ผลต่างระหว่างรุ่นของ "เปรม ติณสูลานนท์"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Pongsak ksm (คุย | ส่วนร่วม)
Posterweb (คุย | ส่วนร่วม)
เพิ่มประวัติการศึกษา
บรรทัด 94: บรรทัด 94:
*ด.ญ.ปรี ติณสูลานนท์ (ถึงแก่กรรมตั้งแต่เยาว์วัย)
*ด.ญ.ปรี ติณสูลานนท์ (ถึงแก่กรรมตั้งแต่เยาว์วัย)
*นายวีรณรงค์ ติณสูลานนท์<ref>[http://www.oknation.net/blog/Tip2/2013/06/14/entry-2 ¾ÒàÂÕèÂÁªÁºéÒ¹à¡Ô´ Ͼ³Ï ¾ÅàÍ¡à»ÃÁ µÔ³ÊÙÅÒ¹¹·ì ¹Ò¡ÃÑ°Á¹µÃÕ¤¹·Õè ñö ¢Í§»ÃÐà·Èä·Â<!-- Bot generated title -->]</ref>
*นายวีรณรงค์ ติณสูลานนท์<ref>[http://www.oknation.net/blog/Tip2/2013/06/14/entry-2 ¾ÒàÂÕèÂÁªÁºéÒ¹à¡Ô´ Ͼ³Ï ¾ÅàÍ¡à»ÃÁ µÔ³ÊÙÅÒ¹¹·ì ¹Ò¡ÃÑ°Á¹µÃÕ¤¹·Õè ñö ¢Í§»ÃÐà·Èä·Â<!-- Bot generated title -->]</ref>
พล.อ.เปรม สำเร็จการศึกษาจาก[[โรงเรียนมหาวชิราวุธ จังหวัดสงขลา]] สงขลา ในหมายเลขประจำตัว 167 และ[[โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย]] เมื่อปี 2480 จากนั้นเข้าศึกษาต่อที่[[โรงเรียนเทคนิคทหารบก]] รุ่นที่ 5 สังกัดเหล่าทหารม้า (โรงเรียนนี้ก่อตั้งเมื่อปี 2477 ต่อมาคือ[[โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า]])
พล.อ.เปรม สำเร็จการศึกษาชั้นประถมศึกษาจาก โรงเรียนวัดบ่อยาง ศึกษาต่อมัธยมศึกษาปีที่ 6 ที่[[โรงเรียนมหาวชิราวุธ จังหวัดสงขลา]] ในหมายเลขประจำตัว 167 ในปี 2478 ต่อมาจบมัธยมศึกษาปีที่ 7-8 แผนกวิทยาศาสตร์จาก [[โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย]] เมื่อปี 2479 เข้าศึกษาต่อนักเรียนนายร้อย ที่[[โรงเรียนเทคนิคทหารบก]] รุ่นที่ 5 สังกัดเหล่าทหารม้า (ต่อมาคือ[[โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า]]) เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2481 จบหลักสูตรนายทหารฝึกราชการ โรงเรียนนายทหารม้า ระดับผู้บังคับบัญชาปี 2490 หลังจากนั้นก็ไปศึกษาต่อต่างประเทศ ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา หลักสูตรผู้บังคับกองพัน โรงเรียนยานเกราะของกองทัพบกสหรัฐอเมริกา ปี 2496, หลักสูตรพิเศษ วิทยาลัยการทัพบก ปี 2503 หลักสูตรวิทยาลัยอ้งกันราชอาณาจักร รุ่นที่ 9 ปี 2509 และได้ดุษฏีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ทางด้านกฎหมายจากมหาวิทยาลัยแห่งชาติฟิลลิปปินส์ เมื่อ 23 เมษายน 2598 และยังได้วิศวกรรมศาสตร์ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี จังหวัดนครราชสีม เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2555<ref>หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ, 27 พฤษภาคม 2562, "อาลัย... พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี", หน้า 28</ref>


เมื่อจบการศึกษาในปี 2484 ได้เข้าร่วมรบใน[[กรณีพิพาทอินโดจีน|สงครามอินโดจีน]]ระหว่างไทยกับ[[ฝรั่งเศส]] ที่[[ปอยเปต]] [[ประเทศกัมพูชา]] จากนั้นเข้าสังกัด[[กองทัพพายัพ]] ภายใต้การบังคับบัญชาของ[[หลวงเสรีเริงฤทธิ์ (จรูญ รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์)]] ทำการรบใน[[สงครามโลกครั้งที่สอง]] ระหว่างปี 2485 – 2488 ที่[[เชียงตุง]]
เมื่อจบการศึกษาในปี 2484 ได้เข้าร่วมรบใน[[กรณีพิพาทอินโดจีน|สงครามอินโดจีน]]ระหว่างไทยกับ[[ฝรั่งเศส]] ที่[[ปอยเปต]] [[ประเทศกัมพูชา]] จากนั้นเข้าสังกัด[[กองทัพพายัพ]] ภายใต้การบังคับบัญชาของ[[หลวงเสรีเริงฤทธิ์ (จรูญ รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์)]] ทำการรบใน[[สงครามโลกครั้งที่สอง]] ระหว่างปี 2485 – 2488 ที่[[เชียงตุง]]

