ผลต่างระหว่างรุ่นของ "เท็ด บันดี"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
SiTaFare (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
SiTaFare (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 9: บรรทัด 9:


บันดีพักการเรียนและกลับไปที่ เบอร์ลิงตัน [[เวอร์มอนต์]] บ้านเกิดของเขา ทำงานเป็นเสมียนอยู่ 1 [[ปี]] จึงกลับไปศึกษาต่อที่ซีแอตเทิลอีกครั้ง และเริ่มมีนัดกับ อลิซาเบธ เคลิพเฟอร์ เลขานุการที่หย่าแล้วและมีบุตรสาวติดมาด้วย 1 [[คน]] บันดีจบ[[การศึกษา]]ในปี พ.ศ. 2515 เขาปรับปรุงมารยาทและการแต่งตัว หัดเข้า[[สังคม]]และอาศัยคนรู้จักจนเข้าสู่สำนักงานของรอง[[ประธานาธิบดี]] เนลสัน ร็อกกีเฟลเลอร์ เพื่อการรณรงค์หาเสียงของ[[พรรครีพับลิกัน]] ในฐานะผู้สนับสนุนรองประธานธิบดีร็อกีเฟลเลอร์ เขาขยันขันแข็ง ไม่เกี่ยง[[งาน]] จนสมาชิก[[พรรคการเมือง|พรรค]]คาดหวังว่าเขาจะไต่เต้าขึ้นเป็นนัก[[การเมือง]]ได้ เมื่อเขาต้องเดินทางไป[[แคลิฟอร์เนีย]] เขาก็ได้พบกับ สเตฟานี บรูกส์ และกลับมามีนัดกันอีกครั้ง เขาคบหากับเคลิพเฟอร์และบรูกส์ไปพร้อมๆกัน โดยที่ทั้ง 2 คนไม่รู้เรื่องของอีกฝ่าย บันดีและบรูกส์ได้ตกลงหมั้นหมายกันเพื่อจะเข้าพิธี[[สมรส]] แต่จากนั้นบันดีตัดความสัมพันธ์กับบรูกส์ลงอย่างกลางคัน
บันดีพักการเรียนและกลับไปที่ เบอร์ลิงตัน [[เวอร์มอนต์]] บ้านเกิดของเขา ทำงานเป็นเสมียนอยู่ 1 [[ปี]] จึงกลับไปศึกษาต่อที่ซีแอตเทิลอีกครั้ง และเริ่มมีนัดกับ อลิซาเบธ เคลิพเฟอร์ เลขานุการที่หย่าแล้วและมีบุตรสาวติดมาด้วย 1 [[คน]] บันดีจบ[[การศึกษา]]ในปี พ.ศ. 2515 เขาปรับปรุงมารยาทและการแต่งตัว หัดเข้า[[สังคม]]และอาศัยคนรู้จักจนเข้าสู่สำนักงานของรอง[[ประธานาธิบดี]] เนลสัน ร็อกกีเฟลเลอร์ เพื่อการรณรงค์หาเสียงของ[[พรรครีพับลิกัน]] ในฐานะผู้สนับสนุนรองประธานธิบดีร็อกีเฟลเลอร์ เขาขยันขันแข็ง ไม่เกี่ยง[[งาน]] จนสมาชิก[[พรรคการเมือง|พรรค]]คาดหวังว่าเขาจะไต่เต้าขึ้นเป็นนัก[[การเมือง]]ได้ เมื่อเขาต้องเดินทางไป[[แคลิฟอร์เนีย]] เขาก็ได้พบกับ สเตฟานี บรูกส์ และกลับมามีนัดกันอีกครั้ง เขาคบหากับเคลิพเฟอร์และบรูกส์ไปพร้อมๆกัน โดยที่ทั้ง 2 คนไม่รู้เรื่องของอีกฝ่าย บันดีและบรูกส์ได้ตกลงหมั้นหมายกันเพื่อจะเข้าพิธี[[สมรส]] แต่จากนั้นบันดีตัดความสัมพันธ์กับบรูกส์ลงอย่างกลางคัน

== ข่มขืนและฆาตกรรม ==

แอน รูล์ ผู้เขียน[[หนังสือ]]ชีวประวัติและ[[อาชญากรรม]]ของ เท็ด บันดี ในหนังสือที่มีชื่อว่า ''The Stranger Beside Me'' และ[[นักสืบ]] โรเบิร์ต ดี เคปเพล ผู้เกี่ยวข้องกับคดีของบันดีเชื่อว่าบันดี น่าจะเริ่มฆ่าคนมาตั้งแต่ยังเด็ก โดย แอน แมรี เบอร์ เด็ก[[หญิง]]วัย 8 ขวบจากเมืองทาโคมาหายตัวไปจากบ้านในปี พ.ศ. 2504 ขณะนั้นบันดีอายุ 14 [[ปี]] ซึ่งบันดีปฏิเสธว่าไม่ได้ฆ่าเธอ และ 1 วันก่อนการประหารเขาบอกกับทนายของเขาว่าเขาเริ่มพยายามลักพาตัวผู้หญิงจริงๆในปี พ.ศ. 2512 อาชญากรรมครั้งแรกที่ถูกยืนยันอย่างเป็นทางการเกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2517


