ผลต่างระหว่างรุ่นของ "เปรม ติณสูลานนท์"
Pongsak ksm (คุย | ส่วนร่วม) |
เพิ่มประวัติการศึกษา |
||
บรรทัด 94: | บรรทัด 94: | ||
*ด.ญ.ปรี ติณสูลานนท์ (ถึงแก่กรรมตั้งแต่เยาว์วัย) |
*ด.ญ.ปรี ติณสูลานนท์ (ถึงแก่กรรมตั้งแต่เยาว์วัย) |
||
*นายวีรณรงค์ ติณสูลานนท์<ref>[http://www.oknation.net/blog/Tip2/2013/06/14/entry-2 ¾ÒàÂÕèÂÁªÁºéÒ¹à¡Ô´ Ͼ³Ï ¾ÅàÍ¡à»ÃÁ µÔ³ÊÙÅÒ¹¹·ì ¹Ò¡ÃÑ°Á¹µÃÕ¤¹·Õè ñö ¢Í§»ÃÐà·Èä·Â<!-- Bot generated title -->]</ref> |
*นายวีรณรงค์ ติณสูลานนท์<ref>[http://www.oknation.net/blog/Tip2/2013/06/14/entry-2 ¾ÒàÂÕèÂÁªÁºéÒ¹à¡Ô´ Ͼ³Ï ¾ÅàÍ¡à»ÃÁ µÔ³ÊÙÅÒ¹¹·ì ¹Ò¡ÃÑ°Á¹µÃÕ¤¹·Õè ñö ¢Í§»ÃÐà·Èä·Â<!-- Bot generated title -->]</ref> |
||
พล.อ.เปรม สำเร็จการศึกษาจาก[[โรงเรียนมหาวชิราวุธ จังหวัดสงขลา]] |
พล.อ.เปรม สำเร็จการศึกษาชั้นประถมศึกษาจาก โรงเรียนวัดบ่อยาง ศึกษาต่อมัธยมศึกษาปีที่ 6 ที่[[โรงเรียนมหาวชิราวุธ จังหวัดสงขลา]] ในหมายเลขประจำตัว 167 ในปี 2478 ต่อมาจบมัธยมศึกษาปีที่ 7-8 แผนกวิทยาศาสตร์จาก [[โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย]] เมื่อปี 2479 เข้าศึกษาต่อนักเรียนนายร้อย ที่[[โรงเรียนเทคนิคทหารบก]] รุ่นที่ 5 สังกัดเหล่าทหารม้า (ต่อมาคือ[[โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า]]) เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2481 จบหลักสูตรนายทหารฝึกราชการ โรงเรียนนายทหารม้า ระดับผู้บังคับบัญชาปี 2490 หลังจากนั้นก็ไปศึกษาต่อต่างประเทศ ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา หลักสูตรผู้บังคับกองพัน โรงเรียนยานเกราะของกองทัพบกสหรัฐอเมริกา ปี 2496, หลักสูตรพิเศษ วิทยาลัยการทัพบก ปี 2503 หลักสูตรวิทยาลัยอ้งกันราชอาณาจักร รุ่นที่ 9 ปี 2509 และได้ดุษฏีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ทางด้านกฎหมายจากมหาวิทยาลัยแห่งชาติฟิลลิปปินส์ เมื่อ 23 เมษายน 2598 และยังได้วิศวกรรมศาสตร์ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี จังหวัดนครราชสีม เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2555<ref>หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ, 27 พฤษภาคม 2562, "อาลัย... พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี", หน้า 28</ref> |
||
เมื่อจบการศึกษาในปี 2484 ได้เข้าร่วมรบใน[[กรณีพิพาทอินโดจีน|สงครามอินโดจีน]]ระหว่างไทยกับ[[ฝรั่งเศส]] ที่[[ปอยเปต]] [[ประเทศกัมพูชา]] จากนั้นเข้าสังกัด[[กองทัพพายัพ]] ภายใต้การบังคับบัญชาของ[[หลวงเสรีเริงฤทธิ์ (จรูญ รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์)]] ทำการรบใน[[สงครามโลกครั้งที่สอง]] ระหว่างปี 2485 – 2488 ที่[[เชียงตุง]] |
เมื่อจบการศึกษาในปี 2484 ได้เข้าร่วมรบใน[[กรณีพิพาทอินโดจีน|สงครามอินโดจีน]]ระหว่างไทยกับ[[ฝรั่งเศส]] ที่[[ปอยเปต]] [[ประเทศกัมพูชา]] จากนั้นเข้าสังกัด[[กองทัพพายัพ]] ภายใต้การบังคับบัญชาของ[[หลวงเสรีเริงฤทธิ์ (จรูญ รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์)]] ทำการรบใน[[สงครามโลกครั้งที่สอง]] ระหว่างปี 2485 – 2488 ที่[[เชียงตุง]] |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 11:50, 27 พฤษภาคม 2562
การแก้ไขบทความนี้ของผู้ใช้ใหม่หรือผู้ใช้ไม่ลงทะเบียนถูกปิดใช้งาน ดูนโยบายการป้องกันและปูมการป้องกันสำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม หากคุณไม่สามารถแก้ไขบทความนี้และคุณประสงค์เปลี่ยนแปลง คุณสามารถส่งคำขอแก้ไข อภิปรายการเปลี่ยนแปลงทางหน้าคุย ขอเลิกป้องกัน ล็อกอิน หรือสร้างบัญชี |
บทความนี้อยู่ระหว่างการแก้ไขอย่างหนัก เนื่องจากบุคคลที่เป็นหัวเรื่องเพิ่งเสียชีวิต ความเข้าใจเกี่ยวกับพฤติการณ์การเสียชีวิตและเหตุการณ์แวดล้อมอาจเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็วเมื่อข้อเท็จจริงปรากฏมากขึ้น รายงานข่าวในช่วงต้นอาจไม่น่าเชื่อถือ และการเปลี่ยนแปลงล่าสุดต่อบทความนี้อาจไม่สะท้อนถึงรายละเอียดปัจจุบัน |
เปรม ติณสูลานนท์ | |
---|---|
ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ | |
ดำรงตำแหน่ง 13 ตุลาคม 2559 – 1 ธันวาคม 2559 | |
กษัตริย์ | พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว |
นายกรัฐมนตรี | ประยุทธ์ จันทร์โอชา |
ประธานองคมนตรี | |
