ผลต่างระหว่างรุ่นของ "สมเด็จพระเจ้าทรงธรรม"
พุทธามาตย์ (คุย | ส่วนร่วม) ล ย้อนการแก้ไขของ 2001:44C8:4147:F255:1:1:A60:3F90 (พูดคุย) ไปยังรุ่นก่อนหน้าโดย พุทธามาตย์ ป้ายระบุ: ย้อนรวดเดียว |
ไม่มีความย่อการแก้ไข ป้ายระบุ: แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขด้วยแอปสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขด้วยแอปสำหรับไอโอเอส |
||
บรรทัด 30: | บรรทัด 30: | ||
| ปี = 2554| ISBN = 978-616-7308-25-8| จำนวนหน้า = 264| หน้า = 132-5}}{{dead link|date=August 2018}}</ref> มีพระนามเดิมว่า พระศรีศิลป์ เดิมบวชเป็น[[พระภิกษุ]]อยู่ที่วัดระฆัง มีความรอบรู้ทางด้านพระไตรปิฎกมาก จนได้รับการเลื่อน[[สมณศักดิ์]]เป็น''[[พระพิมลธรรม]]อนันตปรีชา'' มีผู้ที่นิยมท่านมาก รวมทั้ง[[จหมื่นศรีสรรักษ์ (วังหน้า)|จหมื่นศรีสรรักษ์]]ยังได้ฝากตัวเป็นบุตรบุญธรรมของท่านด้วย |
| ปี = 2554| ISBN = 978-616-7308-25-8| จำนวนหน้า = 264| หน้า = 132-5}}{{dead link|date=August 2018}}</ref> มีพระนามเดิมว่า พระศรีศิลป์ เดิมบวชเป็น[[พระภิกษุ]]อยู่ที่วัดระฆัง มีความรอบรู้ทางด้านพระไตรปิฎกมาก จนได้รับการเลื่อน[[สมณศักดิ์]]เป็น''[[พระพิมลธรรม]]อนันตปรีชา'' มีผู้ที่นิยมท่านมาก รวมทั้ง[[จหมื่นศรีสรรักษ์ (วังหน้า)|จหมื่นศรีสรรักษ์]]ยังได้ฝากตัวเป็นบุตรบุญธรรมของท่านด้วย |
||
ในแผ่นดินของ[[พระศรีเสาวภาคย์]] จหมื่นศรีสรรักษ์และบรรดาลูกศิษย์ของท่านได้ซ่องสุมกันที่[[วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ]] แล้วจึงบุกเข้าไปยังพระราชวังหลวงและจับ[[พระศรีเสาวภาคย์]]นำไป[[สำเร็จโทษด้วยท่อนจันทน์]] แล้วอัญเชิญพระพิมลธรรมอนันตปรีชาให้ลาสิกขาบท ขึ้นเสวยราชสมบัติแห่งกรุงศรีอยุธยา เมื่อปีขาล จุลศักราช 973 ([[พ.ศ. 2154]]) ทรงพระนามว่า สมเด็จพระเจ้าทรงธรรม และทรงแต่งตั้งจหมื่นศรีสรรักษ์เป็น[[พระมหาอุปราช]] |
ในแผ่นดินของ[[สมเด็จพระศรีเสาวภาคย์]] จหมื่นศรีสรรักษ์และบรรดาลูกศิษย์ของท่านได้ซ่องสุมกันที่[[วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ]] แล้วจึงบุกเข้าไปยังพระราชวังหลวงและจับ[[สมเด็จพระศรีเสาวภาคย์]]นำไป[[สำเร็จโทษด้วยท่อนจันทน์]] แล้วอัญเชิญพระพิมลธรรมอนันตปรีชาให้ลาสิกขาบท ขึ้นเสวยราชสมบัติแห่งกรุงศรีอยุธยา เมื่อปีขาล จุลศักราช 973 ([[พ.ศ. 2154]]) ทรงพระนามว่า สมเด็จพระเจ้าทรงธรรม และทรงแต่งตั้งจหมื่นศรีสรรักษ์เป็น[[พระมหาอุปราช]] |
||
