรณราชวโรรส อดิศัยยศอุภัยชาติพิสุทธิ์ ไทวปายนุตมศักดิ์ อดุลยลักษณวิลาส มหามกุฎราชพงศานุพัทธ วิวัฒนผลพรพิสิษฐ มหิศรราชกุมาร

วันที่ 18 มกราคม ร.ศ. 123 (นับแบบปัจจุบันตรงกับ พ.ศ. 2448) ได้รับสถาปนาเป็นสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าจุฑาธุชธราดิลก สยามาธิปกปรมินทร จุฬาลงกรณ์ราชวโรรส อดิศัยยศอุภัยชาติพิสุทธิ์ ไทวปายณุตตมศักดิ์ วิบูลยลักษณวิลาศ มหามกุฎราชพงษานุพัทธ์ วิวรรฒผลพรพิสิษฐ มหิศรราชกุมาร กรมขุนเพ็ชรบูรณ์อินทราไชย[3]

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าฯกรมขุนเพ็ชรบูรณ์อินทราไชยทรงเดินทางไปศึกษาต่อที่ประเทศอังกฤษ พร้อมกับเจ้าฟ้าอัษฎางค์เดชาวุธและเจ้าฟ้ามหิดลอดุยเดช เมื่อ พ.ศ. 2448 ทรงศึกษาใน Magdalene College มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ กลับมารับราชการเป็นอาจารย์ในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย[4] ทรงสอนวิชาภาษาอังกฤษที่คณะรัฐฏประศาสนศาสตร์ เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2461 และทรงเป็นผู้บัญชาการโรงเรียนเพาะช่าง เมื่อ พ.ศ. 2461

สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจุฑาธุชธราดิลก มีพระทัยใฝ่งานศิลปะ โปรดการทรงแกรนด์เปียโน ฮาร์พ และไวโอลิน โปรดศิลปะการละคร ได้ทรงพระนิพนธ์บทละครดึกดำบรรพ์

พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้า ฯ พระราชทานที่ดินบริเวณที่เป็นพระราชวังปทุมวันเดิม แก่สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจุฑาธุชธราดิลก กรมขุนเพ็ชรบูรณ์อินทราไชย ทรงสร้างวังเพชรบูรณ์เป็นที่ประทับ ซึ่งต่อมาถูกทุบทิ้งสร้างเป็นศูนย์การค้าเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ เมื่อ พ.ศ. 2525 ปัจจุบันคือ เซ็นทรัลเวิลด์ ส่วนพระตำหนักเดิมถูกย้ายมาอยู่ที่ซอยอัคนี (ซอยงามวงศ์วาน ๒)ชื่อว่า ตำหนักประถม อำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี [1]

สิ้นพระชนม์

สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจุฑาธุชธราดิลก กรมขุนเพ็ชรบูรณ์อินทราไชย มีพระวรกายไม่แข็งแรง ประชวรพระโรคพระวักกะ (ไต) พิการเรื้อรัง กอปรกับเกิดเป็นพระโรคบิดและพระหทัยอ่อนล้า แพทย์ได้ถวายพระโอสถประคับประคองอย่างเต็มที่ พระอาการทรงบ้างทรุดบ้างและพระอาการอ่อนเพลียลงตามลำดับ สิ้นพระชนม์ ณ วังปทุมวัน เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2466 สิริพระชนมายุได้ 31 พรรษา พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เชิญพระศพมาประดิษฐานบนแว่นฟ้า ๓ ชั้น ประกอบพระโกศทองน้อยตำหนักปารุสกวัน[5]และมีพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2466 ณ พระเมรุ ท้องสนามหลวง[6]

ครอบครัว

หม่อมระวี จุฑาธุช ณ อยุธยา

สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจุฑาธุชธราดิลก กรมขุนเพ็ชรบูรณ์อินทราไชย เป็นต้นราชสกุล "จุฑาธุช" อภิเษกกับหม่อมเจ้าหญิงบุญจิราธร ชุมพล พระธิดาในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงสรรพสิทธิประสงค์ เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2465 ซึ่งก่อนจะอภิเษกพระองค์ทรงมีหม่อมอยู่ก่อนแล้วสองท่านคือ หม่อมลออ จุฑาธุช ณ อยุธยา (สกุลเดิม: ศิริสัมพันธ์) ธิดาพระนมอิน ศิริสัมพันธ์ กับหม่อมระวี จุฑาธุช ณ อยุธยา (สกุลเดิม: ไกยานนท์) นางละครจากคณะละครวังสวนกุหลาบ[7]

