ผลต่างระหว่างรุ่นของ "กาตารีนาแห่งบรากังซา"
ล Potapt ย้ายหน้า แคเธอรินแห่งบราแกนซา ไปยัง กาตารีนาแห่งบรากังซา |
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
บรรทัด 2: | บรรทัด 2: | ||
| สี =#3CC |
| สี =#3CC |
||
| ภาพ = ภาพ:Catherine of Braganza - Lely 1663-65.jpg |
| ภาพ = ภาพ:Catherine of Braganza - Lely 1663-65.jpg |
||
| พระนามาภิไธย = กาตารีนาแห่งบรากังซา สมเด็จพระราชินีแห่งอังกฤษ |
|||
| พระ |
| พระมเหสีใน = [[พระเจ้าชาลส์ที่ 2 แห่งอังกฤษ]] |
||
| วันประสูติ = 25 พฤศจิกายน ค.ศ. 1638 |
|||
| พระมเหสีใน = [[สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 2 แห่งอังกฤษ]] |
|||
| |
| ที่ประสูติ = [[วีลาวีซอซา]] [[ประเทศโปรตุเกส]] |
||
⚫ | |||
| ที่ประสูติ = Vila Viçosa [[ประเทศโปรตุเกส]] |
|||
⚫ | |||
| ที่สิ้นพระชนม์ = [[ลิสบอน]] [[ประเทศโปรตุเกส]] |
| ที่สิ้นพระชนม์ = [[ลิสบอน]] [[ประเทศโปรตุเกส]] |
||
| ราชวงศ์ = [[ราชวงศ์บรา |
| ราชวงศ์ = [[ราชวงศ์บรากังซา|บรากังซา]]<br>[[ราชวงศ์สจวต|สจวต]] |
||
| พระอิสริยยศ = |
| พระอิสริยยศ = |
||
| พระบิดา = [[พระเจ้า |
| พระบิดา = [[พระเจ้าฌูเอาที่ 4 แห่งโปรตุเกส]] |
||
| พระมารดา = [[ลุยซาแห่งเมดินา-ซิโดเนีย สมเด็จพระราชินีแห่งโปรตุเกส]] |
| พระมารดา = [[ลุยซาแห่งเมดินา-ซิโดเนีย สมเด็จพระราชินีแห่งโปรตุเกส]] |
||
| พระโอรส/ธิดา = |
| พระโอรส/ธิดา = |
||
| ราชาภิเษก = |
| ราชาภิเษก = |
||
| ระยะเวลาเป็นราชินี = |
| ระยะเวลาเป็นราชินี = 23 เมษายน ค.ศ. 1662 –<br />6 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1685 |
||
}} |
}} |
||
''' |
'''กาตารีนาแห่งบรากังซา''' ({{lang-pt|Catarina de Bragança}; 25 พฤศจิกายน ค.ศ. 1638 – 31 ธันวาคม ค.ศ. 1705) ทรงเป็นเจ้าหญิงแห่งโปรตุเกสและสมเด็จพระราชินีแห่งอังกฤษ สกอตแลนด์ และไอร์แลนด์ |
||
==ช่วงต้นของพระชนม์ชีพ== |
==ช่วงต้นของพระชนม์ชีพ== |
||
เจ้าหญิง |
เจ้าหญิงกาตารีนาแห่งบรากังซา-โปรตุเกสประสูติที่[[วีลาวีซอซา]] เป็นพระราชธิดาองค์ที่ 2 ใน [[พระเจ้าฌูเอาที่ 4 แห่งโปรตุเกส]] เมื่อครั้งทรงเป็นดยุคแห่งบรากังซากับ[[ลุยซาแห่งเมดินา-ซิโดเนีย สมเด็จพระราชินีแห่งโปรตุเกส|เจ้าหญิงลุยซาแห่งเมดินา-ซิโดเนีย]] ธิดาในดยุคแห่งเมดินา-ซิโดเนีย ทางพระราชมารดา พระองค์เป็นพระราชปนัดดารุ่นที่ 3 ใน [[นักบุญฟรานซิส บอร์เจีย]] พระองค์ทรงศึกษาในคอนแวนต์ เจ้าหญิงแคทเทอรีนทรงได้รับการควบคุมศึกษาจากพระมารดา ทำให้ทรงสนิทสนมกับพระราชมารดามาก |
||
เนื่องจากการฟื้นฟูพระราชวงศ์[[โปรตุเกส]] ซึ่งก็คือ [[ราชวงศ์บรา |
เนื่องจากการฟื้นฟูพระราชวงศ์[[โปรตุเกส]] ซึ่งก็คือ [[ราชวงศ์บรากังซา]] ทำให้พระราชบิดาของพระองค์ได้ครองราชสมบัติในวันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2183 พระองค์ได้ถูกเสนอให้เป็นพระคู่ครองใน[[เจ้าชายจอห์นแห่งออสเตรีย ผู้เยาว์]], [[ฟรังซัวส์ เดอ เวนโดเม ดยุคแห่งโบฟอร์ต]], [[พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศส]] และ[[พระเจ้าชาลส์ที่ 2 แห่งอังกฤษ]] พระองค์ถูกมองว่าเป็นช่องทางแห่งความสัมพันธ์และผลประโยชน์สำหรับการทำสัญญาเป็นพันธมิตรระหว่าง[[อังกฤษ]]กับโปรตุเกส หลังจาก[[สนธิสัญญาพีเรนิส]]ในพ.ศ. 2202 แล้วโปรตุเกสก็ละทิ้งฝรั่งเศส และเมื่อพระเจ้าชาลส์ที่ 2 ได้รับราชบัลลังก์อังกฤษคืนเมื่อปี พ.ศ. 2203 พระมารดาของกาตารีนาก็เริ่มเปิดการเจรจาเรื่องการแต่งงานของกาตารีนากับที่ปรึกษาของพระเจ้าชาลส์ ในที่สุดสนธิสัญญาการแต่งงานระหว่างทั้งสองพระองค์ก็ได้รับการลงนามเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2204 |
||
== ชีวิตของราชินี == |
== ชีวิตของราชินี == |
||
[[ไฟล์:King Charles II by Adriaen Hanneman.jpg|thumb|left|พระเจ้า |
[[ไฟล์:King Charles II by Adriaen Hanneman.jpg|thumb|left|พระเจ้าชาลส์ที่ 2 แห่งอังกฤษ]] |
||
พระองค์ได้อภิเษกสมรสโดยฉันทะที่ลิสบอนในวันที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2205 ต่อมาในเช้าอันอ่อนโยนของวันที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2205 เรือพระที่นั่งได้เสด็จเทียบท่าที่[[พอร์ตสมัท]] เจ้าหญิงแคทเทอรีนวัย 23 พรรษา ผู้ทรงร่างเล็กและพระเกษาสีน้ำตาล แม้จะทรงไม่สะสวยเป็นพิเศษแต่ก็ทรงหวังว่าจะเป็นราชินีที่ดี เป็นภรรยาที่น่ารัก และเป็นแม่ที่มีความสุข ทรงหวังจะได้พบพระเจ้า |
