ผลต่างระหว่างรุ่นของ "แฮร์รี่ พอตเตอร์ (ตัวละคร)"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ป้ายระบุ: แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่
ป้ายระบุ: แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่
บรรทัด 43: บรรทัด 43:
แฮร์รี่ทรงมีเกราะคุ้มกันวิเศษที่สร้างขึ้นมาจากสายใยความรักของพระชนนีลิลี่และการสละชีพของพระนางซึ่งจะช่วยพระองค์อีกครั้งในสิบปีต่อมาใน[[แฮร์รี่ พอตเตอร์กับศิลาอาถรรพ์|หนังสือเล่มแรก]]ของชุด เมื่อพระเจ้าโวลเดอมอร์แอบแทรกซึมเข้ามาในโลกผู้วิเศษอีกครั้งเพื่อตามหา[[ศิลาอาถรรพ์]] โดยใช้[[ศาสตราจารย์ควีเรลล์]]เป็นร่างสถิต โวลเดอมอร์ทรงเข้ามาในฮอกวอตส์เพื่อตามหาศิลา แต่แฮร์รี่ทรงสามารถเข้ามาขัดขวางพระองค์ได้ และการเผชิญหน้ากับโวลเดอมอร์อีกครั้ง แฮร์รี่ทรงรอดพระชนมชีพมาได้อีกเนื่องจากเกราะคุ้มกันนั้นป้องกันไม่ให้พระเจ้าโวลเดอมอร์และร่างสถิตแตะต้องพระวรกายของแฮร์รี่ได้ โวลเดอมอร์ทรงทิ้งร่างสถิตไปหลังจากทรงพยายามปลงพระชนมชีพของแฮร์รี่และขโมยศิลาอาถรรพ์ไม่สำเร็จ และทรงปล่อยให้ควีเรลล์ตาย
แฮร์รี่ทรงมีเกราะคุ้มกันวิเศษที่สร้างขึ้นมาจากสายใยความรักของพระชนนีลิลี่และการสละชีพของพระนางซึ่งจะช่วยพระองค์อีกครั้งในสิบปีต่อมาใน[[แฮร์รี่ พอตเตอร์กับศิลาอาถรรพ์|หนังสือเล่มแรก]]ของชุด เมื่อพระเจ้าโวลเดอมอร์แอบแทรกซึมเข้ามาในโลกผู้วิเศษอีกครั้งเพื่อตามหา[[ศิลาอาถรรพ์]] โดยใช้[[ศาสตราจารย์ควีเรลล์]]เป็นร่างสถิต โวลเดอมอร์ทรงเข้ามาในฮอกวอตส์เพื่อตามหาศิลา แต่แฮร์รี่ทรงสามารถเข้ามาขัดขวางพระองค์ได้ และการเผชิญหน้ากับโวลเดอมอร์อีกครั้ง แฮร์รี่ทรงรอดพระชนมชีพมาได้อีกเนื่องจากเกราะคุ้มกันนั้นป้องกันไม่ให้พระเจ้าโวลเดอมอร์และร่างสถิตแตะต้องพระวรกายของแฮร์รี่ได้ โวลเดอมอร์ทรงทิ้งร่างสถิตไปหลังจากทรงพยายามปลงพระชนมชีพของแฮร์รี่และขโมยศิลาอาถรรพ์ไม่สำเร็จ และทรงปล่อยให้ควีเรลล์ตาย


ใน[[แฮร์รี่ พอตเตอร์กับนักโทษแห่งอัซคาบัน]] พระอุปนิสัยของเจ้าฟ้าชายแฮร์รี่เริ่มเปลี่ยนไป อารมณ์โกรธของพระองค์รุนแรงขึ้นเนื่องจากทรงเชื่อว่า[[ดยุคแบล็ค(พระอิสริยยศในขณะนั้น)/เจ้าฟ้าชายซิเรียส แบล็ก กรมพระยากริมโมลดเพลสถานสุวรรณเศวตมหาดิเรกคุณากร (สถาปนาหลังดยุคสิ้นชีพิตักษัยและแฮร์รี่่ทรงขึ้นเถลิงถวัลย์ราช]]ทรงเป็นผู้ทรยศ ทำให้พระชนกและพระชนนีของพระองค์ต้องสิ้นพระชนม์ และทรงไปอยู่ฝ่ายเดียวกับพระเจ้าโวลเดอมอร์ จนกระทั่งแฮร์รี่ทรงพบว่าซิเรียสนั้น เป็นพระสหายที่สนิทที่สุดของพระชนก และยังทรงเคยเป็นอดีตพระสวามีในพระชนกเจมส์และทรงเป็นพระชนกทูนหัวของเขาอีกด้วย และแฮร์รี่ก็ทรงพบว่าไม่ใช่เจ้าฟ้าซิเรียสที่เป็นคนทรยศ แต่เป็นอดีตพระสหายของพระชนกและซีเรียส [[บารอนปีเตอร์ เพ็ตติกรูว์]]ซึ่งเป็นข้ารับใช้ของพระเจ้าโวลเดอมอร์ ในตอนท้ายของเล่ม ซิเรียสทรงเสนอสิ่งที่แฮร์รี่ทรงปรารถนามาตลอดพระชนมชีพ คือให้ไปอยู่กับระองค์ในวังที่ห่างไกลจากครอบครัวเดอร์สลีย์ แฮร์รี่ทรงตอบรับข้อเสนอในทันที แต่ทรงสูญเสียโอกาสนี้ไปเนื่องจากเจ้าฟ้าชายซิเรียสทรงจำเป็นต้องหนีจากการจับกุมของทางการที่ยังเชื่ออยู่ว่าซิเรียสทรงเป็นฆาตกร
ใน[[แฮร์รี่ พอตเตอร์กับนักโทษแห่งอัซคาบัน]] พระอุปนิสัยของเจ้าฟ้าชายแฮร์รี่เริ่มเปลี่ยนไป อารมณ์โกรธของพระองค์รุนแรงขึ้นเนื่องจากทรงเชื่อว่า[[ดยุคแบล็ค(พระอิสริยยศในขณะนั้น)/เจ้าฟ้าชายซิเรียส แบล็ก กรมพระยากริมโมลดเพลสถานสุวรรณเศวตอภิเชษฐคุณากร (สถาปนาหลังดยุคสิ้นชีพิตักษัยและแฮร์รี่่ทรงขึ้นเถลิงถวัลย์ราช]]ทรงเป็นผู้ทรยศ ทำให้พระชนกและพระชนนีของพระองค์ต้องสิ้นพระชนม์ และทรงไปอยู่ฝ่ายเดียวกับพระเจ้าโวลเดอมอร์ จนกระทั่งแฮร์รี่ทรงพบว่าซิเรียสนั้น เป็นพระสหายที่สนิทที่สุดของพระชนก และยังทรงเคยเป็นอดีตพระสวามีในพระชนกเจมส์และทรงเป็นพระชนกทูนหัวของเขาอีกด้วย และแฮร์รี่ก็ทรงพบว่าไม่ใช่เจ้าฟ้าซิเรียสที่เป็นคนทรยศ แต่เป็นอดีตพระสหายของพระชนกและซีเรียส [[บารอนปีเตอร์ เพ็ตติกรูว์]]ซึ่งเป็นข้ารับใช้ของพระเจ้าโวลเดอมอร์ ในตอนท้ายของเล่ม ซิเรียสทรงเสนอสิ่งที่แฮร์รี่ทรงปรารถนามาตลอดพระชนมชีพ คือให้ไปอยู่กับระองค์ในวังที่ห่างไกลจากครอบครัวเดอร์สลีย์ แฮร์รี่ทรงตอบรับข้อเสนอในทันที แต่ทรงสูญเสียโอกาสนี้ไปเนื่องจากเจ้าฟ้าชายซิเรียสทรงจำเป็นต้องหนีจากการจับกุมของทางการที่ยังเชื่ออยู่ว่าซิเรียสทรงเป็นฆาตกร