ดำรงตำแหน่ง 2 ธันวาคม 2559[1] – 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 ถึงแก่อสัญกรรม | |
กษัตริย์ | พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว |
ก่อนหน้า | เปรม ติณสูลานนท์ |
ดำรงตำแหน่ง 4 กันยายน 2541 – 2 ธันวาคม 2559 ระงับการปฏิบัติหน้าที่: 13 ตุลาคม 2559 - 1 ธันวาคม 2559 | |
กษัตริย์ | พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว |
รักษาการแทน | ธานินทร์ กรัยวิเชียร |
ก่อนหน้า | สัญญา ธรรมศักดิ์ |
ถัดไป | เปรม ติณสูลานนท์ |
นายกรัฐมนตรีไทย คนที่ 16 | |
ดำรงตำแหน่ง 3 มีนาคม 2523 – 4 สิงหาคม 2531 | |
ก่อนหน้า | เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ |
ถัดไป | ชาติชาย ชุณหะวัณ |
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม | |
ดำรงตำแหน่ง 7 พฤษภาคม 2526 – 5 สิงหาคม 2529 | |
นายกรัฐมนตรี | เปรม ติณสูลานนท์ |
ก่อนหน้า | เปรม ติณสูลานนท์ |
ถัดไป | พะเนียง กานตรัตน์ |
ดำรงตำแหน่ง 21 มีนาคม 2523 – 19 มีนาคม 2526 | |
นายกรัฐมนตรี | เปรม ติณสูลานนท์ |
ก่อนหน้า | เปรม ติณสูลานนท์ |
ถัดไป | เปรม ติณสูลานนท์ |
ดำรงตำแหน่ง 24 พฤษภาคม 2522 – 3 มีนาคม 2523 | |
นายกรัฐมนตรี | เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ |
ก่อนหน้า | เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ |
ถัดไป | เปรม ติณสูลานนท์ |
ผู้บัญชาการทหารบก | |
ดำรงตำแหน่ง 1 ตุลาคม 2521 – 25 สิงหาคม 2524 | |
ก่อนหน้า | เสริม ณ นคร |
ถัดไป | ประยุทธ จารุมณี |
ข้อมูลส่วนบุคคล | |
เกิด | 26 สิงหาคม พ.ศ. 2463 จังหวัดสงขลา ประเทศสยาม |
เสียชีวิต | 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 (98 ปี) รพ.พระมงกุฎเกล้า กรุงเทพมหานคร |
ศาสนา | พุทธ |
ลายมือชื่อ | ไฟล์:Signature of Prem Tinsulanonda.svg |
ยศที่ได้รับการแต่งตั้ง | |
สังกัด | กองทัพบกไทย |
ประจำการ | 2484 - 2529 |
ยศ | พลเอก พลเรือเอก พลอากาศเอก นายกองใหญ่[2] |
บังคับบัญชา | กองทัพบกไทย |
ผ่านศึก | สงครามอินโดจีน สงครามโลกครั้งที่ 2 |
พลเอก พลเรือเอก พลอากาศเอก เปรม ติณสูลานนท์ (26 สิงหาคม พ.ศ. 2463 - 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2562) อดีตประธานองคมนตรี[3] อดีตรัฐบุรุษ อดีตที่ปรึกษาและกรรมการในคณะอำนวยการจัดงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก อดีตผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ในพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว[4][5] และนายกรัฐมนตรีไทยคนที่ 16 ดำรงตำแหน่ง 3 สมัย ระหว่างปี 2523 ถึง 2531
บุคลิกส่วนตัวพลเอกเปรมเป็นคนพูดน้อย ในขณะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย จะให้สัมภาษณ์แก่สื่อมวลชนน้อยมาก จนถูกหนังสือพิมพ์ในขณะนั้นเรียกขานว่า เตมีย์ใบ้[6] และได้รับอีกฉายาหนึ่งว่า นักฆ่าแห่งลุ่มน้ำเจ้าพระยา จากเหตุการณ์กบฏเมษาฮาวายและกบฏ 9 กันยา[7] หลังพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในวันที่ 3 สิงหาคม 2531 พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้พลเอกเปรม เป็นองคมนตรี ในวันที่ 23 สิงหาคม 2531 จากนั้นในวันที่ 29 สิงหาคม 2531 ได้รับโปรดเกล้าฯ ยกย่องให้เป็นรัฐบุรุษ และในวันที่ 4 สิงหาคม 2541 มีพระบรมราชโองการ โปรดเกล้าฯ ให้เป็นประธานองคมนตรี
มีนักวิชาการและสื่อว่า พลเอกเปรมมีบทบาทในการเมืองไทย แม้รัฐบาลทหารหลังรัฐประหารปี 2549 ปฏิเสธข่าวนี้
พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียวที่ไม่มีภริยา
พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการให้ พลเอกเปรม ลงนามในสมุดจดทะเบียนราชาภิเษกสมรส ในฐานะสักขีพยาน ใน วันที่ 1 พฤษภาคม 2562[8]
ประวัติ
พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ เกิดที่ตำบลบ่อยาง อำเภอเมืองสงขลา จังหวัดสงขลา ชื่อ "เปรม" นั้น พระรัตนธัชมุนี (แบน คณฺฐาภรโณ) เป็นผู้ตั้งให้ ส่วนนามสกุล "ติณสูลานนท์" พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานให้ เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2462 [9] เป็นบุตรชายคนรองสุดท้อง จากจำนวน 8 คน ของรองอำมาตย์โทหลวงวินิจทัณฑกรรม (บึ้ง ติณสูลานนท์) ต้นตระกูลติณสูลานนท์ กับนางวินิจทัณฑกรรม (ออด ติณสูลานนท์) มีพี่น้องคือ
- นายชุบ ติณสูลานนท์ อัยการพิเศษประจำเขต