รุ่นแก้ไขเมื่อ 11:50, 27 พฤษภาคม 2562

เปรม ติณสูลานนท์
ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์
ดำรงตำแหน่ง
13 ตุลาคม 2559 – 1 ธันวาคม 2559
กษัตริย์พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว
นายกรัฐมนตรีประยุทธ์ จันทร์โอชา
ประธานองคมนตรี
ดำรงตำแหน่ง
2 ธันวาคม 2559[1] – 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2562
ถึงแก่อสัญกรรม
กษัตริย์พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว
ก่อนหน้าเปรม ติณสูลานนท์
ดำรงตำแหน่ง
4 กันยายน 2541 – 2 ธันวาคม 2559
ระงับการปฏิบัติหน้าที่: 13 ตุลาคม 2559 - 1 ธันวาคม 2559
กษัตริย์พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร
พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว
รักษาการแทนธานินทร์ กรัยวิเชียร
ก่อนหน้าสัญญา ธรรมศักดิ์
ถัดไปเปรม ติณสูลานนท์
นายกรัฐมนตรีไทย คนที่ 16
ดำรงตำแหน่ง
3 มีนาคม 2523 – 4 สิงหาคม 2531
ก่อนหน้าเกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์
ถัดไปชาติชาย ชุณหะวัณ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
ดำรงตำแหน่ง
7 พฤษภาคม 2526 – 5 สิงหาคม 2529
นายกรัฐมนตรีเปรม ติณสูลานนท์
ก่อนหน้าเปรม ติณสูลานนท์
ถัดไปพะเนียง กานตรัตน์
ดำรงตำแหน่ง
21 มีนาคม 2523 – 19 มีนาคม 2526
นายกรัฐมนตรีเปรม ติณสูลานนท์
ก่อนหน้าเปรม ติณสูลานนท์
ถัดไปเปรม ติณสูลานนท์
ดำรงตำแหน่ง
24 พฤษภาคม 2522 – 3 มีนาคม 2523
นายกรัฐมนตรีเกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์
ก่อนหน้าเกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์
ถัดไปเปรม ติณสูลานนท์
ผู้บัญชาการทหารบก
ดำรงตำแหน่ง
1 ตุลาคม 2521 – 25 สิงหาคม 2524
ก่อนหน้าเสริม ณ นคร
ถัดไปประยุทธ จารุมณี
ข้อมูลส่วนบุคคล
เกิด26 สิงหาคม พ.ศ. 2463
จังหวัดสงขลา ประเทศสยาม
เสียชีวิต26 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 (98 ปี)
รพ.พระมงกุฎเกล้า กรุงเทพมหานคร
ศาสนาพุทธ
ลายมือชื่อไฟล์:Signature of Prem Tinsulanonda.svg
ยศที่ได้รับการแต่งตั้ง
สังกัดกองทัพบกไทย
ประจำการ2484 - 2529
ยศ พลเอก
พลเรือเอก
พลอากาศเอก
นายกองใหญ่[2]
บังคับบัญชากองทัพบกไทย
ผ่านศึกสงครามอินโดจีน
สงครามโลกครั้งที่ 2

พลเอก พลเรือเอก พลอากาศเอก เปรม ติณสูลานนท์ (26 สิงหาคม พ.ศ. 2463 - 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2562) อดีตประธานองคมนตรี[3] อดีตรัฐบุรุษ อดีตที่ปรึกษาและกรรมการในคณะอำนวยการจัดงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก อดีตผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ในพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว[4][5] และนายกรัฐมนตรีไทยคนที่ 16 ดำรงตำแหน่ง 3 สมัย ระหว่างปี 2523 ถึง 2531

บุคลิกส่วนตัวพลเอกเปรมเป็นคนพูดน้อย ในขณะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย จะให้สัมภาษณ์แก่สื่อมวลชนน้อยมาก จนถูกหนังสือพิมพ์ในขณะนั้นเรียกขานว่า เตมีย์ใบ้[6] และได้รับอีกฉายาหนึ่งว่า นักฆ่าแห่งลุ่มน้ำเจ้าพระยา จากเหตุการณ์กบฏเมษาฮาวายและกบฏ 9 กันยา[7] หลังพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในวันที่ 3 สิงหาคม 2531 พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้พลเอกเปรม เป็นองคมนตรี ในวันที่ 23 สิงหาคม 2531 จากนั้นในวันที่ 29 สิงหาคม 2531 ได้รับโปรดเกล้าฯ ยกย่องให้เป็นรัฐบุรุษ และในวันที่ 4 สิงหาคม 2541 มีพระบรมราชโองการ โปรดเกล้าฯ ให้เป็นประธานองคมนตรี

มีนักวิชาการและสื่อว่า พลเอกเปรมมีบทบาทในการเมืองไทย แม้รัฐบาลทหารหลังรัฐประหารปี 2549 ปฏิเสธข่าวนี้

พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียวที่ไม่มีภริยา

พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการให้ พลเอกเปรม ลงนามในสมุดจดทะเบียนราชาภิเษกสมรส ในฐานะสักขีพยาน ใน วันที่ 1 พฤษภาคม 2562[8]