ใน[[แฮร์รี่ พอตเตอร์กับถ้วยอัคนี]] ทรงกลายเป็นจุดสนใจของคนรอบข้างอีกครั้ง เมื่อทรงกลายเป็นผู้เข้าแข่งขันในการประลองเวทไตรภาคี ซึ่งทำให้พระสหายร่วม[[บ้านกริฟฟินดอร์]]ต่างยินดี ยกเว้นรอน ผู้รู้สึกว่าเรื่องนี้เหมือนฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้เขาหมดความอดทนด้วยความที่แฮร์รี่ทรงเด่นกว่าเขาในทุกๆ ด้าน รวมถึงบ้านอื่นๆ ที่คิดว่าเขาต้องการเรียกร้องความสนใจ โดยเฉพาะ[[บ้านฮัฟเฟิลพัฟ]]ที่มี[[ดยุคเซดริก ดิกกอรี่]]ที่เป็นตัวแทนของฮอกวอตส์อีกคนหนึ่ง แฮร์รี่ทรงคืนดีกับรอนในเวลาต่อมา เนื่องจากรอนเห็นแล้วว่าการประลองดังกล่าวอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต ในขณะเดียวกันแฮร์รี่และเพื่อนก็สงสัยว่าใครเป็นคนหยอดชื่อของพระองค์ลงไปในถ้วยอัคนี แต่หลังจากที่แฮร์รี่ทรงเผชิญหน้ากับ[[พระเจ้าโวลเดอมอร์]]ผู้ทรงกลับคืนพระชนมชีพอีกครั้ง จึงทรงทราบว่าเป็นแผนของพระเจ้าโวลเดอมอร์นั่นเอง ในการเผชิญหน้าครั้งนี้แฮร์รี่ทรงรอดมาได้อย่างหวุดหวิดจากการที่ไม้กายสิทธิ์ของพระองค์มีแกนกลางเป็นขนนกฟินิกซ์เหมือนกับของโวลเดอมอร์ซึ่งทำให้เกิดปรากฏการณ์ประหลาด ไม้ทั้งสองสะท้อนผลของคาถาซึ่งกันและกัน แต่ก็ต้องแลกกับการตายของดยุคเซดริกและเกราะคุ้มกันตองค์แฮร์รี่ซึ่งถูกทำลายไปโดยเลือดของพระองค์เอง ความไว้ใจของแฮร์รี่ยังถูกทดสอบอีกครั้งเมื่อรู้ว่า[[อลาสเตอร์ มู้ดดี้|ศาสตร์จารย์มู้ดดี้]]ที่แฮร์รี่ทรงนับถือ แท้ที่จริงแล้วเป็น[[ผู้เสพความตาย]]ปลอมตัวมาและทำให้แฮร์รี่ทรงเกือบตกอยู่ในอันตรายสูงสุด แต่หม่อมเจ้าดัมเบิลดอร์ก็ช่วยเขาไว้ได้อีกครั้ง
ใน[[แฮร์รี่ พอตเตอร์กับถ้วยอัคนี]] ทรงกลายเป็นจุดสนใจของคนรอบข้างอีกครั้ง เมื่อทรงกลายเป็นผู้เข้าแข่งขันในการประลองเวทไตรภาคี ซึ่งทำให้พระสหายร่วม[[บ้านกริฟฟินดอร์]]ต่างยินดี ยกเว้นรอน ผู้รู้สึกว่าเรื่องนี้เหมือนฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้เขาหมดความอดทนด้วยความที่แฮร์รี่ทรงเด่นกว่าเขาในทุกๆ ด้าน รวมถึงบ้านอื่นๆ ที่คิดว่าเขาต้องการเรียกร้องความสนใจ โดยเฉพาะ[[บ้านฮัฟเฟิลพัฟ]]ที่มี[[ดยุคเซดริก ดิกกอรี่]]ที่เป็นตัวแทนของฮอกวอตส์อีกคนหนึ่ง แฮร์รี่ทรงคืนดีกับรอนในเวลาต่อมา เนื่องจากรอนเห็นแล้วว่าการประลองดังกล่าวอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต ในขณะเดียวกันแฮร์รี่และเพื่อนก็สงสัยว่าใครเป็นคนหยอดชื่อของพระองค์ลงไปในถ้วยอัคนี แต่หลังจากที่แฮร์รี่ทรงเผชิญหน้ากับ[[พระเจ้าโวลเดอมอร์]]ผู้ทรงกลับคืนพระชนมชีพอีกครั้ง จึงทรงทราบว่าเป็นแผนของพระเจ้าโวลเดอมอร์นั่นเอง ในการเผชิญหน้าครั้งนี้แฮร์รี่ทรงรอดมาได้อย่างหวุดหวิดจากการที่ไม้กายสิทธิ์ของพระองค์มีแกนกลางเป็นขนนกฟินิกซ์เหมือนกับของโวลเดอมอร์ซึ่งทำให้เกิดปรากฏการณ์ประหลาด ไม้ทั้งสองสะท้อนผลของคาถาซึ่งกันและกัน แต่ก็ต้องแลกกับการตายของดยุคเซดริกและเกราะคุ้มกันตองค์แฮร์รี่ซึ่งถูกทำลายไปโดยเลือดของพระองค์เอง ความไว้ใจของแฮร์รี่ยังถูกทดสอบอีกครั้งเมื่อรู้ว่า[[อลาสเตอร์ มู้ดดี้|ศาสตร์จารย์มู้ดดี้]]ที่แฮร์รี่ทรงนับถือ แท้ที่จริงแล้วเป็น[[ผู้เสพความตาย]]ปลอมตัวมาและทำให้แฮร์รี่ทรงเกือบตกอยู่ในอันตรายสูงสุด แต่หม่อมเจ้าดัมเบิลดอร์ก็ช่วยเขาไว้ได้อีกครั้ง

รุ่นแก้ไขเมื่อ 04:33, 7 เมษายน 2562

ตัวละครในหนังสือชุดแฮร์รี่ พอตเตอร์

แดเนียล แรดคลิฟฟ์แสดงเป็นแฮร์รี่ พอตเตอร์ ในภาพยนตร์แฮร์รี่ พอตเตอร์ทุกภาคที่สร้างมา
สมเด็จพระสัมพันธวงศ์เธอ เจ้าฟ้าแฮร์รี่ เจมส์ พอตเตอร์ กรมพระยาลิตเติลวิงจิงสถานอัครวิหารโอฬาริกธิบดี มกุฏราชกุมารแห่งบริตาเนีย-อิสเลตออฟเมจิคไอร์แลนด์ ประมุขแห่งราชวงศ์กริฟฟินดอร์-สลิธีริน-เพฟเวอเรลล์ มหาสาขาแห่งพอตเตอร์ แกรนด์ดยุคแห่งกอดดริกฮอลโลว์ มาร์ควิสแห่งเลสแตรงจ์ มาร์ควิสแห่งแบล็ค ลอร์ดแห่งพอตเตอร์ และผู้สืบทอดดวงตราพระมหาลัญจกรแห่งกษัตริย์อาเธอร์ และมหานพรัตน์คฑากรแห่งเมอร์ลิน

Harry James Potter
เพศ ชาย
สีผม สีน้ำตาล
สีนัยน์ตา สีเขียว
บ้าน กริฟฟินดอร์
เชื้อสาย เลือดผสม
 เจ้าฟ้าชั้นเอก
ภักดีต่อฝ่าย อัลบัส ดัมเบิลดอร์ / ภาคีนกฟีนิกซ์ / กองทัพดัมเบิลดอร์
ผู้แสดงในภาพยนตร์ แดเนียล แรดคลิฟฟ์
เหนือดวง ศรีสังข์(ทุกภาคยกเว้น3)พชร ธรรมมล (ภาค 3 )(พากย์ไทย)
ปรากฏตัวครั้งแรกใน แฮร์รี่ พอตเตอร์กับศิลาอาถรรพ์

สมเด็จเจ้าฟ้าชายแฮร์รี่ เจมส์ พอตเตอร์เสด็จพระราชสมภพเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2523 (วันเดือนเดียวกับผู้แต่ง เจ. เค. โรว์ลิ่ง ได้เขียนให้แฮร์รี่เกิดวันเดียวกันกับเธอแต่คนละปี) ทรงเป็นพระโอรสพระองค์เดียวในสมเด็จพระบรมราชชนก เจ้าฟ้าชายเจมส์ พอตเตอร์ สมเด็จพระอัฐปรมินทรามหาปิตาธิบดีและสมเด็จพระบรมราชชนนี เจ้าฟ้าหญิงลิลี่ พอตเตอร์ กรมพระเทพินทรสุดาอัครมหาสิริลักษณ์นารี เป็นตัวละครเอกในหนังสือชุดแฮร์รี่ พอตเตอร์

แฮร์รี่ พอตเตอร์ แสดงโดยแดเนียล แรดคลิฟฟ์ ในภาพยนตร์แฮร์รี่ พอตเตอร์ทุกภาคที่สร้างมา

มีความเข้าใจผิดว่า พระราชวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเนวิลล์ ลองบัตทอม ประสูติวันเดียวกันนี้ แต่เปล่าเพราะเขาเกิดวันที่ 30 กรกฎาคมต่างหาก

ประวัติ

สมเด็จเจ้าฟ้าชายแฮร์รี่ พอตเตอร์ ทรงมีพระกิตติศัพท์โด่งดังจากการที่ทรงเผชิญหน้ากับเจ้าแห่งศาสตร์มืดที่ชั่วร้ายที่สุด [หม่อมโทมัส มาร์โวโล่ ริดเดิล ณ กอนต์(ยศสุดท้ายก่อนถูกปลงพระชนมชีพหลังจากทรงแพ้สงครามผู้วิเศษครั้งที่สองและถูกถอดพระราชอิสริยยศ ก่อนทรงถูกนำไปประหารด้วยการถูกจับมัดรวมกับพระมเหสีเอกและสมุนเอกของพระองค์ พลเอกหญิง พระองค์เจ้าหญิงเบลลาทริกซ์ เลสแตรงจ์ พระราชเทวี ดัชเชสแห่งลิตเติลแฮงเกิลตัน และปล่อยให้ต้นไม้วิลโลว์จอมหวดทุบพระองค์จนสิ้นพระชนม์พร้อมพระสหาย แล้วปล่อยพระศพให้เป็นอาหารของเธสตรอลในป่าต้องห้าม ตามพระบัญชาของเสด็จพระองค์เจ้าหญิงเฮอร์ไมโอนี่ กรมพระรูปวิลาศเลอสันต์สรวงอัปสร อัครมหาเสนาบดีหญิงพระองค์แรกแห่งบริตาเนีย ผู้สืบสายสันดานและสืบสายโลหิตโดยตรงจากท่านผู้หญิงมอร์แกน เล เฟย์ เชษฐภคินีมืดแห่งท่านชายเมอร์ลิน องค์อัครมหาผู้วิเศษและมหาปุโรหิตประจำราชสำนักเพนทากอน และประธานองคมนตรีในกษัตริย์อาเธอร์แห่งเพนทากอน)/ซึ่งภายหลังหม่อมโทมัสยึดครองเกาะอังกฤษได้สถาปนาตนเองเป็น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวโวลเดอมอร์ ที่1 ผู้อ้างสิทธิในราชบัลลังก์แห่งบริตาเนียและราชวงศ์สลิธีริน-เพฟเวอเรลล์]] ซึ่งเป็นพ่อมดศาสตร์มืดที่น่าเกรงขามที่สุดใน โลกผู้วิเศษและเป็นตัวร้ายหลักของเรื่อง การเผชิญหน้ากันครั้งแรกเมื่อตอนเจ้าฟ้าชายแฮร์รี่มีพระชนมายุเพียงแค่หนึ่งชันษา ทำให้พระเจ้าโวลเดอมอร์สูญเสียพลังอำนาจทั้งหมด และพระดวงวิญญาณของพระองค์ถูกกระชากออกมาจากพระวรกาย อย่างไรก็ตามพระเจ้าโวลเดอมอร์ทรงรอดพระชนมชีพไปได้