สมเด็จพระเจ้าทรงธรรมมีพระราชโอรส 3 พระองค์ ได้แก่ [[พระเชษฐากุมาร]] [[พระพันปีศรีศิลป์]] และ[[พระอาทิตยวงศ์]] ส่วน[[จดหมายเหตุวันวลิต]]ระบุว่า พระองค์มีพระราชโอรส 9 พระองค์ พระราชธิดา 8 พระองค์ |
สมเด็จพระเจ้าทรงธรรมมีพระราชโอรส 3 พระองค์ ได้แก่ [[พระเชษฐากุมาร]] [[พระพันปีศรีศิลป์]] และ[[พระอาทิตยวงศ์]] ส่วน[[จดหมายเหตุวันวลิต]]ระบุว่า พระองค์มีพระราชโอรส 9 พระองค์ พระราชธิดา 8 พระองค์ |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 16:37, 2 กรกฎาคม 2562
บทความนี้ยังต้องการเพิ่มแหล่งอ้างอิงเพื่อพิสูจน์ความถูกต้อง |
สมเด็จพระเจ้าทรงธรรม | |
---|---|
พระศรีสิน | |
พระมหากษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยา | |
ครองราชย์ | 2154–2171 |
รัชสมัย | 17 ปี |
รัชกาลก่อนหน้า | พระศรีเสาวภาคย์ |
รัชกาลถัดไป | สมเด็จพระเชษฐาธิราช |
ประสูติ | พ.ศ. 2135 |
สวรรคต | 12 ธันวาคม พ.ศ. 2171 |
พระราชบุตร | สมเด็จพระเชษฐาธิราช พระพันปีศรีศิลป์ พระอาทิตยวงศ์ |
ราชวงศ์ | ราชวงศ์สุโขทัย |
พระราชบิดา | สมเด็จพระเอกาทศรถ[1] |
พระราชมารดา | พระสนมไม่ปรากฏพระนาม |
สมเด็จพระเจ้าทรงธรรม หรือ สมเด็จพระบรมราชาที่ 1 หรือ สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถทรงธรรม หรือ สมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวทรงธรรมอันมหาประเสริฐ[2] เป็นพระมหากษัตริย์พระองค์ที่ 21 แห่งกรุงศรีอยุธยา และเป็นพระองค์ที่ 5 แห่งราชวงศ์สุโขทัย
หลังจากทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้สำเร็จโทษพระมหากษัตริย์องค์ก่อนแล้ว พระศรีศิลป์หรือพระพิมลธรรม หรือพระเจ้าทรงธรรมก็เสด็จปราบดาภิเษกขึ้นครองราชสมบัติ
พระราชประวัติ
สมเด็จพระเจ้าทรงธรรมมีพระนามเดิมว่าพระอินทราชา (แต่พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม) ว่าพระนามเดิมคือพระศรีสิน) เป็นพระราชโอรสในสมเด็จพระเอกาทศรถกับพระสนมชาวบางปะอิน[3] มีพระนามเดิมว่า พระศรีศิลป์ เดิมบวชเป็นพระภิกษุอยู่ที่วัดระฆัง มีความรอบรู้ทางด้านพระไตรปิฎกมาก จนได้รับการเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระพิมลธรรมอนันตปรีชา มีผู้ที่นิยมท่านมาก รวมทั้งจหมื่นศรีสรรักษ์ยังได้ฝากตัวเป็นบุตรบุญธรรมของท่านด้วย
ในแผ่นดินของสมเด็จพระศรีเสาวภาคย์ จหมื่นศรีสรรักษ์และบรรดาลูกศิษย์ของท่านได้ซ่องสุมกันที่วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ แล้วจึงบุกเข้าไปยังพระราชวังหลวงและจับสมเด็จพระศรีเสาวภาคย์นำไปสำเร็จโทษด้วยท่อนจันทน์ แล้วอัญเชิญพระพิมลธรรมอนันตปรีชาให้ลาสิกขาบท ขึ้นเสวยราชสมบัติแห่งกรุงศรีอยุธยา เมื่อปีขาล จุลศักราช 973 (พ.ศ. 2154) ทรงพระนามว่า สมเด็จพระเจ้าทรงธรรม และทรงแต่งตั้งจหมื่นศรีสรรักษ์เป็นพระมหาอุปราช