- นายเลข ติณสูลานนท์
- นางขยัน ติณสูลานนท์ สมรสกับ นายประดิษฐ์ โมนยะกุล
- นายสมนึก ติณสูลานนท์ คหบดี
- นายสมบุญ ติณสูลานนท์
- พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์
- ด.ญ.ปรี ติณสูลานนท์ (ถึงแก่กรรมตั้งแต่เยาว์วัย)
- นายวีรณรงค์ ติณสูลานนท์[10]
พล.อ.เปรม สำเร็จการศึกษาชั้นประถมศึกษาจาก โรงเรียนวัดบ่อยาง ศึกษาต่อมัธยมศึกษาปีที่ 6 ที่โรงเรียนมหาวชิราวุธ จังหวัดสงขลา ในหมายเลขประจำตัว 167 ในปี 2478 ต่อมาจบมัธยมศึกษาปีที่ 7-8 แผนกวิทยาศาสตร์จาก โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย เมื่อปี 2479 เข้าศึกษาต่อนักเรียนนายร้อย ที่โรงเรียนเทคนิคทหารบก รุ่นที่ 5 สังกัดเหล่าทหารม้า (ต่อมาคือโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า) เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2481 จบหลักสูตรนายทหารฝึกราชการ โรงเรียนนายทหารม้า ระดับผู้บังคับบัญชาปี 2490 หลังจากนั้นก็ไปศึกษาต่อต่างประเทศ ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา หลักสูตรผู้บังคับกองพัน โรงเรียนยานเกราะของกองทัพบกสหรัฐอเมริกา ปี 2496, หลักสูตรพิเศษ วิทยาลัยการทัพบก ปี 2503 หลักสูตรวิทยาลัยอ้งกันราชอาณาจักร รุ่นที่ 9 ปี 2509 และได้ดุษฏีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ทางด้านกฎหมายจากมหาวิทยาลัยแห่งชาติฟิลลิปปินส์ เมื่อ 23 เมษายน 2598 และยังได้วิศวกรรมศาสตร์ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี จังหวัดนครราชสีม เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2555[11]
เมื่อจบการศึกษาในปี 2484 ได้เข้าร่วมรบในสงครามอินโดจีนระหว่างไทยกับฝรั่งเศส ที่ปอยเปต ประเทศกัมพูชา จากนั้นเข้าสังกัดกองทัพพายัพ ภายใต้การบังคับบัญชาของหลวงเสรีเริงฤทธิ์ (จรูญ รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์) ทำการรบในสงครามโลกครั้งที่สอง ระหว่างปี 2485 – 2488 ที่เชียงตุง
ราชการทหาร
ภายหลังสงคราม พลเอกเปรมรับราชการอยู่ที่จังหวัดอุตรดิตถ์ และได้รับทุนไปศึกษาต่อที่โรงเรียนยานเกราะของกองทัพบกสหรัฐ ที่ฟอร์ตน็อกซ์ รัฐเคนทักกี พร้อมกับพลเอกพิจิตร กุลละวณิชย์ และพลเอกวิจิตร สุขมาก เมื่อปี 2495 แล้วกลับมารับตำแหน่งรองผู้บัญชาการโรงเรียนยานเกราะ ต่อมามีการจัดตั้งโรงเรียนทหารม้ายานเกราะ ศูนย์การทหารม้า ที่จังหวัดสระบุรี
พลเอกเปรมได้รับพระบรมราชโองการเป็นผู้บัญชาการศูนย์การทหารม้า ยศพลตรี เมื่อปี 2511 ในช่วงระยะเวลา 5 ปี ที่ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการศูนย์การทหารม้านี้ ท่านมักเรียกแทนตัวเองต่อผู้ที่อาวุโสน้อยกว่าว่า "ป๋า" และเรียกผู้ที่อาวุโสน้อยกว่าอย่างเอ็นดูและเป็นกันเองว่า "ลูก" จนเป็นที่มาของคำว่าป๋า หรือ ป๋าเปรม และคนสนิทของท่านมักถูกเรียกว่า ลูกป๋า และเรียกติดปากกันมาจนถึงปัจจุบัน [12]
พลเอกเปรม ย้ายไปเป็นรองแม่ทัพภาคที่ 2 ดูแลพื้นที่ภาคอีสาน ในปี 2516 และเลื่อนเป็นแม่ทัพภาคที่ 2 ดูแลพื้นที่ภาคอีสานเมื่อปี 2517 ได้เลื่อนยศเป็นพลเอก ในตำแหน่งผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก เมื่อปี 2520 และเลื่อนเป็นผู้บัญชาการทหารบก ในปี 2521
นอกจากยศ พลเอก แล้ว พลเอกเปรม ยังถือว่าเป็นหนึ่งในบุคคล ที่ในปัจจุบันที่มิใช่พระบรมวงศานุวงศ์ ที่ได้รับยศ พลเรือเอก ของกองทัพเรือ และ พลอากาศเอก ของกองทัพอากาศ ด้วย จากการพระราชทานโปรดเกล้าฯ เมื่อเดือนกรกฎาคม 2529[13] ในระหว่างที่ พลเอกเปรม ยังดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอยู่ (แต่โดยมากจะนิยมใช้ พลเอก มากกว่า)
ตำแหน่งทางการเมือง
ในปี 2502 ในสมัยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ พลเอกเปรมได้รับการแต่งตั้งเป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ จากนั้นได้รับการแต่งตั้งเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติ และวุฒิสมาชิก ช่วงปี 2511 – 2516 ในสมัยจอมพลถนอม กิตติขจร
พลเอกเปรมเข้าร่วมรัฐประหารในประเทศไทย 2 ครั้ง ซึ่งนำโดยพลเรือเอกสงัด ชลออยู่ ในวันที่ 6 ตุลาคม 2519 ซึ่งยึดอำนาจจากรัฐบาลหม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช และวันที่ 20 ตุลาคม 2520 ซึ่งยึดอำนาจจากรัฐบาลธานินทร์ กรัยวิเชียร