เจ้าฟ้าชายเจมส์และเจ้าฟ้าหญิงลิลี่ พอตเตอร์ พระชนกและพระมารดาของเจ้าฟ้าแฮร์รี่ทรงถูกปลงพระชนมชีพโดยพระเจ้าโวลเดอมอร์ใน 31 ตุลาคม พ.ศ. 2524 ณ พระตำหนักหลวงกอดดริกฮอลโล่ (วันฮาโลวีน) (ค.ศ. 1981) ขณะที่พยายามปกป้องพระโอรสแฮร์รี่จากโวลเดอมอร์ เจมส์ทรงถูกสังหารก่อน ตามด้วยลิลี่ ผู้ปกป้องพระโอรสด้วยการนำพระวรกายเข้าไปขวางคำสาปพิฆาตจากโวลเดอมอร์ขณะทรงพยายามฆ่าแฮร์รี่ การกระทำดังกล่าวทำให้เกิดพระราชพันธะปกป้องลึกลับซึ่งเกิดขึ้นจากความรักของพระมารดา และทำให้คำสาปพิฆาต "อะวาดา เคดาฟ-รา" ซึ่งพระเจ้าโวลเดอมอร์เป็นผู้ทรงสาปมีผลสะท้อนกลับมายังพระองค์ของเขาเอง ทำให้ทรงบาดเจ็บสาหัส และทรงสูญเสียพลังทั้งหมดที่เคยมี ในหนังสือเล่มที่สอง แฮร์รี่ พอตเตอร์กับห้องแห่งความลับ แฮร์รี่ทรงตรัสกับโวลเดอมอร์ว่า "ไม่มีใครรู้ว่าทำไมฝ่าบาทถึงสูญเสียพลังอำนาจไปเมื่อทำร้ายหม่อมฉัน หม่อมฉันไม่รู้ด้วยซ้ำไป แต่รู้ว่าทำไมฝ่าบาทฆ่าหม่อมฉันไม่ได้..." เมื่อโวลเดอมอร์ทรงไร้พลังอำนาจ จึงทรงจำเป็นต้องหลบซ่อนตัว ในขณะที่เจ้าฟ้าแฮร์รี่ทรงกลายเป็นผู้โด่งดังและเป็นที่รู้จักในโลกผู้วิเศษว่าเป็น "เจ้าชายผู้รอดชีวิต" มีเอกลักษณ์โดดเด่นเป็นแผลเป็นรูปสายฟ้าตรงกลางพระนลาฏซึ่งเกิดจากคำสาปของพระเจ้าโวลเดอมอร์

หลังจากที่พระชนกและพระมารดาของแฮร์รี่่สิ้นพระชนม์ พระองค์ทรงได้รับการเลี้ยงดู(อย่าง"ถูกบังคับให้รับฝาก")โดยมาดามเพ็ตทูเนียซึ่งเป็นเชษฐภคินีในเจ้าฟ้าหญิงลิลี่ และสามี เวอร์นอน เดอร์สลีย์ ทั้งสองคอยดูแลประคบประหงมแต่ลูกชายของตนที่ชื่อดัดลีย์ และพยายามลบทุกหลักฐานที่บ่งบอกว่าเจ้าฟ้าชายแฮร์รี่มีพลังเวทมนตร์ รวมทั้งบังคับให้เขาเป็น "ปกติ" ที่สุด โดยให้เขาปลีกตัวจากสังคมแทบทุกชนิดโดยเฉพาะสังคมผู้วิเศษ และยังทรงเป็นพระญาติห่างๆของพระเจ้าโวลเดอมอร์ทางสายโลหิตของราชวงศ์เพฟเวอเรลล์(ราชวงศ์เจ้าสามตนที่เป็นเจ้าของเครื่องรางยมทูต)อีกด้วย

ชีวิตและการผจญภัยของแฮร์รี่ที่ฮอกวอตส์

เจ้าฟ้าชายแฮร์รี่ไม่เคยทรงทราบเลยว่าทรงเป็นพ่อมดจนกระทั่งมีพระชนมายุครบสิบเอ็ดชันษา เมื่อรูเบอัส แฮกริด ผู้ดูแลสัตว์ของฮอกวอตส์และคนสนิทของหม่อมเจ้าอัลบัส ดัมเบิลดอร์ได้อธิบายความเป็นมาของแฮร์รี่ให้ทรงสดับ รวมถึงเล่าถึงสังคมผู้วิเศษอีกด้วย

หลังจากที่แฮร์รี่ทรงรับรู้เรื่องดังกล่าว จึงทรงเริ่มศึกษาต่อที่โรงเรียนคาถาพ่อมดแม่มดและเวทมนตร์ศาสตร์ฮอกวอตส์ หมวกคัดสรรเลือกให้พระองค์ไปอยู่ประจำบ้านกริฟฟินดอร์ และเป็นเพื่อนกับรอน วีสลีย์และเฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์ในเวลาต่อมา พระองค์อยู่ประจำหอนอนเดียวกับรอน, เนวิลล์ ลองบัตท่อม, เชมัส ฟินนิกันและดีน โทมัส

แต่แฮร์รี่ทรงมิได้หลงระเริงอยู่กับชื่อเสียงโด่งดังหรือพระอิสริยยศของพระองค์แต่อย่างใด แม้ว่ากิลเดอรอย ล็อกฮาร์ตและคอลิน ครีฟวีย์ในแฮร์รี่ พอตเตอร์กับห้องแห่งความลับจะคอยย้ำเตือนแฮร์รี่อยู่เป็นพักๆ ว่าทรงสูงศักดิ์และมีชื่อเสียงโด่งดังมากขนาดไหน ซึ่งทำให้แฮร์รี่ทรงรำคาญเป็นอย่างมาก เนื่องจากชื่อเสียงเหล่านี้ แลกมาด้วยความคลั่งไคล้ในแฮร์รี่หรือความเกลียดชังในตัวแฮร์รี่จากหลายต่อหลายคน

แฮร์รี่ทรงมีเกราะคุ้มกันวิเศษที่สร้างขึ้นมาจากสายใยความรักของพระชนนีลิลี่และการสละชีพของพระนางซึ่งจะช่วยพระองค์อีกครั้งในสิบปีต่อมาในหนังสือเล่มแรกของชุด เมื่อพระเจ้าโวลเดอมอร์แอบแทรกซึมเข้ามาในโลกผู้วิเศษอีกครั้งเพื่อตามหาศิลาอาถรรพ์ โดยใช้ศาสตราจารย์ควีเรลล์เป็นร่างสถิต โวลเดอมอร์ทรงเข้ามาในฮอกวอตส์เพื่อตามหาศิลา แต่แฮร์รี่ทรงสามารถเข้ามาขัดขวางพระองค์ได้ และการเผชิญหน้ากับโวลเดอมอร์อีกครั้ง แฮร์รี่ทรงรอดพระชนมชีพมาได้อีกเนื่องจากเกราะคุ้มกันนั้นป้องกันไม่ให้พระเจ้าโวลเดอมอร์และร่างสถิตแตะต้องพระวรกายของแฮร์รี่ได้ โวลเดอมอร์ทรงทิ้งร่างสถิตไปหลังจากทรงพยายามปลงพระชนมชีพของแฮร์รี่และขโมยศิลาอาถรรพ์ไม่สำเร็จ และทรงปล่อยให้ควีเรลล์ตาย

ในแฮร์รี่ พอตเตอร์กับนักโทษแห่งอัซคาบัน พระอุปนิสัยของเจ้าฟ้าชายแฮร์รี่เริ่มเปลี่ยนไป อารมณ์โกรธของพระองค์รุนแรงขึ้นเนื่องจากทรงเชื่อว่า[[ดยุคแบล็ค(พระอิสริยยศในขณะนั้น)/เจ้าฟ้าชายซิเรียส แบล็ก กรมพระยากริมโมลดเพลสถานสุวรรณเศวตอภิเชษฐคุณากร (สถาปนาหลังดยุคสิ้นชีพิตักษัยและแฮร์รี่่ทรงขึ้นเถลิงถวัลย์ราช]]ทรงเป็นผู้ทรยศ ทำให้พระชนกและพระชนนีของพระองค์ต้องสิ้นพระชนม์ และทรงไปอยู่ฝ่ายเดียวกับพระเจ้าโวลเดอมอร์ จนกระทั่งแฮร์รี่ทรงพบว่าซิเรียสนั้น เป็นพระสหายที่สนิทที่สุดของพระชนก และยังทรงเคยเป็นอดีตพระสวามีในพระชนกเจมส์และทรงเป็นพระชนกทูนหัวของเขาอีกด้วย และแฮร์รี่ก็ทรงพบว่าไม่ใช่เจ้าฟ้าซิเรียสที่เป็นคนทรยศ แต่เป็นอดีตพระสหายของพระชนกและซีเรียส บารอนปีเตอร์ เพ็ตติกรูว์ซึ่งเป็นข้ารับใช้ของพระเจ้าโวลเดอมอร์ ในตอนท้ายของเล่ม ซิเรียสทรงเสนอสิ่งที่แฮร์รี่ทรงปรารถนามาตลอดพระชนมชีพ คือให้ไปอยู่กับระองค์ในวังที่ห่างไกลจากครอบครัวเดอร์สลีย์ แฮร์รี่ทรงตอบรับข้อเสนอในทันที แต่ทรงสูญเสียโอกาสนี้ไปเนื่องจากเจ้าฟ้าชายซิเรียสทรงจำเป็นต้องหนีจากการจับกุมของทางการที่ยังเชื่ออยู่ว่าซิเรียสทรงเป็นฆาตกร