สมเด็จพระเจ้าทรงธรรมมีพระราชโอรส 3 พระองค์ ได้แก่ พระเชษฐากุมาร พระพันปีศรีศิลป์ และพระอาทิตยวงศ์ ส่วนจดหมายเหตุวันวลิตระบุว่า พระองค์มีพระราชโอรส 9 พระองค์ พระราชธิดา 8 พระองค์
ตอนปลายรัชสมัยของพระองค์ ขณะที่พระองค์ประชวรหนัก มีพระราชประสงค์จะมอบราชสมบัติให้พระราชโอรสองค์ใหญ่ คือ พระเชษฐาธิราชกุมาร โดยทรงมอบให้ออกญาศรีวรวงศ์ จางวางมหาดเล็ก ซึ่งเป็นพระญาติที่ไว้วางพระทัยเป็นผู้ดูแลพระเชษฐาธิราชจนกว่าจะได้ครองราชย์ สมเด็จพระเจ้าทรงธรรมครองราย์ได้ 17 ปี จึงเสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2171 ซึ่งเป็นวันที่ชาวฮอลันดาได้บันทึกไว้
พระราชกรณียกิจ
ด้านพระพุทธศาสนา
สมเด็จพระเจ้าทรงธรรมทรงเป็นนักปราชญ์ รอบรู้ในวิชาการหลายด้าน มีความเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนา ทรงประพฤติราชธรรมอย่างมั่นคง เป็นที่รักใคร่นับถือของบรรดาราษฎรและชาวต่างชาติ พระกรณียกิจส่วนใหญ่ของพระองค์ มุ่งส่งเสริมทำนุบำรุงศาสนาพุทธในด้านต่าง ๆ เช่น โปรดเกล้าฯ ให้คัดลอกพระไตรปิฎกภาษาบาลีฉบับสมบูรณ์เป็นจำนวนมาก ทรงให้นักปราชญ์ราชบัณฑิตแต่งมหาชาติคำหลวงถวาย นับเป็นวรรณคดีชิ้นสำคัญของสมัยอยุธยา ได้มีผู้พบรอยพระพุทธบาทบนยอดเขาสุวรรณบรรพต แขวงเมืองสระบุรี พระองค์ได้โปรดเกล้าฯ ให้สร้างมณฑปครอบรอบพระพุทธบาท พร้อมทั้งสร้างพระอุโบสถ พระวิหารการเปรียญ กับกุฏิสงฆ์ ถวายให้เป็นสมบัติในพระพุทธศาสนา พระพุทธบาทสระบุรีจึงมีความสำคัญ เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางของพุทธศาสนิกชนตั้งแต่นั้นมาตราบถึงปัจจุบัน
ด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
พระองค์ทรงมีสัมพันธ์ไมตรีกับบรรดาต่างประเทศที่เข้ามาติดต่อค้าขายกับไทย ทำให้กรุงศรีอยุธยาเป็นเมืองท่าที่สำคัญในภูมิภาคแถบนี้ของโลก ชาวต่างประเทศ โดยเฉพาะฮอลันดา อังกฤษและญี่ปุ่น ที่เข้ามาติดต่อค้าขายกับไทยตั้งแต่รัชสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราชและสมเด็จพระเอกาทศรถ พระองค์ก็ได้โปรดเกล้าฯ พระราชทานที่ดินบริเวณปากแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันตก ริมคลองปลากด เหนือเมืองสมุทรปราการ ให้ชาวฮอลันดาตั้งคลังสินค้า และส่วนชาวญี่ปุ่น ปรากฏว่ามีชาวญี่ปุ่นสมัครเข้ารับราชการที่กรุงศรีอยุธยาเป็นจำนวนมาก จนได้มีการจัดตั้งกรมอาสาญี่ปุ่น ขึ้นมาช่วยราชการกรุงศรีอยุธยา ชาวญี่ปุ่นที่มีบทบาทสำคัญในวงการเมืองในรัชสมัยของพระองค์ คือ ยะมะดะ นะงะมะซะ ซึ่งต่อมาได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นออกญาเสนาภิมุข
