ผลต่างระหว่างรุ่นของ "เจ้าปางคำ"
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
|||
บรรทัด 107: | บรรทัด 107: | ||
[[หมวดหมู่:นักเขียนชาวไทย]] |
[[หมวดหมู่:นักเขียนชาวไทย]] |
||
[[หมวดหมู่:ราชวงศ์สุวรรณปางคำ]] |
[[หมวดหมู่:ราชวงศ์สุวรรณปางคำ]] |
||
{{เกิดปี|}}{{ตายปี|}} |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 12:33, 2 มิถุนายน 2562
บทความนี้ไม่มีการอ้างอิงจากแหล่งที่มาใด |
เจ้าปางคำ | |||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
พระเจ้าสุวรรณปางคำ พระเจ้าสุวรรณปางคำ | |||||||||
พระเจ้าผู้ครองนคร | |||||||||
ครองราชย์ | พ.ศ. 2228-2302 | ||||||||
รัชสมัย | 74 ปี | ||||||||
รัชกาลก่อนหน้า | ไม่มี (ปราบดาภิเษก) | ||||||||
รัชกาลถัดไป | เจ้าพระวรราชปิตา (เจ้าพระตา) | ||||||||
ประสูติ | ไม่ปรากฏ | ||||||||
พระมเหสี | พระราชนัดดา และเจ้านางเภาเทวี | ||||||||
พระเจ้าสุวรรณปางคำ | |||||||||
| |||||||||
พระบุตร | 3 พระองค์ | ||||||||
ราชวงศ์ | สุวรรณปางคำ |
เจ้าปางคำ หรือ พระเจ้าสุวรรณปางคำ ปฐมกษัตริย์ผู้ก่อตั้งเวียงใหม่นครเขื่อนขันธ์กาบแก้วบัวบาน (หนองบัวลำภู) (พ.ศ. 2228-2302) ถือเป็นปฐมราชวงศ์สุวรรณปางคำ และปฐมวงศ์แห่งเมืองอุบลราชธานีศรีวนาไลยประเทศราช เมืองยศสุนทรประเทศราช เมืองเขมราษฎร์ธานี เมืองหนองคาย เมืองอำนาจเจริญ เมืองพิบูลมังสาหาร เมืองตระการพืชผล เมืองมหาชนะชัย เมืองเสลภูมินิคม เมืองวารินทร์ชำราบ ฯลฯ พระองค์มีศักดิ์เป็นพระมาตุลา (น้า) ของเจ้ากิ่งกิสราช ปฐมกษัตริย์ของอาณาจักรล้านช้างหลวงพระบาง (พ.ศ. 2246-2265) และเป็นพระปิตุลา (อา) ของพระบรมเชษฐขัตติยสุริยวงศา (เจ้าองค์คำ) เจ้าผู้ครองอาณาจักรล้านช้างหลวงพระบาง พระองค์ที่ 2 (พ.ศ. 2256-2266) และเจ้าผู้ครองแคว้นเชียงใหม่อิสระ (พ.ศ. 2270-2302)
พระองค์ยังทรงมีพระปรีชาสามารถด้านการประพันธ์ และวรรณกวี โดยทรงแต่งวรรณกรรมเรื่องสินไซ หรือสังข์ศิลป์ชัย ซึ่งถือว่าเป็นวรรณกรรมชั้นเยี่ยมของอาณาจักรล้านช้าง (สปป.ลาว) และวรรณกรรมเรื่องท้าวฮุ่งท้าวเจือง (ขุนเจือง) ซึ่งมีทรงประพันธ์ที่สื่อถึงอารมย์ความเศร้า ความทุกข์ ความโกรธแค้น ความดีใจในบทประพันธ์นั้นได้ลงตัว