== อ้างอิง ==
== อ้างอิง ==

รุ่นแก้ไขเมื่อ 05:59, 24 พฤศจิกายน 2550

ธีโอดอร์ โรเบิร์ต 'เท็ด' บันดี (Theodore Robert 'Ted' Bundy) เป็นฆาตกรต่อเนื่องชาวอเมริกัน เกิดวันที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2489 ในระหว่างปี พ.ศ. 2517 – พ.ศ. 2521 เท่าที่ทางการพบ บันดีข่มขืนและฆาตกรรมหญิงสาวในรัฐ โคโลราโด, ฟลอริดา, ยูทาห์, วอชิงตัน, โอเรกอน, ไอดาโฮ ไปทั้งสิ้น 36 ราย[1]

บันดีเป็นผู้มีการศึกษาและเป็นคนมีเสน่ห์ เพื่อนๆและคนรู้จักจดจำเขาได้ในฐานะที่เขาเป็นชายหนุ่มที่หน้าตาดีและพูดจาเก่ง บันดีถูกตัดสินประหารชีวิตด้วยการนั่งเก้าอี้ไฟฟ้า เสียชีวิตลงในวันที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2532

ประวัติ

ธีโอดอร์ โรเบิร์ต บันดี เกิดวันที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2489 เมืองเบอร์ลิงตัน มลรัฐเวอร์มอนต์ บิดาทิ้งเขาและมารดาไปตั้งแต่เขายังไม่เกิด และไม่ได้แต่งงานกับมารดาของเขา บันดีถูกเลี้ยงมาในฐานะลูกของตาและยาย โดยโกหกว่ามารดาเป็นพี่สาวของเขา บันดีไม่รู้ความจริงนี้จนกระทั่งลูกพี่ลูกน้องของเขายกเรื่องนี้มาบอก เมื่อเขามีอายุ 10 ปี

บันดี้จบการศึกษาจากวูดโรว์วิลสันไฮสคูล ใน พ.ศ. 2508 และได้ทุนเล่าเรียนที่มหาวิทยาลัยพูเจต์ซาวน์ ทาโคมา วอชิงตัน ในสาขาจิตวิทยา ภายหลังจากศึกษาไป 2 ภาคการศึกษา เขาตัดสินใจย้ายไปเรียนที่มหาวิทยาลัยวอชิงตัน ในซีแอตเทิล และได้เริ่มความสัมพันธ์กับ สเตฟานี บรูกส์ เพื่อนร่วมสถาบันที่มาจากตระกูลผู้ดีในแคลิฟอร์เนีย ทั้ง 2 คบหากันเป็นคู่รัก หลังจากบรูกส์รับปริญญาในปี พ.ศ. 2511 บรูกส์ที่ไม่ค่อยพอใจในความอ่อนแอและขาดความทะเยอทะยานของบันดี ได้ตัดความสัมพันธ์กับเขาและกลับไปแคลิฟอร์เนีย

บันดีพักการเรียนและกลับไปที่ เบอร์ลิงตัน เวอร์มอนต์ บ้านเกิดของเขา ทำงานเป็นเสมียนอยู่ 1 ปี จึงกลับไปศึกษาต่อที่ซีแอตเทิลอีกครั้ง และเริ่มมีนัดกับ อลิซาเบธ เคลิพเฟอร์ เลขานุการที่หย่าแล้วและมีบุตรสาวติดมาด้วย 1 คน บันดีจบการศึกษาในปี พ.ศ. 2515 เขาปรับปรุงมารยาทและการแต่งตัว หัดเข้าสังคมและอาศัยคนรู้จักจนเข้าสู่สำนักงานของรองประธานาธิบดี เนลสัน ร็อกกีเฟลเลอร์ เพื่อการรณรงค์หาเสียงของพรรครีพับลิกัน ในฐานะผู้สนับสนุนรองประธานธิบดีร็อกีเฟลเลอร์ เขาขยันขันแข็ง ไม่เกี่ยงงาน จนสมาชิกพรรคคาดหวังว่าเขาจะไต่เต้าขึ้นเป็นนักการเมืองได้ เมื่อเขาต้องเดินทางไปแคลิฟอร์เนีย เขาก็ได้พบกับ สเตฟานี บรูกส์ และกลับมามีนัดกันอีกครั้ง เขาคบหากับเคลิพเฟอร์และบรูกส์ไปพร้อมๆกัน โดยที่ทั้ง 2 คนไม่รู้เรื่องของอีกฝ่าย บันดีและบรูกส์ได้ตกลงหมั้นหมายกันเพื่อจะเข้าพิธีสมรส แต่จากนั้นบันดีตัดความสัมพันธ์กับบรูกส์ลงอย่างกลางคัน

ข่มขืนและฆาตกรรม

แอน รูล์ ผู้เขียนหนังสือชีวประวัติและอาชญากรรมของ เท็ด บันดี ในหนังสือที่มีชื่อว่า The Stranger Beside Me และนักสืบ โรเบิร์ต ดี เคปเพล ผู้เกี่ยวข้องกับคดีของบันดีเชื่อว่าบันดี น่าจะเริ่มฆ่าคนมาตั้งแต่ยังเด็ก โดย แอน แมรี เบอร์ เด็กหญิงวัย 8 ขวบจากเมืองทาโคมาหายตัวไปจากบ้านในปี พ.ศ. 2504 ขณะนั้นบันดีอายุ 14 ปี ซึ่งบันดีปฏิเสธว่าไม่ได้ฆ่าเธอ และ 1 วันก่อนการประหารเขาบอกกับทนายของเขาว่าเขาเริ่มพยายามลักพาตัวผู้หญิงจริงๆในปี พ.ศ. 2512 อาชญากรรมครั้งแรกที่ถูกยืนยันอย่างเป็นทางการเกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2517

อ้างอิง

  1. True Crime: Serial Killers มหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ เรียกข้อมูลวันที่ 24-11-2550 (อังกฤษ)