พลเอกเปรม รับตำแหน่งรัฐมนตรีเป็นครั้งแรกในรัฐบาลพลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ ในตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีอย่างต่อเนื่องในรัฐบาลนั้น ในช่วงปลายรัฐบาลพลเอกเกรียงศักดิ์ ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ควบคู่กับตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก
ในช่วงนั้น พลเอกเปรมได้รับการยอมรับจากหลายฝ่าย หลังจากพลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2523 สภาผู้แทนราษฎรทำการหยั่งเสียงเพื่อหาตัวผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และเลือกพลเอกเปรมเป็นนายกรัฐมนตรี โดยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้พลเอกเปรมดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2523 เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 16 ของไทย
พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ เข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีสืบต่อจากพลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2523 ซึ่งตลอดระยะเวลาของพลเอกเปรมในการบริหารประเทศได้มีผลงานสำคัญมากมาย เช่น การปรับปรุงประมวลกฎหมายรัษฎากรและกฎหมายสรรพสินค้า เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่สังคม การสร้างงานตามโครงการสร้างงานในชนบท (กสช.) การจัดตั้งคณะกรรมการร่วมภาครัฐบาล และเอกชน (กรอ.) เพื่อส่งเสริมบทบาททางการค้าและการลงทุนของภาคเอกชนภายในประเทศ การดำเนินการปราบปรามผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ในประเทศไทยอย่างได้ผล โดยนำนโยบายการใช้ "การเมืองนำการทหาร" ตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 66/2523 เป็นผลให้พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยอ่อนกำลังลงและสลายตัวไปในที่สุด
ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
สมัยที่ 1
คณะรัฐมนตรี คณะที่ 42: 3 มีนาคม 2523 – 29 เมษายน 2526 สิ้นสุดลงภายหลังการยุบสภา ในวันที่ 19 มีนาคม 2526 เนื่องจากสภาผู้แทนราษฎรไม่เห็นชอบกับการเสนอให้ยืดอายุการใช้บทเฉพาะกาลของ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2521 มีการเลือกตั้งในวันที่ 18 เมษายน 2526
สมัยที่ 2
คณะรัฐมนตรี คณะที่ 43: 30 เมษายน 2526 – 4 สิงหาคม 2529 สิ้นสุดลงภายหลังการยุบสภา ในวันที่ 1 พฤษภาคม 2529 เนื่องจากรัฐบาลแพ้เสียงในสภา ในการออกพระราชกำหนดการขนส่งทางบก มีการเลือกตั้งในวันที่ 27 กรกฎาคม 2529
สมัยที่ 3
คณะรัฐมนตรี คณะที่ 44: 5 สิงหาคม 2529 – 3 สิงหาคม 2531 สิ้นสุดลงภายหลังการยุบสภา ในวันที่ 29 เมษายน 2531 เนื่องจากเกิดปัญหาขึ้นในพรรคประชาธิปัตย์ เกิดกลุ่ม 10 มกรา ดำเนินกิจกรรมทางการเมืองอย่างเป็นเอกเทศภายในพรรค กลุ่ม 10 มกรา นี้ลงมติไม่สนับสนุนพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ ที่รัฐบาลเสนอเข้าสู่การพิจารณาของสภา จนทำให้พระราชบัญญัติไม่ผ่านการเห็นชอบ พรรคประชาธิปัตย์แสดงความรับผิดชอบโดยการถอนตัวจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล พลเอกเปรมจึงประกาศยุบสภา มีการเลือกตั้งในวันที่ 24 กรกฎาคม 2531
ในช่วงปลายรัฐบาลพลเอกเปรม ขณะที่กำลังจะมีการเลือกตั้ง มีกระแสการคัดค้านการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเป็นสมัยที่ 4 จากกลุ่มนักวิชาการ [ใคร?] [ต้องการอ้างอิง]
ภายหลังการเลือกตั้ง ในคืนวันที่ 24 กรกฎาคม 2531 หัวหน้าพรรคการเมืองที่จะร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล โดยมีพรรคชาติไทยเป็นแกนนำ ได้เข้าพบพลเอกเปรมที่บ้านพัก เพื่อเชิญให้มาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเป็นสมัยที่ 4 แต่พลเอกเปรมปฏิเสธ ต่อมาในวันที่ 4 สิงหาคม 2531 จึงได้มีพระบรมราชโองการ โปรดเกล้าฯ พลตรีชาติชาย ชุณหะวัณ (ยศขณะนั้น) ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 17
หลังพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้พลเอกเปรม เป็นองคมนตรี ในวันที่ 23 สิงหาคม 2531 จากนั้นในวันที่ 29 สิงหาคม 2531 ได้รับโปรดเกล้าฯ ยกย่องให้เป็นรัฐบุรุษ และในวันที่ 4 สิงหาคม 2541 มีพระบรมราชโองการ โปรดเกล้าฯ ให้เป็นประธานองคมนตรี
ผลงาน
ส่วนนี้ไม่มีการอ้างอิงจากเอกสารอ้างอิงหรือแหล่งข้อมูล โปรดช่วยพัฒนาส่วนนี้โดยเพิ่มแหล่งข้อมูลน่าเชื่อถือ เนื้อหาที่ไม่มีการอ้างอิงอาจถูกคัดค้านหรือนำออก |