พระองค์ได้อภิเษกสมรสโดยฉันทะที่ลิสบอนในวันที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2205 ต่อมาในเช้าอันอ่อนโยนของวันที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2205 เรือพระที่นั่งได้เสด็จเทียบท่าที่[[พอร์ตสมัท]] เจ้าหญิงแคทเทอรีนวัย 23 พรรษา ผู้ทรงร่างเล็กและพระเกษาสีน้ำตาล แม้จะทรงไม่สะสวยเป็นพิเศษแต่ก็ทรงหวังว่าจะเป็นราชินีที่ดี เป็นภรรยาที่น่ารัก และเป็นแม่ที่มีความสุข ทรงหวังจะได้พบพระเจ้าชาลส์ที่ 2 พระสวามี ที่ไม่เคยแม้จะได้พบหน้า ทรงมาถึงพร้อมด้วยความมุ่งมั่นอันแรงกล้า พระองค์ทรงได้สัญญากับพระนางลุยซาแห่งโปรตุเกส พระราชมารดาว่า"พระองค์จะไม่มีวนอดทนยอมลงให้กับนางในผู้เสื่อมเสียของพระเจ้าชาลส์ที่ 2 ที่มีนามว่า [[บาร์บารา พาล์มเมอร์ ดัสเชสแห่งคลีฟแลนด์|บาร์บารา เลดี้แห่งแคสเซิลเมน]]เป็นเด็ดขาด" เนื่องจากพระมารดาทรงอบรมพระองค์ไว้ว่าด้วยเรื่องหญิงแพศยาผมน้ำตาลอมแดง ผู้ทรยศพระสวามีแสนดี รังแครังคัดราชบัลลังก์ พร้อมตั้งครรภ์ทายาทกษัตริย์ หลังจากคลอดก็ตั้งครรภ์ใหม่ทันควัน<ref name="test">Elenor Herman.นางในกษัตริย์.</ref> |
||
เซอร์จอห์น เรเรสบี (Sir John Reresby) ผู้มารับเจ้าหญิงอย่างเป็นทางการที่พอร์ตสมัท ประกาศด้วยท่าทีหวาดหวั่นอยู่บ้างว่าเจ้าหญิงแคทเทอรีนนั้น "มิมีใดแลเห็นถึงความสามารถของพระนางในการทำให้กษัตริย์ถ่ายถอนพระราชหฤทัยจากเคานท์เตสแห่งแคสเซิลเมน ผู้เป็นหญิงงามที่สุดแห่งยุคสมัย" แม้ชาวอังกฤษจะต้อนรับการมาถึงของเจ้าหญิงแต่พระเจ้า |
เซอร์จอห์น เรเรสบี (Sir John Reresby) ผู้มารับเจ้าหญิงอย่างเป็นทางการที่พอร์ตสมัท ประกาศด้วยท่าทีหวาดหวั่นอยู่บ้างว่าเจ้าหญิงแคทเทอรีนนั้น "มิมีใดแลเห็นถึงความสามารถของพระนางในการทำให้กษัตริย์ถ่ายถอนพระราชหฤทัยจากเคานท์เตสแห่งแคสเซิลเมน ผู้เป็นหญิงงามที่สุดแห่งยุคสมัย" แม้ชาวอังกฤษจะต้อนรับการมาถึงของเจ้าหญิงแต่พระเจ้าชาลส์ทรงใช้เวลากับเลดี้แห่งแคสเซิลเมนถึง 6 วันเต็ม ในที่สุดพระองค์ก็เสด็จมายังพอร์ตสมัท เจ้าหญิงแคทเทอรีนผู้น่าสงสารซึ่งรอคอยอย่างอับอายก็ทรงพระประชวร พระเจ้าชาลส์ได้รับการแนะนำให้รู้จักกับเจ้าสาวของพระองค์ ทว่าพระองค์ทรงตกพระทัยกับพระทนต์ที่ยื่นออกมาของเจ้าหญิงน้อยยิ่งกว่าพระเกศาสไตล์ไอบีเรียนของเจ้าหญิงที่ม้วนเกลียวฉีกแหวกออกมาทั้งสองข้างของพระเศียรแล้วห้อยลงมายังหัวไหล่ เห็นครั้งแรก พระเจ้าชาลส์ทรงบอกกับพระสหายว่า "ข้านึกว่าพวกนั้นพาค้างคาวเข้ามา ไม่ใช้ผู้หญิง" กษัตริย์รีบจุมพิตพระองค์แล้วกลับเข้าห้องส่วนพระองค์ ทรงพยายามมองพระนางในแง่บวก วันรุ่งขึ้นตรัสกับเสนาบดีว่า "ใบหน้านางไม่เชิงเรียกได้ว่างามเสียที่เดียว แต่ดวงตานางสวยยิ่ง ไม่มีสิ่งใดในใบหน้านั้นแม้แต่น้อยที่อาจทำให้ถึงขั้นหมดสติได้"<ref name="test">Elenor Herman.นางในกษัตริย์, หน้า 106 - 107.</ref> |
||
ในวันที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2205 ทั้งสองพระองค์ทรงอภิเษกสมรสสองพิธีคือ แบบคาทอลิก กระทำเป็นการลับ และแบบแองกลิคัน กระทำในที่สาธารณะ เจ้าหญิงแคทเทอรีนจึงได้สวมมงกุฎสมเด็จราชินีแห่งอังกฤษ,สก็อตแลนด์และไอร์แลนด์ พร้อมด้วยสินสอดจากทางราชสำนักโปรตุเกส อันประกอบด้วยเมือง[[ทานเจียร์]]และ[[บอมเบย์]] ซึ่งจะเป็นประโยช์แก่อังกฤษสำหรับกิจการใน[[อินเดีย]] ในวันอภิเษกสมรสบาร์บารา เลดี้แห่งแคสเซิลเมนได้ประท้วงโดยซักชุดชั้นในของนางซักตากไว้กลางลานพระราชวัง<ref name="test">Elenor Herman.นางในกษัตริย์, หน้า 107.</ref> |
ในวันที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2205 ทั้งสองพระองค์ทรงอภิเษกสมรสสองพิธีคือ แบบคาทอลิก กระทำเป็นการลับ และแบบแองกลิคัน กระทำในที่สาธารณะ เจ้าหญิงแคทเทอรีนจึงได้สวมมงกุฎสมเด็จราชินีแห่งอังกฤษ,สก็อตแลนด์และไอร์แลนด์ พร้อมด้วยสินสอดจากทางราชสำนักโปรตุเกส อันประกอบด้วยเมือง[[ทานเจียร์]]และ[[บอมเบย์]] ซึ่งจะเป็นประโยช์แก่อังกฤษสำหรับกิจการใน[[อินเดีย]] ในวันอภิเษกสมรสบาร์บารา เลดี้แห่งแคสเซิลเมนได้ประท้วงโดยซักชุดชั้นในของนางซักตากไว้กลางลานพระราชวัง<ref name="test">Elenor Herman.นางในกษัตริย์, หน้า 107.</ref> |
||
พระนางทรงตกหลุมรักพระสวามีทันทีเมื่อแรกพบ พระเจ้า |
พระนางทรงตกหลุมรักพระสวามีทันทีเมื่อแรกพบ พระเจ้าชาลส์ทรงเห็นว่าอาจทำให้พระมเหสีคลุ้มคลั่งได้เพราะทรงเคยสัญญากับบาร์บารา เลดี้แห่งแคสเซิลเมนว่าจะให้นางเป็นนางในของพระราชินี แต่ในที่สุดพระองค์ก็แนะนำให้รู้จักกัน พระราชินีแคทเทอรีนทรงประทับใจในความงามของผู้มาเยือนแต่เมื่อทรงรู้ว่าคือ บาร์บารา เลดี้แห่งแคสเซิลเมน พระนางพระพักตร์เผือด ทรุดนั้งเศร้าโศกหลั่งพระอัสสุชลและพระโลหิตไหลออกจากพระนาสิก แล้วสลบลง พระเจ้าชาลส์ทรงตีความการกระทำของราชินีว่าเป็นการท้าทายและหยาบคายจึงส่งตัวข้าราชบริพารชาวโปรตุเกสกลับทั้งหมด เหลือเพียงพระราชินีชาวโปรตุเกสเท่านั้น<ref name="test">Elenor Herman.นางในกษัตริย์, หน้า 108.</ref> |