ในแฮร์รี่ พอตเตอร์กับถ้วยอัคนี ทรงกลายเป็นจุดสนใจของคนรอบข้างอีกครั้ง เมื่อทรงกลายเป็นผู้เข้าแข่งขันในการประลองเวทไตรภาคี ซึ่งทำให้พระสหายร่วมบ้านกริฟฟินดอร์ต่างยินดี ยกเว้นรอน ผู้รู้สึกว่าเรื่องนี้เหมือนฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้เขาหมดความอดทนด้วยความที่แฮร์รี่ทรงเด่นกว่าเขาในทุกๆ ด้าน รวมถึงบ้านอื่นๆ ที่คิดว่าเขาต้องการเรียกร้องความสนใจ โดยเฉพาะบ้านฮัฟเฟิลพัฟที่มีดยุคเซดริก ดิกกอรี่ที่เป็นตัวแทนของฮอกวอตส์อีกคนหนึ่ง แฮร์รี่ทรงคืนดีกับรอนในเวลาต่อมา เนื่องจากรอนเห็นแล้วว่าการประลองดังกล่าวอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต ในขณะเดียวกันแฮร์รี่และเพื่อนก็สงสัยว่าใครเป็นคนหยอดชื่อของพระองค์ลงไปในถ้วยอัคนี แต่หลังจากที่แฮร์รี่ทรงเผชิญหน้ากับพระเจ้าโวลเดอมอร์ผู้ทรงกลับคืนพระชนมชีพอีกครั้ง จึงทรงทราบว่าเป็นแผนของพระเจ้าโวลเดอมอร์นั่นเอง ในการเผชิญหน้าครั้งนี้แฮร์รี่ทรงรอดมาได้อย่างหวุดหวิดจากการที่ไม้กายสิทธิ์ของพระองค์มีแกนกลางเป็นขนนกฟินิกซ์เหมือนกับของโวลเดอมอร์ซึ่งทำให้เกิดปรากฏการณ์ประหลาด ไม้ทั้งสองสะท้อนผลของคาถาซึ่งกันและกัน แต่ก็ต้องแลกกับการตายของดยุคเซดริกและเกราะคุ้มกันตองค์แฮร์รี่ซึ่งถูกทำลายไปโดยเลือดของพระองค์เอง ความไว้ใจของแฮร์รี่ยังถูกทดสอบอีกครั้งเมื่อรู้ว่าศาสตร์จารย์มู้ดดี้ที่แฮร์รี่ทรงนับถือ แท้ที่จริงแล้วเป็นผู้เสพความตายปลอมตัวมาและทำให้แฮร์รี่ทรงเกือบตกอยู่ในอันตรายสูงสุด แต่หม่อมเจ้าดัมเบิลดอร์ก็ช่วยเขาไว้ได้อีกครั้ง

ต่อมาในแฮร์รี่ พอตเตอร์กับภาคีนกฟีนิกซ์ แฮร์รี่ทรงเริ่มเข้าสู่วัยผู้ใหญ่พร้อมกับมีพระอารมณ์รุนแรงยิ่งขึ้นอีก ในปีนี้แฮร์รี่ทรงต้องเผชิญกับการโจมตีอย่างหนักจากสื่อมวลชนซึ่งได้รับความกดดันจากกระทรวงเวทมนตร์ เนื่องจากแฮร์รี่ทรงตรัสว่าโวลเดอมอร์กลับมาในปีที่แล้ว และฮอกวอตส์ก็ถูกแทรกแซงโดยคอร์นีเลียส ฟัดจ์ รัฐมนตรีกระทรวงเวทมนตร์ ด้วยการออกกฤษฎีกาการศึกษาออกมา รวมถึงการส่งตัวโดโลเรส อัมบริดจ์ อาจารย์สอนวิชาป้องกันตัวจากศาสตร์มืดคนใหม่ซึ่งกลายมาเป็นเจ้าพนักงานสอบสวนใหญ่ของฮอกวอตส์ในเวลาต่อมา เธอได้สร้างความลำบากให้แก่แฮร์รี่เป็นอย่างมาก โดยทำทุกวิถีทางเพื่อไม่ให้นักเรียนได้เรียนรู้วิชาที่เธอสอนในภาคปฏิบัติ เนื่องจากฟัดจ์กลัวว่าดัมเบิลดอร์จะจัดตั้งกองทัพเพื่อโค่นล้มเขา รวมถึงลงโทษแฮร์รี่ที่พูดว่าโวลเดอมอร์กลับมาแล้ว ยังดีที่เฮอร์ไมโอนี่เป็นผู้ริเริ่มจัดตั้งชั้นเรียนลับๆ ขึ้นเรียกว่ากองทัพดัมเบิลดอร์ ซึ่งสอนโดยแฮร์รี่เอง ชั้นเรียนดังกล่าวช่วยลดความกดดันในองค์แฮร์รี่ได้มากทีเดียว นอกจากนี้ทรงพบว่าพระองค์มีพระอัจฉริยะภาพใหม่ในการรับรู้ถึงพระอารมณ์ของพระเจ้าโวลเดอมอร์ แต่ทรงหาทราบไม่ว่าโวลเดอมอร์นั้นทรงก็รับรู้ถึงพระเจ้าอารมณ์ของแฮร์รี่ด้วยซึ่งทำให้แฮร์รี่ทรงตกอยู่ในอันตรายเพราะพระอัจฉริยะภาพนี้ในเวลาต่อมา ในขณะเดียวกันหม่อมเจ้าดัมเบิลดอร์ทรงได้รวบรวมสมาชิกและจัดตั้งภาคีนกฟีนิกซ์ขึ้นมาอีกครั้ง จนกระทั่งแฮร์รี่ทรงทราบว่าเจ้าฟ้าชายซิเรียสทรงหายพระองค์ไป พระองค์และพระสหาย รวมชั้นกองทัพดัมเบิลดอร์จึงเสี่ยงชีวิตเข้าไปในกระทรวงเวทมนตร์เพื่อตามหาเขา แต่ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นกับดักและแผนของพระเจ้าโวลเดอมอร์ซึ่งทรงต้องการให้แฮร์รี่นำคำพยากรณ์ที่ซีบิลล์ ทรีลอว์นีย์ทำนายไว้มาให้ แฮร์รี่ทรงถูกบรรดาผู้เสพความตายโจมตีอีกครั้ง แต่เหล่าสมาชิกภาคีนกฟินิกซ์รวมถึงซิเรียสและดัมเบิลดอร์มาช่วยเอาไว้ เหล่าผู้เสพความตายและโวลเดอมอร์พ่ายแพ้ แต่ต้องแลกกับการสูญเสียเจ้าฟ้าชายซิเรียส แบล็กผู้เป็นที่รักยิ่งของแฮร์รี่ เหตุการณ์นี้ทำให้พระอารมณ์ของแฮร์รี่ตกต่ำลงอย่างมาก และเพิ่มความกดดันในพระปณิธานของพระองค์ที่จะต้องเอาชนะศาสตร์มืดให้ได้

แฮร์รี่ พอตเตอร์กับอัลบัส ดัมเบิลดอร์ ในหนังสือเล่มที่หกของชุด แฮร์รี่ พอตเตอร์กับเจ้าชายเลือดผสม

และในแฮร์รี่ พอตเตอร์กับเจ้าชายเลือดผสม สังคมผู้วิเศษยอมรับความจริงเรื่องการกลับมาของลอร์ดโวลเดอมอร์และต่างพิจารณาให้แฮร์รี่เป็น "เจ้าฟ้าชายที่ถูกเลือก" ตามคำพยากรณ์ซึ่งคาดเดากันไปต่างต่างนานา ว่าแฮร์รี่ทรงจะเป็นผู้พิชิตโวลเดอมอร์อีกครั้ง ในปีนี้ดัมเบิลดอร์ทรงไว้วางพระทัยในพระองค์ของแฮร์รี่อย่างเต็มที่ และทรงให้แฮร์รี่ทอดพระเนตรความทรงจำในเพนซีฟซึ่งเกี่ยวกับอดีตของโวลเดอมอร์และฮอร์ครักซ์ของเขา ดัมเบิลดอร์ยังทรงพาแฮร์รี่เสด็จพระราชดำเนินไปตามหาฮอร์ครักซ์ วัตถุที่บรรจุเศษเสี้ยวดวงพระวิญญาณของพระเจ้าโวลเดอมอร์ และจำเป็นจะต้องถูกทำลายเพื่อพระเจ้าโวลเดอมอร์จะไม่สามารถฟื้นคืนพระชนมชีพได้อีก ฮอร์ครักซ์ดังกล่าวซ่อนไว้ในถ้ำกลางทะเลสาบซึ่งเต็มไปด้วยอินเฟอไร ร่างคนตายที่ถูกครอบงำด้วยมนตร์ดำ ตามมาด้วยเหตุการณ์ที่กองทัพผู้เสพความตายบุกฮอกวอตส์และเซเวอรัส สเนปสังหารอาจารย์ใหญ่ของเขาเอง ซึ่งนำมาสู่คำถามต่อมาคือฮอกวอตส์จะเปิดสอนในปีต่อไปหรือไม่ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม แฮร์รี่ได้ตัดสินใจแล้วว่าจะไม่กลับไปเรียนจนกว่าเขาจะสามารถทำลายฮอร์ครักซ์ที่เหลือและพิชิตโวลเดอมอร์ให้ได้