1.การปรับปรุงประมวลกฎหมายรัษฎากรและกฎหมายสรรพสินค้า เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่สังคม
2.การสร้างงานตามโครงการสร้างงานในชนบท (กสช.) โดยสานต่อจากนโยบายเงินผันที่ดำเนินการมาตั้งแต่สมัยรัฐบาลของหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช
3.การจัดตั้งคณะกรรมการร่วมภาครัฐบาลและเอกชน (กรอ.) เพื่อส่งเสริมบทบาททางการค้าและการลงทุนของภาคเอกชนภายในประเทศ
4.การแก้ปัญหาการตกต่ำทางเศรษฐกิจในช่วงแรกที่เข้าบริหารประเทศ รัฐบาลได้ดำเนินนโยบายประหยัดมุ่งเน้นในด้านการผลิตและการส่งออกของสินค้ากับประเทศสังคมนิยมตะวันออกอย่างได้ผล ทำให้รัฐบาลชุดนี้สามารถสร้างเสริมกำลังทางด้าน เงินทุนสำรองเงินตราต่างประเทศได้อย่างน่าภูมิใจ จึงนับว่ารัฐบาลสมัยพลเอกเปรม ติณสูลานนท์เป็นผู้สร้างฐานเศรษฐกิจของชาติที่สำคัญ ทำให้ประเทศไทยมีเงินทุนสำรองที่เป็นเงินตราต่างชาติมากขึ้น รัฐบาลได้สนับสนุนการส่งออก [ต้องการอ้างอิง]
5.การเข้าร่วมประชุมองค์การสหประชาชาติที่สหรัฐอเมริกา ทั้งพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ยังได้เป็นผู้กล่าวปราศรัยสุนทรพจน์ในที่ประชุมด้วย ทำให้ภาพลักษณ์ของประเทศไทยดีขึ้นต่อสายตาต่างชาติ มุมมองทางด้านการลงทุนจากนักลงทุนทั้งหลายต่อท่าทีของภาวะทั่วไปของเศรษฐกิจไทยในด้านการผลิตและการอุตสาหกรรมนั้นแจ่มใสและชัดเจนมากขึ้น
ผลงานสำคัญชิ้นหนึ่ง ของพลเอกเปรม คือการผลักดันนโยบาย “การเมืองนำการทหาร” ซึ่งปรากฏออกมาในรูป คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 66/2523 65/2525 เพื่อยุติการทำสงครามสู้รบ ระหว่างพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย กับ ฝ่ายรัฐบาล ผลพวงจากนโยบายดังกล่าว ทำให้นักศึกษา ที่หนีเข้าป่าภายหลังเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 เพื่อจับอาวุธต่อสู้กับรัฐบาล มีโอกาสหวนมาเดินบนหนทางแห่งสันติภาพได้ นโยบายดังกล่าว ช่วยลด กระทั่งดับเชื้อไฟสงครามกลางเมืองในช่วงนั้นลง เพื่อให้รัฐบาลสามารถทุ่มเทกำลัง มาฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศต่อไป
ในช่วงปี 2524 การส่งออกของไทย โดยเฉพาะพืชผลเกษตรประสบปัญหา ขณะเดียวกัน มีปัญหาการขาดดุลการค้า การขาดดุลบัญชีเดินสะพัด และขาดดุลงบประมาณอย่างต่อเนื่อง เงินบาทของไทย ผูกติดกับดอลลาร์ของสหรัฐฯ ซึ่งแข็งตัวอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้การส่งออกของไทยได้รับผลกระทบ พลเอกเปรม ได้ตัดสินร่วมกับคณะรัฐมนตรีที่จะลดค่าเงินบาทถึงสามครั้ง โดยเฉพาะครั้งที่สาม ในวันที่ 2 พฤศจิกายน 2523 ซึ่งมีการปรับลดถึงร้อยละ 15[ต้องการอ้างอิง]
นอกจากนั้น รัฐบาลพลเอกเปรมยังได้ปรับระบบอัตราแลกเปลี่ยนจาก “อัตราแลกเปลี่ยนคงที่ “ระหว่างเงินบาทกับเงินดอลลาร์สหรัฐ มาเป็น “ระบบตะกร้าเงิน” ซึ่งทำให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น
โครงการสำคัญ เช่น การพัฒนาชายฝั่งทะเลตะวันออก การสร้างท่าเรือน้ำลึกมาบตาพุด และ แหลมฉบัง ล้วนตัดสินดำเนินโครงการ ในช่วงรัฐบาลพลเอกเปรมทั้งสิ้น[ต้องการอ้างอิง]
บทบาทในวิกฤตการณ์การเมือง
หลังรัฐประหารปี 2549 มีนักวิชาการกล่าวหาพลเอกเปรมว่ามีความเกี่ยวข้องกับวิกฤตการณ์การเมืองในประเทศไทย พ.ศ. 2548-2549 ที่นำไปสู่รัฐประหาร[14][15] ซึ่งในเวลาพลบค่ำวันที่ 19 กันยายน ช่วงเดียวกับที่กำลังทหารหน่วยรบพิเศษจากจังหวัดลพบุรีเคลื่อนกำลังเข้ากรุงเทพมหานคร พลเอกเปรมเข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว[16] สุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานเครือข่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า พลเอกเปรมเป็นผู้สั่งการรัฐประหารโดยนั่งบัญชาการอยู่ที่บ้านสี่เสาร์เทเวศร์[17] มีบทวิเคราะห์จากสำนักข่าว XFN-ASIA ระบุในเว็บไซต์นิตยสารฟอร์บ ว่า พลเอกเปรมเป็นบุคคลที่มีบทบาทสำคัญในการเมืองไทย พร้อมทั้งสนับสนุนให้คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) รัฐประหารรัฐบาลพันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร[18] ฝ่ายรัฐบาลทหารว่า พลเอกเปรมไม่เคยมีบทบาททางการเมือง[19]