||
[[ไฟล์:Catherine of Braganza.jpg|thumb|พระราชินีแคทเทอรีนแห่งอังกฤษ]] |
[[ไฟล์:Catherine of Braganza.jpg|thumb|พระราชินีแคทเทอรีนแห่งอังกฤษ]] |
||
พระราชินีแคทเทอรีนทรงไม่เป็นที่นิยมในหมู่ชาวอังกฤษมากนัก เพราะ ทรงเป็นเจ้าหญิงคาทอลิกที่เคร่งครัด ซึ่งตอนนั้นชาวอังกฤษนับถือนิกายแองกลิคัน และทรงถูกพระสวามีทอดทิ้ง เอ็ดเวิร์ด คลาเรนดอน พระสหายของพระเจ้า |
พระราชินีแคทเทอรีนทรงไม่เป็นที่นิยมในหมู่ชาวอังกฤษมากนัก เพราะ ทรงเป็นเจ้าหญิงคาทอลิกที่เคร่งครัด ซึ่งตอนนั้นชาวอังกฤษนับถือนิกายแองกลิคัน และทรงถูกพระสวามีทอดทิ้ง เอ็ดเวิร์ด คลาเรนดอน พระสหายของพระเจ้าชาลส์ที่ 2 ได้แนะนำให้กษัตริย์ทอดทิ้งบาร์บารา เลดี้แห่งแคสเซิลเมน แต่พระองค์ไม่ยอม และตรัสว่า "ข้าจะไม่ปลดหญิงผู้นี้" และบังคับให้พระนางแต่งตั้งบาร์บาราเป็นนางในประจำพระที่ |
||
พระนางตรัสตอบว่า"คำยืนกรานที่มีต่อกษัตริย์ที่มีต่อเรื่องนี้ ดำเนินไปโดยไม่มีสาเหตุใดนอกจากความเกลียดชังที่พระองค์มีต่อตัวข้าเอง พระองค์ปรารถนาจะให้ตัวข้าเป็นที่ดูหมิ่นถิ่นแคลนของโลก โลกจะคิดว่าตัวข้าควรแล้วที่จะได้รับการปรามาสเยี่ยงนั้นหากยอมรับมัน ก่อนทำเช่นนั้นข้าเห็นทีต้องขึ้นเรือเล็กๆสักลำแล้วเนรเทศตนเองสู่กรุงลิสบอนเสียก่อน"<ref name="test">Elenor Herman.นางในกษัตริย์, หน้า 109.</ref> ทำให้พระเจ้า |
พระนางตรัสตอบว่า"คำยืนกรานที่มีต่อกษัตริย์ที่มีต่อเรื่องนี้ ดำเนินไปโดยไม่มีสาเหตุใดนอกจากความเกลียดชังที่พระองค์มีต่อตัวข้าเอง พระองค์ปรารถนาจะให้ตัวข้าเป็นที่ดูหมิ่นถิ่นแคลนของโลก โลกจะคิดว่าตัวข้าควรแล้วที่จะได้รับการปรามาสเยี่ยงนั้นหากยอมรับมัน ก่อนทำเช่นนั้นข้าเห็นทีต้องขึ้นเรือเล็กๆสักลำแล้วเนรเทศตนเองสู่กรุงลิสบอนเสียก่อน"<ref name="test">Elenor Herman.นางในกษัตริย์, หน้า 109.</ref> ทำให้พระเจ้าชาลส์เห็นว่าพระนางทรงท้าทายพระองค์จึงทอดทิ้งพระนางให้โดดเดี่ยว ไม่มีใครอยากสนทนากับพระราชินีเพราะอาจถูกพระเจ้าชาลส์ลงโทษได้ ต่อมาทรงกล่าวขออภัยพระสวามีและรับบาร์บารา เลดี้แห่งแคสเซิลเมนมาเป็นนางในเยี่ยงพระสหาย พระเจ้าชาลส์ได้สำนึกคุณและพยายามเอาพระทัยใส่พระนาง และได้พัฒนาจากมิตรภาพเป็นความรักแบบหนึ่ง พระนางแคทเทอรีนเสด็จร่วมกับพระสวามีบ่อยขึ้น ส่วนบาร์บารา เลดี้แห่งแคสเซิลเมน ถูกโดดเดี่ยวบ้าง<ref name="test">Elenor Herman.นางในกษัตริย์, หน้า 109.</ref> |
||
พระนางทรงพระสูติกาลถึง 2 ครั้งแต่พระบุตรสิ้นพระชนม์ทั้งหมดในพระครรภ์ เมื่อครั้งทรงพระประชวร และพระนางก็ทรงเป็นหมัน ทำให้พระเจ้า |
พระนางทรงพระสูติกาลถึง 2 ครั้งแต่พระบุตรสิ้นพระชนม์ทั้งหมดในพระครรภ์ เมื่อครั้งทรงพระประชวร และพระนางก็ทรงเป็นหมัน ทำให้พระเจ้าชาลส์ผิดหวังเป็นอันมาก เนื่องจากพระองค์ทรงมีแต่บุตรนอกสมรส และเมื่อพระนางทรงพระประชวรอย่างหนัก บาร์บารา เลดี้แห่งแคสเซิลเมนพยายามภาวนาให้พระองค์ทรงฟื้นพระอาการประชวรเพราะนางไม่อยากถูกแทนที่ด้วยนางในคนใหม่นามว่า [[ฟรานเซส สจวร์ต]] จากนั้นนางก็ให้ความเคารพต่อสมเด็จพระราชินีตลอดมา |
||
ในปีพ.ศ. 2213 เหล่านางในของพระเจ้า |
ในปีพ.ศ. 2213 เหล่านางในของพระเจ้าชาลส์ได้เดินขบวนปกป้องพระนางแคทเทอรีน เมื่อลอร์ดบักกิงแฮม เสนอกฎหมายต่อสภาว่ากษัตริย์สามารถหย่าขาดจากพระชายาซึ่งเป็นหมันได้และสมรสใหม่ได้ เหล่านางในส่งเสียงยืนกรานว่า พระราชินีซึ่งทรงไร้อำนาจและไร้บุตรจะต้องดำรงอยู่เช่นเดิม เพราะราชินีองค์ใหม่อาจให้กำเนิดบุตรและพระองค์อาจทอดทิ้งบุตรนอกสมรสของพระองค์ก็เป็นได้ |
||
[[ไฟล์:Charles II and Catherine.jpg|thumb|left|พระเจ้า |
[[ไฟล์:Charles II and Catherine.jpg|thumb|left|พระเจ้าชาลส์ที่ 2 และพระนางแคทเทอรีน]] |
||
พระเจ้า |
พระเจ้าชาลส์ทรงได้สติและสั่งห้ามกฎหมายนี้เสีย ทรงกล่าวว่า"ถือเป็นสิ่งร้ายกาจหากจะสร้างทุกข์ให้หญิงที่น่าสงสารเพียงเพราะนางเป็นภรรยาของเขาและมิมีบุตรเพราะเขา นั่นไม่ใช่ความผิดของนางเลย" ซึ่งทรงพูดในเชิงว่า ที่พระราชินีทรงไร้บุตรนั้นไม่ใช่เพราะพระนางแต่เป็นเพราะพระองค์เอง<ref name="test">Elenor Herman.นางในกษัตริย์, หน้า 110 - 111.</ref> |
||
[[ไฟล์:Barbara Palmer (née Villiers), Duchess of Cleveland by John Michael Wright.jpg|thumb|บาร์บารา เลดี้แห่งแคสเซิลเมน นางในในพระเจ้า |
[[ไฟล์:Barbara Palmer (née Villiers), Duchess of Cleveland by John Michael Wright.jpg|thumb|บาร์บารา เลดี้แห่งแคสเซิลเมน นางในในพระเจ้าชาลส์ที่ 2]] |