ส่วนพระโอรสและพระธิดามีอย่างละพระองค์ ประสูติแต่หม่อมทั้งสองท่านหาได้ประสูติแต่หม่อมเจ้าหญิงบุญจิราธร ผู้เป็นชายาเลย พระบุตรทั้งสองพระองค์จึงมีฐานันดรศักดิ์เป็น หม่อมเจ้า เมื่อแรกประสูติ แต่ต่อมาได้รับการเฉลิมพระยศเป็น พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้า ในรัชกาลของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อ พ.ศ. 2470 ทั้งนี้พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าหญิงสุทธสิริโสภา ประสูติแต่หม่อมลออ ส่วนพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวรานนท์ธวัช ประสูติแต่หม่อมระวี[8]

  1. พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าหญิงหญิงสุทธสิริโสภา (16 ธันวาคม พ.ศ. 2464 — 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2541) เสกสมรสกับหม่อมเจ้าสุวินิต กิติยากร มีธิดาสองคนคือ หม่อมราชวงศ์หญิงสุนิดา กิติยากร และหม่อมราชวงศ์หญิงเสาวนิต กิติยากร
  2. พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวรานนท์ธวัช (19 สิงหาคม พ.ศ. 2465 — 15 กันยายน พ.ศ. 2533) เสกสมรสกับแพมาลา สมี, สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์, เจ้ากอแก้วประกายกาวิล ณ เชียงใหม่ และศรีไศล สุชาติวุฒิ มีบุตรและธิดาจากการสมรสครั้งแรกคือ หม่อมราชวงศ์ดิลกวรานนท์ จุฑาธุช และหม่อมราชวงศ์หญิงดารา จุฑาธุช

ด้วยความที่พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวรานนท์ธวัช มีหม่อมมารดาเป็นนางละครมาก่อนจึงทำให้พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ข้ามพระองค์เจ้าวรานนท์ธวัชจากการสืบราชบัลลังก์ ด้วยทรงมองว่ามีมารดาเป็นสตรีที่ไร้สกุลรุนชาติ ดังปรากฏในพระบรมราชโองการตอนหนึ่ง ความว่า "…ให้ข้ามหม่อมเจ้าวรานนท์ธวัช ในสมเด็จเจ้าฟ้ากรมขุนเพชรบูรณ์อินทราไชยนั้นเสียเถิด เพราะหม่อมเจ้าวรานนท์ธวัชมีแม่ที่ไม่มีชาติสกุล เกรงว่าจะไม่เป็นที่เคารพแห่งพระบรมวงศานุวงศ์…"[9] ด้วยเหตุนี้พระองค์เจ้าวรานนท์ธวัชผู้เป็นทายาทในสายเสาวภาจึงมิได้สืบราชสมบัติ เช่นเดียวกับพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์ ที่มีหม่อมมารดาเป็นนางต่างด้าว[10]

พระเกียรติยศ

พระอิสริยยศ

  • สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าจุฑาธุชธราดิลก สยามาธิปกปรมินทรจุฬาลงกรณราชวโรรส อดิศัยยศอุภัยชาติพิสุทธิ์ ไทวปายนุตมศักดิ์ อดุลยลักษณวิลาส มหามกุฎราชพงศานุพัทธ วิวัฒนผลพรพิสิษฐ มหิศรราชกุมาร (5 กรกฎาคม พ.ศ. 2435 – 18 มกราคม พ.ศ. 2448)
  • สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าจุฑาธุชธราดิลก สยามาธิปกปรมินทร จุฬาลงกรณ์ราชวโรรส อดิศัยยศอุภัยชาติพิสุทธิ์ ไทวปายณุตตมศักดิ์ วิบูลยลักษณวิลาศ มหามกุฎราชพงษานุพัทธ์ วิวรรฒผลพรพิสิษฐ มหิศรราชกุมาร กรมขุนเพ็ชรบูรณ์อินทราไชย[3] (18 มกราคม พ.ศ. 2448 – 23 ตุลาคม พ.ศ. 2453)
  • สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าจุฑาธุชธราดิลก กรมขุนเพ็ชรบูรณ์อินทราไชย (23 ตุลาคม พ.ศ. 2453 – 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2468)

