ผลต่างระหว่างรุ่นของ "รัฐซัคเซิน"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
OctraBot (คุย | ส่วนร่วม)
ชเลสวิก→ชเลสวิช
OctraBot (คุย | ส่วนร่วม)
โฮลชไตน์→ฮ็อลชไตน์
บรรทัด 71: บรรทัด 71:
ในเขตแดนของรัฐซัคเซิน เป็นพื้นที่ที่มีหลักฐานของสิ่งมีชีวิตตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ มีการขุดค้นพบ[[ซากดึกดำบรรพ์]]ในเมือง[[เดรสเดิน]]และบางส่วนในเมือง[[ไลพ์ซิจ]] เชื่อกันว่าในสมัย[[จักรวรรดิโรมัน]] ชนเผ่าแซกซอนได้อพยพเข้ามายึดครองบริเวณนี้และตั้งชื่อพื้นที่บริเวณนี้ตามชื่อเรียกของเผ่าตนเอง ในยุคนั้นเชื่อว่าชนเผ่าแซกซอนได้เปลี่ยนมานับถือศาสนาคริสต์ที่ได้แผ่ขยายอิทธิพลเข้าทั่ว[[เยอรมนี]]
ในเขตแดนของรัฐซัคเซิน เป็นพื้นที่ที่มีหลักฐานของสิ่งมีชีวิตตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ มีการขุดค้นพบ[[ซากดึกดำบรรพ์]]ในเมือง[[เดรสเดิน]]และบางส่วนในเมือง[[ไลพ์ซิจ]] เชื่อกันว่าในสมัย[[จักรวรรดิโรมัน]] ชนเผ่าแซกซอนได้อพยพเข้ามายึดครองบริเวณนี้และตั้งชื่อพื้นที่บริเวณนี้ตามชื่อเรียกของเผ่าตนเอง ในยุคนั้นเชื่อว่าชนเผ่าแซกซอนได้เปลี่ยนมานับถือศาสนาคริสต์ที่ได้แผ่ขยายอิทธิพลเข้าทั่ว[[เยอรมนี]]


หลังสิ้นยุคโรมัน พื้นที่บริเวณนี้ถูกรุกรานและปกครองโดยชาว[[สลาฟ]] ในระยแรก ดินแดนในซัคเซินประกอบไปด้วยดินแดนอันเป็นรัฐซัคเซิน [[รัฐนีเดอร์ซัคเซิน]] [[รัฐนอร์ทไรน์-เว็สท์ฟาเลิน]] [[รัฐชเลสวิช-โฮลชไตน์]] และ[[รัฐซัคเซิน-อัลฮัลท์]]ในปัจจุบัน และดินแดนแห่งนี้ถูกรวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของ[[จักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์]] ประมาณ 900 ปีหลัง[[คริสตกาล]] [[ในศตวรรษที่ 10]] ดยุคแห่งซัคเซินได้ดำรงตำแหน่งจักรพรรดิของ[[จักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์]]นี้ ในช่วงนี้เององค์จักรพรรดิจึงมอบตำแหน่งดยุคแห่งซัคเซินให้แก่ตระกูลบิลลุงส์ (Billungs) ในช่วงต่อ ๆ มาจึงพบหลักฐานการปกครองรัฐนี้โดยตระกูลบิลลุงส์ และเป็นเหตุให้โลทาร์แห่งซัพพลินแบร์กได้รับตำแหน่งจักรพรรดิในช่วงเวลาต่อมา
หลังสิ้นยุคโรมัน พื้นที่บริเวณนี้ถูกรุกรานและปกครองโดยชาว[[สลาฟ]] ในระยแรก ดินแดนในซัคเซินประกอบไปด้วยดินแดนอันเป็นรัฐซัคเซิน [[รัฐนีเดอร์ซัคเซิน]] [[รัฐนอร์ทไรน์-เว็สท์ฟาเลิน]] [[รัฐชเลสวิช-ฮ็อลชไตน์]] และ[[รัฐซัคเซิน-อัลฮัลท์]]ในปัจจุบัน และดินแดนแห่งนี้ถูกรวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของ[[จักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์]] ประมาณ 900 ปีหลัง[[คริสตกาล]] [[ในศตวรรษที่ 10]] ดยุคแห่งซัคเซินได้ดำรงตำแหน่งจักรพรรดิของ[[จักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์]]นี้ ในช่วงนี้เององค์จักรพรรดิจึงมอบตำแหน่งดยุคแห่งซัคเซินให้แก่ตระกูลบิลลุงส์ (Billungs) ในช่วงต่อ ๆ มาจึงพบหลักฐานการปกครองรัฐนี้โดยตระกูลบิลลุงส์ และเป็นเหตุให้โลทาร์แห่งซัพพลินแบร์กได้รับตำแหน่งจักรพรรดิในช่วงเวลาต่อมา