||
พระราชนโยบายของพระองค์ระหว่างคริสต์ทศวรรษ 1670 ก็ทำให้ทรงมีความขัดแย้งกับรัฐสภาในปี พ.ศ. 2215 พระเจ้า |
พระราชนโยบายของพระองค์ระหว่างคริสต์ทศวรรษ 1670 ก็ทำให้ทรงมีความขัดแย้งกับรัฐสภาในปี พ.ศ. 2215 พระเจ้าชาลส์ทรงออก[[พระราชประกาศผ่อนปรนสิทธิของผู้เป็นโรมันคาทอลิก]]ที่หยุดยั้งการลงโทษทางกฎหมายอาญาต่อผู้นับถือนิกายโรมันคาทอลิกและผู้เป็นปฏิปักษ์ทางศาสนาทั้งหมด เนื่องจากพระนางทรงเป็นคาทอลิกซึ่งในตอนนั้นอังกฤษมีการต่อต้านพวกคาทอลิก พระนางทรงถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังในการสังหาร[[เซอร์ เอ็ดมันด์ ก็อดฟรีย์]] ในปีพ.ศ. 2221 ซึ่งคนรับใช้ของพระนางตกเผป็นผู้ต้องสงสัย ในเดือนพฤศจิกายน ปีเดียวกัน [[ไททัส โอตส์]] ได้กล่าวหาว่า พระราชินีแคทเทอรีนนั้นทรงเป็นพวก[[การคบคิดโพพพิช]] โอตส์และอิสราเอล ทังก์เขียนเอกสารที่กล่าวโทษสถาบันโรมันคาธอลิกว่าสนับสนุนการปลงพระชนม์พระเจ้าชาลส์ที่ 2 โดยใช้มือของนักบวชเยซูอิดในอังกฤษ แม้พระเจ้าชาลส์ทรงปฏิเสธแผนการนี้ แต่ทำให้เกิดความขัดแย้งในสภา ในที่สุด ปีพ.ศ. 2222 พระนางก็สามารถพ้นข้อกล่าวหาได้ |
||
==บั้นปลายพระชนม์ชีพ== |
==บั้นปลายพระชนม์ชีพ== |
||
ในพระอาการประชวรระยะสุดท้ายของพระเจ้า |
ในพระอาการประชวรระยะสุดท้ายของพระเจ้าชาลส์ที่ 2 จากการถูกลอบปลงพระชนม์ ในปีพ.ศ. 2228 พระนางทรงวิตกกังวลกับการประนีประนอมของพระองค์กับฝ่ายคาทอลิก พระนางทรงเศร้าสลดอย่างยิ่งต่อการสวรรคตของพระสวามี ต่อมาในปีเดียวกันพระนางทรงขอพระราชทานอภัยโทษแก่[[เจมส์ สกอตต์ ดยุคแห่งมอนม็อธที่ 1]]จากข้อหากบฏแผ่นดินจากเหตุการณ์[[กบฏมอนม็อธ]] ซึ่งเป็นพระบุตรนอกสมรสของพระเจ้าชาลส์ที่ 2และเป็นโปรเตสแตนต์เพื่อสร้างความนิยมต่อประชาชนในอังกฤษในการเป็นปฏิปักษ์ต่อพระเจ้าเจมส์ผู้เป็นโรมันคาทอลิก แต่พระนางทรงขอพระราชทานอภัยโทษไม่สำเร็จ [[พระเจ้าเจมส์ที่ 2 แห่งอังกฤษ]]ได้สั่งปลงพระชนม์เจมส์ สกอตต์ ผู้เป็นพระนัดดาเสีย |
||
[[ไฟล์:Abraham Blooteling (Catherine Braganza).jpg|thumb|left|พระพันปีหลวง |
[[ไฟล์:Abraham Blooteling (Catherine Braganza).jpg|thumb|left|พระพันปีหลวงกาตารีนาแห่งบรากังซา ในบั้นปลายพระชนม์ชีพ]] |
||
อดีตพระราชินีแคทเอรีนยังคงประทับอยู่ในอังกฤษที่[[พระตำหนักซัมเมอร์เซต]] จนกระทั่งรัชกาลของ[[ |
อดีตพระราชินีแคทเอรีนยังคงประทับอยู่ในอังกฤษที่[[พระตำหนักซัมเมอร์เซต]] จนกระทั่งรัชกาลของ[[พระเจ้าเจมส์ที่ 2 แห่งอังกฤษ]]จบลงจากการ[[การปฏิวัติอันรุ่งโรจน์]] โดย[[พระเจ้าวิลเลียมที่ 3 แห่งอังกฤษ]]และ[[สมเด็จพระราชินีนาถแมรีที่ 2 แห่งอังกฤษ]] |
||
เริ่มแรกทรงทำตามเงื่อนไขที่ดีกับพระเจ้าวิลเลียมและพระนางแมรี พระอิศริยยศของพระนางหมดอำนาจตามการปฏิบัติของศาสนา ซึ่งการเป็นคาทอลิกของพระนางนำไปสู่ความเข้าใจผิดและการแตกแยก พระนางทรงถูกริบทรัพย์สินและลดจำนวนคนรับใช้ พระนางทรงถูกเตือนและต่อต้านจากรั้ฐบาลว่าทรงเป็นต้นเหตุ ทำให้เกิดความไม่สงบระหว่างคาทอลิกและอังกลิตัน อดีตพระราชินีแคทเทอรีนทรงต้องเสด็จกลับโปรตุเกสในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2235 |
เริ่มแรกทรงทำตามเงื่อนไขที่ดีกับพระเจ้าวิลเลียมและพระนางแมรี พระอิศริยยศของพระนางหมดอำนาจตามการปฏิบัติของศาสนา ซึ่งการเป็นคาทอลิกของพระนางนำไปสู่ความเข้าใจผิดและการแตกแยก พระนางทรงถูกริบทรัพย์สินและลดจำนวนคนรับใช้ พระนางทรงถูกเตือนและต่อต้านจากรั้ฐบาลว่าทรงเป็นต้นเหตุ ทำให้เกิดความไม่สงบระหว่างคาทอลิกและอังกลิตัน อดีตพระราชินีแคทเทอรีนทรงต้องเสด็จกลับโปรตุเกสในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2235 |
||
บรรทัด 58: | บรรทัด 57: | ||
==ผลกระทบที่สำคัญทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม== |
==ผลกระทบที่สำคัญทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม== |
||
มีทฤษฎีเสนอกันว่าพระนางแคทเทอรีนทรงกำหนดวิธีการดื่ม[[ชา]]ด้วพระองค์เอง เวลาดืมชาของอังกฤษในปัจจุบันเป็นกิจกรรมที่ได้รับความนิยมมากอยู่แล้วในหมู่หมู่ชั้นสูงชาวโปรตุเกสสมัยนั้น ชาได้ถูกนำเข้าสู่โปรตุเกสจากเมืองท่าของโปรตุเกสในเอเชียรวมทั้งผ่านสถานีการค้าโปรตุเกสในมาเก็และญี่ปุ่น |
มีทฤษฎีเสนอกันว่าพระนางแคทเทอรีนทรงกำหนดวิธีการดื่ม[[ชา]]ด้วพระองค์เอง เวลาดืมชาของอังกฤษในปัจจุบันเป็นกิจกรรมที่ได้รับความนิยมมากอยู่แล้วในหมู่หมู่ชั้นสูงชาวโปรตุเกสสมัยนั้น ชาได้ถูกนำเข้าสู่โปรตุเกสจากเมืองท่าของโปรตุเกสในเอเชียรวมทั้งผ่านสถานีการค้าโปรตุเกสในมาเก็และญี่ปุ่น |
||
การดื่มชา"High Tea"ใน เวลา 16:00 น. (บางคนก็นิยมดื่มเวลา 17:00 น. ) เดิมเป็นประเพณีโปรตุเกส พระนาง |
