ผลต่างระหว่างรุ่นของ "การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2562"
เพิ่มคะแนนอย่างไม่เป็นทางการ |
|||
บรรทัด 6: | บรรทัด 6: | ||
|seats_for_election = ทั้งหมด 500 ที่นั่งใน[[สภาผู้แทนราษฎรไทย]] |
|seats_for_election = ทั้งหมด 500 ที่นั่งใน[[สภาผู้แทนราษฎรไทย]] |
||
| majority_seats = 251 |
| majority_seats = 251 |
||
| reporting = 94 |
|||
⚫ | |||
| last_update = 17:00 |
|||
⚫ | |||
| time_zone = GMT+7 (ไม่เป็นทางการ) <ref>[https://elect.thematter.co/?fbclid=IwAR1shq4Cpw0G_XG4RDN0lm536SXfesGYFFlpaca0WotWg_GxLGN70cqOpdw]</ref> |
|||
⚫ | |||
⚫ | |||
| candidate_since1 = |
| candidate_since1 = |
||
| party1 = พรรค |
| party1 = พรรคเพื่อไทย |
||
⚫ | |||
⚫ | |||
⚫ | |||
| seats_needed1 = |
| seats_needed1 = |
||
| seats1 = |
| seats1 = '''135''' |
||
| seat_change1 = {{decrease}}130 |
|||
| popular_vote1 = |
| popular_vote1 = 7,423,361 |
||
| percentage1 = |
| percentage1 = |
||
⚫ | |||
⚫ | |||
⚫ | |||
⚫ | |||
| candidate_since2 = |
| candidate_since2 = |
||
| party2 = พรรค |
| party2 = พรรคพลังประชารัฐ |
||
⚫ | |||
⚫ | |||
⚫ | |||
| seats_needed2 = |
| seats_needed2 = |
||
| seats2 = |
| seats2 = 119 |
||
| seat_change2 = {{increase}}119 |
|||
| popular_vote2 = |
| popular_vote2 = '''7,939,937''' |
||
| percentage2 = |
| percentage2 = |
||
⚫ | |||
⚫ | |||
⚫ | |||
⚫ | |||
| last_election3 = ''พรรคใหม่'' |
|||
| seats_needed3 = |
|||
| seats3 = 87 |
|||
| seat_change3 = {{increase}}87 |
|||
| popular_vote3 = 5,871,137 |
|||
| percentage3 = |
|||
| image4 = [[ไฟล์:Abhisit 2009 official.jpg|180x180px]] |
| image4 = [[ไฟล์:Abhisit 2009 official.jpg|180x180px]] |
||
| candidate4 = [[อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ]] |
| candidate4 = [[อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ]] |
||
บรรทัด 30: | บรรทัด 49: | ||
| party4 = พรรคประชาธิปัตย์ |
| party4 = พรรคประชาธิปัตย์ |
||
| last_election4 = 159 ที่นั่ง; 35.15% |
| last_election4 = 159 ที่นั่ง; 35.15% |
||
| seats_needed4 = |
| seats_needed4 = |
||
| seat_change4 = {{decrease}}104 |
|||
| seats4 = |
|||
| |
| seats4 = 55 |
||
| popular_vote4 = 3,704,654 |
|||
| percentage4 = |
| percentage4 = |
||
⚫ | |||
| image5 = [[ไฟล์:อนุทิน ชาญวีรกุล.jpeg|180x180px]] |
|||
⚫ | |||
| candidate5 = [[อนุทิน ชาญวีรกูล]] |
|||
⚫ | |||
| candidate_since5 = 14 ตุลาคม 2555 |
|||
⚫ | |||
| |
| party5 = พรรคภูมิใจไทย |
||
| last_election5 = 29 ที่นั่ง; 3.94% |
|||
| seats_needed5 = |
| seats_needed5 = |
||
| seat_change5 = {{increase}}23 |
|||
| seats5 = |
|||
| |
| seats5 = 52 |
||
| popular_vote5 = 3,512,446 |
|||
| percentage5 = |
| percentage5 = |
||
| image6 = [[ไฟล์:Seri.jpg|180x180px]] |
|||
| candidate6 = [[เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส|พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ เตมียเวส]] |
|||
| candidate_since6 = 24 ตุลาคม 2561 |
|||
| party6 = พรรคเสรีรวมไทย |
|||
| last_election6 = ''พรรคใหม่'' |
|||
| seats_needed6 = |
|||
| seat_change6 = {{increase}}11 |
|||
| seats6 = 11 |
|||
| popular_vote6 = 771,534 |
|||
| percentage6 = |
|||
|election_name = การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2562 |
|election_name = การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2562 |
||
|election_date= 24 มีนาคม 2562 |
|election_date= 24 มีนาคม 2562 |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 17:04, 25 มีนาคม 2562
| |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ทั้งหมด 500 ที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎรไทย ต้องการ 251 ที่นั่งจึงเป็นฝ่ายข้างมาก | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
กำลังรายงาน | 94% | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
ปฏิทินการจัดเลือกตั้ง | |
---|---|
23 ม.ค. | ประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งฯ |
24 ม.ค. | กกต. ประกาศรายละเอียดการเลือกตั้ง |