=== การแบ่งดินแดน ===
=== การแบ่งดินแดน ===
บรรทัด 78: บรรทัด 78:
* พื้นที่ทางตะวันตกของ[[แม่น้ำเวเซอร์]] ([[รัฐนอร์ทไรน์-เว็สท์ฟาเลิน]]ในปัจจุบัน) ยกให้แก่[[อาร์ชบิชอปแห่งโคโลญ]]
* พื้นที่ทางตะวันตกของ[[แม่น้ำเวเซอร์]] ([[รัฐนอร์ทไรน์-เว็สท์ฟาเลิน]]ในปัจจุบัน) ยกให้แก่[[อาร์ชบิชอปแห่งโคโลญ]]
* พื้นที่ลุ่มระหว่างแม่น้ำเวเซอร์กับ[[แม่น้ำเอลเบอ]] ([[รัฐนีเดอร์ซัคเซิน]] ในปัจจุบัน)ให้ปกครองโดย[[ตระกูลเวลฟ์]]ดังเดิม
* พื้นที่ลุ่มระหว่างแม่น้ำเวเซอร์กับ[[แม่น้ำเอลเบอ]] ([[รัฐนีเดอร์ซัคเซิน]] ในปัจจุบัน)ให้ปกครองโดย[[ตระกูลเวลฟ์]]ดังเดิม
* พื้นที่ด้านตะวันออกที่เหลือ (รัฐซัคเซิน [[รัฐชเลสวิช-โฮลชไตน์]]และ[[รัฐซัคเซิน-อัลฮัลท์]]ในปัจจุบัน) จึงให้ใช้ชื่อว่ารัฐซัคเซินดังเดิม โดยมอบให้[[ตระกูลอัสคาเนีย]] (เชื้อสายของ[[ตระกูลบิลลุงส์]] อีกตระกูลหนึ่ง)ปกครองแทน
* พื้นที่ด้านตะวันออกที่เหลือ (รัฐซัคเซิน [[รัฐชเลสวิช-ฮ็อลชไตน์]]และ[[รัฐซัคเซิน-อัลฮัลท์]]ในปัจจุบัน) จึงให้ใช้ชื่อว่ารัฐซัคเซินดังเดิม โดยมอบให้[[ตระกูลอัสคาเนีย]] (เชื้อสายของ[[ตระกูลบิลลุงส์]] อีกตระกูลหนึ่ง)ปกครองแทน