ซึ่งหมายความว่าในหนังสือเล่มที่เจ็ดและเล่มสุดท้ายของชุด แฮร์รี่จะต้องเผชิญหน้ากับโวลเดอมอร์ แต่เขาไม่ต้องฝ่าฟันอุปสรรคนี้เพียงลำพัง เพราะรอนกับเฮอร์ไมโอนี่สัญญาว่าจะเดินทางไปกับแฮร์รี่ทุกแห่งเพื่อช่วยปฏิบัติภารกิจนี้ให้สำเร็จ อันจะนำไปสู่จุดจบที่สมบูรณ์ของหนังสือชุดแฮร์รี่ พอตเตอร์

ในภาคที่เจ็ดแฮร์รี่กำลังจะอายุครบสิบเจ็ดปีซึ่งหมายถึงเขาบรรลุนิติภาวะของโลกผู้วิเศษศและร่องรอยของเขาก็จะหมดลง แฮร์รี่ไม่ได้วางแผนที่จะกลับไปที่ฮอกวอตส์ เขาเตรียมการเพื่อไปตามหาฮอร์ครักซ์เพียงคนเดียวและเขาบอกให้พวกเดอร์สลีย์หนีออกจากบ้านเลขที่สี่ ซอยพรีเว็ตเนื่องจากโวลเดอมอร์จะมาตามหาตัวแฮร์รี่และอาจฆ่าพวกเดอร์สลีย์ได้ ก่อนวันที่เขาจะอายุครบสิบเจ็ดสี่วันพวกภาคีนกฟีนิกซ์มาที่บ้านเลขที่สี่และวางแผนให้ปลอมตัวเป็นแฮร์รี่เจ็ดคนกระจายไปคนละทิศทางเพื่อให้โวลเดอมอร์ไม่รู้ว่าคนไหนคือแฮร์รี่ตัวจริง พวกเดอร์สลีย์ก็ยอมหนีไปกับสมาชิกภาคีบางคน พวกภาคีเตรียมการให้แฮร์รี่ตัวปลอมและตัวจริงกระจายกันออกไปและไปพบกันที่บ้านโพรงกระต่าย พวกเขาทั้งหมดออกเดินทางโดยแฮร์รี่เดินทางไปกับแฮกริดแต่ระหว่างเดินทางพวกเขาถูกผู้เสพความตายโจมตีทางอากาศ แฮร์รี่สูญเสียเฮ็ดวิกนกฮูกของเขาและไม้กวาดที่ซิเรียสให้มา ผู้เสพความตายตามตัวเขาเจอและเรียกให้โวลเดอมอร์มาหา เมื่อโวลเดอมอร์พบตัวแฮร์รี่เขาพยายามฆ่าแฮร์รี่ด้วยไม้ที่เขายืมมา แต่ไม้ของแฮร์รี่กลับโจมตีโดยที่เขาไม่ได้แตะต้องและทำให้ไม้ที่โวลเดอมอร์ยืมระเบิดไป พวกเขามาถึงเขตของภาคีและใช้กุญแจนำทางไปที่บ้านโพรงกระต่าย หลังจากนั้นพวกภาคีคนอื่นๆก็ตามกันมาแต่มู้ดดี้ถูกผู้เสพความตายฆ่าตาย เฮอร์ไมโอนี่และรอนขอร่วมเดินทางไปกับแฮร์รี่เพื่อไปตามหาฮอร์ครักซ์ซึ่งแฮร์รี่ก็ตอบตกลง ในงานวันเกิดของแฮร์รี่ นายกรัฐมนตรีกระทรวงเวทมนตร์ รูฟัส สคริมเจอร์เดินทางมาเพื่อเปิดพินัยกรรมของดัมเบิลดอร์ แฮร์รี่ได้รับลูกสนิชที่เขาจับได้ครั้งแรกและดาบของกริฟฟินดอร์ แต่สคริมเจอร์ไม่ยอมมอบดาบให้จึงทำให้มีปากเสียงกับแฮร์รี่และสคริมเจอร์ก็จากไป ในงานแต่งงานของบิลพี่ชายของรอนภายในงานถูกผู้เสพความตายบุกทำลายและพวกเขารู้ว่าสคริมเจอร์ถูกฆ่าและกระทรวงถูกโวลเดอมอร์ยึดเสียแล้ว พวกเขาหนีไปที่บาร์แห่งหนึ่งแต่ถูกผู้เสพความตายตามเจอพวกเขาต่อสู้กับผู้เสพความตายและหนีมาได้ พวกเขาหนีไปอยู่ที่บ้านของตระกูลแบล็คและคอยหาข่าวต่างๆ พวกเขารู้ความลับเรื่อง ร.อ.บ. บุคคลลึกลับที่เปลี่ยนล็อกเก็ตและนำของจริงไปซ่อนและรู้อีกด้วยว่าล็อกเก็ตอยู่ในมือของอัมบริดจ์ ที่ฮอกวอตส์เองก็ถูกโวลเดอมอร์ยึดและสเนปขึ้นเป็นอาจารย์ใหญ่คนใหม่ นอกจากนั้นยังมีการตามล่าพวกลูกมักเกิ้ลโดยที่พวกผู้เสพความตายอ้างว่าพวกมักเกิ้ลขโมยพลังเวทมนตร์มา พวกเขาปลอมตัวเป็นคนในกระทรวงและสามารถเข้าถึงกระทรวงได้ ที่กระทรวงแฮร์รี่พบกับอัมบริดจ์ เขาได้เข้าไปในห้องทำงานของเธอและพบกับลูกตาของมู้ดดี้เขาจึงดึงมันออกมาจากที่นั่น เขาแอบเข้าไปที่ห้องพิจรณาคดีที่อัมบริดจ์อยู่และขโมยล็อกเก็ตมาได้ แต่ผู้เสพความตายรู้ทันเพราะรู้ที่ลูกตาของมู้ดดี้เคยอยู่อยู่ที่ประตูห้องทำงานของอัมบริดจ์ พวกเขาหนีไปที่บ้านตระกูลแบล็กแต่ผู้เสพความตายติดตามมาได้ พวกเขาจึงหนีไปอยู่ที่ป่า แต่อำนาจของล็อกเก็ตทำให้จิตใจรอนเร่าร้อนและหนีพวกเขาไป แฮร์รี่กับเฮอร์ไมโอนี่ไปที่ก็อดดริกส์โฮลโล่เพื่อไปเยี่ยมหลุมศพของพ่อแม่แฮร์รี่ แต่พวกเขาพบกับงูของโวลเดอมอร์ งูต่อสู้กับพวกเขาแต่เฮอร์ไมโอนี่พาเขาหนีมาได้แต่เขาก็พบว่าไม้กายสิทธิ์ของเขาหักเสียแล้ว วันหนึ่งแฮร์รี่พบกับผู้พิทักษ์ที่เป็นกวางตัวเมีย เขาตามมันไปและพบกับดาบของกริฟฟินดอร์ซึ่งอยู่ในทะเลสาบ เขาพยายามลงไปแต่ล็อกเก็ตรัดคอของเขาจนแทบขาดใจแต่รอนกลับมาและช่วยเขาไว้ทันและสามารถนำดาบกริฟฟินดอร์ขึ้นมาได้ รอนสามารถทำลายล็อกเก็ตได้ในที่สุด