การดื่มชา"High Tea"ใน เวลา 16:00 น. (บางคนก็นิยมดื่มเวลา 17:00 น. ) เดิมเป็นประเพณีโปรตุเกส พระนางกาตารีนายังทรงแนะนำวิธีการดื่มแบบดั้งเดิมบนโต๊ะรับประทานอาหารของอังกฤษ |
||
แม้ว่าบางคนได้อ้างว่าเขต [[ควีนส์]]ในนครนิวยอร์กตั้งตามพระของพระนาง |
แม้ว่าบางคนได้อ้างว่าเขต [[ควีนส์]]ในนครนิวยอร์กตั้งตามพระของพระนางกาตารีนาแห่งบรากังซา แต่ก็ไม่มีการกล่าวถึงพระนามของพระนางในเอกสารทางราชการของเขตในช่วง 200 ปีแรกเลย แต่ก็เป็นที่ยอมรับกันว่าเขต Queens County ตั้งชื่อตามพระนาง ส่วน Kings County (บรู๊คลินน์) ซึ่งก่อตั้งใน พ.ศ. 2226 ตั้งชื่อตามพระราชสวามีของพระองค์ |
||
[[ไฟล์:Catarina de Bragança na Parque Expo.jpg|left|thumb|อนุสาวรีย์ |
[[ไฟล์:Catarina de Bragança na Parque Expo.jpg|left|thumb|อนุสาวรีย์กาตารีนาแห่งบรากังซา สมเด็จพระราชินีแห่งอังกฤษหันพระพักตร์ไปทางควีนส์ข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก ที่ลิสบอน โปรตุเกส]] |
||
เนื่องจากข้อกล่าวหาที่สมเด็จพระราชินีและพระราชวงศ์ของเพระนางได้แสวงหากำไรจาก [[การค้าทาส]] ได้มีความพยายามล่าสุดในการสร้างอนุสาวรีย์สูง 10 เมตร (33 ฟุต) เพื่อเป็นเกียรติแก่พระนางในควีนส์ได้ถูกทำลายโดยชาวพื้นเมืองและชาวแอฟริกันอเมริกัน,ไอริชอเมริกัน และกลุ่มชาติพันธ์อื่นๆ แต่อนุสาวรีย์ยังคงอยู่ใน Parque das Nações, กรุงลิสบอน, ประเทศโปรตุเกส หันพระพักตร์ไปทางควีนส์ข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก |
เนื่องจากข้อกล่าวหาที่สมเด็จพระราชินีและพระราชวงศ์ของเพระนางได้แสวงหากำไรจาก [[การค้าทาส]] ได้มีความพยายามล่าสุดในการสร้างอนุสาวรีย์สูง 10 เมตร (33 ฟุต) เพื่อเป็นเกียรติแก่พระนางในควีนส์ได้ถูกทำลายโดยชาวพื้นเมืองและชาวแอฟริกันอเมริกัน,ไอริชอเมริกัน และกลุ่มชาติพันธ์อื่นๆ แต่อนุสาวรีย์ยังคงอยู่ใน Parque das Nações, กรุงลิสบอน, ประเทศโปรตุเกส หันพระพักตร์ไปทางควีนส์ข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก |
||
==พระอิศริยยศ== |
==พระอิศริยยศ== |
||
* 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2181 - 1 ธันวาคม พ.ศ. 2183: ดอนนา คาทาลีนา เดอ บรา |
* 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2181 - 1 ธันวาคม พ.ศ. 2183: ดอนนา คาทาลีนา เดอ บรากังซา(Dona Catarina de Bragança) |
||
* 1 ธันวาคม พ.ศ. 2183 - 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2196: เจ้าหญิงดอนนา คาทาลีนา(Her Highness The Infanta Dona Catarina) |
* 1 ธันวาคม พ.ศ. 2183 - 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2196: เจ้าหญิงดอนนา คาทาลีนา(Her Highness The Infanta Dona Catarina) |
||
* 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2196 - 23 เมษายน พ.ศ. 2206: เจ้าหญิงแห่งเบย์รา(Her Royal Highness The Princess of Beira ) |
* 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2196 - 23 เมษายน พ.ศ. 2206: เจ้าหญิงแห่งเบย์รา(Her Royal Highness The Princess of Beira ) |
||
บรรทัด 75: | บรรทัด 74: | ||
== ดูเพิ่ม == |
== ดูเพิ่ม == |
||
{{คอมมอนส์-หมวดหมู่|Catherine of Braganza}} |
{{คอมมอนส์-หมวดหมู่|Catherine of Braganza}} |
||
* [[ |
* [[พระเจ้าชาลส์ที่ 2 แห่งอังกฤษ]] |
||
* [[ราชวงศ์สจวต]] |
* [[ราชวงศ์สจวต]] |
||
{{พระสวามีและพระมเหสีอังกฤษ}} |
{{พระสวามีและพระมเหสีอังกฤษ}} |
||
บรรทัด 84: | บรรทัด 83: | ||
[[หมวดหมู่:บุคคลที่เกิดในปี พ.ศ. 2181]] |
[[หมวดหมู่:บุคคลที่เกิดในปี พ.ศ. 2181]] |
||
[[หมวดหมู่:คู่อภิเษกสมรสในพระมหากษัตริย์อังกฤษ|คแทเธอรีนแห่งบรา |
[[หมวดหมู่:คู่อภิเษกสมรสในพระมหากษัตริย์อังกฤษ|คแทเธอรีนแห่งบรากังซา]] |
||
[[หมวดหมู่:คู่อภิเษกสมรสในพระมหากษัตริย์สกอตแลนด์|คแทเธอรีนแห่งบรา |
[[หมวดหมู่:คู่อภิเษกสมรสในพระมหากษัตริย์สกอตแลนด์|คแทเธอรีนแห่งบรากังซา]] |
||
[[หมวดหมู่:เจ้าหญิงโปรตุเกส|คแทเธอรีนแห่งบรา |
[[หมวดหมู่:เจ้าหญิงโปรตุเกส|คแทเธอรีนแห่งบรากังซา]] |
||
[[หมวดหมู่:คริสต์ศาสนิกชนนิกายโรมันคาทอลิกชาวอังกฤษ]] |
[[หมวดหมู่:คริสต์ศาสนิกชนนิกายโรมันคาทอลิกชาวอังกฤษ]] |
||
[[หมวดหมู่:ราชวงศ์สจวต|คแทเธอรีนแห่งบรา |
[[หมวดหมู่:ราชวงศ์สจวต|คแทเธอรีนแห่งบรากังซา]] |
||
[[หมวดหมู่:คู่อภิเษกสมรสในพระมหากษัตริย์ไอร์แลนด์]] |
[[หมวดหมู่:คู่อภิเษกสมรสในพระมหากษัตริย์ไอร์แลนด์]] |
||
[[หมวดหมู่:บุคคลจากลิสบอน]] |