ในปี [[ค.ศ. 1260]] ดินแดนในรัฐซัคเซินถูกแบ่งอีกครั้งเป็น 2 ส่วน ได้แก่ ซัคเซิน-วิทเทนบูร์กและซัคเซิน-เลาเอนบูร์ก นับแต่นั้นเป็นต้นมา ดินแดนซัคเซิน-เลาเอนบูร์กก็ไม่ถูกนับรวมอยู่ในประวัติศาสตร์ของดินแดนแห่งนี้อีกเลย ส่วนซัคเซิน-วิทเทนบูร์กได้กลายเป็นส่วนหนึ่งใน[[จักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์]] และผู้ครองรัฐนี้ได้รับตำแหน่งเจ้าผู้ครองนคร (อีเล็กเตอร์) ในศตวรรษที่ 14 อีกด้วย
ในปี [[ค.ศ. 1260]] ดินแดนในรัฐซัคเซินถูกแบ่งอีกครั้งเป็น 2 ส่วน ได้แก่ ซัคเซิน-วิทเทนบูร์กและซัคเซิน-เลาเอนบูร์ก นับแต่นั้นเป็นต้นมา ดินแดนซัคเซิน-เลาเอนบูร์กก็ไม่ถูกนับรวมอยู่ในประวัติศาสตร์ของดินแดนแห่งนี้อีกเลย ส่วนซัคเซิน-วิทเทนบูร์กได้กลายเป็นส่วนหนึ่งใน[[จักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์]] และผู้ครองรัฐนี้ได้รับตำแหน่งเจ้าผู้ครองนคร (อีเล็กเตอร์) ในศตวรรษที่ 14 อีกด้วย

รุ่นแก้ไขเมื่อ 20:39, 3 พฤษภาคม 2562

รัฐอิสระซัคเซิน

Freistaat Sachsen
ธงของรัฐอิสระซัคเซิน
ธง
ตราแห่งรัฐ
ตราอาร์ม
พิกัด: 51°1′37″N 13°21′32″E / 51.02694°N 13.35889°E / 51.02694; 13.35889
ประเทศเยอรมนี
เมืองหลวง[[เดรสเดิน]]
การปกครอง
 • มุขมนตรีStanislaw Tillich (CDU)
 • พรรคการเมืองCDU / FDP
 • จำนวนผู้แทนรัฐ4 (จาก 69)
พื้นที่
 • ทั้งหมด18,415.66 ตร.กม. (7,110.33 ตร.ไมล์)
ประชากร
 (2020-12-31)[1]
 • ทั้งหมด4,056,941 คน
 • ความหนาแน่น220 คน/ตร.กม. (570 คน/ตร.ไมล์)
เขตเวลาUTC+1 (CET)
 • ฤดูร้อน (เวลาออมแสง)UTC+2 (CEST)
รหัส ISO 3166DE-SN
จีดีพี (ตัวเงิน)€ 94.99 พันล้าน (2010) [ต้องการอ้างอิง]
NUTS RegionDED
เว็บไซต์sachsen.de

ซัคเซิน (เยอรมัน: Sachsen) หรือ แซกโซนี (อังกฤษ: Saxony) เป็นรัฐหนึ่งในประเทศเยอรมนี ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของประเทศ ได้ชื่อว่าเป็นเสรีรัฐที่มีประวัติศาสตร์เก่าแก่แห่งหนึ่ง มีเมืองเดรสเดินเป็นเมืองหลวง[ต้องการอ้างอิง]

อาณาเขต

การปกครอง

แผนที่แบ่งการปกครองของรัฐซัคเซิน

ในรัฐซัคเซิน แบ่งเขตการปกครองออกเป็น 3 เขตการปกครอง และ 3 เขตปกครองพิเศษดังนี้[2]

  • เขตการปกครองเดรสเดิน ประกอบด้วย
    • กลุ่มเมืองเกอร์ลิทซ์ Görlitz (GR)
    • กลุ่มเมืองเบาท์เซิน Bautzen (BZ)
    • กลุ่มเมืองไมเซิน Meißen (MEI)
    • กลุ่มเมืองแซคซิช์เช-ชไวส์-โอสเตอร์ทส์เกเบียเก Sächsische Schweiz-Osterzgebirge (PIR)
  • เขตการปกครองไลพ์ซิจ
  • เขตการปกครองเชคมนิทซ์
    • กลุ่มเมืองเอริทซ์เกเบิร์กทส์ไกรส์ Erzgebirgskreis (ERZ)
    • กลุ่มเมืองมิทเทิลซัคเซน Mittelsachsen (FG)
    • กลุ่มเมืองโวกท์ลานด์ไกรส์ Vogtlandkreis (V)
    • กลุ่มเมืองทสวิชเคา Zwickau (Z)
  • เขตปกครองพิเศษ