หลังจากนั้นพวกเขาไปที่บ้านของเซโนฟิเลียส เลิฟกู๊ดและรู้เรื่องของเครื่องรางยมทูตที่โวลเดอมอร์กำลังตามหาอยู่แต่เซโนฟิเลียสหักหลังพวกเขา เซโนฟิเลียสตามผู้เสพความตายมาเพื่อจัดการแฮร์รี่ พวกเขาสู้กับผู้เสพความตายจนบ้านของเซโนฟิเลียสระเบิดและพวกเขาสามรถหนีมาได้ คราวหลังแฮร์รี่และพวกอยู่ในป่าแห่งหนึ่งแต่แฮร์รี่เผลอเอ่ยชื่อโวลเดอมอร์จนผู้เสพความตายตามตัวเจอและจับเขาไปที่คฤหาสถ์มัลฟอย เบลาทริกซ์รู้ว่าพวกเขามีดาบกริฟฟินดอร์เธอจึงจับเฮอร์ไมโอนี่ไปทรมานเพราะคิดว่าเฮอร์ไมโอนี่รู้เรื่องความลับของตู้นิรภัยของเธอที่ธนาคารกริงกอตส์ ด๊อบบี้มาช่วยแฮร์รี่ไว้ได้พวกแฮร์รี่เองก็ช่วยชีวิต ลูน่า ดีน โอลิแวนเดอร์และกริ๊บฮุกมาได้และหนีไปที่กระท่อมเปลือกหอย แต่ด๊อบบี้ถูกมีดของเบลลาทริกซ์ปักอกจนตาย แฮร์รี่ถามเรื่องห้องนิรภัยของเบลลาทริกซ์และพบว่ามีฮอร์ครักซ์ซ่อนอยู่ เขาตกลงใจว่าจะนำเอาดาบกริฟฟินดอร์ไปทำลายฮอร์ครักซ์และขอให้กริ๊บฮุกช่วยเขาบุกเข้าไปในกริงกอตส์แต่กริ๊บฮุกมีข้อแลกเปลี่ยนโดยแฮร์รี่ต้องเอาดาบให้กริ๊บฮุก แฮร์รี่ก็ตอบตกลง พวกเขาบุกกริงกอตส์สำเร็จและเข้าถึงห้องนิรภัยของเบลลาทริกซ์แต่ก็พบกับสมบัติมากมายที่เมื่อแตะแล้วจะเพิ่มจำนวนและยังเผาไหม้ผิวหนังได้อีกด้วย กองสมบัติทวีมากยิ่งขึ้นและเขาพบถ้วยทองซึ่งเป็นฮอร์ครักซ์แต่ในตอนที่ออกมาจากห้องนิรภัยนั้นกริ๊บฮุกชิงดาบตัดหน้าเขาไปก่อนแล้ว ผู้ดูแลที่กริงกอตส์ตามตัวพวกเขาเจอพวกเขาต่อสู้กันจนกระทั่งพวกแฮร์รี่ขี่มังกรที่เฝ้าสมบัติหน้าห้องนิรภัยหนีไปได้ พวกเขาหยุดลง ณ ทะเลสาบแห่งหนึ่งและพบว่าฮอร์ครักซ์อีกชิ้นอยู่ที่ฮอกวอตส์ พวกเขาหายตัวไปฮอกส์มี้ดแต่ผู้เสพความตายเสกคาถาแมวครวญไว้ทำให้ผู้เสพความตายตามตัวเขาได้แต่พวกแฮร์รี่ได้รับการช่วยเหลือจากอาเบอร์ฟอร์ธน้องชายดัมเบิลดอร์ และสามารถไปฮอกวอตส์โดยผ่านรูปภาพของน้องสาวดัมเบิลดอร์เข้าไปได้ แฮร์รี่พบกับเนวิลล์และกองทัพดัมเบิลดอร์คนอื่นๆ แฮร์รี่ต้องการรู้ถึงสมบัติของเรเวนคลอที่อาจจะเป็นฮอร์ครักซ์ เขาไปที่ห้องนั่งเล่นเรเวนคลอแต่ถูกพี่น้องแคร์โรลขัดขวาง แต่เขาสามารถจัดการกับพี่น้องแคร์โรลได้ และพบกับมักกอนนากัลที่กำลังต่อสู้กับสเนปอย่างดุเดือด สเนปหนีไปได้ทางฮอกวอตส์เองก็เตรียมการรับมือกับโวลเดอมอร์ที่กำลังจะบุกฮอกวอตส์ สงครามฮอกวอตส์เริ่มขึ้นพร้อมการต่อสู้ที่ แฮร์รี่รู้ถึงความลับเรื่องรัดเกล้าของเรเวนคลอและรู้ถึงที่ซ่อนเขาพบกับเฮอร์ไมโอนี่และรอนที่ทำลายถ้วยทองได้สำเร็จ แฮร์รี่เข้าไปยังห้องต้องประสงค์ที่ที่ซ่อนรัดเกล้าไว้แต่ก็พบกับพวกมัลฟอย ทั้งหมดต่อสู้กันจน แครบลูกสมุนของมัลฟอยเสกเพลิงปีศาจขึ้นทำให้ห้องต้องประสงค์ลุกเป็นไฟ พวกเขาหนีเพลิงปีศาจได้สำเร็จและช่วยชีวิตมัลฟอยกับกอล์ยได้ส่วนแครบนั้นตายอยู่ข้างในห้องต้องประสงค์ แฮร์รี่พบว่ารัดเกล้าถูกเพลิงปีศาจทำลายจนสูญสลาย พวกเขาไปที่เพิงโหยหวนและพบกับโวลเดอมอร์ที่ฆ่าสเนปเนื่องจากเขาต้องการเป็นเจ้าของไม้เอลเดอร์ที่แท้จริง หลังจากนั้นโวลเดอมอร์บอกว่าเขาจะรอแฮร์รี่ที่ป่าต้องห้ามหากไม่มาเขาจะสู้ร่วมกับผู้เสพความตาย ก่อนตายสเนปให้ความทรงจำของเขากับแฮร์รี่กำชับว่าให้แฮร์รี่ดู

แฮร์รี่เมื่อได้ความทรงจำมาเขานำไปที่เพนซิฟเพื่อดูความทรงจำและพบว่าสเนปเป็นคนดีที่คอยช่วยเหลือแฮร์รี่ตลอดและยังเป็นสายลับของดัมเบิลดอร์อีกด้วย แฮร์รี่ไปที่ป่าต้องห้ามเขาสามารถเปิดลูกสนิชซึ่งซ่อนหินชุบชีวิตหนึ่งในเครื่องรางยมทูตได้และพบกับพ่อแม่ของเขา โวลเดอมอร์พบตัวแฮร์รี่และเสกคำสาปพิฆาตใส่แฮร์รี่ แฮร์รี่อยู่ที่อีกโลกหนึ่งระหว่างความเป็นกับความตายเขาพบกับดัมเบิลดอร์ซึ่งอธิบายว่าฮอร์ครักซ์อีกชิ้นคือตัวแฮร์รี่ซึ่งเป็นฮอร์ครักซ์ที่โวลเดอมอร์ไม่ได้ตั้งใจที่จะสร้างขึ้นและตอนนี้ถูกทำลายแล้ว ดัมเบิลดอร์เล่าเรื่องต่างๆอีกมากมายรวมทั้งเรื่องไม้เอลเดอร์ในตอนท้ายดัมเบิลดอร์ให้แฮร์รี่เลือกว่าจะไปต่อหรือกลับไปในโลกของความจริง แฮร์รี่เลือกที่จะกลับไป เขาฟื้นขึ้นมาแต่แกล้งตายเพื่อหลอกโวลเดอมอร์ ทางโวลเดอมอร์เองคิดว่าแฮร์รี่ตายแล้วและประกาศไปทั่วฮอกวอตส์ ทางฝ่ายฮอกวอตส์เองขอสู้เพื่อแฮร์รี่สงครามจึงเกิดขึ้นเมื่อกองทัพของฮอกวอตส์ประทะกับผู้เสพความตาย ยักษ์ปะทะกัน เอลฟ์สู้สงครามกับผู้เสพความตาย สัตว์อื่นทะลวงกองทัพผู้เสพความตาย ต่างฆ่าฟันกันมากมาย จนกระทั่งเนวิลล์ชักดาบกริฟฟินดอร์ที่เชื่อมต่อกับหมวกคัดสรรออกมาและกริ๊บฮุกก็พบคราวหลังว่าดาบหายไป เนวิลล์ใช้ดาบตัดคองูของโวลเดอมอร์ซึ่งเป็นฮอร์ครักซ์และฮอร์ครักซ์ทุกชิ้นถูกทำลายหมดสิ้น แฮร์รี่จึงลุกขึ้นและสู้กับโวลเดอมอร์ ในการต้านคาถากันแฮร์รี่ต้านคำสาปพิฆาตของโวลเดอมอร์ทำให้คำสาปย้อนไปโดนโวลเดอมอร์ โวลเดอมอร์ตายในที่สุดและแฮร์รี่เองก็ได้เป็นเจ้าของไม้เอลเดอร์ที่แท้จริงแต่เขาทิ้งมันไว้ในห้องทำงานดัมเบิลดอร์เพื่อไม่ให้ผู้ใดครอบครองมันอีก สิบเก้าปีต่อมาแฮร์รี่มาส่งลูกๆที่สถานีรถไฟเขาแต่งงานกับเดรโก มัลฟอยมีลูกด้วยกันสามคนคือ เจมส์ ซิเรียส,อัลบัส เซเวอรัส และ ลิลี่ ลูน่า พอตเตอร์ ทุกอย่างจบลงด้วยดี

คุณลักษณะ, บุคลิกและบุคคลรอบข้าง

ผู้ใหญ่หลายๆ คนที่รู้จักพ่อแม่ของแฮร์รี่มักจะบอกว่าแฮร์รี่มีหน้าตาเหมือนกับเจมส์พ่อของเขา แต่มีดวงตาคล้ายกับลิลี่แม่ของเขา ซึ่งดูแฮร์รี่จะมีความสุขเมื่อได้ยินดังกล่าว

ความปรารถนาจากก้นบึ้งของหัวใจแฮร์รี่คือการได้ดำรงชีวิตอย่างปกติและมีครอบครัวของเขาอยู่เคียงข้าง และให้ทุกคนที่เขาห่วงใยปลอดภัยดีและมีความสุข ต่อมาเขาก็พบว่าสิ่งเหล่านี้จะไม่มีทางเกิดขึ้นได้ ตราบใดที่โวลเดอมอร์ยังมีตัวตนอยู่ไม่ว่าในรูปแบบใดก็ตาม แฮร์รี่มีนิสัยยอมเสี่ยงตนเองเพื่อช่วยผู้อื่นและมักโน้มน้าวให้ผู้อื่นไม่ทำให้ตัวเองตกอยู่ในอันตราย กรณีดังกล่าวสามารถยกตัวอย่างได้เช่นในแฮร์รี่ พอตเตอร์กับศิลาอาถรรพ์ แฮร์รี่ไม่ต้องการให้รอนและเฮอร์ไมโอนี่ร่วมค้นหาศิลาอาถรรพ์กับเขา และในแฮร์รี่ พอตเตอร์กับภาคีนกฟีนิกซ์แฮร์รี่พยายามโน้มน้าวไม่ให้เพื่อนของเขา ประกอบไปด้วยจินนี่, เนวิลล์ และลูน่า รวมถึงเพื่อนสนิทของเขา รอนและเฮอร์ไมโอนี่ ไปช่วยซีเรียสที่กระทรวงเวทมนตร์กับเขา