ประวัติ

พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ เกิดที่ตำบลบ่อยาง อำเภอเมืองสงขลา จังหวัดสงขลา ชื่อ "เปรม" นั้น พระรัตนธัชมุนี (แบน คณฺฐาภรโณ) เป็นผู้ตั้งให้ ส่วนนามสกุล "ติณสูลานนท์" พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานให้ เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2462 [9] เป็นบุตรชายคนรองสุดท้อง จากจำนวน 8 คน ของรองอำมาตย์โทหลวงวินิจทัณฑกรรม (บึ้ง ติณสูลานนท์) ต้นตระกูลติณสูลานนท์ กับนางวินิจทัณฑกรรม (ออด ติณสูลานนท์) มีพี่น้องคือ

  • นายชุบ ติณสูลานนท์ อัยการพิเศษประจำเขต
  • นายเลข ติณสูลานนท์
  • นางขยัน ติณสูลานนท์ สมรสกับ นายประดิษฐ์ โมนยะกุล
  • นายสมนึก ติณสูลานนท์ คหบดี
  • นายสมบุญ ติณสูลานนท์
  • พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์
  • ด.ญ.ปรี ติณสูลานนท์ (ถึงแก่กรรมตั้งแต่เยาว์วัย)
  • นายวีรณรงค์ ติณสูลานนท์[10]

พล.อ.เปรม สำเร็จการศึกษาชั้นประถมศึกษาจาก โรงเรียนวัดบ่อยาง ศึกษาต่อมัธยมศึกษาปีที่ 6 ที่โรงเรียนมหาวชิราวุธ จังหวัดสงขลา ในหมายเลขประจำตัว 167 ในปี 2478 ต่อมาจบมัธยมศึกษาปีที่ 7-8 แผนกวิทยาศาสตร์จาก โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย เมื่อปี 2479 เข้าศึกษาต่อนักเรียนนายร้อย ที่โรงเรียนเทคนิคทหารบก รุ่นที่ 5 สังกัดเหล่าทหารม้า (ต่อมาคือโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า) เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2481 จบหลักสูตรนายทหารฝึกราชการ โรงเรียนนายทหารม้า ระดับผู้บังคับบัญชาปี 2490 หลังจากนั้นก็ไปศึกษาต่อต่างประเทศ ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา หลักสูตรผู้บังคับกองพัน โรงเรียนยานเกราะของกองทัพบกสหรัฐอเมริกา ปี 2496, หลักสูตรพิเศษ วิทยาลัยการทัพบก ปี 2503 หลักสูตรวิทยาลัยอ้งกันราชอาณาจักร รุ่นที่ 9 ปี 2509 และได้ดุษฏีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ทางด้านกฎหมายจากมหาวิทยาลัยแห่งชาติฟิลลิปปินส์ เมื่อ 23 เมษายน 2598 และยังได้วิศวกรรมศาสตร์ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี จังหวัดนครราชสีม เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2555[11]

เมื่อจบการศึกษาในปี 2484 ได้เข้าร่วมรบในสงครามอินโดจีนระหว่างไทยกับฝรั่งเศส ที่ปอยเปต ประเทศกัมพูชา จากนั้นเข้าสังกัดกองทัพพายัพ ภายใต้การบังคับบัญชาของหลวงเสรีเริงฤทธิ์ (จรูญ รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์) ทำการรบในสงครามโลกครั้งที่สอง ระหว่างปี 2485 – 2488 ที่เชียงตุง

ราชการทหาร

ภายหลังสงคราม พลเอกเปรมรับราชการอยู่ที่จังหวัดอุตรดิตถ์ และได้รับทุนไปศึกษาต่อที่โรงเรียนยานเกราะของกองทัพบกสหรัฐ ที่ฟอร์ตน็อกซ์ รัฐเคนทักกี พร้อมกับพลเอกพิจิตร กุลละวณิชย์ และพลเอกวิจิตร สุขมาก เมื่อปี 2495 แล้วกลับมารับตำแหน่งรองผู้บัญชาการโรงเรียนยานเกราะ ต่อมามีการจัดตั้งโรงเรียนทหารม้ายานเกราะ ศูนย์การทหารม้า ที่จังหวัดสระบุรี

พลเอกเปรมได้รับพระบรมราชโองการเป็นผู้บัญชาการศูนย์การทหารม้า ยศพลตรี เมื่อปี 2511 ในช่วงระยะเวลา 5 ปี ที่ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการศูนย์การทหารม้านี้ ท่านมักเรียกแทนตัวเองต่อผู้ที่อาวุโสน้อยกว่าว่า "ป๋า" และเรียกผู้ที่อาวุโสน้อยกว่าอย่างเอ็นดูและเป็นกันเองว่า "ลูก" จนเป็นที่มาของคำว่าป๋า หรือ ป๋าเปรม และคนสนิทของท่านมักถูกเรียกว่า ลูกป๋า และเรียกติดปากกันมาจนถึงปัจจุบัน [12]