28 ม.ค. – 19 ก.พ. | วันลงทะเบียนขอใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าและเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร |
4 – 8 ก.พ. | วันรับสมัคร ส.ส. พร้อมแจ้งชื่อผู้สมัครนายกรัฐมนตรีของพรรคการเมือง |
15 ก.พ. | กกต. ประกาศบัญชีรายชื่อผู้สมัคร |
4 – 16 มี.ค. | วันลงคะแนนนอกราชอาณาจักร |
17 มี.ค. | วันเลือกตั้งล่วงหน้า |
24 มี.ค. | วันเลือกตั้งทั่วไป |
9 พ.ค. | วันหมดเขตประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง |
การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป กำหนดให้มีขึ้นในวันที่ 24 มีนาคม 2562 เพื่อเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวน 500 คน นับเป็นการเลือกตั้งทั่วไปครั้งแรกหลังรัฐประหารในประเทศไทย พ.ศ. 2557
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และนายกรัฐมนตรี ให้คำมั่นว่าจะจัดให้มีการเลือกตั้งทั่วไปมาโดยตลอด แต่เลื่อนกำหนดวันเลือกตั้งทั้งสิ้น 5 ครั้ง[2] ปลายปี 2561 มีการเผยแพร่พระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2562 คณะกรรมการการเลือกตั้งจึงเลือกวันที่ 24 มีนาคม 2562 เป็นวันเลือกตั้ง การเลือกตั้งทั่วไปครั้งนี้เปลี่ยนระบบการเลือกตั้งเป็นแบบจัดสรรปันส่วนผสม ทำให้มีการคาดกันว่าพรรคการเมืองขนาดเล็กจะได้ที่นั่งมากขึ้น นอกจากนี้ กฎหมายยังเปิดช่องให้ผู้ที่มิใช่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นนายกรัฐมนตรีได้ หลายพรรคเสนอชื่อพลเอกประยุทธ์กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรี ทำให้มีการแบ่งพรรคการเมืองออกเป็นสามฝ่ายหลัก คือ ฝ่ายหนึ่งสนับสนุนพลเอกประยุทธ์ ฝ่ายหนึ่งคัดค้านพลเอกประยุทธ์ และอีกฝ่ายหนึ่งยังไม่ประกาศตัวชัดเจน ในการเลือกตั้งครั้งนี้มีการแทรกแซงของพระมหากษัตริย์สองครั้ง คือ พระราชโองการซึ่งห้ามการเสนอชื่อทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนฯ มหิดลเป็นนายกรัฐมนตรีในเดือนกุมภาพันธ์ 2562 และการอัญเชิญพระบรมราโชวาทให้เลือกคนดีปกครองบ้านเมืองในคืนก่อนเลือกตั้ง[3]
คืนวันเลือกตั้ง หลังการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการแล้วเสร็จร้อยละ 93 พบว่าพรรคพลังประชารัฐได้รับคะแนนเสียงมากที่สุด รองลงมาได้แก่ พรรคเพื่อไทย แต่พรรคเพื่อไทยได้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตมากกว่า[4] ด้านพรรคเพื่อไทยเชื่อมั่นว่าตนได้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตมากที่สุด จึงขอตั้งรัฐบาล[5]
เบื้องหลัง
ระหว่างการชุมนุมของกลุ่มคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) ในห้วงวิกฤตการณ์การเมืองไทย พ.ศ. 2556–2557 มีการจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2557 ในเดือนมีนาคม 2557 ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าการเลือกตั้งไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญเพราะการเลือกตั้งไม่เกิดในวันเดียวกันทั่วประเทศ[6] หลังข้อตกลงระหว่างคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กับรัฐบาลยิ่งลักษณ์ มีการกำหนดวันเลือกตั้งเป็นวันที่ 20 กรกฎาคม[6]
ต่อมา เกิดรัฐประหารในประเทศไทย พ.ศ. 2557 โดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ซึ่งมีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบกในขณะนั้น เป็นหัวหน้าคณะประกาศว่าจะจัดการเลือกตั้งทั่วไปหลังดำเนินการปฏิรูปและร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
การเลือกตั้งครั้งนี้จะจัดขึ้นตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 ซึ่งมีทหารหนุนหลัง และจะนำไปสู่การสิ้นสุดลงของช่วงเวลาเผด็จการทหารที่ยาวนานที่สุดช่วงหนึ่งในประวัติศาสตร์สมัยใหม่ของไทย[7]
การเลื่อนวันเลือกตั้ง
ไม่นานหลังรัฐประหาร พลเอกประยุทธ์กล่าวว่าการเลือกตั้งน่าจะจัด "ภายในสิ้นปี 2558" ทว่า เมื่อสิ้นปี 2557 เจ้าหน้าที่ของรัฐหลายคนกล่าวต่อสาธารณะว่า จะไม่จัดการเลือกตั้งจนถึงประมาณกลางปี 2559[8] ในเดือนพฤษภาคม 2558 รองนายกรัฐมนตรี วิษณุ เครืองาม กล่าวว่า บัดนี้จะจัดการเลือกตั้ง "ประมาณเดือนสิงหาคมหรือในเดือนกันยายน" 2559 หลังรัฐบาลประกาศเจตนาว่าจะจัดการลงประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งคาดว่าจะจัดในช่วงต้นปี 2559[9] ในเดือนมิถุนายน 2558 พลเอกประยุทธ์กล่าวว่า เขาเต็มใจรั้งตำแหน่งอีกสองปีหาก "ประชาชนต้องการ" หลังสภาปฏิรูปแห่งชาติผลักดันเพื่อจัดการลงคะแนนว่าการปฏิรูปของรัฐบาลควรเสร็จสิ้นก่อนจัดการเลือกตั้งหรือไม่ หมายความว่า การเลือกตั้งทั่วไปอาจไม่จัดจนกว่าต้นปี 2561 แต่ไม่กี่วันต่อมา เขาวางตัวห่างจากการริเริ่มของสภาปฏิรูปแห่งชาติหลังเผชิญปฏิกิริยาสะท้อนสำหรับความเห็นของเขา[10] ทว่า การนี้เปิดประตูไว้ให้ "การสำเร็จการปฏิรูป" ภายใต้รัฐบาลใหม่ซึ่งจะเลื่อนการเลือกตั้งไปอีก หากการริเริ่มของสภาปฏิรูปแห่งชาติสำเร็จ