ประวัติศาสตร์

การก่อตั้ง

เฮนรี ใจสิงห์ และมาทิลเดแห่งอังกฤษ ในพิธีรับตำแหน่งดยุคและดัชเชสแห่งซัคเซิน

ในเขตแดนของรัฐซัคเซิน เป็นพื้นที่ที่มีหลักฐานของสิ่งมีชีวิตตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ มีการขุดค้นพบซากดึกดำบรรพ์ในเมืองเดรสเดินและบางส่วนในเมืองไลพ์ซิจ เชื่อกันว่าในสมัยจักรวรรดิโรมัน ชนเผ่าแซกซอนได้อพยพเข้ามายึดครองบริเวณนี้และตั้งชื่อพื้นที่บริเวณนี้ตามชื่อเรียกของเผ่าตนเอง ในยุคนั้นเชื่อว่าชนเผ่าแซกซอนได้เปลี่ยนมานับถือศาสนาคริสต์ที่ได้แผ่ขยายอิทธิพลเข้าทั่วเยอรมนี

หลังสิ้นยุคโรมัน พื้นที่บริเวณนี้ถูกรุกรานและปกครองโดยชาวสลาฟ ในระยแรก ดินแดนในซัคเซินประกอบไปด้วยดินแดนอันเป็นรัฐซัคเซิน รัฐนีเดอร์ซัคเซิน รัฐนอร์ทไรน์-เว็สท์ฟาเลิน รัฐชเลสวิช-ฮ็อลชไตน์ และรัฐซัคเซิน-อัลฮัลท์ในปัจจุบัน และดินแดนแห่งนี้ถูกรวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ ประมาณ 900 ปีหลังคริสตกาล ในศตวรรษที่ 10 ดยุคแห่งซัคเซินได้ดำรงตำแหน่งจักรพรรดิของจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์นี้ ในช่วงนี้เององค์จักรพรรดิจึงมอบตำแหน่งดยุคแห่งซัคเซินให้แก่ตระกูลบิลลุงส์ (Billungs) ในช่วงต่อ ๆ มาจึงพบหลักฐานการปกครองรัฐนี้โดยตระกูลบิลลุงส์ และเป็นเหตุให้โลทาร์แห่งซัพพลินแบร์กได้รับตำแหน่งจักรพรรดิในช่วงเวลาต่อมา

การแบ่งดินแดน

ระหว่างปี 1697 และ 1763 ที่อาณาจักรเลือกตั้งแห่งแซกโซนียังถูกเลือกตั้งคิงส์โปแลนด์ส่วนตัวในสหภาพแรงงาน

ต่อมาในปี ค.ศ. 1137 รัฐซัคเซินตกเป็นของตระกูลเวลฟ์ ซึ่งเป็นเชื้อสายของตระกูลบิลลุงส์ โดยรัฐซัคเซินรุ่งเรืองถึงขีดสุดในสมัยของเฮนรี ใจสิงห์ แต่เนื่องด้วยเฮนรีปฏิเสธการเข้าร่วมกับจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ในการทำสงครามกับอิตาลี หลังจากได้รับชัยชนะจากสงคราม จักรพรรดิฟรีดริชที่ 1 แห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ จึงได้กรีธาทัพเข้าตีรัฐซัคเซิน เป็นเหตุให้ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1180 ดินแดนของอาณาจักรจึงถูกแบ่งออกเป็นหลายส่วน ดังนี้

ในปี ค.ศ. 1260 ดินแดนในรัฐซัคเซินถูกแบ่งอีกครั้งเป็น 2 ส่วน ได้แก่ ซัคเซิน-วิทเทนบูร์กและซัคเซิน-เลาเอนบูร์ก นับแต่นั้นเป็นต้นมา ดินแดนซัคเซิน-เลาเอนบูร์กก็ไม่ถูกนับรวมอยู่ในประวัติศาสตร์ของดินแดนแห่งนี้อีกเลย ส่วนซัคเซิน-วิทเทนบูร์กได้กลายเป็นส่วนหนึ่งในจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ และผู้ครองรัฐนี้ได้รับตำแหน่งเจ้าผู้ครองนคร (อีเล็กเตอร์) ในศตวรรษที่ 14 อีกด้วย