พลเอกเปรม ย้ายไปเป็นรองแม่ทัพภาคที่ 2 ดูแลพื้นที่ภาคอีสาน ในปี 2516 และเลื่อนเป็นแม่ทัพภาคที่ 2 ดูแลพื้นที่ภาคอีสานเมื่อปี 2517 ได้เลื่อนยศเป็นพลเอก ในตำแหน่งผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก เมื่อปี 2520 และเลื่อนเป็นผู้บัญชาการทหารบก ในปี 2521

นอกจากยศ พลเอก แล้ว พลเอกเปรม ยังถือว่าเป็นหนึ่งในบุคคล ที่ในปัจจุบันที่มิใช่พระบรมวงศานุวงศ์ ที่ได้รับยศ พลเรือเอก ของกองทัพเรือ และ พลอากาศเอก ของกองทัพอากาศ ด้วย จากการพระราชทานโปรดเกล้าฯ เมื่อเดือนกรกฎาคม 2529[13] ในระหว่างที่ พลเอกเปรม ยังดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอยู่ (แต่โดยมากจะนิยมใช้ พลเอก มากกว่า)

ตำแหน่งทางการเมือง

ในปี 2502 ในสมัยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ พลเอกเปรมได้รับการแต่งตั้งเป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ จากนั้นได้รับการแต่งตั้งเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติ และวุฒิสมาชิก ช่วงปี 2511 – 2516 ในสมัยจอมพลถนอม กิตติขจร

พลเอกเปรมเข้าร่วมรัฐประหารในประเทศไทย 2 ครั้ง ซึ่งนำโดยพลเรือเอกสงัด ชลออยู่ ในวันที่ 6 ตุลาคม 2519 ซึ่งยึดอำนาจจากรัฐบาลหม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช และวันที่ 20 ตุลาคม 2520 ซึ่งยึดอำนาจจากรัฐบาลธานินทร์ กรัยวิเชียร

พลเอกเปรม รับตำแหน่งรัฐมนตรีเป็นครั้งแรกในรัฐบาลพลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ ในตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีอย่างต่อเนื่องในรัฐบาลนั้น ในช่วงปลายรัฐบาลพลเอกเกรียงศักดิ์ ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ควบคู่กับตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก

ในช่วงนั้น พลเอกเปรมได้รับการยอมรับจากหลายฝ่าย หลังจากพลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2523 สภาผู้แทนราษฎรทำการหยั่งเสียงเพื่อหาตัวผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และเลือกพลเอกเปรมเป็นนายกรัฐมนตรี โดยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้พลเอกเปรมดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2523 เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 16 ของไทย

พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ เข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีสืบต่อจากพลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2523 ซึ่งตลอดระยะเวลาของพลเอกเปรมในการบริหารประเทศได้มีผลงานสำคัญมากมาย เช่น การปรับปรุงประมวลกฎหมายรัษฎากรและกฎหมายสรรพสินค้า เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่สังคม การสร้างงานตามโครงการสร้างงานในชนบท (กสช.) การจัดตั้งคณะกรรมการร่วมภาครัฐบาล และเอกชน (กรอ.) เพื่อส่งเสริมบทบาททางการค้าและการลงทุนของภาคเอกชนภายในประเทศ การดำเนินการปราบปรามผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ในประเทศไทยอย่างได้ผล โดยนำนโยบายการใช้ "การเมืองนำการทหาร" ตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 66/2523 เป็นผลให้พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยอ่อนกำลังลงและสลายตัวไปในที่สุด

ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

พล.อ.เปรม ขณะปฏิบัติภารกิจเยือนต่างประเทศเมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

สมัยที่ 1

คณะรัฐมนตรี คณะที่ 42: 3 มีนาคม 2523 – 29 เมษายน 2526 สิ้นสุดลงภายหลังการยุบสภา ในวันที่ 19 มีนาคม 2526 เนื่องจากสภาผู้แทนราษฎรไม่เห็นชอบกับการเสนอให้ยืดอายุการใช้บทเฉพาะกาลของ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2521 มีการเลือกตั้งในวันที่ 18 เมษายน 2526

สมัยที่ 2

คณะรัฐมนตรี คณะที่ 43: 30 เมษายน 2526 – 4 สิงหาคม 2529 สิ้นสุดลงภายหลังการยุบสภา ในวันที่ 1 พฤษภาคม 2529 เนื่องจากรัฐบาลแพ้เสียงในสภา ในการออกพระราชกำหนดการขนส่งทางบก มีการเลือกตั้งในวันที่ 27 กรกฎาคม 2529

สมัยที่ 3

คณะรัฐมนตรี คณะที่ 44: 5 สิงหาคม 2529 – 3 สิงหาคม 2531 สิ้นสุดลงภายหลังการยุบสภา ในวันที่ 29 เมษายน 2531 เนื่องจากเกิดปัญหาขึ้นในพรรคประชาธิปัตย์ เกิดกลุ่ม 10 มกรา ดำเนินกิจกรรมทางการเมืองอย่างเป็นเอกเทศภายในพรรค กลุ่ม 10 มกรา นี้ลงมติไม่สนับสนุนพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ ที่รัฐบาลเสนอเข้าสู่การพิจารณาของสภา จนทำให้พระราชบัญญัติไม่ผ่านการเห็นชอบ พรรคประชาธิปัตย์แสดงความรับผิดชอบโดยการถอนตัวจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล พลเอกเปรมจึงประกาศยุบสภา มีการเลือกตั้งในวันที่ 24 กรกฎาคม 2531