ในเดือนตุลาคม 2560 พลเอกประยุทธ์ให้คำมั่นว่าจะจัดการเลือกตั้งทั่วไปประมาณเดือนพฤศจิกายน 2561 ทว่า การเลือกวันเลือกตั้งทำให้เกิดข่าวลือว่าเขาพยายามรั้งอำนาจหลังการเลือกตั้งครั้งถัดไปผ่านพรรคการเมืองที่กองทัพหนุนหลัง ในเดือนมกราคม 2561 สภานิติบัญญัติแห่งชาติลงมติเลื่อนการใช้บังคับกฎหมายการเลือกตั้งใหม่อีก 90 วัน ซึ่งยิ่งเลื่อนวันเลือกตั้งออกไปอีก ในเวลานั้น รองนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า การตัดสินใจของสภานิติบัญญัติแห่งชาติอาจเลื่อนการเลือกตั้งไปจนเดือนกุมภาพันธ์ 2562[11]
วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2561 ตัวแทนกลุ่มการเมืองเข้าร่วมประชุมกับ กกต. เพื่อรับทราบข้อมูลในการยื่นคำขอจดทะเบียนจัดตั้งพรรคการเมืองใหม่ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560[12]
ภายหลังจากการประชุมหารือ 4 ฝ่ายประกอบไปด้วย ครม. กรธ. กกต. และพรรคการเมืองที่สโมสรทหารบกเมื่อวันจันทร์ที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2561 วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีด้านกฎหมายได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่าได้กำหนดวันเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการครั้งแรก โดยมีตัวเลือกได้แก่ 24 กุมภาพันธ์, 31 มีนาคม, 28 เมษายน หรือ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 วิษณุแจ้งกับพรรคการเมืองที่เข้าร่วมประชุมว่า พระราชพิธีบรมราชาภิเษกในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นปัจจัยสำคัญในการกำหนดวันเลือกตั้ง[13]
การจัดระบบเลือกตั้งใหม่
รัฐธรรมนูญฉบับใหม่เปลี่ยนแปลงวิธีการออกเสียงเลือกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร โดยเดิมจะมีบัตรเลือกตั้งสองบัตร บัตรหนึ่งเลือกสมาชิกฯ แบบแบ่งเขต และอีกบัตรหนึ่งเลือกสมาชิกฯ แบบบัญชีรายชื่อ แต่ในการเลือกตั้งครั้งนี้ จะลดบัตรเลือกตั้งเหลือบัตรเดียว โดยเลือกทั้งแบบแบ่งเขตและบัญชีรายชื่อ[14]
โดยรัฐธรรมนูญกำหนดระบบเลือกตั้งแบบจัดสรรปันส่วนผสม (Mixed Member Apportionment System: MMA) โดยกำหนดให้มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขต 350 คน ซึ่งมาจากผู้ที่ได้คะแนนเสียงมากที่สุดในเขตนั้น ๆ และมากกว่าคะแนนไม่ประสงค์ลงคะแนน ส่วนถ้าคะแนนเท่ากันให้จับสลากต่อหน้า กกต. ฝ่ายสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อมาจากคะแนนเสียงของพรรคการเมืองที่ได้รับทั้งประเทศหารด้วย 150 ได้เป็นจำนวน สส. ที่พึงมีของพรรคการเมืองนั้น ๆ แล้วนำจำนวนดังกล่าวมาเพิ่มให้ สส. เขตที่พรรคการเมืองดังกล่าวได้อยู่ก่อนแล้ว[15] ซึ่งการคำนวณ สส. แบบดังกล่าวทำให้มีความเป็นไปได้น้อยที่พรรคการเมืองพรรคเดียวจะครองเสียงข้างมากในสภาเกินกึ่งหนึ่ง พรรคเพื่อไทยใช้วิธีการตั้งพรรคพี่-พรรคน้อง ส่วนพรรคการเมืองขนาดกลางและขนาดเล็กพยายามดึงตัว สส. และ "ผู้สมัครสอบตก" เข้าร่วมพรรค ด้านบีบีซีไทยคำนวณว่าหากใช้ระบบดังกล่าวไปคิดในการเลือกตั้งทั่วไปปี 2554 พรรคเพื่อไทยจะได้ที่นั่งน้อยลง 61 ที่นั่ง พรรคประชาธิปัตย์จะได้ที่นั่งน้อยลง 14 ที่นั่ง ส่วนพรรคภูมิใจไทยจะได้ที่นั่งเพิ่มขึ้น 16 ที่นั่ง และพรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดินจะได้ที่นั่งเพิ่มขึ้น 11 ที่นั่ง[16]
ในการเลือกตั้งครั้งนี้ คณะรักษาความสงบแห่งชาติแต่งตั้งสมาชิกวุฒิสภาทั้ง 250 คน ซึ่งมีอำนาจลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีได้ ดังนั้น ผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจึงต้องการคะแนนเสียงของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภารวมกันตั้งแต่ 376 คนขึ้นไป ทั้งนี้ สมาชิกวุฒิสภาชุดดังกล่าวมีวาระ 5 ปี นักวิจารณ์กล่าวว่าวุฒิสภาชุดนี้ทำให้มีความเป็นไปได้สูงที่ประยุทธ์จะได้เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไปแม้พรรคที่นิยมประยุทธ์จะได้ที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎรน้อยกว่า ทั้งนี้ หากสมาชิกวุฒิสภาทั้ง 250 คนสนับสนุนประยุทธ์ ทำให้พรรคการเมืองที่นิยมประยุทธ์ต้องการอีกเพียง 126 ที่นั่งก็สามารถเลือกเขาเป็นนายกรัฐมนตรีได้[17] อย่างไรก็ดี นักวิจารณ์ทำนายว่าพรรคพลังประชารัฐและพรรคการเมืองอื่นที่นิยมทหารอาจได้ที่นั่งรวมกันไม่ถึง 126 ที่นั่ง และจะต้องการการสนับสนุนของพรรคประชาธิปัตย์