พระราชประวัติ
เมื่อปี พ.ศ. 2228 เจ้าปางคำเป็นเชื้อพระวงศ์เชียงรุ่งแสนหวีฟ้า ได้อพยพหนีภัยรุกรานของพวกจีนฮ่อบุกเข้ายึดนครเชียงรุ่ง ลงมาพึ่งพระบรมโพธิสมภารพระเจ้าสุริยวงศาธรรมิกราช พระมหากษัตริย์อาณาจักรล้านช้าง โดยมีเจ้านายนครเชียงรุ่งที่อพยพลงมาพร้อมกันคือ เจ้าอินทกุมาร และเจ้าจันทกุมารี ซึ่งเป็นพระราชมารดาเจ้ากิ่งกิสราช ปฐมกษัตริย์ของอาณาจักรล้านช้างหลวงพระบาง (พ.ศ. 2246-2265) และเจ้าอินทโฉม กษัตริย์อาณาจักรล้านช้างหลวงพระบาง พระองค์ที่ 2 (พ.ศ. 2266-2292)
ต่อมาพระเจ้าสุริยวงศาธรรมิกราช ทรงโปรดให้เจ้าปางคำเสกสมรสกับพระราชนัดดาในพระองค์ และมีพระราชโอรส 2 พระองค์ คือ
เมื่อพระราชโอรสทั้งสองพระองค์เจริญชนม์ เจ้าปางคำทรงโปรดให้เข้ารับราชการสนองพระคุณพระเจ้าสุริยวงศาธรรมิกราช ผู้เป็นพระปัยกา (คุณตาทวด) ที่พระราชสำนักนครเวียงจันทน์
ในปี พ.ศ.เดียวกันนั้นเอง พระเจ้าสุริยวงศาธรรมิกราช ทรงโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าปางคำทรงนำกำลังไพร่พลครัวนครเชียงรุ่งแสนหวีฟ้าที่ติดตามมาไปตั้งบ้านเรือนอยู่ที่เมืองหนองบัวลุ่มภู ซึ่งพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช ทรงนำไพร่พลหลวงพระบางและเวียงจันทน์มาก่อสร้างขึ้นครั้ง พ.ศ. 2106 ให้เมืองหน้าด่านของกรุงศรีสัตตนาคนหุต (เวียงจันทน์) เมื่อเจ้าปางคำได้มาถึงเมืองหนองบัวลุ่มภู ทรงเลือกหน้าทำเลที่ตั้งบ้านเมืองใหม่ บริเวณริมหนองบัวอันมีปราการทางธรรมชาติคือ เทือกเขาภูพานสูงตระหง่าน สามารถป้องกันข้าศึกศัตรู พร้อมก่อสร้างค่ายคูประตูหอรบ กำแพงคูเมืองล้อมรอบพร้อมประตูเวียงอย่างแน่นหนา สถาปนาเวียงแห่งใหม่นี้ว่า "เวียงใหม่นครเขื่อนขันธ์กาบแก้วบัวบาน" แต่ประชาชนทั่วไปนิยมเรียกว่า "หนองบัวลุ่มภู" ซึ่งเป็นเมืองเอกเทศราชไม่ขึ้นตรงต่ออาณาจักรใด ทรงให้ตั้งกฏบัญญัติบ้านเมืองหนองบัวลุ่มภู มีลำพระเนียงเป็นแม่น้ำสายหลักไหลหล่อเลี้ยงชาวเมือง มีพญาช้างเผือกคู่เวียง และมีเมืองหน้าด่านของนครเขื่อนขันธ์กาบแก้วบัวบาน ได้แก่ เมืองนาด้วง เมืองภูเวียง เมืองผาขาว เมืองพรรณา[1]
