ผลต่างระหว่างรุ่นของ "คณะรัฐมนตรีไทย คณะที่ 36"
Kinkku Ananas (คุย | ส่วนร่วม) ล คณะรัฐมนตรีคณะที่ 36 ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น คณะรัฐมนตรีคณะที่ 36 ของไทย: เพิ่มความชัดเจน เป็นส� |
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
บรรทัด 1: | บรรทัด 1: | ||
{{เก็บกวาด}} |
{{เก็บกวาด}} |
||
รัฐบาล ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ปราโมช 17 มีนาคม พ.ศ. 2518 – 12 มกราคม พ.ศ. 2519 |
รัฐบาล ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช 17 มีนาคม พ.ศ. 2518 – 12 มกราคม พ.ศ. 2519 |
||
ม.ร.ว. [[คึกฤทธิ์ ปราโมช]] หัวหน้า[[พรรคกิจสังคม]] มีสภาชิกสภาผู้แทนราษฎรเพียง 18 เสียง แต่ได้รับการเลือกตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีเพราะได้รับความไว้วางใจจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรให้เป็นผู้จักตั้งรัฐบาล เพื่อรับผิดชอบในการบริหารราชการแผ่นดินแทน |
|||
รัฐบาล ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช เป็นรัฐบาลที่เกิดจากการรวมตัว |
|||
⚫ | |||
⚫ | |||
⚫ | |||
⚫ | |||
⚫ | |||
⚫ | |||
⚫ | |||
ร้องตำแหน่งสำคัญในรัฐบาลเพื่อแลกเปลี่ยนกับการให้สนับสนุนรัฐบาล |
|||
⚫ | |||
⚫ | |||
⚫ | |||
⚫ | #การพัฒนาชนบท ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ดำเนินนโยบายกระจายความเจริญสู่ชนบทโดนจัดทำ“โครงการพัฒนาท้องถิ่นและช่วยเหลือประชาชนในชนบทให้มีงานทำในฤดูแล้ง” (ปชส.) หรือเรียกว่า “[[โครงการเงินผัน]]” สู่ตำบลทั่วประเทศ ให้ประชาชนได้มีงานทำและการจัดสวัสดิการสังคม การให้รักษาพยาบาลฟรี การศึกษาฟรี การขึ้นรถเมล์ฟรี ฯลฯ |
||
⚫ | |||
⚫ | |||
⚫ | |||
⚫ | |||
⚫ | |||
⚫ | |||
⚫ | |||
⚫ | |||
⚫ | |||
⚫ | |||
⚫ | |||
⚫ | |||
⚫ | |||
⚫ | |||
⚫ | |||
เนื่องจากพรรคร่างร่วมรัฐบาลนั้นขึ้นหลายพรรคการเมืองทำให้รัฐบาลไม่มีเสถียรภาพมั่นึงเพียงพอ ดังนั้น ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช จึงประกาศยุบสภาผู้แทนราษฎรและกำหนดการเลือกตั้งในวันที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2519 |
เนื่องจากพรรคร่างร่วมรัฐบาลนั้นขึ้นหลายพรรคการเมืองทำให้รัฐบาลไม่มีเสถียรภาพมั่นึงเพียงพอ ดังนั้น ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช จึงประกาศยุบสภาผู้แทนราษฎรและกำหนดการเลือกตั้งในวันที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2519 |
||
{{คณะรัฐมนตรี}} |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 07:54, 24 พฤศจิกายน 2550
บทความนี้ต้องการการจัดหน้า จัดหมวดหมู่ ใส่ลิงก์ภายใน หรือเก็บกวาดเนื้อหา ให้มีคุณภาพดีขึ้น คุณสามารถปรับปรุงแก้ไขบทความนี้ได้ และนำป้ายออก พิจารณาใช้ป้ายข้อความอื่นเพื่อชี้ชัดข้อบกพร่อง |
รัฐบาล ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช 17 มีนาคม พ.ศ. 2518 – 12 มกราคม พ.ศ. 2519
ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช หัวหน้าพรรคกิจสังคม มีสภาชิกสภาผู้แทนราษฎรเพียง 18 เสียง แต่ได้รับการเลือกตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีเพราะได้รับความไว้วางใจจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรให้เป็นผู้จักตั้งรัฐบาล เพื่อรับผิดชอบในการบริหารราชการแผ่นดินแทน