การเปลี่ยนแปลงเขตเลือกตั้ง
รัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 กำหนดเขตเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไว้ 350 เขต ลดลงจากการเลือกตั้งครั้งก่อนที่กำหนดไว้ 400 เขต[18] ในปี 2561 กกต. มีหน้าที่วาดเขตเลือกตั้งใหม่ แต่ก่อนมีการประกาศ นายกรัฐมนตรีประยุทธ์ จันทร์โอชาใช้อำนาจตามมาตรา 44 ออกคำสั่งเลื่อนการประกาศเขตเลือกตั้ง นอกจากนี้ กกต. ยังได้รับยกเว้นจากกฎหมายเขตเลือกตั้งเดิม ทำให้ กกต. สามารถวาดเขตเลือกตั้งใหม่อย่างไรก็ได้ ฝ่ายพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาธิปัตย์ ตลอดจนมูลนิธิองค์กรกลางเพื่อประชาธิปไตยแสดงการคัดค้านรุนแรง[19] ซึ่งแย้งว่าการเลื่อนเวลาจะทำให้ กกต. วาดแผนที่ให้เอื้อต่อพรรคพลังประชารัฐ นักหนังสือพิมพ์และนักวิจารณ์เปรียบเทียบการณ์นี้ว่าเหมือนกับการแบ่งเขตเลือกตั้งแบบเอาเปรียบในสหรัฐ บางคนออกความเห็นว่า คสช. ชนะการเลือกตั้งแล้ว[20][17][21] วันที่ 29 พฤศจิกายน กกต. วาดเขตเลือกตั้งใหม่แล้วเสร็จและประกาศ[22] ซึ่งพรรคการเมืองหลายพรรคและองค์การควบคุมดูแลพบว่ามีการแบ่งเขตเลือกตั้งแบบเอาเปรียบซึ่งพรรคพลังประชารัฐจะได้ประโยชน์หลายกรณี[23][24]
เขตเลือกตั้ง 350 เขต แบ่งจำนวนเขตเลือกตั้งตามจังหวัดดังต่อไปนี้ [25]
พื้นที่ | จำนวน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร |
---|---|
กรุงเทพมหานคร | 30 |
นครราชสีมา | 14 |
ขอนแก่น และอุบลราชธานี | 10 |
เชียงใหม่ | 9 |
ชลบุรี, นครศรีธรรมราช, บุรีรัมย์, ศรีสะเกษ, สงขลา และอุดรธานี | 8 |
เชียงราย, ร้อยเอ็ด, สมุทรปราการ และสุรินทร์ | 7 |
ชัยภูมิ, นครสวรรค์, นนทบุรี, ปทุมธานี, สกลนคร และสุราษฎร์ธานี | 6 |
กาญจนบุรี, กาฬสินธุ์, นครปฐม, พิษณุโลก, เพชรบูรณ์, มหาสารคาม และราชบุรี | 5 |
กำแพงเพชร, ฉะเชิงเทรา, นครพนม, นราธิวาส, ปัตตานี, พระนครศรีอยุธยา, ระยอง, ลพบุรี, ลำปาง และสุพรรณบุรี | 4 |
จันทบุรี, ชุมพร, ตรัง, ตาก, น่าน, ประจวบคีรีขันธ์, ปราจีนบุรี, พะเยา, พัทลุง, พิจิตร, เพชรบุรี, ยโสธร, ยะลา, เลย, สมุทรสาคร, สระแก้ว, สระบุรี, สุโขทัย, หนองคาย และหนองบัวลำภู | 3 |
กระบี่, ชัยนาท, บึงกาฬ, แพร่, ภูเก็ต, มุกดาหาร, ลำพูน, สตูล, อำนาจเจริญ, อุทัยธานี และอุตรดิตถ์ | 2 |
ตราด, นครนายก, พังงา, แม่ฮ่องสอน, ระนอง, สิงห์บุรี สมุทรสงคราม และอ่างทอง | 1 |
พรรคการเมืองและชื่อบุคคลที่จะเสนอเป็นนายกรัฐมนตรี
ภาพรวม
วันที่ 8 กุมภาพันธ์ กกต. สรุปยอดผู้สมัคร ส.ส. พบมีผู้สมัครแบบแบ่งเขตจำนวน 11,128 คน จากพรรคการเมือง 80 พรรค และแบบบัญชีรายชื่อ 2,718 คนจาก 72 พรรค รวม 13,846 คน เทียบกับผู้สมัครในปี 2554 จำนวน 3,832 คน[26]
ที่ผ่านมานับแต่ปี 2544 พรรคการเมืองซึ่งเป็นพันธมิตรทางการเมืองของทักษิณ ชินวัตร ชนะการเลือกตั้งทั่วไปทุกครั้ง (ได้แก่ พรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชนและพรรคเพื่อไทย) ครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกที่พรรคเพื่อไทยส่งผู้สมัครแบบแบ่งเขตไม่ครบทุกเขตทั่วประเทศ[27] ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ เป็นพรรคการเมืองใหญ่อันดับสองในสภาผู้แทนราษฎร กติกาการเลือกตั้งใหม่ทำให้นักวิเคราะห์เห็นพ้องกันว่าจะเกิดพรรคการเมืองขนาดเล็กจำนวนมาก แต่ รศ. สิริพรรณ นกสวน สวัสดี อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทำนายว่าพรรคที่จะได้ที่นั่งเกิน 25 ที่นั่งน่าจะมีไม่เกิน 5 พรรค[28]
เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2562 คณะกรรมการการเลือกตั้งออกประกาศ กกต. เรื่อง การแจ้งรายชื่อบุคคลที่พรรคการเมืองจะเสนอให้รัฐสภาพิจารณาแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ประกอบด้วยพรรคการเมืองที่เสนอรายชื่อ จำนวน 44 พรรคการเมือง รวม 68 รายชื่อ