ในเวลาต่อมา มีการอ้างว่า พลเอกเปรมอาจมีบทบาทสำคัญในการเชิญพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ อดีตผู้บัญชาการทหารบก และอดีตลูกน้อง มาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี รวมทั้งการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรี และสภานิติบัญญัติแห่งชาติด้วย จนนักวิจารณ์บางคน กล่าวว่า สภาฯ ชุดนี้เต็มไปด้วย "ลูกป๋า"[20][21][22]
วันที่ 22 กรกฎาคม 2550 นปก. นับพันรวมตัวประท้วงหน้าบ้านของพลเอกเปรมเพื่อเรียกร้องให้ลาออกจากตำแหน่งประธานองคมนตรี เพราะเชื่อว่ามีบทบาททางการเมือง เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าสลายการชุมนุม มีการยิงแก๊สพริกไทยแล้วล้อมรถบรรทุก 6 ล้อติดเครื่องขยายเสียงของแกนนำ ผู้ชุมนุมขว้างปาขวดพลาสติกและขวดแก้วใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจ เกิดการปะทะกันชุลมุนวุ่นวาย เจ้าหน้าที่และผู้ชุมนุมได้รับบาดเจ็บหลายคน ด้านแยกสี่เสาเทเวศร์ กลุ่ม นปก.ส่วนหนึ่งทุบทำลายซุ้มตำรวจจราจรและทุบรถส่องไฟและกระจายเสียงของตำรวจที่จอดไว้ รวมทั้งปล่อยลมยางรถยนต์[23] ในวันต่อมา พลเอกสนธิ พลเอกสุรยุทธ์ และคณะรัฐมนตรีไปเยี่ยมพลเอกเปรมเพื่อขอโทษที่ยอมให้มีการประท้วง[24][25]
บางกอกพันดิท (Bangkok Pundit) เขียนในเอเชียคอร์เรสปอนเดนท์ว่า พลเอกเปรมเป็นผู้เล่นสำคัญในการเมืองไทยในหลายทศวรรษหลัง เจมส์ อ็อกคีย์ (James Ockey) ว่า "ก่อนรัฐบาลไทยรักไทยกำเนิดในปี 2544 ผู้บัญชาการทหารสูงสุดและผู้บัญชาการทหารบกแทบทุกคนในทศวรรษที่ผ่านมาเป็นอดีตผู้ช่วยของเปรม" แต่ "แน่นอนว่ายิ่งเปรมเกษียณนานเท่าไร อิทธิพลของเขาในกองทัพก็ยิ่งอ่อนลงเท่านั้น"[26] เขามีอำนาจและอิทธิพลสูงสุดเมื่อรัฐประหารปี 2549 และยังเป็นสะพานเชื่อมระหว่างกองทัพและพระราชวัง ทว่า นับแต่ปี 2549 อำนาจของเขาและความสามารถมีอิทธิพลจางลงเมื่อพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชาและบูรพาพยัคฆ์มีเส้นสายของตัวและสามารถเลี่ยงพลเอกเปรมได้แล้ว Marwaan Macan-Markar เขียนว่า "ต่างกับสนธิ ประยุทธ์ยังไม่เป็นหนี้บุญคุณเครือข่ายอิทธิพลซึ่งเป็นผู้รักษาประตูสู่พระมหากษัตริย์แต่เดิม อันเป็นที่สถิตของอำนาจสูงสุดในราชอาณาจักร" และ "บูรพาพยัคฆ์คืนชีพโดยทำลายสายการบังคับบัญชาเดิมซึ่งเป็นหนี้บุญคุณต่อพลเอกเปรม เขามีสามัคคีจิตของเขาเอง"[27]
ชีวิตส่วนตัว
พลเอกเปรม ชื่นชอบดูการแข่งขันกีฬา โดยเฉพาะกีฬามวยและฟุตบอล มักเปิดโอกาสให้นักกีฬาเข้าพบเพื่อคารวะ และให้กำลังใจ ก่อนจะเดินทางไปแข่งขันในต่างประเทศอยู่เสมอ นอกจากนี้ยังชื่นชอบการร้องเพลง ระยะหลังได้ฝึกหัดเล่นเปียโนกับ ณัฐ ยนตรรักษ์ และประพันธ์เพลงเป็นงานอดิเรก พลเอกเปรมมีผลงานเพลงบันทึกเสียงจำหน่าย บรรเลงดนตรีโดย กองดุริยางค์ทหารบก
ถึงแก่อสัญกรรม
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
รางวัลและเกียรติยศ
พลเอก พลเรือเอก พลอากาศเอก เปรม ติณสูลานนท์ ได้รับพระราชทานยศ "นายกองใหญ่แห่งกองอาสารักษาดินแดน" เป็น พลเอก พลเรือเอก พลอากาศเอก นายกองใหญ่ เปรม ติณสูลานนท์ เมื่อปี 2528[28]
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
เครื่องราชอิสริยาภรณ์ไทย
พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์สูงสุดต่าง ๆ ดังนี้[29][30]
- พ.ศ. 2531 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นโบราณมงคลนพรัตนราชวราภรณ์ (น.ร.)[31]
- พ.ศ. 2525 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ชั้น ปฐมจุลจอมเกล้า (ป.จ.) (ฝ่ายหน้า)[32]
- พ.ศ. 2533 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีศักดิ์รามาธิบดี ชั้นที่ 1 (เสนางคะบดี) (ส.ร.) [33]
- พ.ศ. 2521 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้น มหาปรมาภรณ์ช้างเผือก (ม.ป.ช.)[34]
- พ.ศ. 2518 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้น มหาวชิรมงกุฎ (ม.ว.ม.)
- พ.ศ. 2539 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่สรรเสริญยิ่งดิเรกคุณาภรณ์ ชั้น ปฐมดิเรกคุณาภรณ์ (ป.ภ.)[35]
- พ.ศ. ไม่ปรากฏ – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นที่ 1 ประถมาภรณ์ช้างเผือก (ป.ช.)
- พ.ศ. ไม่ปรากฏ – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นที่ 1 ประถมาภรณ์มงกุฎไทย (ป.ม.)
- พ.ศ. ไม่ปรากฏ – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นที่ 2 ทวีติยาภรณ์ช้างเผือก (ท.ช.)
- พ.ศ. ไม่ปรากฏ – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นที่ 2 ทวีติยาภรณ์มงกุฎไทย (ท.ม.)