[[หมวดหมู่:บุคคลจากลิสบอน]] |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 22:26, 16 เมษายน 2562
กาตารีนาแห่งบรากังซา | |
---|---|
กาตารีนาแห่งบรากังซา สมเด็จพระราชินีแห่งอังกฤษ | |
ประสูติ | 25 พฤศจิกายน ค.ศ. 1638 วีลาวีซอซา ประเทศโปรตุเกส |
สิ้นพระชนม์ | 31 ธันวาคม ค.ศ. 1705 (พระชนมายุ 67 พรรษา) ลิสบอน ประเทศโปรตุเกส |
จักรพรรดินี | พระเจ้าชาลส์ที่ 2 แห่งอังกฤษ |
กาตารีนาแห่งบรากังซา สมเด็จพระราชินีแห่งอังกฤษ | |
ราชวงศ์ | บรากังซา สจวต |
พระบิดา | พระเจ้าฌูเอาที่ 4 แห่งโปรตุเกส |
พระมารดา | ลุยซาแห่งเมดินา-ซิโดเนีย สมเด็จพระราชินีแห่งโปรตุเกส |
กาตารีนาแห่งบรากังซา ({{lang-pt|Catarina de Bragança}; 25 พฤศจิกายน ค.ศ. 1638 – 31 ธันวาคม ค.ศ. 1705) ทรงเป็นเจ้าหญิงแห่งโปรตุเกสและสมเด็จพระราชินีแห่งอังกฤษ สกอตแลนด์ และไอร์แลนด์
ช่วงต้นของพระชนม์ชีพ
เจ้าหญิงกาตารีนาแห่งบรากังซา-โปรตุเกสประสูติที่วีลาวีซอซา เป็นพระราชธิดาองค์ที่ 2 ใน พระเจ้าฌูเอาที่ 4 แห่งโปรตุเกส เมื่อครั้งทรงเป็นดยุคแห่งบรากังซากับเจ้าหญิงลุยซาแห่งเมดินา-ซิโดเนีย ธิดาในดยุคแห่งเมดินา-ซิโดเนีย ทางพระราชมารดา พระองค์เป็นพระราชปนัดดารุ่นที่ 3 ใน นักบุญฟรานซิส บอร์เจีย พระองค์ทรงศึกษาในคอนแวนต์ เจ้าหญิงแคทเทอรีนทรงได้รับการควบคุมศึกษาจากพระมารดา ทำให้ทรงสนิทสนมกับพระราชมารดามาก
เนื่องจากการฟื้นฟูพระราชวงศ์โปรตุเกส ซึ่งก็คือ ราชวงศ์บรากังซา ทำให้พระราชบิดาของพระองค์ได้ครองราชสมบัติในวันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2183 พระองค์ได้ถูกเสนอให้เป็นพระคู่ครองในเจ้าชายจอห์นแห่งออสเตรีย ผู้เยาว์, ฟรังซัวส์ เดอ เวนโดเม ดยุคแห่งโบฟอร์ต, พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศส และพระเจ้าชาลส์ที่ 2 แห่งอังกฤษ พระองค์ถูกมองว่าเป็นช่องทางแห่งความสัมพันธ์และผลประโยชน์สำหรับการทำสัญญาเป็นพันธมิตรระหว่างอังกฤษกับโปรตุเกส หลังจากสนธิสัญญาพีเรนิสในพ.ศ. 2202 แล้วโปรตุเกสก็ละทิ้งฝรั่งเศส และเมื่อพระเจ้าชาลส์ที่ 2 ได้รับราชบัลลังก์อังกฤษคืนเมื่อปี พ.ศ. 2203 พระมารดาของกาตารีนาก็เริ่มเปิดการเจรจาเรื่องการแต่งงานของกาตารีนากับที่ปรึกษาของพระเจ้าชาลส์ ในที่สุดสนธิสัญญาการแต่งงานระหว่างทั้งสองพระองค์ก็ได้รับการลงนามเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2204
ชีวิตของราชินี
พระองค์ได้อภิเษกสมรสโดยฉันทะที่ลิสบอนในวันที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2205 ต่อมาในเช้าอันอ่อนโยนของวันที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2205 เรือพระที่นั่งได้เสด็จเทียบท่าที่พอร์ตสมัท เจ้าหญิงแคทเทอรีนวัย 23 พรรษา ผู้ทรงร่างเล็กและพระเกษาสีน้ำตาล แม้จะทรงไม่สะสวยเป็นพิเศษแต่ก็ทรงหวังว่าจะเป็นราชินีที่ดี เป็นภรรยาที่น่ารัก และเป็นแม่ที่มีความสุข ทรงหวังจะได้พบพระเจ้าชาลส์ที่ 2 พระสวามี ที่ไม่เคยแม้จะได้พบหน้า ทรงมาถึงพร้อมด้วยความมุ่งมั่นอันแรงกล้า พระองค์ทรงได้สัญญากับพระนางลุยซาแห่งโปรตุเกส พระราชมารดาว่า"พระองค์จะไม่มีวนอดทนยอมลงให้กับนางในผู้เสื่อมเสียของพระเจ้าชาลส์ที่ 2 ที่มีนามว่า บาร์บารา เลดี้แห่งแคสเซิลเมนเป็นเด็ดขาด" เนื่องจากพระมารดาทรงอบรมพระองค์ไว้ว่าด้วยเรื่องหญิงแพศยาผมน้ำตาลอมแดง ผู้ทรยศพระสวามีแสนดี รังแครังคัดราชบัลลังก์ พร้อมตั้งครรภ์ทายาทกษัตริย์ หลังจากคลอดก็ตั้งครรภ์ใหม่ทันควัน[1]
เซอร์จอห์น เรเรสบี (Sir John Reresby) ผู้มารับเจ้าหญิงอย่างเป็นทางการที่พอร์ตสมัท ประกาศด้วยท่าทีหวาดหวั่นอยู่บ้างว่าเจ้าหญิงแคทเทอรีนนั้น "มิมีใดแลเห็นถึงความสามารถของพระนางในการทำให้กษัตริย์ถ่ายถอนพระราชหฤทัยจากเคานท์เตสแห่งแคสเซิลเมน ผู้เป็นหญิงงามที่สุดแห่งยุคสมัย" แม้ชาวอังกฤษจะต้อนรับการมาถึงของเจ้าหญิงแต่พระเจ้าชาลส์ทรงใช้เวลากับเลดี้แห่งแคสเซิลเมนถึง 6 วันเต็ม ในที่สุดพระองค์ก็เสด็จมายังพอร์ตสมัท เจ้าหญิงแคทเทอรีนผู้น่าสงสารซึ่งรอคอยอย่างอับอายก็ทรงพระประชวร พระเจ้าชาลส์ได้รับการแนะนำให้รู้จักกับเจ้าสาวของพระองค์ ทว่าพระองค์ทรงตกพระทัยกับพระทนต์ที่ยื่นออกมาของเจ้าหญิงน้อยยิ่งกว่าพระเกศาสไตล์ไอบีเรียนของเจ้าหญิงที่ม้วนเกลียวฉีกแหวกออกมาทั้งสองข้างของพระเศียรแล้วห้อยลงมายังหัวไหล่ เห็นครั้งแรก พระเจ้าชาลส์ทรงบอกกับพระสหายว่า "ข้านึกว่าพวกนั้นพาค้างคาวเข้ามา ไม่ใช้ผู้หญิง" กษัตริย์รีบจุมพิตพระองค์แล้วกลับเข้าห้องส่วนพระองค์ ทรงพยายามมองพระนางในแง่บวก วันรุ่งขึ้นตรัสกับเสนาบดีว่า "ใบหน้านางไม่เชิงเรียกได้ว่างามเสียที่เดียว แต่ดวงตานางสวยยิ่ง ไม่มีสิ่งใดในใบหน้านั้นแม้แต่น้อยที่อาจทำให้ถึงขั้นหมดสติได้"[1]