ปี พ.ศ. 2281 พระเจ้าสุวรรณปางคำได้เสด็จคล้องช้าง พร้อมไพร่พลหนองบัวลุ่มภูยกลงมาตามริมแม่น้ำโขงจนล่วงเข้าเขตนครกาลจำบากนาคบุรีศรี (อาณาจักรล้านช้างจำปาสัก) พระเจ้าสุวรรณปางคำจึงได้เจ้านางเภาเป็นพระมเหสี แล้วยกไพร่พลกลับไปหนองบัวลุ่มภู ต่อมาเจ้านางเภาได้ประสูติพระราชธิดา พระนามว่า "เจ้านางแพง" หนองบัวลุ่มภูกับนครจำปาศักดิ์จึงมีความสัมพันธ์กันนับตั้งแต่นั้นมา
เมื่อเจ้าปางคำนำครัวชาวเชียงรุ่งมาอยู่ที่หนองบัวลุ่มภูแล้ว ก็ให้มีการนำขนบธรรมเนียม และประเพณีของไทลื้อเมืองเชียงรุ่งมาใช้ด้วย เช่น ธรรมเนียมการเผาศพเจ้านายบนเมรุนกหัสดีลิงค์ และธรรมเนียมประเพณีดังกล่าวนั้น ภายหลังเมื่อชาวหนองบัวลุ่มภูได้ย้ายลงไปตั้งเมืองใหม่ที่อุบลราชธานีก็ยังคงไว้ซึ่งธรรมเนียมของเมืองเชียงรุ่งนี้ไว้ด้วย [2]
สวรรคต
พระเจ้าสุวรรณปางคำ เสด็จสวรรคตเมื่อปี พ.ศ. 2302 ตรงกับรัชสมัยของสมเด็จพระที่นั่งสุริยาศน์อัมรินทร์ พระมหากษัตริย์แห่งอาณาจักรอยุธยา พรองค์ที่ 33 ก่อนเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 ทรงเป็นกษัตริย์ปกครองนครเขื่อนขันธ์กาบแก้วบัวบาน 74 ปี
รายพระนามกษัตริย์นครเขื่อนขันธ์กาบแก้วบัวบาน
ลำดับ | รายพระนาม | เริ่มต้นรัชกาล | สิ้นสุดรัชกาล | รวมระยะเวลา | หมายเหตุ |
---|---|---|---|---|---|
1 | พระเจ้าสุวรรณปางคำ | พ.ศ. 2228 | พ.ศ. 2302 | 74 ปี | |
ว่างเว้นจากกษัตริย์ | พ.ศ. 2302 | พ.ศ. 2311 | 10 ปี | ||
2 | เจ้าพระวรราชปิตา (เจ้าพระตา) | พ.ศ. 2311 | พ.ศ. 2314 | 3 ปี | |
3 | เจ้าพระวรราชภักดี (เจ้าพระวอ) | - | - | - | อยู่ในภาวะสงครามกับเวียงจันทน์ และได้อพยพหนีลงมายังบ้านสิงห์ท่า (ยโสธร) ก่อนขึ้นครองเมือง |
ทรงวรรณกรรมสินไซ
สินไซ หรือ สังศิลป์ชัย เป็นวรรณกรรมที่นิยมกันมากในอาณาจักรล้านช้าง โดยมีเค้าโครงเรื่องมาจากปัญญาสชาดก หรือชาดกห้าสิบเรื่อง หรือพระเจ้าห้าสิบชาติตามสำนวนลาว[3] ทั้งนี้เรื่องสินไซ มีนักปราชญ์ล้านช้างประพันธ์ไว้หลายคน แต่ที่นับว่าดีที่สุดและนิยมมากที่สุดคือ สินไซ สำนวนของเจ้าปางคำ ที่ประพันธ์ขึ้นในรัชสมัยพระเจ้าสุริยวงศาธรรมิกราช ซึ่งเป็นสมัยที่เรียกกันว่ายุคทองแห่งวรรณกรรมลาว และสินไซสำนวนของเจ้าปางคำก็ได้รับการยกย่องว่าเป็นวรรณกรรมชิ้นเอกชิ้นหนึ่งของอาณาจักรล้านช้าง
พงศาวลี
พงศาวลีของเจ้าปางคำ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
|