ในการเลือกตั้งครั้งนี้ซึ่งกฎหมายเปิดให้บุคคลที่มิใช่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นนายกรัฐมนตรีได้ พรรคการเมืองหลายพรรคเตรียมเสนอชื่อพลเอกประยุทธ์กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรี จึงมีการแบ่งพรรคการเมืองต่าง ๆ ออกเป็นสามฝ่ายใหญ่ ฝ่ายหนึ่งสนับสนุนพลเอกประยุทธ์ เช่น พรรคพลังประชารัฐ พรรคประชาชนปฏิรูป พรรคพลังชล เป็นต้น ฝ่ายหนึ่งคัดค้านพลเอกประยุทธ์ เช่น พรรคเพื่อไทย พรรคอนาคตใหม่ พรรคเสรีรวมไทย เป็นต้น และอีกฝ่ายหนึ่งที่มีจุดยืนไม่ชัดเจน เช่น พรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย พรรคชาติไทยพัฒนา เป็นต้น[29] วันที่ 10 มีนาคม 2562 อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ประกาศว่าจะไม่สนับสนุนพลเอกประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรีต่อ ฝ่ายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า ไม่ใช่แค่ไม่เอาพลเอกประยุทธ์ แต่ต้องไม่เอาพรรคพลังประชารัฐด้วย เชื่อว่ามีบางพรรคที่บอกว่าไม่เอาพลเอกประยุทธ์ แต่อยากจับมือพลังประชารัฐเพื่อชูตัวเองขึ้นเป็นนายกฯ[30]
ชื่อบุคคลที่จะเสนอเป็นนายกรัฐมนตรี
กรณีเสนอชื่อทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนฯ มหิดล
วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2562 ผู้ดำเนินรายการ เจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand ช่องนาว 26 กล่าวว่า "8 กุมภา จะเป็นจุดเปลี่ยนการเมืองระดับแผ่นดินไหว" และอีกตอนหนึ่งว่า "เปิด[ชื่อ]ออกมาเมื่อไร แผ่นดินไหวทางการเมืองทันที... ไม่ใช่คนตระกูลชินวัตร หรือวงศ์สวัสดิ์ จะเป็นชื่อที่อึกทึกครึกโครมทั้งแผ่นดิน"[31] ด้านหนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ ลงข่าวพาดหัวว่า "ประยุทธ์ยอมรับ เผื่อใจแล้ว! ไม่ได้เป็นนายกฯ"[32]
วันที่ 8 กุมภาพันธ์ พรรคไทยรักษาชาติยื่นพระนามทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนฯ มหิดล เป็นผู้ที่จะเสนอเป็นนายกรัฐมนตรีเพียงชื่อเดียว ด้านปรีชาพล พงษ์พานิช หัวหน้าพรรคไทยรักษาชาติให้สัมภาษณ์ว่า "พระองค์ท่านเองทรงมีพระเมตตาตอบรับและให้พรรคไทยรักษาชาติเสนอพระนามในบัญชีนายกฯ ของพรรค"[33][34] วันเดียวกัน ไพบูลย์ นิติตะวัน หัวหน้าพรรคประชาชนปฏิรูป ยื่นหนังสือต่อประธาน กกต. ขอให้พิจารณาการเสนอพระนามทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนฯ ว่าเข้าข่ายขัดระเบียบ กกต. เรื่องลักษณะต้องห้ามในการหาเสียงเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือไม่ เนื่องจากทรงเป็นส่วนหนึ่งของสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยอ้างคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในอดีตว่าสถาบันพระมหากษัตริย์ต้องอยู่เหนือการเมือง[35][36]
ต่อมา เมื่อเวลา 22.40 น. โดยประมาณ โทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทยประกาศพระราชโองการของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร เรื่อง สถาบันพระมหากษัตริย์ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย สรุปว่า การนำพระบรมราชวงศ์ทุกพระองค์ แม้จะทรงกราบถวายบังคมลาออกจากฐานันดรศักดิ์ไปแล้ว มาเกี่ยวข้องกับระบบการเมือง ไม่ว่าจะโดยทางใดก็ตาม เป็นการกระทำที่ขัดต่อโบราณราชประเพณี ขนบธรรมเนียม และวัฒนธรรมของชาติ ถือเป็นการกระทำที่มิบังควรไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง[37]
ในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2562 กกต. ประกาศรับรองบัญชีรายชื่อทั้ง 45 พรรค 69 รายชื่อ โดยไม่ปรากฏชื่อทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนฯ เพราะยังถือว่าเป็นพระบรมวงศานุวงศ์ต้องอยู่เหนือการเมือง นอกจากนี้ กกต. จะหารือต่อไปว่าการกระทำดังกล่าวของพรรคไทยรักษาชาติเข้าข่ายต้องยุบพรรคหรือไม่[38]
เหตุการณ์ก่อนเลือกตั้ง
คดีความและการยื่นยุบพรรคการเมือง
หลังพรรคไทยรักษาชาติยื่นเสนอชื่อทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดีเป็นนายกรัฐมนตรี และมีพระราชโองการซึ่งมีใจความสำคัญว่าห้ามพระบรมวงศานุวงศ์เกี่ยวข้องกับการเมืองเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2562 กรรมการการเลือกตั้งมีมติยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญขอให้ยุบพรรคไทยรักษาชาติเนื่องจาก "กระทำการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข" วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2562 ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องพิจารณายุบพรรคไทยรักษาชาติ[39] และเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2562 ศาลรัฐธรรมนูญมีมติยุบพรรคไทยรักษาชาติ พร้อมตัดสิทธิ์กรรมการบริหารพรรคห้ามลงสมัครรับเลือกตั้ง จดทะเบียนจัดตั้งพรรคใหม่ หรือเป็นกรรมการบริหารพรรคการเมืองเป็นเวลา 10 ปี[40] ส่วนผู้ที่ลงคะแนนเลือกพรรคไทยรักษาชาติไปแล้วถือว่าเป็นบัตรเสียทั้งหมด
วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2562 วิญญัติ ชาติมนตรี เลขาธิการสมาพันธ์นักกฎหมายเพื่อสิทธิและเสรีภาพ ยื่นคำร้องต่อกรรมการการเลือกตั้งให้ไต่สวนยุบพรรคพลังประชารัฐ และคัดค้านการเสนอชื่อพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชาเป็นนายกรัฐมนตรีเนื่องจากดำรงตำแหน่งทางการเมืองถือว่ามีคุณสมบัติต้องห้าม[41] ต่อมา ผู้ตรวจการแผ่นดินแถลงว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชาเป็นผู้ใช้อำนาจอธิปัตย์ ไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐ และจะไม่ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญหรือศาลปกครองต่อ[42] วันที่ 12 มีนาคม 2562 กกต. เปิดเผยว่า ไม่พบความผิดที่พรรคพลังประชารัฐจัดโต๊ะจีนระดมทุน เนื่องจากไม่พบบุคคลต่างชาติบริจาคเงิน จึงไม่มีความผิดและไม่ต้องยุบพรรค[43] วันที่ 14 มีนาคม 2562 พรรคพลังประชารัฐถูกยื่นเอาผิดจากกรณีปราศรัยนำบัตรสวัสดิการแห่งรัฐมาหาเสียง เข้าข่ายความผิดฐานเตรียมทรัพย์สินเพื่อให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งตามกฎหมายเลือกตั้ง[44]
วันที่ 29 มิถุนายน 2561 ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ไลฟ์สดทางเฟซบุ๊กวิจารณ์การดูดผู้สมัคร ส.ส. ของพรรคพลังประชารัฐ ต่อมาเขาถูกฟ้องว่านำความเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 ล่าสุดอัยการสั่งเลื่อนคำสั่งคดีเป็นวันที่ 26 มีนาคมซึ่งเป็นวันหลังเลือกตั้ง[45] วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2562 ทีมงานประชาชนและปกป้องรัฐธรรมนูญยื่นหนังสือถึงกรรมการการเลือกตั้งให้พิจารณาส่งคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคอนาคตใหม่ เนื่องจากมีพฤติการณ์ล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข โดยยกว่ามีความพยายามเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และคำประกาศที่ว่าจะสานต่อภารกิจของคณะราษฎร[46] วันที่ 14 มีนาคม กกต. ยกคำร้องกรณีประวัติลงประวัติธนาธรผิดว่าเป็นประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย[47] วันที่ 15 มีนาคม พรรคอนาคตใหม่ถูกยื่นยุบพรรคหลังมีอดีตสมาชิกพรรคไทยรักษาชาติหาเสียงให้ โดยถูกกล่าวหาว่าเข้าข่ายถูกผู้อื่นครอบงำพรรค[48]
การอภิปรายทางโทรทัศน์
วันที่ 1 มีนาคม 2562 อรวรรณ ชูดี (กริ่มวิรัตน์กุล) พิธีกรทางช่อง 9 อสมท โพสต์ทางเฟซบุ๊กว่า ได้รับคำสั่งจากผู้บริหารให้ยุติการดำเนินพิธีกรรายการ ทั้งนี้ เธอเป็นพิธีกรรายการ "ศึกเลือกตั้ง 62" เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ซึ่งมีผู้เข้าร่วมอภิปรายเป็นเยาวชนที่ตอบคำถาม 4 ข้อ เช่น "เห็นด้วยหรือไม่ ที่รธน.60 ในบทเฉพาะกาล 5 ปีแรกให้ ส.ว. 250 คนร่วมโหวตเลือกนายกฯ" กรรมการบริหาร อสมท ปฏิเสธว่าไม่ได้ปลด ด้านสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทยออกแถลงการณ์ว่าคำสั่งนี้เป็นการแทรกแซงเสรีภาพสื่อ และคุกคามสื่อมวลชน[49]
การเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร
วันที่ 9 มีนาคม 2562 มีการโพสต์ทางสื่อสังคมว่า มีคนไทยในประเทศจีนกว่า 500 คนไม่ได้บัตรเลือกตั้งในการเลือกตั้งล่วงหน้านอกราชอาณาจักร[50] วันเดียวกัน มีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง ณ สถานเอกอัครราชทูตไทยประจำประเทศมาเลเซียกว่า 4,000 คน ต้องรอใช้สิทธินาน 3–4 ชั่วโมง จนต้องเปิดให้เลือกตั้งเพิ่มในวันที่ 10 มีนาคม[51] ด้านพริษฐ์ วัชรสินธุ ผู้สมัครรับเลือกตั้ง โพสต์แสดงความผิดพลาดในการพิมพ์เอกสารของ กกต. ซึ่งชื่อผู้สมัครกับพรรคการเมืองอยู่แยกกันคนละหน้า[52]
การอนุมัติงบประมาณช่วงก่อนเลือกตั้ง
วันที่ 20 มีนาคม 2562 คณะรัฐมนตรีอนุมัติงบประมาณ 37,900 ล้านบาทเข้ากองทุนประชารัฐ และกระทรวงการคลังจ่ายเงินค่าป่วยการแก่อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน 1 ล้านคน เป็นเงิน 1.8 พันล้านบาท และจ่ายเงินโครงการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกพืชหลังนา วงเงิน 2,922 ล้านบาท รวมตั้งแต่ครึ่งหลังของปี 2561 เป็นต้นมา รัฐบาลประยุทธ์อนุมัติงบประมาณอัดฉีดกว่า 80,000 ล้านบาท[53]
ประกาศสำนักพระราชวัง