- พ.ศ. ไม่ปรากฏ – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นที่ 3 ตริตาภรณ์ช้างเผือก (ต.ช.)
- พ.ศ. ไม่ปรากฏ – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นที่ 3 ตริตาภรณ์มงกุฎไทย (ต.ม.)
- พ.ศ. ไม่ปรากฏ – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นที่ 3 ตริตาภรณ์มงกุฎไทย (ต.ม.)
- พ.ศ. ไม่ปรากฏ – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นที่ 4 จัตุรถาภรณ์ช้างเผือก (จ.ช.)
- พ.ศ. ไม่ปรากฏ – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นที่ 4 จัตุรถาภรณ์มงกุฎไทย (จ.ม.)
- พ.ศ. ไม่ปรากฏ – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นที่ 5 เบญจมาภรณ์ช้างเผือก (บ.ช.)
- พ.ศ. ไม่ปรากฎ – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นที่ 5 เบญจมาภรณ์มงกุฎไทย (บ.ม.)
- พ.ศ. 2531 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นสิริยิ่งรามกีรติ ลูกเสือสดุดีชั้นพิเศษ[36]
- พ.ศ. 2484 – เหรียญชัยสมรภูมิ สงครามอินโดจีน
- พ.ศ. 2505 – เหรียญชัยสมรภูมิ สงครามมหาเอเชียบูรพา
- พ.ศ. 2521 – เหรียญพิทักษ์เสรีชน ชั้นที่ 1
- เหรียญพิทักษ์รัฐธรรมนูญ
- พ.ศ. 2498 – เหรียญจักรมาลา
- พ.ศ. 2524 – เหรียญลูกเสือสดุดี ชั้นที่ 1[37]
- พ.ศ. 2525 – เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 9 ชั้นที่ 1 (ภ.ป.ร.1)[38]
- พ.ศ. 2562 – เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 10 ชั้นที่ 1 (ว.ป.ร.1)[39]
- เหรียญกาชาดสมนาคุณ ชั้นที่ 1
เครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่างประเทศ
- พ.ศ. 2546 The Royal Order of the Polar Star ขั้นสูงสุด[40]
- พ.ศ. 2547 เครื่องราชอิสริยาภรณ์ออเรนจ์-นัสเซา ขั้นสูงสุด[41]
ดูเพิ่ม
อ้างอิง
- ↑ ประกาศแต่งตั้งประธานองคมนตรี ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๓ ตอนพิเศษ ๒๘๐ ง หน้า ๑ วันที่ ๒ ธันวาคม ๒๕๕๙
- ↑ http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2528/D/083/1.PDF
- ↑ อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อprivy_concil_return_ratchakitja
- ↑ [1][ลิงก์เสีย]
- ↑ แต่งตั้งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์เป็นการชั่วคราว
- ↑ ถอดรหัสป๋า เปิดปาก 3 ฝ่ายต้องคุยกันเอง
- ↑ เสธ.แดง เล่าให้ฟังฤทธิ์เดชขันทีนักฆ่าแห่งลุ่มเจ้าพระยา
- ↑ ราชาภิเษก: พระราชประวัติ สมเด็จพระราชินีสุทิดา
- ↑ ประวัติ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์
- ↑ ¾ÒàÂÕèÂÁªÁºéÒ¹à¡Ô´ Ͼ³Ï ¾ÅàÍ¡à»ÃÁ µÔ³ÊÙÅÒ¹¹·ì ¹Ò¡ÃÑ°Á¹µÃÕ¤¹·Õè ñö ¢Í§»ÃÐà·Èä·Â
- ↑ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ, 27 พฤษภาคม 2562, "อาลัย... พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี", หน้า 28
- ↑ วีรชาติ ชุ่มสนิท, 24 นายกรัฐมนตรีไทย, ออลบุ๊คส์พับลิสชิ่ง, 2549 ISBN 974-94-55398
- ↑ ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องพระราชทานยศทหาร
- ↑ Kate McGeown, Thai king remains centre stage, BBC News, 21 September 2006
- ↑ Asia Sentinel, Could Thailand be Getting Ready to Repeat History?, 2 April 2007
- ↑ The Nation, Coup as it unfolds, 20 September 2006
- ↑ onopen.com หลังฉากพันธมิตร หลังวันรัฐประหาร และหลังรัฐบาลสุรยุทธ์ กับ สุริยะใส กตะศิลา[ลิงก์เสีย]
- ↑ Former Thai PM Prem Tinsulanonda had key role in coup - analysts[ลิงก์เสีย]
- ↑ Bangkok Post, UDD aims to damage monarchy[ลิงก์เสีย], 25 July 2007
- ↑ The Australian, Thailand's post-coup cabinet unveiled, 9 October 2006
- ↑ The Nation, NLA 'doesn' t represent' all of the people, 14 October 2006
- ↑ The Nation, Assembly will not play a major role, 14 October 2006
- ↑ ไทยโพสต์, ลุยม็อบจับแกนนำนปก.ปะทะเดือดตร.สลาย3รอบหมายรวบหัวไม่สำเร็จ[ลิงก์เสีย], 23 กรกฎาคม 2550
- ↑ Bangkok Post, Six protesters held[ลิงก์เสีย], 23 uly 2007
- ↑ The Nation, PM says sorry to Prem over mob violence, July 2007
- ↑ James Ockey, “Monarch, monarchy, succession and stability in Thailand“, Asia Pacific Viewpoint, Vol. 46, No. 2, August 2005, pp 115–127 at 123 อ้างใน Bangkok Pundit. In post-coup Thailand, what is happening with Prem?. Asian Correspondent. (Sep 09, 2014). สืบค้น 11-9-2014.
- ↑ Marwaan Macan-Markar, “On top at last, in civilian clothes” in The Edge Review, edition of August 22-28. อ้างใน Bangkok Pundit. In post-coup Thailand, what is happening with Prem?. Asian Correspondent. (Sep 09, 2014). สืบค้น 11-9-2014.