ในวันที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2205 ทั้งสองพระองค์ทรงอภิเษกสมรสสองพิธีคือ แบบคาทอลิก กระทำเป็นการลับ และแบบแองกลิคัน กระทำในที่สาธารณะ เจ้าหญิงแคทเทอรีนจึงได้สวมมงกุฎสมเด็จราชินีแห่งอังกฤษ,สก็อตแลนด์และไอร์แลนด์ พร้อมด้วยสินสอดจากทางราชสำนักโปรตุเกส อันประกอบด้วยเมืองทานเจียร์และบอมเบย์ ซึ่งจะเป็นประโยช์แก่อังกฤษสำหรับกิจการในอินเดีย ในวันอภิเษกสมรสบาร์บารา เลดี้แห่งแคสเซิลเมนได้ประท้วงโดยซักชุดชั้นในของนางซักตากไว้กลางลานพระราชวัง[1]
พระนางทรงตกหลุมรักพระสวามีทันทีเมื่อแรกพบ พระเจ้าชาลส์ทรงเห็นว่าอาจทำให้พระมเหสีคลุ้มคลั่งได้เพราะทรงเคยสัญญากับบาร์บารา เลดี้แห่งแคสเซิลเมนว่าจะให้นางเป็นนางในของพระราชินี แต่ในที่สุดพระองค์ก็แนะนำให้รู้จักกัน พระราชินีแคทเทอรีนทรงประทับใจในความงามของผู้มาเยือนแต่เมื่อทรงรู้ว่าคือ บาร์บารา เลดี้แห่งแคสเซิลเมน พระนางพระพักตร์เผือด ทรุดนั้งเศร้าโศกหลั่งพระอัสสุชลและพระโลหิตไหลออกจากพระนาสิก แล้วสลบลง พระเจ้าชาลส์ทรงตีความการกระทำของราชินีว่าเป็นการท้าทายและหยาบคายจึงส่งตัวข้าราชบริพารชาวโปรตุเกสกลับทั้งหมด เหลือเพียงพระราชินีชาวโปรตุเกสเท่านั้น[1]
พระราชินีแคทเทอรีนทรงไม่เป็นที่นิยมในหมู่ชาวอังกฤษมากนัก เพราะ ทรงเป็นเจ้าหญิงคาทอลิกที่เคร่งครัด ซึ่งตอนนั้นชาวอังกฤษนับถือนิกายแองกลิคัน และทรงถูกพระสวามีทอดทิ้ง เอ็ดเวิร์ด คลาเรนดอน พระสหายของพระเจ้าชาลส์ที่ 2 ได้แนะนำให้กษัตริย์ทอดทิ้งบาร์บารา เลดี้แห่งแคสเซิลเมน แต่พระองค์ไม่ยอม และตรัสว่า "ข้าจะไม่ปลดหญิงผู้นี้" และบังคับให้พระนางแต่งตั้งบาร์บาราเป็นนางในประจำพระที่
พระนางตรัสตอบว่า"คำยืนกรานที่มีต่อกษัตริย์ที่มีต่อเรื่องนี้ ดำเนินไปโดยไม่มีสาเหตุใดนอกจากความเกลียดชังที่พระองค์มีต่อตัวข้าเอง พระองค์ปรารถนาจะให้ตัวข้าเป็นที่ดูหมิ่นถิ่นแคลนของโลก โลกจะคิดว่าตัวข้าควรแล้วที่จะได้รับการปรามาสเยี่ยงนั้นหากยอมรับมัน ก่อนทำเช่นนั้นข้าเห็นทีต้องขึ้นเรือเล็กๆสักลำแล้วเนรเทศตนเองสู่กรุงลิสบอนเสียก่อน"[1] ทำให้พระเจ้าชาลส์เห็นว่าพระนางทรงท้าทายพระองค์จึงทอดทิ้งพระนางให้โดดเดี่ยว ไม่มีใครอยากสนทนากับพระราชินีเพราะอาจถูกพระเจ้าชาลส์ลงโทษได้ ต่อมาทรงกล่าวขออภัยพระสวามีและรับบาร์บารา เลดี้แห่งแคสเซิลเมนมาเป็นนางในเยี่ยงพระสหาย พระเจ้าชาลส์ได้สำนึกคุณและพยายามเอาพระทัยใส่พระนาง และได้พัฒนาจากมิตรภาพเป็นความรักแบบหนึ่ง พระนางแคทเทอรีนเสด็จร่วมกับพระสวามีบ่อยขึ้น ส่วนบาร์บารา เลดี้แห่งแคสเซิลเมน ถูกโดดเดี่ยวบ้าง[1]
พระนางทรงพระสูติกาลถึง 2 ครั้งแต่พระบุตรสิ้นพระชนม์ทั้งหมดในพระครรภ์ เมื่อครั้งทรงพระประชวร และพระนางก็ทรงเป็นหมัน ทำให้พระเจ้าชาลส์ผิดหวังเป็นอันมาก เนื่องจากพระองค์ทรงมีแต่บุตรนอกสมรส และเมื่อพระนางทรงพระประชวรอย่างหนัก บาร์บารา เลดี้แห่งแคสเซิลเมนพยายามภาวนาให้พระองค์ทรงฟื้นพระอาการประชวรเพราะนางไม่อยากถูกแทนที่ด้วยนางในคนใหม่นามว่า ฟรานเซส สจวร์ต จากนั้นนางก็ให้ความเคารพต่อสมเด็จพระราชินีตลอดมา
ในปีพ.ศ. 2213 เหล่านางในของพระเจ้าชาลส์ได้เดินขบวนปกป้องพระนางแคทเทอรีน เมื่อลอร์ดบักกิงแฮม เสนอกฎหมายต่อสภาว่ากษัตริย์สามารถหย่าขาดจากพระชายาซึ่งเป็นหมันได้และสมรสใหม่ได้ เหล่านางในส่งเสียงยืนกรานว่า พระราชินีซึ่งทรงไร้อำนาจและไร้บุตรจะต้องดำรงอยู่เช่นเดิม เพราะราชินีองค์ใหม่อาจให้กำเนิดบุตรและพระองค์อาจทอดทิ้งบุตรนอกสมรสของพระองค์ก็เป็นได้
พระเจ้าชาลส์ทรงได้สติและสั่งห้ามกฎหมายนี้เสีย ทรงกล่าวว่า"ถือเป็นสิ่งร้ายกาจหากจะสร้างทุกข์ให้หญิงที่น่าสงสารเพียงเพราะนางเป็นภรรยาของเขาและมิมีบุตรเพราะเขา นั่นไม่ใช่ความผิดของนางเลย" ซึ่งทรงพูดในเชิงว่า ที่พระราชินีทรงไร้บุตรนั้นไม่ใช่เพราะพระนางแต่เป็นเพราะพระองค์เอง[1]
พระราชนโยบายของพระองค์ระหว่างคริสต์ทศวรรษ 1670 ก็ทำให้ทรงมีความขัดแย้งกับรัฐสภาในปี พ.ศ. 2215 พระเจ้าชาลส์ทรงออกพระราชประกาศผ่อนปรนสิทธิของผู้เป็นโรมันคาทอลิกที่หยุดยั้งการลงโทษทางกฎหมายอาญาต่อผู้นับถือนิกายโรมันคาทอลิกและผู้เป็นปฏิปักษ์ทางศาสนาทั้งหมด เนื่องจากพระนางทรงเป็นคาทอลิกซึ่งในตอนนั้นอังกฤษมีการต่อต้านพวกคาทอลิก พระนางทรงถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังในการสังหารเซอร์ เอ็ดมันด์ ก็อดฟรีย์ ในปีพ.ศ. 2221 ซึ่งคนรับใช้ของพระนางตกเผป็นผู้ต้องสงสัย ในเดือนพฤศจิกายน ปีเดียวกัน ไททัส โอตส์ ได้กล่าวหาว่า พระราชินีแคทเทอรีนนั้นทรงเป็นพวกการคบคิดโพพพิช โอตส์และอิสราเอล ทังก์เขียนเอกสารที่กล่าวโทษสถาบันโรมันคาธอลิกว่าสนับสนุนการปลงพระชนม์พระเจ้าชาลส์ที่ 2 โดยใช้มือของนักบวชเยซูอิดในอังกฤษ แม้พระเจ้าชาลส์ทรงปฏิเสธแผนการนี้ แต่ทำให้เกิดความขัดแย้งในสภา ในที่สุด ปีพ.ศ. 2222 พระนางก็สามารถพ้นข้อกล่าวหาได้