คืนวันที่ 23 มีนาคม 2562 มีการเผยแพร่ประกาศสำนักพระราชวัง ความโดยสรุปว่า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวขออัญเชิญพระบรมราโชวาทของพระบรมราชชนกที่ให้คนดีปกครองบ้านเมือง และคุมคนไม่ดี ไม่ให้มีอำนาจไม่ให้ก่อความเดือดร้อนวุ่นวายได้[54] แฮชแท็ก "โตแล้วเลือกเองได้" ติดกระแสอันดับ 1 ในทวิตเตอร์ในคืนนั้นเอง[55] มีการแพร่สัญญาณประกาศดังกล่าวอีกครั้งก่อนเริ่มเวลาเลือกตั้งเล็กน้อย และประธานกรรมการการเลือกตั้งให้สัมภาษณ์สื่อกระตุ้นให้คนไทยเลือกโดยคำนึงถึงประกาศสำนักพระราชวังด้วย[56]
การรณรงค์เลือกตั้ง
พรรคเพื่อไทยชูแนวนโยบายเศรษฐกิจ รวมทั้งนโยบายเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ ส่งเสริมธุรกิจเอกชน กระตุ้นการท่องเที่ยว ขยายสาธารณสุขภาครัฐ เลิกการเกณฑ์ทหาร และลดรายจ่ายกลาโหม[57] การเสนอตัดงบประมาณกลาโหมดังกล่าวทำให้พลเอก อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก แนะให้ผู้ได้รับเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทยไปฟังเพลง "หนักแผ่นดิน" และสั่งให้กองทัพบกเปิดเพลงดังกล่าวทางสถานีวิทยุกองทัพบก แม้ต่อมาจะมีการยกเลิกคำสั่งดังกล่าว[58] พรรคพลังประชารัฐมีนโยบายส่งเสริมการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และให้คำมั่นขยายโครงการสวัสดิการ[57] พรรคประชาธิปัตย์มีนโยบายนิยมตลาดเสรี นิยมเจ้า ประกันราคาพืชผลเกษตร บริการฉุกเฉินโรงพยาบาลไม่เสียค่าใช้จ่ายและประกันรายได้ขั้นต่ำภาครัฐ[57] พรรคอนาคตใหม่มีนโยบายร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ มีนโยบายเสรีนิยมที่เน้นความโปร่งใสของรัฐบาล การกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่นและสิทธิกลุ่มบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศ ลดรายจ่ายกลาโหมนำมาขยายสวัสดิการสังคมและสาธารณสุข[57] พรรครวมพลังประชาชาติไทยเน้นการปราบปรามการฉ้อราษฎร์บังหลวงและการเทิดทูนพระมหากษัตริย์[57] พรรคประชาชนปฏิรูป "น้อมนำคำสอนพระพุทธเจ้ามาปฏิบัติ"[57] พรรคภูมิใจไทยมีนโยบายกัญชาถูกกฎหมาย เวลาทำงานสี่วันต่อสัปดาห์ การตั้งสถานที่ทำงานร่วมกัน (co-working space)[57] พรรคชาติพัฒนามีนโยบายสร้างสนามกีฬา แหล่งพลังงานทางเลือก กำจัดหมอกควันและช่วยเหลือผู้พิการ[57] พรรคชาติไทยพัฒนามีนโยบายกระจายอำนาจ และการพัฒนาเทคโนโลยีการเกษตรและการศึกษา[57] พรรคเพื่อชาติมีนโยบายปรับปรุงสาธารณสุขต่างจังหวัด การขนส่งในเมือง และลดภาษีการขนส่งการเกษตร[57] พรรคประชาชาติมีแนวนโยบายการอยู่ร่วมกันระหว่างศาสนา การหาทางแก้ไขปัญหาความไม่สงบในชายแดนภาคใต้ และปราบปรามยาเสพติด[57] พรรคเสรีรวมไทยมีนโยบายลดขนาดกองทัพและย้ายหน่วยงานทหารออกนอกกรุงเทพมหานคร ตลอดจนพัฒนาเศรษฐกิจต่างจังหวัด[57] พรรคพลังท้องถิ่นไทมีนโยบายปราบปรามยาเสพติด พัฒนาการศึกษาด้านภาษาและการเพิ่มราคายางพารา[57]
หลังพรรคไทยรักษาชาติถูกยุบในเดือนมีนาคม 2562 ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคไทยรักษาชาติหลายคนกลับไปเข้ากับพรรคเพื่อไทย รวมทั้งมีความพยายามถ่ายคะแนนไปยังพรรคเสรีรวมไทยและพรรคประชาชาติ[59] อดีตสมาชิกแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติไปเข้ากับพรรคเพื่อชาติ มีอดีตผู้สมัครรับเลือกตั้ง 1 คนไปเข้ากับพรรคภูมิใจไทย[59] และยังมียุทธวิธีการรณรงค์ไม่ประสงค์ลงคะแนน แต่กรรมการการเลือกตั้งมองว่าเป็นลักษณะที่ทำให้การเลือกตั้งไม่สุจริตเที่ยงธรรม เพราะ "มีวัตถุประสงค์ให้มีคะแนนโหวตโนมากกว่าคะแนนผู้สมัคร ซึ่งไม่ใช่วัตถุประสงค์ของการเลือกตั้ง"[59] อย่างไรก็ตาม พรรคอนาคตใหม่ไม่ใช่เป้าหมายเทคะแนนของอดีตสมาชิกพรรคไทยรักษาชาติ[59] แม้มีข่าวฐิติมา ฉายแสง อดีตผู้สมัครรับเลือกตั้ง เชิญชวนให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งในเขตตนเลือกผู้สมัครพรรคอนาคตใหม่แทน[60] ด้านธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจปฏิเสธว่าโทรศัพท์คุยกับอดีตแกนนำพรรคไทยรักษาชาติเพื่อขอคะแนนเสียง[61]
ในเดือนมีนาคม 2562 พรรคประชาธิปัตย์เสนอให้ปรับค่าจ้างขั้นต่ำเป็นวันละ 400 บาท ส่วนพรรคพลังประชารัฐเสนอเป็นวันละ 425 บาท ทำให้ถูกกล่าวหาว่าเป็นนโยบายประชานิยม ทำไม่ได้จริง หรือทำให้ผู้ประกอบการเดือดร้อน[62]
ผลสำรวจ
ผลสำรวจพรรคการเมืองที่ต้องการ
ระยะเวลาการสำรวจ | องค์การที่สำรวจ | กลุ่มตัวอย่าง | เพื่อไทย | ประชาธิปัตย์ | พลังประชารัฐ | อนาคตใหม่ | อื่น ๆ | คะแนนนำ |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|
4–6 มีนาคม 2562 | กรุงเทพโพลล์ | 1,735 | 21.7% | 15.5% | 19% | 12% | 0.9% | 8.9% |