อย่างไรก็ตาม ข้อเสียในตัวแฮร์รี่ก็มีอยู่หลายประการ เขาโมโหง่ายถ้าพ่อแม่หรือใครก็ตามที่เขาห่วงใยถูกดูหมิ่นเหยียดหยาม หรือเมื่อไรก็ตามที่มีคนไม่เชื่อถือคำพูดของเขา และเขาก็เหมือนรอนที่เรียนไม่ค่อยเก่งนักในหลายๆ วิชา ในเล่มที่ห้า (ภาคีนกฟีนิกซ์)แฮร์รี่มีอารมณ์โมโหร้ายมากขึ้น ซึ่งเป็นผลจากการที่สังคมผู้วิเศษเกือบทั้งหมดเชื่อว่าเขาเป็นคนโกหกที่ต้องการเรียกร้องความสนใจ ผนวกกับการเติบโตเป็นวัยรุ่นซึ่งเป็นพัฒนาการทางอารมณ์อย่างหนึ่ง ในบางครั้ง เขาถึงกับโมโหใส่รอนและเฮอร์ไมโอนี่ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเวลาที่ทั้งสองคนนั้นทะเลาะกัน อารมณ์โกรธดังกล่าวสามารถยกตัวอย่างได้เช่น ตอนที่รอนทะเลาะกับแฮร์รี่ และแฮร์รี่ไม่ยอมคืนดีเพราะรอนไม่เชื่อว่าเขาไม่ได้หย่อนชื่อตัวเองลงไปในถ้วยอัคนี ในแฮร์รี่ พอตเตอร์กับถ้วยอัคนีเป็นต้น

แฮร์รี่มักแปลกแยกจากคนอื่นและอยู่เพียงลำพัง เขาสูญเสียพ่อแม่, พ่อทูนหัว และผู้พิทักษ์ที่แกร่งที่สุดอย่างดัมเบิลดอร์ไป ทำให้ตอนนี้เหลือเพียงรีมัส ลูปินและครอบครัววีสลีย์ที่แฮร์รี่พึ่งพาได้จริงๆ นางวีสลีย์ในมุมมองของแฮร์รี่คือบุคคลที่มีลักษณะดูแลห่วงใยและเป็นแม่ของเขา เพราะเธอปฏิบัติต่อเขาเปรียบเสมือนลูกคนหนึ่งของเธอเอง และในบางคราวแฮกริดก็จะคอยช่วยเหลือและมอบคำแนะนำให้แก่แฮร์รี่ แต่เมื่อแฮร์รี่โตขึ้น ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองก็หดหายลงไปบ้าง เพราะในช่วงหลังๆแฮร์รี่กับแฮกริดไม่ค่อยได้พบกันบ่อยนัก

แฮร์รี่มีความจงรักภักดีต่อใครก็ตามที่เขานับถืออย่างถึงที่สุด แต่ในขณะเดียวกันเขาก็ต้องการความภักดี (หรือความเคารพ) จากบุคคลนั้นกลับมาในระดับหนึ่งด้วย ซึ่งบุคลิกนี้ทำให้แฮร์รี่ปล่อยวางจากสิ่งที่เขาทำอยู่ตามคำแนะนำของบุคคลนั้นๆ แต่ในบางครั้งก็ทำให้เขาละเมิดทุกกฎเกณฑ์เพื่อทำสิ่งที่จะเป็นประโยชน์แก่บุคคลที่เขาภักดี และละเลยคำตักเตือนแม้กระทั่งจากเพื่อนเช่นเฮอร์ไมโอนี่

แฮร์รี่มีลักษณะปล่อยให้ความไว้เนื้อเชื่อใจในบุคคลใดๆ เป็นตัวตัดสินบุคคลนั้น และค่อนข้างรู้ดีว่าเขาเชื่อใจใครได้หรือไม่ได้ เช่นแฮร์รี่ไม่สู้เต็มใจที่จะเชื่อใจเซเวอรัส สเนป อาจารย์สอนวิชาปรุงยาของเขานัก แม้ว่าอาจารย์ใหญ่ของฮอกวอกส์อย่างดัมเบิลดอร์จะเชื่อมั่นและเชื่อใจสเนปก็ตาม การที่เขาได้รับการเลี้ยงดูโดยครอบครัวเดอร์สลีย์ที่คอยกดขี่ข่มเหงเขามาตลอดชีวิตก่อนที่จะรู้ว่าตัวเองเป็นพ่อมด และประสบกับชะตากรรมเลวร้ายต่างต่างนานาซึ่งสร้างความทรงจำอันเจ็บปวดฝังใจ (เห็นการเสียชีวิตของเซดริก ดิกกอรี่กับตาตนเองในถ้วยอัคนี, ซีเรียส แบล็กตกลงผ่านม่านแห่งความตายในภาคีนกฟีนิกซ์ และดัมเบิลดอร์ถูกสเนปสังหารในเจ้าชายเลือดผสม) ทำให้แฮร์รี่มีมุมมองแตกต่างจากที่คนอื่นมองเห็น ความรู้สึกเดียวดายของแฮร์รี่เพิ่มมากขึ้นเมื่อเขาได้ยินคำพยากรณ์ว่าเขาจะต้องสู้กับโวลเดอมอร์จนตายกันไปข้างหนึ่ง

ความสัมพันธ์

เฮอร์ไมโอนี่มักเป็นที่จับตามองว่าเป็นคู่รักของแฮร์รี่ เพียงเพราะเธอเป็นเพื่อนผู้หญิงที่สนิทที่สุดของแฮร์รี่ ทั้งสองมักถูกคนรอบข้างจับคู่ให้อยู่บ่อยครั้ง ในปีที่สี่ของแฮร์รี่ วิกเตอร์ ครัม ผู้เป็นตัวแทนของเดิร์มสแตรงก์ในการประลองเวทไตรภาคีซึ่งแอบชอบเฮอร์ไมโอนี่และบอกความรู้สึกนั้นกับเธอในเวลาต่อมา รู้สึกอิจฉาแฮร์รี่ ที่มีโอกาสได้คุยกับเฮอร์ไมโอนี่ตลอดเวลา อีกคนหนึ่งที่ทำการจับคู่แฮร์รี่-เฮอร์ไมโอนี่อย่างเปิดเผยคือริต้า สกีตเตอร์ นักข่าวของหนังสือพิมพ์เดลี่พรอเฟ็ต ที่เขียนเรื่องราวที่ใส่สีตีไข่ที่กล่าวถึงรักสามเส้าระหว่างแฮร์รี่, เฮอร์ไมโอนี่ และวิกเตอร์ลงในบทความในหนังสือพิมพ์เดลี่พรอเฟ็ตในปีเดียวกัน และท้ายที่สุด ในปีที่ห้า (แฮร์รี่ พอตเตอร์กับภาคีนกฟีนิกซ์) ผู้ที่รู้สึกหึงแกมอิจฉาความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อนระหว่างแฮร์รี่และเฮอร์ไมโอนี่ก็คือโช แชง

ความสัมพันธ์ระหว่างแฮร์รี่กับโช เริ่มปูรากฐานในปีที่สาม (แฮร์รี่ พอตเตอร์กับนักโทษแห่งอัซคาบัน) ซึ่งในปีดังกล่าว ทุกครั้งที่แฮร์รี่เห็นโช หรือรู้ว่าเธอมองอยู่ เขาจะรู้สึกประหม่าและทำอะไรไม่ถูก จนกระทั่งหนึ่งปีต่อมา ความแอบชอบของแฮร์รี่ก็พัฒนาขึ้นมาอย่างจริงจัง ซึ่งสามารถทำให้เขารวบรวมความกล้าเข้าไปชวนโชไปงานเลี้ยงเต้นรำในวันคริสต์มาสได้ แต่เธอต้องตอบปฏิเสธ เนื่องจากตกลงที่จะไปงานกับเซดริก ดิกกอรี่ ตัวแทนประลองเวทไตรภาคีของฮอกวอตส์อีกคน และเป็นคู่รักกันแล้ว แต่คนทั้งสองต้องพรากจากกันอย่างน่าเศร้า เมื่อเซดริกถูกสังหารในตอนท้ายของแฮร์รี่ พอตเตอร์กับถ้วยอัคนี มาถึงแฮร์รี่ พอตเตอร์กับภาคีนกฟีนิกซ์ เป้าหมายความสนใจของโชตกมาอยู่ที่แฮร์รี่ และความสัมพันธ์แบบขึ้นๆ ลงๆ ระหว่างแฮร์รี่และโชก็เกิดขึ้นและดำเนินไปตลอดทั้งปี จนกระทั่งแฮร์รี่ได้จูบแรกจากโชใต้ช่อมิสเซิลโท (ตามประเพณีของคริสต์ศาสนิกชน โดยเฉพาะชาวตะวันตก เชื่อว่าบุคคลคู่ใดที่มาอยู่ใต้ช่อมิสเซิลโท ถูกกำหนดมาให้จูบกัน) แต่ท้ายที่สุดแล้ว ความสัมพันธ์ของทั้งสองก็ไปไม่ได้ตลอดรอดฝั่ง ด้วยเหตุว่าความรู้สึกและความยึดติดระหว่างทั้งสองนั้นไม่เท่ากัน โชเห็นแฮร์รี่เป็นตัวสำรองจากการตายของเซดริก และแกมว่าเป็นที่ระบายความรู้สึก ในขณะที่แฮร์รี่ยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้แล้ว และกำลังเดินหน้าต่อไป ทำให้แฮร์รี่แทนที่จะได้ผ่อนคลายความตึงเครียดต่างๆ จากการคบกับโช กลับทำให้ความเครียดเพิ่มมากขึ้น รวมถึงการที่โชหึงเฮอร์ไมโอนี่ก็มีส่วนให้ความสัมพันธ์ระหว่างแฮร์รี่และโชมึนตึงยิ่งขึ้นไปอีก จนกระทั่งมาถึงจุดแตกหักเมื่อโชปกป้องมาริเอตต้า เอจคอมบ์ที่ทรยศกองทัพดัมเบิลดอร์ด้วยการนำความลับของที่ซ่อนไปบอกโดโลเรส อัมบริดจ์ซึ่งแฮร์รี่เห็นว่าไม่น่าให้อภัยได้ แฮร์รี่และโชไม่เคยบอกเลิกคบกันอย่างจริงๆ จังๆ เพียงแต่ห่างเหินกันไปเท่านั้น และในตอนท้ายของแฮร์รี่ พอตเตอร์กับภาคีนกฟีนิกซ์ แฮร์รี่เห็นว่าโชอยู่ในอีกโลกหนึ่งคือโลกก่อนที่พ่อทูนหัวของเขา ซีเรียส แบล็กจะจากไป ทำให้ความรู้สึกต่อโชของแฮร์รี่ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