กระทั่งในปี ค.ศ. 1423 ตระกูลเวททินแห่งไมเซน ได้ปกครองซัคเซิน-วิทเทนบูร์ก รัฐซัคเซินจึงมีความเฟื่องฟูขึ้นอีกครั้ง แต่ขยายตัวมาทางด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้แทนพื้นที่เดิม และดินแดนแห่งนี้จึงถูกขนานนามว่า "อัปเปอร์แซกโซนี" และหลายเป็น "แซกโซนี" (ซัคเซิน) ในที่สุด ส่วนดินแดนราบลุ่มระหว่างแม่น้ำเวเซอร์กับแม่น้ำเอลเบอจึงถูกเรียกว่า "โลเวอร์แซกโซนี" (นีเดอร์ซัคเซิน) แทน

ต่อมา ในปี ค.ศ. 1485 จึงได้มีการแยกพื้นที่รัฐทือริงเงินเพื่อแบ่งให้แก่ทายาทตระกูลวิทเทนปกครอง แต่กระนั้น รัฐซัคเซินส่วนที่เหลือก็ยังคงเรืองอำนาจกระทั่งได้ชื่อว่าเป็นศูนย์กลางวัฒนธรรมในศตวรรษที่ 18 นอกจากนั้นในด้านการเมือง รัฐซัคเซินยังถูกยื้อแย่งกันระหว่างปรัสเซียกับออสเตรีย

ศตวรรษที่ 19 - 20

ในปี ค.ศ. 1806 รัฐซัคเซิน จึงได้แยกตัวออกจากจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ โดยความช่วยเหลือของนโปเลียน อีเล็กเตอร์เฟรเดอริก เอากุสตุส ที่ 3 จึงได้สถาปนาตนเองขึ้นเป็น กษัตริย์เฟรเดอริก เอากุสตุสที่ 1 แต่การเลือกอยู่ข้างนโปเลียนนี่เองที่ทำให้ เฟรเดอริกต้องโทษจำคุกในปี ค.ศ. 1813 ภายหลังจากกองทัพนโปเลียนแตกพ่ายแก่กองทัพพันธมิตรกษัตริย์ ในสงครามแห่งชนชาติที่เมืองไลพ์ซิจ แต่ภายหลังได้รับการปล่อยตัวและคืนตำแหน่งให้ปกครองดินแดนแห่งนี้ดังเดิม ตามมติของการประชุมใหญ่แห่งเวียนนา แต่ถูกริบดินแดนในส่วนที่เป็นรัฐซัคเซิน-อันฮัลท์ให้แก่ปรัสเซีย นับแต่นั้นมารัฐซัคเซินจึงเหลือดินแดนอยู่ดังที่เป็นในปัจจุบัน

ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1849 เป็นต้นมา รัฐซัคเซินก็เป็นส่วนหนึ่งของประเทศสหพันธรัฐเยอรมนีมาโดยตลอด กระทั่งในปี ค.ศ. 1945 เยอรมนีภายใต้การนำทัพนาซีของฮิตเลอร์พ่ายสงครามให้แก่กองทัพสัมพันธมิตร จึงถูกแยกเป็นส่วนหนึ่งของประเทศเยอรมนีตะวันออก ภายใต้การปกครองระบบคอมมิวนิสต์ รัฐซัคเซินจึงถูกแยกการปกครองออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ เดรสเดิน ไลพ์ซิจ และคาร์ลมาร์ก (เคมนิทซ์ในปัจจุบัน) กระทั่งในปี ค.ศ. 1990 จึงได้กลับมารวมภายใต้ประเทศสหพันรัฐเยอรมนีอีกครั้ง

อ้างอิง

  1. "Bevölkerung des Freistaates Sachsen nach Gemeinden am 31. Dezember 2020". Statistisches Landesamt des Freistaates Sachsen (ภาษาเยอรมัน). June 2021.
  2. http://www.sachsen.de/