บั้นปลายพระชนม์ชีพ
ในพระอาการประชวรระยะสุดท้ายของพระเจ้าชาลส์ที่ 2 จากการถูกลอบปลงพระชนม์ ในปีพ.ศ. 2228 พระนางทรงวิตกกังวลกับการประนีประนอมของพระองค์กับฝ่ายคาทอลิก พระนางทรงเศร้าสลดอย่างยิ่งต่อการสวรรคตของพระสวามี ต่อมาในปีเดียวกันพระนางทรงขอพระราชทานอภัยโทษแก่เจมส์ สกอตต์ ดยุคแห่งมอนม็อธที่ 1จากข้อหากบฏแผ่นดินจากเหตุการณ์กบฏมอนม็อธ ซึ่งเป็นพระบุตรนอกสมรสของพระเจ้าชาลส์ที่ 2และเป็นโปรเตสแตนต์เพื่อสร้างความนิยมต่อประชาชนในอังกฤษในการเป็นปฏิปักษ์ต่อพระเจ้าเจมส์ผู้เป็นโรมันคาทอลิก แต่พระนางทรงขอพระราชทานอภัยโทษไม่สำเร็จ พระเจ้าเจมส์ที่ 2 แห่งอังกฤษได้สั่งปลงพระชนม์เจมส์ สกอตต์ ผู้เป็นพระนัดดาเสีย
อดีตพระราชินีแคทเอรีนยังคงประทับอยู่ในอังกฤษที่พระตำหนักซัมเมอร์เซต จนกระทั่งรัชกาลของพระเจ้าเจมส์ที่ 2 แห่งอังกฤษจบลงจากการการปฏิวัติอันรุ่งโรจน์ โดยพระเจ้าวิลเลียมที่ 3 แห่งอังกฤษและสมเด็จพระราชินีนาถแมรีที่ 2 แห่งอังกฤษ
เริ่มแรกทรงทำตามเงื่อนไขที่ดีกับพระเจ้าวิลเลียมและพระนางแมรี พระอิศริยยศของพระนางหมดอำนาจตามการปฏิบัติของศาสนา ซึ่งการเป็นคาทอลิกของพระนางนำไปสู่ความเข้าใจผิดและการแตกแยก พระนางทรงถูกริบทรัพย์สินและลดจำนวนคนรับใช้ พระนางทรงถูกเตือนและต่อต้านจากรั้ฐบาลว่าทรงเป็นต้นเหตุ ทำให้เกิดความไม่สงบระหว่างคาทอลิกและอังกลิตัน อดีตพระราชินีแคทเทอรีนทรงต้องเสด็จกลับโปรตุเกสในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2235
พระนางทรงสนับสนุนการทำสนธิสัญญาเมทูเอนในปีพ.ศ. 2246 กับอังกฤษ และทรงเป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดินในพระเจ้าปีเตอร์ที่ 2 แห่งโปรตุเกส ผู้เป็นพระอนุชา ในปีพ.ศ. 2244 และพ.ศ. 2247 ถึงพ.ศ. 2248 พระนางทรงสิ้นพระชนม์ที่ พระราชวังเบมปอสตา กรุงลิสบอน ในวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2248 และพระศพทรงถูกฝังที่ พระอารามเจโรมนิโมส ในซานตา มาเรีย เดอ เบเรม กรุงลิสบอน
ผลกระทบที่สำคัญทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม
มีทฤษฎีเสนอกันว่าพระนางแคทเทอรีนทรงกำหนดวิธีการดื่มชาด้วพระองค์เอง เวลาดืมชาของอังกฤษในปัจจุบันเป็นกิจกรรมที่ได้รับความนิยมมากอยู่แล้วในหมู่หมู่ชั้นสูงชาวโปรตุเกสสมัยนั้น ชาได้ถูกนำเข้าสู่โปรตุเกสจากเมืองท่าของโปรตุเกสในเอเชียรวมทั้งผ่านสถานีการค้าโปรตุเกสในมาเก็และญี่ปุ่น การดื่มชา"High Tea"ใน เวลา 16:00 น. (บางคนก็นิยมดื่มเวลา 17:00 น. ) เดิมเป็นประเพณีโปรตุเกส พระนางกาตารีนายังทรงแนะนำวิธีการดื่มแบบดั้งเดิมบนโต๊ะรับประทานอาหารของอังกฤษ แม้ว่าบางคนได้อ้างว่าเขต ควีนส์ในนครนิวยอร์กตั้งตามพระของพระนางกาตารีนาแห่งบรากังซา แต่ก็ไม่มีการกล่าวถึงพระนามของพระนางในเอกสารทางราชการของเขตในช่วง 200 ปีแรกเลย แต่ก็เป็นที่ยอมรับกันว่าเขต Queens County ตั้งชื่อตามพระนาง ส่วน Kings County (บรู๊คลินน์) ซึ่งก่อตั้งใน พ.ศ. 2226 ตั้งชื่อตามพระราชสวามีของพระองค์
เนื่องจากข้อกล่าวหาที่สมเด็จพระราชินีและพระราชวงศ์ของเพระนางได้แสวงหากำไรจาก การค้าทาส ได้มีความพยายามล่าสุดในการสร้างอนุสาวรีย์สูง 10 เมตร (33 ฟุต) เพื่อเป็นเกียรติแก่พระนางในควีนส์ได้ถูกทำลายโดยชาวพื้นเมืองและชาวแอฟริกันอเมริกัน,ไอริชอเมริกัน และกลุ่มชาติพันธ์อื่นๆ แต่อนุสาวรีย์ยังคงอยู่ใน Parque das Nações, กรุงลิสบอน, ประเทศโปรตุเกส หันพระพักตร์ไปทางควีนส์ข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก
พระอิศริยยศ
- 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2181 - 1 ธันวาคม พ.ศ. 2183: ดอนนา คาทาลีนา เดอ บรากังซา(Dona Catarina de Bragança)
- 1 ธันวาคม พ.ศ. 2183 - 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2196: เจ้าหญิงดอนนา คาทาลีนา(Her Highness The Infanta Dona Catarina)
- 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2196 - 23 เมษายน พ.ศ. 2206: เจ้าหญิงแห่งเบย์รา(Her Royal Highness The Princess of Beira )
- 23 เมษายน พ.ศ. 2206 - 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2228: สมเด็จพระราชินีแห่งอังกฤษ,สก็อตแลนด์และไอร์แลนด์(Her Majesty The Queen of England, Scotland and Ireland )
- 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2228 - 31 ธันวาคม พ.ศ. 2248: สมเด็จพระพันปีหลวงแห่งอังกฤษ,สก็อตแลนด์และไอร์แลนด์(Her Majesty The Queen Dowager of England, Scotland and Ireland)