ผลต่างระหว่างรุ่นของ "เท็ด บันดี"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
SiTaFare (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
SiTaFare (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 12: บรรทัด 12:
== ข่มขืนและฆาตกรรม ==
== ข่มขืนและฆาตกรรม ==


แอน รูล์ ผู้เขียน[[หนังสือ]]ชีวประวัติและ[[อาชญากรรม]]ของ เท็ด บันดี ในหนังสือที่มีชื่อว่า ''The Stranger Beside Me'' และ[[นักสืบ]] โรเบิร์ต ดี เคปเพล ผู้เกี่ยวข้องกับคดีของบันดีเชื่อว่าบันดี น่าจะเริ่มฆ่าคนมาตั้งแต่ยังเด็ก โดย แอน แมรี เบอร์ เด็ก[[หญิง]]วัย 8 ขวบจากเมืองทาโคมาหายตัวไปจากบ้านในปี พ.ศ. 2504 ขณะนั้นบันดีอายุ 14 [[ปี]] ซึ่งบันดีปฏิเสธว่าไม่ได้ฆ่า แอน เบอร์ และ 1 วันก่อนการประหารเขาบอกกับทนายของเขาว่าเขาเริ่มพยายามลักพาตัวผู้หญิงจริงๆในปี พ.ศ. 2512 ซึ่งอาชญากรรมครั้งแรกที่ถูกยืนยันอย่างเป็นทางการเกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2517 เมื่อเขาอายุได้ 27 ปี ในวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2517 ภายหลังเที่ยงคืนเล็กน้อยบันดีเข้าไปในห้องนอนที่อยู่ใต้ถุนของ[[อาคาร]]ของ โจนี เลนซ์ อายุ 18 ปี [[นักศึกษา]]ของ[[มหาวิทยาลัยวอชิงตัน]] เขาทุบศีรษะเลนซ์ด้วยท่อน[[เหล็ก]]ขณะที่เลนซ์กำลังหลับ และเสียบท่อนเหล็กเข้าไปใน[[ช่องคลอด]]ของเลนซ์ ในตอนเช้าเพื่อนร่วมห้องมาพบในขณะที่เลนซ์กำลังโคมาและนอนจมกอง[[เลือด]] เลนซ์รอด[[ตาย]]แต่[[สมอง]]ถูกกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง
แอน รูล์ ผู้เขียน[[หนังสือ]]ชีวประวัติและ[[อาชญากรรม]]ของ เท็ด บันดี ในหนังสือที่มีชื่อว่า ''The Stranger Beside Me'' และ[[นักสืบ]] โรเบิร์ต ดี เคปเพล ผู้เกี่ยวข้องกับคดีของบันดีเชื่อว่าบันดี น่าจะเริ่มฆ่าคนมาตั้งแต่ยังเด็ก โดย แอน แมรี เบอร์ เด็ก[[หญิง]]วัย 8 ขวบจากเมืองทาโคมาหายตัวไปจากบ้านในปี พ.ศ. 2504 ขณะนั้นบันดีอายุ 14 [[ปี]] ซึ่งบันดีปฏิเสธว่าไม่ได้ฆ่า แอน เบอร์ และ 1 วันก่อนการประหารเขาบอกกับทนายของเขาว่าเขาเริ่มพยายามลักพาตัวผู้หญิงจริงๆในปี พ.ศ. 2512 ซึ่งอาชญากรรมครั้งแรกที่ถูกยืนยันอย่างเป็นทางการเกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2517 เมื่อเขาอายุได้ 27 ปี ในวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2517 ภายหลังเที่ยงคืนเล็กน้อยบันดีเข้าไปในห้องนอนที่อยู่ใต้ถุนของ[[อาคาร]]ของ โจนี เลนซ์ อายุ 18 ปี [[นักศึกษา]]ของ[[มหาวิทยาลัยวอชิงตัน]] เขาทุบศีรษะเลนซ์ด้วยท่อน[[เหล็ก]]ขณะที่เลนซ์กำลังหลับ และเสียบท่อนเหล็กเข้าไปใน[[ช่องคลอด]]ของเลนซ์ ในตอนเช้าเพื่อนร่วมห้องมาพบในขณะที่เลนซ์กำลังโคมาและนอนจมกอง[[เลือด]] เลนซ์รอด[[ชีวิต]]แต่[[สมอง]]ถูกกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง เหยื่อรายต่อมาของบันดีคือ ลินดา แอน เฮียลีย์ นักศึกษา[[มหาวิทยาลัย]]วอชิงตันอีก[[คน]]หนึ่ง ในคืนวันที่ 31 ของ[[เดือน]]เดียวกันบันดีงัดเข้าไปในห้องของเฮียลีย์ ทุบเธอจนหมด[[สติ]] ใช้ผ้าปูเตียงห่อร่างของเฮียลีย์และแบกเธอหายไป