ในช่วงปลายรัฐบาลพลเอกเปรม ขณะที่กำลังจะมีการเลือกตั้ง มีกระแสการคัดค้านการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเป็นสมัยที่ 4 จากกลุ่มนักวิชาการ [ใคร?] [ต้องการอ้างอิง]

ภายหลังการเลือกตั้ง ในคืนวันที่ 24 กรกฎาคม 2531 หัวหน้าพรรคการเมืองที่จะร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล โดยมีพรรคชาติไทยเป็นแกนนำ ได้เข้าพบพลเอกเปรมที่บ้านพัก เพื่อเชิญให้มาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเป็นสมัยที่ 4 แต่พลเอกเปรมปฏิเสธ ต่อมาในวันที่ 4 สิงหาคม 2531 จึงได้มีพระบรมราชโองการ โปรดเกล้าฯ พลตรีชาติชาย ชุณหะวัณ (ยศขณะนั้น) ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 17

หลังพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้พลเอกเปรม เป็นองคมนตรี ในวันที่ 23 สิงหาคม 2531 จากนั้นในวันที่ 29 สิงหาคม 2531 ได้รับโปรดเกล้าฯ ยกย่องให้เป็นรัฐบุรุษ และในวันที่ 4 สิงหาคม 2541 มีพระบรมราชโองการ โปรดเกล้าฯ ให้เป็นประธานองคมนตรี

ผลงาน

1.การปรับปรุงประมวลกฎหมายรัษฎากรและกฎหมายสรรพสินค้า เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่สังคม

2.การสร้างงานตามโครงการสร้างงานในชนบท (กสช.) โดยสานต่อจากนโยบายเงินผันที่ดำเนินการมาตั้งแต่สมัยรัฐบาลของหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช

3.การจัดตั้งคณะกรรมการร่วมภาครัฐบาลและเอกชน (กรอ.) เพื่อส่งเสริมบทบาททางการค้าและการลงทุนของภาคเอกชนภายในประเทศ

4.การแก้ปัญหาการตกต่ำทางเศรษฐกิจในช่วงแรกที่เข้าบริหารประเทศ รัฐบาลได้ดำเนินนโยบายประหยัดมุ่งเน้นในด้านการผลิตและการส่งออกของสินค้ากับประเทศสังคมนิยมตะวันออกอย่างได้ผล ทำให้รัฐบาลชุดนี้สามารถสร้างเสริมกำลังทางด้าน เงินทุนสำรองเงินตราต่างประเทศได้อย่างน่าภูมิใจ จึงนับว่ารัฐบาลสมัยพลเอกเปรม ติณสูลานนท์เป็นผู้สร้างฐานเศรษฐกิจของชาติที่สำคัญ ทำให้ประเทศไทยมีเงินทุนสำรองที่เป็นเงินตราต่างชาติมากขึ้น รัฐบาลได้สนับสนุนการส่งออก [ต้องการอ้างอิง]

5.การเข้าร่วมประชุมองค์การสหประชาชาติที่สหรัฐอเมริกา ทั้งพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ยังได้เป็นผู้กล่าวปราศรัยสุนทรพจน์ในที่ประชุมด้วย ทำให้ภาพลักษณ์ของประเทศไทยดีขึ้นต่อสายตาต่างชาติ มุมมองทางด้านการลงทุนจากนักลงทุนทั้งหลายต่อท่าทีของภาวะทั่วไปของเศรษฐกิจไทยในด้านการผลิตและการอุตสาหกรรมนั้นแจ่มใสและชัดเจนมากขึ้น

ผลงานสำคัญชิ้นหนึ่ง ของพลเอกเปรม คือการผลักดันนโยบาย “การเมืองนำการทหาร” ซึ่งปรากฏออกมาในรูป คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 66/2523 65/2525 เพื่อยุติการทำสงครามสู้รบ ระหว่างพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย กับ ฝ่ายรัฐบาล ผลพวงจากนโยบายดังกล่าว ทำให้นักศึกษา ที่หนีเข้าป่าภายหลังเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 เพื่อจับอาวุธต่อสู้กับรัฐบาล มีโอกาสหวนมาเดินบนหนทางแห่งสันติภาพได้ นโยบายดังกล่าว ช่วยลด กระทั่งดับเชื้อไฟสงครามกลางเมืองในช่วงนั้นลง เพื่อให้รัฐบาลสามารถทุ่มเทกำลัง มาฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศต่อไป