- ↑ http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2528/D/083/1.PDF
- ↑ พลเอก เปรม ติณสูลานนท์[ลิงก์เสีย] จาก เวปไซต์องคมนตรี
- ↑ พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ผู้บัญชาการทหารบก ลำดับที่ ๒๒ จาก เวปไซต์กองทัพบก
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา,ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ อันเป็นโบราณมงคล นพรัตน์ราชวราภรณ์ เล่ม ๑๐๕ ตอนที่ ๑๔๐ ง ฉบับพิเศษ ๒๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๓๑ หน้า ๑
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ฉบับพิเศษ หน้า ๑๖ เล่ม ๙๙ ตอนที่ ๗๖ ๓ มิถุนายน ๒๕๒๕
- ↑ ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีศักดิ์รามาธิบดีเล่ม ๑๐๗ ตอน ๕๕ ง ๕ เมษายน พ.ศ. ๒๕๓๓ หน้า ๒๖๕๙
- ↑ ราชกิจจานุเบกษาแจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ฉบับพิเศษ หน้า ๑๓ เล่ม ๙๖ ตอนที่ ๑๑ ๓๑ มกราคม ๒๕๒๒
- ↑ ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์, เล่ม ๑๑๓, ตอน ๒๒ข, ๔ ธันวาคม ๒๔๓๙, หน้า ๑
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นสิริยิ่งรามกีรติ ลูกเสือสดุดีชั้นพิเศษ (จำนวน ๑๔ ราย), หน้า ๑๐๕, ตอน ๙๕ ง ฉบับพิเศษ, ๑๕ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๓๑, หน้า ๒
- ↑ รายพระนามและรายนามผู้ที่สมควรได้รับพระราชทานเหรียญลูกเสือสดุดี ประจำปี พ.ศ. 2524 จากเว็บไซต์ thaiscouts
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเหรียญรัตนาภรณ์ (พลเอก เปรม ติณสูลานนท์), เล่ม ๙๙, ตอน ๖๐ ง, ๒๗ เมษายน พ.ศ. ๒๕๒๕, หน้า ๑๔๑๒
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศ เรื่อง พระราชทานเหรียญรัตนาภรณ์, เล่ม ๑๓๖, ตอน ๑๗ ข, ๙ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๒, หน้า ๒
- ↑ ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ประดับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่างประเทศ จำนวน ๖๓ ราย, เล่ม ๑๒๐, ตอน ๔ ข ฉบับทะเบียนฐานันดร, ๗ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๖, หน้า ๕
- ↑ ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ประดับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่างประเทศ จำนวน ๗๔ ราย, เล่ม ๑๒๑, ตอน ๖ ข ฉบับทะเบียนฐานันดร, ๒๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๗, หน้า ๒
แหล่งข้อมูลอื่น
- ชีวประวัติ พลเอกเปรม จาก เว็บสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี
ก่อนหน้า | เปรม ติณสูลานนท์ | ถัดไป | ||
---|---|---|---|---|
ศาสตราจารย์สัญญา ธรรมศักดิ์ | ประธานองคมนตรี (4 กันยายน 2541 – 13 ตุลาคม 2559) (2 ธันวาคม 2559 - 26 พฤษภาคม 2562) |
ว่าง | ||
สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี, หลวงอดุลเดชจรัส (อดุล อดุลเดชจรัส) | ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ (13 ตุลาคม 2559 - 1 ธันวาคม 2559) |
- | ||
พลเอก เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ | ไฟล์:Seal Prime Minister of Thailand.png นายกรัฐมนตรีของประเทศไทย (ครม. 42, 43 และ 44) (3 มีนาคม 2523 – 4 สิงหาคม 2531) |
พลเอก ชาติชาย ชุณหะวัณ | ||
พลเอก เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ | รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม (24 พฤษภาคม 2522 - 5 สิงหาคม 2529) |
พลอากาศเอก พะเนียง กานตรัตน์ | ||
พลเอก เสริม ณ นคร | ผู้บัญชาการทหารบก (1 ตุลาคม 2521 - 25 สิงหาคม 2524) |
พลเอก ประยุทธ จารุมณี | ||
ปรีดี พนมยงค์ | รัฐบุรุษ (29 สิงหาคม 2531 - 26 พฤษภาคม 2562) |
- |
- บทความที่มีลิงก์เสียตั้งแต่พฤษภาคม 2560
- เพิ่งตาย
- บุคคลที่เกิดในปี พ.ศ. 2463
- บุคคลที่เสียชีวิตในปี พ.ศ. 2562
- นายกรัฐมนตรีไทย
- องคมนตรีในรัชกาลที่ 9
- องคมนตรีในรัชกาลที่ 10
- แม่ทัพภาคที่ 2
- ทหารบกชาวไทย
- ทหารเรือชาวไทย
- ทหารอากาศชาวไทย
- ผู้บังคับบัญชาและเจ้าหน้าที่กองอาสารักษาดินแดน
- บุคคลจากจังหวัดสงขลา
- รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมไทย
- บุคคลจากโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย
- ผู้ได้รับปริญญากิตติมศักดิ์จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น
- สมาชิกเครื่องราชอิสริยาภรณ์ น.ร.
- สมาชิกเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ป.จ. (ฝ่ายหน้า)
- สมาชิกเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ส.ร.
- สมาชิกเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ม.ป.ช.
- สมาชิกเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ม.ว.ม.
- สมาชิกเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ป.ภ.
- สมาชิกเหรียญจักรมาลา
- สมาชิกเหรียญรัตนาภรณ์ ภ.ป.ร.1
- บุคคลที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ 6 ตุลา
- บุคคลจากโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า
- บุคคลจากโรงเรียนมหาวชิราวุธ จังหวัดสงขลา
- ผู้ได้รับปริญญากิตติมศักดิ์จากมหาวิทยาลัยรามคำแหง
- ผู้ได้รับปริญญากิตติมศักดิ์จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
- ผู้ได้รับปริญญากิตติมศักดิ์จากมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
- ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ของไทย