== อ้างอิง ==
== อ้างอิง ==

รุ่นแก้ไขเมื่อ 17:58, 24 พฤศจิกายน 2550

ธีโอดอร์ โรเบิร์ต 'เท็ด' บันดี (Theodore Robert 'Ted' Bundy) เป็นฆาตกรต่อเนื่องชาวอเมริกัน เกิดวันที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2489 ในระหว่างปี พ.ศ. 2517 – พ.ศ. 2521 เท่าที่ทางการพบ บันดีข่มขืนและฆาตกรรมหญิงสาวในรัฐ โคโลราโด, ฟลอริดา, ยูทาห์, วอชิงตัน, โอเรกอน, ไอดาโฮ ไปทั้งสิ้น 36 ราย[1]

บันดีเป็นผู้มีการศึกษาและเป็นคนมีเสน่ห์ เพื่อนๆและคนรู้จักจดจำเขาได้ในฐานะที่เขาเป็นชายหนุ่มที่หน้าตาดีและพูดจาเก่ง บันดีถูกตัดสินประหารชีวิตด้วยการนั่งเก้าอี้ไฟฟ้า เสียชีวิตลงในวันที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2532

ประวัติ

ธีโอดอร์ โรเบิร์ต บันดี เกิดวันที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2489 เมืองเบอร์ลิงตัน มลรัฐเวอร์มอนต์ บิดาทิ้งเขาและมารดาไปตั้งแต่เขายังไม่เกิด และไม่ได้แต่งงานกับมารดาของเขา บันดีถูกเลี้ยงมาในฐานะลูกของตาและยาย โดยโกหกว่ามารดาเป็นพี่สาวของเขา บันดีไม่รู้ความจริงนี้จนกระทั่งลูกพี่ลูกน้องของเขายกเรื่องนี้มาบอก เมื่อเขามีอายุ 10 ปี

บันดี้จบการศึกษาจากวูดโรว์วิลสันไฮสคูล ใน พ.ศ. 2508 และได้ทุนเล่าเรียนที่มหาวิทยาลัยพูเจต์ซาวน์ ทาโคมา วอชิงตัน ในสาขาจิตวิทยา ภายหลังจากศึกษาไป 2 ภาคการศึกษา เขาตัดสินใจย้ายไปเรียนที่มหาวิทยาลัยวอชิงตัน ในซีแอตเทิล และได้เริ่มความสัมพันธ์กับ สเตฟานี บรูกส์ เพื่อนร่วมสถาบันที่มาจากตระกูลผู้ดีในแคลิฟอร์เนีย ทั้ง 2 คบหากันเป็นคู่รัก หลังจากบรูกส์รับปริญญาในปี พ.ศ. 2511 บรูกส์ที่ไม่ค่อยพอใจในความอ่อนแอและขาดความทะเยอทะยานของบันดี ได้ตัดความสัมพันธ์กับเขาและกลับไปแคลิฟอร์เนีย