ในช่วงปี 2524 การส่งออกของไทย โดยเฉพาะพืชผลเกษตรประสบปัญหา ขณะเดียวกัน มีปัญหาการขาดดุลการค้า การขาดดุลบัญชีเดินสะพัด และขาดดุลงบประมาณอย่างต่อเนื่อง เงินบาทของไทย ผูกติดกับดอลลาร์ของสหรัฐฯ ซึ่งแข็งตัวอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้การส่งออกของไทยได้รับผลกระทบ พลเอกเปรม ได้ตัดสินร่วมกับคณะรัฐมนตรีที่จะลดค่าเงินบาทถึงสามครั้ง โดยเฉพาะครั้งที่สาม ในวันที่ 2 พฤศจิกายน 2523 ซึ่งมีการปรับลดถึงร้อยละ 15[ต้องการอ้างอิง]

นอกจากนั้น รัฐบาลพลเอกเปรมยังได้ปรับระบบอัตราแลกเปลี่ยนจาก “อัตราแลกเปลี่ยนคงที่ “ระหว่างเงินบาทกับเงินดอลลาร์สหรัฐ มาเป็น “ระบบตะกร้าเงิน” ซึ่งทำให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น

โครงการสำคัญ เช่น การพัฒนาชายฝั่งทะเลตะวันออก การสร้างท่าเรือน้ำลึกมาบตาพุด และ แหลมฉบัง ล้วนตัดสินดำเนินโครงการ ในช่วงรัฐบาลพลเอกเปรมทั้งสิ้น[ต้องการอ้างอิง]

บทบาทในวิกฤตการณ์การเมือง

หลังรัฐประหารปี 2549 มีนักวิชาการกล่าวหาพลเอกเปรมว่ามีความเกี่ยวข้องกับวิกฤตการณ์การเมืองในประเทศไทย พ.ศ. 2548-2549 ที่นำไปสู่รัฐประหาร[14][15] ซึ่งในเวลาพลบค่ำวันที่ 19 กันยายน ช่วงเดียวกับที่กำลังทหารหน่วยรบพิเศษจากจังหวัดลพบุรีเคลื่อนกำลังเข้ากรุงเทพมหานคร พลเอกเปรมเข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว[16] สุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานเครือข่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า พลเอกเปรมเป็นผู้สั่งการรัฐประหารโดยนั่งบัญชาการอยู่ที่บ้านสี่เสาร์เทเวศร์[17] มีบทวิเคราะห์จากสำนักข่าว XFN-ASIA ระบุในเว็บไซต์นิตยสารฟอร์บ ว่า พลเอกเปรมเป็นบุคคลที่มีบทบาทสำคัญในการเมืองไทย พร้อมทั้งสนับสนุนให้คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) รัฐประหารรัฐบาลพันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร[18] ฝ่ายรัฐบาลทหารว่า พลเอกเปรมไม่เคยมีบทบาททางการเมือง[19]

ในเวลาต่อมา มีการอ้างว่า พลเอกเปรมอาจมีบทบาทสำคัญในการเชิญพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ อดีตผู้บัญชาการทหารบก และอดีตลูกน้อง มาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี รวมทั้งการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรี และสภานิติบัญญัติแห่งชาติด้วย จนนักวิจารณ์บางคน กล่าวว่า สภาฯ ชุดนี้เต็มไปด้วย "ลูกป๋า"[20][21][22]

วันที่ 22 กรกฎาคม 2550 นปก. นับพันรวมตัวประท้วงหน้าบ้านของพลเอกเปรมเพื่อเรียกร้องให้ลาออกจากตำแหน่งประธานองคมนตรี เพราะเชื่อว่ามีบทบาททางการเมือง เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าสลายการชุมนุม มีการยิงแก๊สพริกไทยแล้วล้อมรถบรรทุก 6 ล้อติดเครื่องขยายเสียงของแกนนำ ผู้ชุมนุมขว้างปาขวดพลาสติกและขวดแก้วใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจ เกิดการปะทะกันชุลมุนวุ่นวาย เจ้าหน้าที่และผู้ชุมนุมได้รับบาดเจ็บหลายคน ด้านแยกสี่เสาเทเวศร์ กลุ่ม นปก.ส่วนหนึ่งทุบทำลายซุ้มตำรวจจราจรและทุบรถส่องไฟและกระจายเสียงของตำรวจที่จอดไว้ รวมทั้งปล่อยลมยางรถยนต์[23] ในวันต่อมา พลเอกสนธิ พลเอกสุรยุทธ์ และคณะรัฐมนตรีไปเยี่ยมพลเอกเปรมเพื่อขอโทษที่ยอมให้มีการประท้วง[24][25]