รัฐบาล ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช เป็นรัฐบาลที่เกิดจากการรวมตัวของพรรคการเมืองหลายพรรค ได้แก่ พรรคกิจสังคม พรรคไท พรรคพลังประชาชน และอื่นเรียกว่า “รัฐบาลสหพรรค”
นโยบายของรัฐบาลสหพรรค
- การพัฒนาชนบท ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ดำเนินนโยบายกระจายความเจริญสู่ชนบทโดนจัดทำ“โครงการพัฒนาท้องถิ่นและช่วยเหลือประชาชนในชนบทให้มีงานทำในฤดูแล้ง” (ปชส.) หรือเรียกว่า “โครงการเงินผัน” สู่ตำบลทั่วประเทศ ให้ประชาชนได้มีงานทำและการจัดสวัสดิการสังคม การให้รักษาพยาบาลฟรี การศึกษาฟรี การขึ้นรถเมล์ฟรี ฯลฯ
- การเปิดความสัมพันธ์กับประเทศสังคมนิยมคอมมิวนิสต์ เช่นประเทศเพื่อนบ้านโดยเฉพาะในแถบอินโดจีน คือประเทศกัมพูชา ประเทศลาว ประเทศเวียดนาม และสาธารณรัฐประชาชนจีน ขณะเดียวกันมีการต่อต้านฐานทัพของสหรัฐอเมริกาที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ประเทศไทย
ปัญหาความขัดแย้งในรัฐบาลสหพรรค
การบริหารประเทศของรัฐบาลสหพรรคประสบกับความยุ่งยาก เนื่องจาก มีปัญหากันในคณะรัฐบาล ได้แก่ การที่พรรคการเมืองหลาบพรรคที่ร่วมรัฐบาลต่างแย่งชิงผลประโยชน์ และเรียกร้องตำแหน่งสำคัญในรัฐบาลเพื่อแลกเปลี่ยนกับการให้สนับสนุนรัฐบาล
วิกฤตการณ์และความขัดแย้งในสังคม
นอกจากปัญหาภายในรัฐบาลแล้ว ยังมีปัญหาและอุปสรรคที่เป็นความขัดแย้งนานัปการ เนื่อง-มาจากมีการแสดงออกซึ่งเสรีภาพต่างๆในรูปของการเรียกร้องความเป็นธรรม การชุมนุมการ ประท้วง การนัดหยุดงานบ่อยครั้ง เป็นต้น เหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นในสมัยนี้ได้แก่
- การประท้วงบริษัทเทมโก้ ซึ่งเป็นผู้รับสัมปทานขุดแร่ที่จังหวัดพังงา แนวน่วมพิทักษ์ทรัพยากรแห่ง ประเทศไทย และกลุ่มนิสิตนักศึกษามาร่วมกันประท้วงรัฐบาลให้ยกเลิกสัมปทานให้แก่บริษัทดังกล่าว โดยอ้างว่าเป็นการทำลายทรัพยากรธรรมชาติ
- การต่อต้านสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะการตั้งฐานทัพและเรดาร์ในประเทศไทย นักศึกษากลุ่มต่างๆรวมตัวกันเพื่อให้รัฐบาลไทยตกลงกับสหรัฐอเมริกาดำเนินการถอนฐานทัพออกไปจากแผ่นดินไทย เพราะทำให้ประเทศเป็นฐานในการก่อสงครามและทำลายความสงบสุขของประเทศเพื่อนบ้าน
- การชุมนุมเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมของชาวไร่ชาวนาและผู้ใช้แรงงานซึ่งบีบบังคับให้รัฐบาลดำเนินการแก้ไขปัญหาในเรื่องต่างๆ เช่น หนี้สิน ราคาพืชผล ค่าแรง และปัญหาด้านกฎหมาย
- การสังหารผู้นำกลุ่มต่างๆที่เกิดขึ้นจากความขัดแย้งเรื่องผลประโยชน์และอุดมการณ์ เช่น การเรียกร้องขอขึ้นค่าแรงจากผู้ประกอบการในบริษัทต่างๆ การเรียกร้องกรรมสิทธิ์ที่ทำกินของชาวไร่ชาวนา ผู้ทำการเรียกร้องถูกมองว่าฝักใฝ่ในเรื่องคอมมิวนิสต์
เนื่องจากพรรคร่างร่วมรัฐบาลนั้นขึ้นหลายพรรคการเมืองทำให้รัฐบาลไม่มีเสถียรภาพมั่นึงเพียงพอ ดังนั้น ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช จึงประกาศยุบสภาผู้แทนราษฎรและกำหนดการเลือกตั้งในวันที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2519