บันดีพักการเรียนและกลับไปที่ เบอร์ลิงตัน เวอร์มอนต์ บ้านเกิดของเขา ทำงานเป็นเสมียนอยู่ 1 ปี จึงกลับไปศึกษาต่อที่ซีแอตเทิลอีกครั้ง และเริ่มมีนัดกับ อลิซาเบธ เคลิพเฟอร์ เลขานุการที่หย่าแล้วและมีบุตรสาวติดมาด้วย 1 คน บันดีจบการศึกษาในปี พ.ศ. 2516[2] เขาปรับปรุงมารยาทและการแต่งตัว หัดเข้าสังคมและอาศัยคนรู้จักจนเข้าสู่สำนักงานของรองประธานาธิบดี เนลสัน ร็อกกีเฟลเลอร์ เพื่อการรณรงค์หาเสียงของพรรครีพับลิกัน ในฐานะผู้สนับสนุนรองประธานธิบดีร็อกีเฟลเลอร์ เขาขยันขันแข็ง ไม่เกี่ยงงาน จนสมาชิกพรรคคาดหวังว่าเขาจะไต่เต้าขึ้นเป็นนักการเมืองได้ เมื่อเขาต้องเดินทางไปแคลิฟอร์เนีย เขาก็ได้พบกับ สเตฟานี บรูกส์ และกลับมามีนัดกันอีกครั้ง เขาคบหากับเคลิพเฟอร์และบรูกส์ไปพร้อมๆกัน โดยที่ทั้ง 2 คนไม่รู้เรื่องของอีกฝ่าย บันดีและบรูกส์ได้ตกลงหมั้นหมายกันเพื่อจะเข้าพิธีสมรส แต่จากนั้นบันดีตัดความสัมพันธ์กับบรูกส์ลงอย่างกลางคัน

ข่มขืนและฆาตกรรม

แอน รูล์ ผู้เขียนหนังสือชีวประวัติและอาชญากรรมของ เท็ด บันดี ในหนังสือที่มีชื่อว่า The Stranger Beside Me และนักสืบ โรเบิร์ต ดี เคปเพล ผู้เกี่ยวข้องกับคดีของบันดีเชื่อว่าบันดี น่าจะเริ่มฆ่าคนมาตั้งแต่ยังเด็ก โดย แอน แมรี เบอร์ เด็กหญิงวัย 8 ขวบจากเมืองทาโคมาหายตัวไปจากบ้านในปี พ.ศ. 2504 ขณะนั้นบันดีอายุ 14 ปี ซึ่งบันดีปฏิเสธว่าไม่ได้ฆ่า แอน เบอร์ และ 1 วันก่อนการประหารเขาบอกกับทนายของเขาว่าเขาเริ่มพยายามลักพาตัวผู้หญิงจริงๆในปี พ.ศ. 2512 ซึ่งอาชญากรรมครั้งแรกที่ถูกยืนยันอย่างเป็นทางการเกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2517 เมื่อเขาอายุได้ 27 ปี ในวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2517 ภายหลังเที่ยงคืนเล็กน้อยบันดีเข้าไปในห้องนอนที่อยู่ใต้ถุนของอาคารของ โจนี เลนซ์ อายุ 18 ปี นักศึกษาของมหาวิทยาลัยวอชิงตัน เขาทุบศีรษะเลนซ์ด้วยท่อนเหล็กขณะที่เลนซ์กำลังหลับ และเสียบท่อนเหล็กเข้าไปในช่องคลอดของเลนซ์ ในตอนเช้าเพื่อนร่วมห้องมาพบในขณะที่เลนซ์กำลังโคมาและนอนจมกองเลือด เลนซ์รอดชีวิตแต่สมองถูกกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง เหยื่อรายต่อมาของบันดีคือ ลินดา แอน เฮียลีย์ นักศึกษามหาวิทยาลัยวอชิงตันอีกคนหนึ่ง ในคืนวันที่ 31 ของเดือนเดียวกันบันดีงัดเข้าไปในห้องของเฮียลีย์ ทุบเธอจนหมดสติ ใช้ผ้าปูเตียงห่อร่างของเฮียลีย์และแบกเธอหายไป

อ้างอิง

  1. True Crime: Serial Killers มหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ เรียกข้อมูลวันที่ 24-11-2550 (อังกฤษ)
  2. Ted Bundy: The Poster Boy of Serial Killers Crime Magazine เรียกข้อมูลวันที่ 24-11-2550 (อังกฤษ)