บางกอกพันดิท (Bangkok Pundit) เขียนในเอเชียคอร์เรสปอนเดนท์ว่า พลเอกเปรมเป็นผู้เล่นสำคัญในการเมืองไทยในหลายทศวรรษหลัง เจมส์ อ็อกคีย์ (James Ockey) ว่า "ก่อนรัฐบาลไทยรักไทยกำเนิดในปี 2544 ผู้บัญชาการทหารสูงสุดและผู้บัญชาการทหารบกแทบทุกคนในทศวรรษที่ผ่านมาเป็นอดีตผู้ช่วยของเปรม" แต่ "แน่นอนว่ายิ่งเปรมเกษียณนานเท่าไร อิทธิพลของเขาในกองทัพก็ยิ่งอ่อนลงเท่านั้น"[26] เขามีอำนาจและอิทธิพลสูงสุดเมื่อรัฐประหารปี 2549 และยังเป็นสะพานเชื่อมระหว่างกองทัพและพระราชวัง ทว่า นับแต่ปี 2549 อำนาจของเขาและความสามารถมีอิทธิพลจางลงเมื่อพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชาและบูรพาพยัคฆ์มีเส้นสายของตัวและสามารถเลี่ยงพลเอกเปรมได้แล้ว Marwaan Macan-Markar เขียนว่า "ต่างกับสนธิ ประยุทธ์ยังไม่เป็นหนี้บุญคุณเครือข่ายอิทธิพลซึ่งเป็นผู้รักษาประตูสู่พระมหากษัตริย์แต่เดิม อันเป็นที่สถิตของอำนาจสูงสุดในราชอาณาจักร" และ "บูรพาพยัคฆ์คืนชีพโดยทำลายสายการบังคับบัญชาเดิมซึ่งเป็นหนี้บุญคุณต่อพลเอกเปรม เขามีสามัคคีจิตของเขาเอง"[27]

ชีวิตส่วนตัว

ไฟล์:Gen.prem in navy suit.jpg
พล.อ.เปรม ในเครื่องแบบนายพลเรือเอกสีขาว

พลเอกเปรม ชื่นชอบดูการแข่งขันกีฬา โดยเฉพาะกีฬามวยและฟุตบอล มักเปิดโอกาสให้นักกีฬาเข้าพบเพื่อคารวะ และให้กำลังใจ ก่อนจะเดินทางไปแข่งขันในต่างประเทศอยู่เสมอ นอกจากนี้ยังชื่นชอบการร้องเพลง ระยะหลังได้ฝึกหัดเล่นเปียโนกับ ณัฐ ยนตรรักษ์ และประพันธ์เพลงเป็นงานอดิเรก พลเอกเปรมมีผลงานเพลงบันทึกเสียงจำหน่าย บรรเลงดนตรีโดย กองดุริยางค์ทหารบก

ถึงแก่อสัญกรรม

รางวัลและเกียรติยศ

พลเอก พลเรือเอก พลอากาศเอก เปรม ติณสูลานนท์ ได้รับพระราชทานยศ "นายกองใหญ่แห่งกองอาสารักษาดินแดน" เป็น พลเอก พลเรือเอก พลอากาศเอก นายกองใหญ่ เปรม ติณสูลานนท์ เมื่อปี 2528[28]

เครื่องราชอิสริยาภรณ์

เครื่องราชอิสริยาภรณ์ไทย

พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์สูงสุดต่าง ๆ ดังนี้[29][30]

เครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่างประเทศ

ดูเพิ่ม

อ้างอิง

  1. ประกาศแต่งตั้งประธานองคมนตรี ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๓ ตอนพิเศษ ๒๘๐ ง หน้า ๑ วันที่ ๒ ธันวาคม ๒๕๕๙
  2. http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2528/D/083/1.PDF
  3. อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อ privy_concil_return_ratchakitja
  4. [1][ลิงก์เสีย]
  5. แต่งตั้งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์เป็นการชั่วคราว
  6. ถอดรหัสป๋า เปิดปาก 3 ฝ่ายต้องคุยกันเอง
  7. เสธ.แดง เล่าให้ฟังฤทธิ์เดชขันทีนักฆ่าแห่งลุ่มเจ้าพระยา
  8. ราชาภิเษก: พระราชประวัติ สมเด็จพระราชินีสุทิดา
  9. ประวัติ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์
  10. ¾ÒàÂÕèÂÁªÁºéÒ¹à¡Ô´ Ͼ³Ï ¾ÅàÍ¡à»ÃÁ µÔ³ÊÙÅÒ¹¹·ì ¹Ò¡ÃÑ°Á¹µÃÕ¤¹·Õè ñö ¢Í§»ÃÐà·Èä·Â
  11. หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ, 27 พฤษภาคม 2562, "อาลัย... พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี", หน้า 28
  12. วีรชาติ ชุ่มสนิท, 24 นายกรัฐมนตรีไทย, ออลบุ๊คส์พับลิสชิ่ง, 2549 ISBN 974-94-55398
  13. ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องพระราชทานยศทหาร
  14. Kate McGeown, Thai king remains centre stage, BBC News, 21 September 2006
  15. Asia Sentinel, Could Thailand be Getting Ready to Repeat History?, 2 April 2007
  16. The Nation, Coup as it unfolds, 20 September 2006
  17. onopen.com หลังฉากพันธมิตร หลังวันรัฐประหาร และหลังรัฐบาลสุรยุทธ์ กับ สุริยะใส กตะศิลา[ลิงก์เสีย]
  18. Former Thai PM Prem Tinsulanonda had key role in coup - analysts[ลิงก์เสีย]
  19. Bangkok Post, UDD aims to damage monarchy[ลิงก์เสีย], 25 July 2007
  20. The Australian, Thailand's post-coup cabinet unveiled, 9 October 2006
  21. The Nation, NLA 'doesn' t represent' all of the people, 14 October 2006
  22. The Nation, Assembly will not play a major role, 14 October 2006
  23. ไทยโพสต์, ลุยม็อบจับแกนนำนปก.ปะทะเดือดตร.สลาย3รอบหมายรวบหัวไม่สำเร็จ[ลิงก์เสีย], 23 กรกฎาคม 2550
  24. Bangkok Post, Six protesters held[ลิงก์เสีย], 23 uly 2007
  25. The Nation, PM says sorry to Prem over mob violence, July 2007
  26. James Ockey, “Monarch, monarchy, succession and stability in Thailand“, Asia Pacific Viewpoint, Vol. 46, No. 2, August 2005, pp 115–127 at 123 อ้างใน Bangkok Pundit. In post-coup Thailand, what is happening with Prem?. Asian Correspondent. (Sep 09, 2014). สืบค้น 11-9-2014.
  27. Marwaan Macan-Markar, “On top at last, in civilian clothes” in The Edge Review, edition of August 22-28. อ้างใน Bangkok Pundit. In post-coup Thailand, what is happening with Prem?. Asian Correspondent. (Sep 09, 2014). สืบค้น 11-9-2014.
  28. http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2528/D/083/1.PDF
  29. พลเอก เปรม ติณสูลานนท์[ลิงก์เสีย] จาก เวปไซต์องคมนตรี
  30. พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ผู้บัญชาการทหารบก ลำดับที่ ๒๒ จาก เวปไซต์กองทัพบก
  31. ราชกิจจานุเบกษา,ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ อันเป็นโบราณมงคล นพรัตน์ราชวราภรณ์ เล่ม ๑๐๕ ตอนที่ ๑๔๐ ง ฉบับพิเศษ ๒๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๓๑ หน้า ๑
  32. ราชกิจจานุเบกษา แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ฉบับพิเศษ หน้า ๑๖ เล่ม ๙๙ ตอนที่ ๗๖ ๓ มิถุนายน ๒๕๒๕
  33. ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีศักดิ์รามาธิบดีเล่ม ๑๐๗ ตอน ๕๕ ง ๕ เมษายน พ.ศ. ๒๕๓๓ หน้า ๒๖๕๙
  34. ราชกิจจานุเบกษาแจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ฉบับพิเศษ หน้า ๑๓ เล่ม ๙๖ ตอนที่ ๑๑ ๓๑ มกราคม ๒๕๒๒
  35. ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์, เล่ม ๑๑๓, ตอน ๒๒ข, ๔ ธันวาคม ๒๔๓๙, หน้า ๑
  36. ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นสิริยิ่งรามกีรติ ลูกเสือสดุดีชั้นพิเศษ (จำนวน ๑๔ ราย), หน้า ๑๐๕, ตอน ๙๕ ง ฉบับพิเศษ, ๑๕ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๓๑, หน้า ๒
  37. รายพระนามและรายนามผู้ที่สมควรได้รับพระราชทานเหรียญลูกเสือสดุดี ประจำปี พ.ศ. 2524 จากเว็บไซต์ thaiscouts
  38. ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเหรียญรัตนาภรณ์ (พลเอก เปรม ติณสูลานนท์), เล่ม ๙๙, ตอน ๖๐ ง, ๒๗ เมษายน พ.ศ. ๒๕๒๕, หน้า ๑๔๑๒
  39. ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศ เรื่อง พระราชทานเหรียญรัตนาภรณ์, เล่ม ๑๓๖, ตอน ๑๗ ข, ๙ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๒, หน้า ๒
  40. ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ประดับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่างประเทศ จำนวน ๖๓ ราย, เล่ม ๑๒๐, ตอน ๔ ข ฉบับทะเบียนฐานันดร, ๗ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๖, หน้า ๕
  41. ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ประดับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่างประเทศ จำนวน ๗๔ ราย, เล่ม ๑๒๑, ตอน ๖ ข ฉบับทะเบียนฐานันดร, ๒๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๗, หน้า ๒

แหล่งข้อมูลอื่น

ก่อนหน้า เปรม ติณสูลานนท์ ถัดไป
ศาสตราจารย์สัญญา ธรรมศักดิ์
ประธานองคมนตรี
(4 กันยายน 2541 – 13 ตุลาคม 2559)
(2 ธันวาคม 2559 - 26 พฤษภาคม 2562)
ว่าง
สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี, หลวงอดุลเดชจรัส (อดุล อดุลเดชจรัส)
ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์
(13 ตุลาคม 2559 - 1 ธันวาคม 2559)
-
พลเอก เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ ไฟล์:Seal Prime Minister of Thailand.png
นายกรัฐมนตรีของประเทศไทย
(ครม. 42, 43 และ 44)

(3 มีนาคม 2523 – 4 สิงหาคม 2531)
พลเอก ชาติชาย ชุณหะวัณ
พลเอก เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
(24 พฤษภาคม 2522 - 5 สิงหาคม 2529)
พลอากาศเอก พะเนียง กานตรัตน์
พลเอก เสริม ณ นคร
ผู้บัญชาการทหารบก
(1 ตุลาคม 2521 - 25 สิงหาคม 2524)
พลเอก ประยุทธ จารุมณี
ปรีดี พนมยงค์ รัฐบุรุษ
(29 สิงหาคม 2531 - 26 พฤษภาคม 2562)
-