ด้านราชการสงคราม
เนื่องจากพระองค์ไม่นิยมการทำสงคราม ด้วยเหตุนี้กรุงศรีอยุธยาจึงต้องเสียเมืองทวาย อันเป็นเมืองท่าที่สำคัญทางตะวันตกในทะเลอันดามัน พม่ายกกำลังมาตีเมืองทวายได้เมื่อปี พ.ศ. 2165 ต่อมา กัมพูชาและแคว้นเชียงใหม่ซึ่งเคยเป็นประเทศราชมาตั้งแต่รัชสมัยสมเด็จพระนเรศวรต่างก็พากันแข็งเมืองไม่ยอมขึ้นกับกรุงศรีอยุธยา
พระราชบุตร
ใน คำให้การชาวกรุงเก่า ระบุว่าสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม มีพระมเหสีสองพระองค์ คือพระนางจันทราชา และพระนางขัตติยเทวี มีพระราชธิดาด้วยกันองค์ละสี่พระองค์ รวมมีพระราชธิดาทั้งหมดแปดพระองค์ ดังนี้[4]
|
|
อ้างอิง
- เชิงอรรถ
- ↑ พระเจ้าทรงธรรม[ลิงก์เสีย]
- ↑ พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม) และเอกสารอื่น. นนทบุรี : ศรีปัญญา, 2553. 800 หน้า. หน้า 261-4. ISBN 978-616-7146-08-9
- ↑ มูลนิธิสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา. นามานุกรมพระมหากษัตริย์ไทย. กรุงเทพฯ : มูลนิธิสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา, 2554. 264 หน้า. หน้า 132-5. ISBN 978-616-7308-25-8[ลิงก์เสีย]
- ↑ ประชุมคำให้การกรุงศรีอยุธยา รวม 3 เรื่อง, หน้า 90-91
- บรรณานุกรม
- พระราชพงศาวดาร ฉบับพระราชหัตถเลขา ภาค 1. สมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช พิมพ์ขึ้นเป็นส่วนพระราชกุศลทานมัยในงานพระศพ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงวรเสฐสุดา, พระอรรคชายาเธอ กรมขุนอรรควรราชกัญญา, สมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมขุนพิจิตรเจษฎจันทร์ และสมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมขุนสวรรคโลกลักษณวดี. พ.ศ. 2455.
{{cite book}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|year=
(help) - ประชุมคำให้การกรุงศรีอยุธยา รวม 3 เรื่อง. กรุงเทพฯ : แสงดาว, 2553. 536 หน้า. ISBN 978-616-508-073-6
ดูเพิ่ม
ก่อนหน้า | สมเด็จพระเจ้าทรงธรรม | ถัดไป | ||
---|---|---|---|---|
พระศรีเสาวภาคย์ (ราชวงศ์สุโขทัย) (พ.ศ. 2153) |
พระมหากษัตริย์แห่งอาณาจักรอยุธยา (ราชวงศ์สุโขทัย) (พ.ศ. 2154 - พ.ศ. 2171) |
สมเด็จพระเชษฐาธิราช (ราชวงศ์สุโขทัย) ( พ.ศ. 2171 - พ.ศ. 2173) |