ภายหลังการสิ้นพระชนม์

  • สมเด็จพระเจ้าพี่ยาเธอ เจ้าฟ้าจุฑาธุชธราดิลก กรมขุนเพ็ชรบูรณ์อินทราไชย (26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2468 – 2 มีนาคม พ.ศ. 2478)
  • สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจุฑาธุชธราดิลก กรมขุนเพ็ชรบูรณ์อินทราไชย (2 มีนาคม พ.ศ. 2477 – ปัจจุบัน)

เครื่องราชอิสริยาภรณ์

ไฟล์:COA of Chudhadhuj.jpg
ตราราชสกุลจุฑาธุช

พระองค์ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นสูงสุดของตระกูลต่าง ๆ ดังต่อไปนี้[5]

พงศาวลี

อ้างอิง

  1. สำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ กรมศิลปากร. ราชสกุลวงศ์. พิมพ์ครั้งที่ 14, กรุงเทพฯ : สำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ กรมศิลปากร, 2554. 296 หน้า. หน้า 102. ISBN 978-974-417-594-6
  2. พระประวัติเจ้าฟ้าจุฑาธุชธราดิลก
  3. 3.0 3.1 "พระบรมราชโองการ ประกาศ เฉลิมพระนาม" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 21 (44): 801–802. 29 มกราคม ร.ศ. 123. สืบค้นเมื่อ 26 กันยายน พ.ศ. 2561. {{cite journal}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= และ |date= (help)
  4. ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความกระทรวงธรรมการ เรื่อง ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ากรมขุนเพ็ชรบูรณ์อินทราไชย เสด็จเข้ารับราชการเป็นอาจารย์ในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, เล่ม ๓๕, ตอน ๐ง, ๒๒ กันยายน พ.ศ. ๒๔๖๑, หน้า ๑๔๘๐
  5. 5.0 5.1 "ข่าวสิ้นพระชนม์" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 40 (ง). 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2466. สืบค้นเมื่อ 26 กันยายน พ.ศ. 2561. {{cite journal}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= และ |date= (help)
  6. การพระเมรุท้องสนามหลวง (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 40 (ง): 4000–4011. 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2466. สืบค้นเมื่อ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2562.
  7. "สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าจุฑาธุชธราดิลก กรมขุนเพ็ชรบูรณ์อินทราชัย". พิพิธภัณฑ์จุฑาธุชราชฐาน เกาะสีชัง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. สืบค้นเมื่อ 13 พฤษภาคม 2557. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  8. กิติวัฒนา (ไชยันต์) ปกมนตรี, หม่อมราชวงศ์. สายพระโลหิตในพระพุทธเจ้าหลวง. กรุงเทพฯ : ดีเอ็มดี, พ.ศ. 2551. 290 หน้า. ISBN 978-974-312-022-0
  9. สุพจน์ ด่านตระกูล. "ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับท่านปรีดีฯ และกรณีสวรรคต". ปรีดี-พูนศุข พนมยงค์. สืบค้นเมื่อ 13 พฤษภาคม 2557. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  10. สุพจน์ ด่านตระกูล. "ปรีดี พนมยงค์ กับสถาบันกษัตริย์และกรณีสวรรคต". สถาบันปรีดี พนมยงค์. สืบค้นเมื่อ 13 พฤษภาคม 2557. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  11. ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ ๕, เล่ม ๒๘, ตอน๐ ง, ๙ เมษายน พ.ศ. ๒๔๕๔, หน้า ๔๙
  12. ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเหรียญรัตนาภรณ์, เล่ม ๒๗, ตอน๐ ง, ๑๙ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๕๓, หน้า ๓๐๙๔

ดูเพิ่ม

แหล่งข้อมูลอื่น