ความสัมพันธ์ที่ล้มเหลวกับโชของแฮร์รี่นั้น ตรงกันข้ามกับความสัมพันธ์ต่อมาในปีที่หก (แฮร์รี่ พอตเตอร์กับเจ้าชายเลือดผสม) กับจินนี่ วีสลีย์ น้องสาวของรอน ผู้หญิงที่ เจ.เค. โรว์ลิ่งกล่าวว่าเป็นผู้หญิงในอุดมคติของแฮร์รี่ และมีความเท่าเทียมกับแฮร์รี่ในทุกๆ ด้าน ความสัมพันธ์ของทั้งคู่เริ่มต้นจากการที่จินนี่ตกหลุมรักแฮร์รี่อย่างหัวปักหัวปำ ซึ่งเปิดเผยในแฮร์รี่ พอตเตอร์กับศิลาอาถรรพ์ และนำเสนอเป็นพล็อตเรื่องรองไปตลอดจนถึงนักโทษแห่งอัซคาบัน และถ้วยอัคนี แต่ความรู้สึกดังกล่าวจางหายไปในปีที่ห้า (ภาคีนกฟีนิกซ์) เมื่อเฮอร์ไมโอนี่บอกกับแฮร์รี่ว่าในที่สุดจินนี่ ก็ทำใจยอมรับรักข้างเดียวที่ไม่เป็นผลได้สำเร็จ ซึ่งปรากฏว่าเป็นเช่นนั้นจริงๆ และความเขินอายที่เคยมีมาตลอดเมื่อเห็นแฮร์รี่ก็หายเป็นปลิดทิ้ง และทำให้แฮร์รี่ได้ทำความรู้จักตัวตนที่แท้จริงของจินนี่ ซึ่งตามความเห็นของรอน เป็นผู้หญิงที่ 'ไม่เคยหุบปาก' ตลอดทั้งปี จินนี่มักจะเป็นผู้สงบสติอารมณ์แฮร์รี่ ซึ่งเป็นคนขี้โวยวาย และอารมณ์แปรปรวนในขณะนั้น ให้แฮร์รี่กลับมาเข้าที่เข้าทางได้ รวมถึงแทบจะเป็นคนเดียวที่ประสบความสำเร็จในการทนอารมณ์ร้ายของแฮร์รี่ ซึ่งรวมทั้งตอนที่แฮร์รี่ถูกชักนำด้วยข้อมูลผิดๆ จากเพนซีฟของเซเวอรัส สเนปที่ทำให้แฮร์รี่มองว่าพ่อของเขาหยิ่งยโสดังที่สเนปว่า จนทำให้แฮร์รี่อยากปรึกษาซีเรียสอย่างมาก แต่การทำเช่นนั้นขณะที่โดโลเรส อัมบริดจ์กุมอำนาจในฮอกวอตส์มีความเสี่ยงมาก และแทบจะเป็นไปไม่ได้ ทำให้ท้ายที่สุด เขาสารภาพความรู้สึกดังกล่าวกับจินนี่ เนื่องจากแฮร์รี่รู้สึกปลอดภัยกับจินนี่ ผู้ที่จะไม่ด่วนตัดสินเขา รวมถึงประสบการณ์ร่วมกันของทั้งคู่ที่รู้สึกว่าถูกลอร์ดโวลเดอมอร์เข้าควบคุม (เพียงแต่ของจินนี่เป็นสมุดไดอารี่ของโวลเดอมอร์) และอารมณ์ขันในแนวเดียวกัน (บางครั้งพวกเขาแค่ยิ้มให้กันอย่างขำขันเพียงแค่สบตากัน ปฏิสัมพันธ์เชิงดังกล่าวสามารถย้อนไปได้ถึงตอนนักโทษแห่งอัซคาบัน)

ความสัมพันธ์ดังกล่าว ระหว่างแฮร์รี่กับจินนี่ กลับสลับบทบาทไปเป็นคนละขั้ว ในปีที่หก (เจ้าชายเลือดผสม) ทั้งนี้บางคนที่ช่างสังเกตจะเห็นได้ว่า คนเขียนเริ่มปูพื้นที่ให้จินนี่เป็นนางเอกมานานแล้ว ตั้งแต่ทั้งคู่พบกันครั้งแรก หรือกระทั่งการให้ความสำคัญต่อพัฒนาการความสัมพันธ์ของทั้งสองมาตลอด ด้วยการหยอดไว้เล็กๆน้อยๆในเนื้อเรื่อง ทว่าเพิ่งมาชัดเจนลงไป เมื่อแฮร์รี่เกิดตกหลุมรักจินนี่ขึ้นมาอย่างหัวปักหัวปำ ในขณะที่จินนี่ยังคบกับคนอื่นอยู่ (โดยเฉพาะเจาะจงที่ดีน โทมัส) ซึ่งดำเนินไปเป็นพล็อตเรื่องรองตลอดเล่มที่หกของชุด แฮร์รี่ พอตเตอร์กับเจ้าชายเลือดผสม (รวมถึงอารมณ์หึงรุนแรงต่อดีน โทมัส ซึ่งต่างจากความอิจฉาเซดริก ดิกกอรี่ในปีที่สี่มาก โดยมีการระบุว่าความรู้สึกดังกล่าวเปรียบเสมือนสัตว์ร้ายที่เดือดดาล) ส่วนรอน พี่ชายของจินนี่นั่นมีท่าทีไม่สนับสนุนความสัมพันธ์กับดีนของจินนี่ ซึ่งแฮร์รี่มองว่าการที่รอนทำเช่นนั้นแปลได้ว่ารอนมีท่าทีไม่สนับสนุนทุกคนที่คบกับจินนี่ ซึ่งทำให้สถานการณ์ซับซ้อนยิ่งขึ้น และบังคับให้แฮร์รี่เลือกระหว่างความสัมพันธ์กับจินนี่ หรือมิตรภาพกับรอน ซึ่งท้ายที่สุด มุมมองในแง่ร้ายของแฮร์รี่ ไม่มีวี่แววว่าจะปรากฏเลย จินนี่และดีนเลิกกันในที่สุด และเมื่อหลังจากการแข่งขันตัดสินแชมป์ควิดดิชระหว่างบ้านระหว่างกริฟฟินดอร์และเรเวนคลอสิ้นสุด ในงานเลี้ยงฉลองของกริฟฟินดอร์ แฮร์รี่จูบจินนี่อย่างเปิดเผยต่อหน้าคนที่อยู่ในห้องนั่งเล่นรวมทั้งห้อง ท่าทีของเฮอร์ไมโอนี่ต่อเหตุการณ์ดังกล่าว ผู้แต่งระบุว่าพึงพอใจ และรอน ผู้มีความรู้สึกสับสนปนเปในความรักระหว่างแฮร์รี่และจินนี่ ก็แสดงท่าทีสนับสนุนด้วยท่าทางต่อแฮร์รี่

ในตอนท้ายเจ้าชายเลือดผสม แฮร์รี่ยุติความสัมพันธ์ระหว่างเขาและจินนี่ในความพยายามที่จะรับประกันความปลอดภัยให้เธอ กลัวว่าโวลเดอมอร์จะใช้เธอเป็นเป้า เมื่อโวลเดอมอร์ทราบเรื่องความสัมพันธ์นี้ จินนี่ยอมรับการตัดสินใจของแฮร์รี่ และบอกว่าการชอบทำตัวเป็นวีรบุรุษ (โดยไม่รู้ตัว)นั่นเองเป็นสิ่งที่ทำให้เธอชอบเขา และสารภาพว่าแท้ที่จริงแล้วเธอไม่เคยละทิ้งความรู้สึกที่เคยมีต่อแฮร์รี่ตลอดมา

ในภาคที่ 7 แฮร์รี่ได้สัญญากับรอนว่าจะเลิกพบจินนี่เพื่อไม่ให้ความหวังแก่เธอ ซึ่งตลอดทั้งเล่ม แฮร์รี่ทำได้แค่เฝ้ามองดูเธอ แต่ในท้ายที่สุดหลังจากโค่นโวลเดอมอร์ลงได้ แฮร์รี่ก็ได้แต่งงานกับเธอ และ 19 ปีต่อมาทั้งสองก็มีลูกด้วยกันสามคนคือ เจมส์ ซีเรียส พอตเตอร์ อัลบัส เซเวอร์รัส พอตเตอร์ และ ลิลี่ ลูน่า พอตเตอร์ ดังนั้นกล่าวได้ในท้ายที่สุดว่าจินนี่เป็นนางเอกเรื่องนี้ (ในทางที่จริงแล้ว..แฮร์รี่ไม่ควรที่จะยุติความสัมพันธ์ระหว่างเขากับจินนี่ เพราะนั่นจะทำให้ทุกคนคิดว่าแฮร์รี่นั้นโหดร้ายและไม่ยอมสละเวลาเพื่อความรัก)

แหล่งข้อมูลอื่น