1–28 กุมภาพันธ์ 2562 | มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ | 1,431 | 19% | 24% | 12% | 27% | 18% | 3% |
15 กุมภาพันธ์ 2562 | FT Confidential Research[63] | 1,000 | 24% | 14% | 9% | 11% | 42% | 10% |
11 กุมภาพันธ์ 2562 | มหาวิทยาลัยรังสิต[64] | 8,000 | 16.90% | 18.30% | 21.50% | 7.40% | 35.9% | 3.20% |
4–7 กุมภาพันธ์ 2562 | นิด้า | 2,091 | 36.49% | 15.21% | 22.57% | 8.18% | 17.55% | 13.92% |
2–15 มกราคม 2562 | นิด้า | 2,500 | 32.72% | 14.92% | 24.16% | 11.00% | 17.20% | 8.56% |
24 ธันวาคม 2561 | มหาวิทยาลัยรังสิต[65] | 8,000 | 25.38% | 22.62% | 26.03% | 9.80% | 16.17% | 0.65% |
10–22 ธันวาคม 2562 | ซุปเปอรฺ์โพล / YouGov[66] | 1,094 | 38.30% | 22.80% | 4.70% | 24.40% | 9.80% | 13.90% |
24 พฤศจิกายน 2561 | มหาวิทยาลัยรังสิต[67] | 8,000 | 23.64% | 19.01% | 26.61% | 8.84% | 21.90% | 2.97% |
20–22 พฤศจิกายน 2561 | นิด้า | 1,260 | 31.75% | 16.98% | 19.92% | 15.63% | 15.72% | 11.83% |
17–18 กันยายน 2561 | นิด้า | 1,251 | 28.78% | 19.58% | 20.62% | 15.51% | 15.51% | 8.16% |
17–19 กรกฎาคม 2561 | นิด้า | 1,257 | 31.19% | 16.47% | 21.88% | 9.63% | 20.83% | 9.31% |
8–9 พฤษภาคม 2561 | นิด้า | 1,250 | 32.16% | 19.20% | 25.12% | 11.60% | 11.92% | 7.04% |
3 กรกฎาคม 2554 | การเลือกตั้ง 2554 | 32,525,504 | 48.41% | 35.15% | - | - | 16.44% | 13.26% |
หมายเหตุ: ผลสำรวจของมหาวิทยาลัยรังสิตถูกกล่าวหาว่าไม่มีความน่าเชื่อถือเนื่องจากเชื่อว่ามีความลำเอียงต่อพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา และพรรคพลังประชารัฐ สังศิต พิริยะรังสรรค์ หัวหน้าผู้จัดทำการสำรวจ เป็นผู้สนับสนุนประยุทธ์อย่างเปิดเผย และผู้กังขากล่าวหาว่ามีการตกแต่งจำนวนผู้ตอบผลสำรวจของประยุทธ์และพรรคพลังประชารัฐให้มากขึ้น[68]
ต่อมา มีการประกาศว่าจะยุติการสำรวจโดยใช้ชื่อมหาวิทยาลัยเป็นผู้สำรวจเพื่อไม่ให้ชื่อเสียงมหาวิทยาลัยเสียหาย[69] อย่างไรก็ตาม ในเดือนกุมภาพันธ์สังศิตและมหาวิทยาลัยรังสิตยังออกผลสำรวจมาอีกครั้งหนึ่ง[64]
ผลสำรวจบุคคลเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีที่ต้องการ
ตามหลักปฏิบัติทั่วไป ผู้ที่จะเสนอตัวเป็นนายกรัฐมนตรีจะต้องเป็นหัวหน้าของพรรคนั้น อย่างไรก็ตาม ในการเลือกตั้งในครั้งนี้ หลายภาคส่วนได้สนับสนุนพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อ[70] พลเอกประยุทธ์ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคอย่างเป็นทางการ แต่คณะรัฐมนตรีหรือที่ปรึกษาของพลเอกประยุทธ์ ได้เป็นหนึ่งในผู้บริหารของพรรคพลังประชารัฐ อย่างไรก็ดี พรรคพลังประชารัฐได้ถูกกล่าวขานว่าเป็นเพียงแค่เครื่องมือของพลเอกประยุทธ์เพื่อจะกลับมาดำรงตำแหน่งต่อในระบอบประชาธิปไตย[71]
ระยะเวลาการสำรวจ | องค์การที่สำรวจ | กลุ่มตัวอย่าง | ประยุทธ์ | สุดารัตน์ | อภิสิทธิ์ | ธนาธร | อื่น ๆ | คะแนนนำ |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1-28 กุมภาพันธ์ 2562 | ม.อ. โพล | 1,431 | 10.30% | 8.00% | 12.00% | 16.10% | 53.60% | 37.50% |
4-7 กุมภาพันธ์ 2562 | นิด้า | 2,091 | 26.06% | 24.01% | 11.43% | 5.98% | 32.52% | 6.46% |
2-15 มกราคม 2562 | นิด้า | 2,500 | 26.20% | 22.40% | 11.56% | 9.60% | 30.24% | 4.04% |
24 ธันวาคม 2561 | มหาวิทยาลัยรังสิต[65] | 8,000 | 26.04% | 25.28% | 22.68% | 9.90% | 16.10% | 0.76% |
24 พฤศจิกายน 2561 | มหาวิทยาลัยรังสิต[67] | 8,000 | 27.06% | 18.16% | 15.55% | 9.68% | 29.55% | 2.49% |
20-22 พฤศจิกายน 2561 | นิด้า | 1,260 | 24.05% | 25.16% | 11.67% | 14.52% | 24.60% | 1.11% |
17-18 กันยายน 2561 | นิด้า | 1,251 | 29.66% | 17.51% | 10.71% | 13.83% | 28.29% | 1.37% |
17-19 มิถุนายน 2561 | นิด้า | 1,257 | 31.26% | 14.96% | 10.50% | 7.48% | 35.80% | 4.54% |
8-9 พฤษภาคม 2561 | นิด้า | 1,250 | 32.24% | 17.44% | 14.24% | 10.08% | 18.08% | 14.80% |
การเลือกตั้ง
การเลือกตั้งล่วงหน้า
กกต. เปิดเผยว่ามีผู้ลงทะเบียนใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขต 2.63 ล้านคน และเลือกตั้งล่วงหน้านอกราชอาณาจักร 119,000 คน[72] มีผู้ออกมาใช้สิทธิในวันที่ 17 มีนาคม 2562 คิดเป็นร้อยละ 86.98 พบการกระทำที่เข้าข่ายผิดกฎหมาย 3 กรณี คือ 1. พบบุคคลนำบัตรเลือกตั้งทั้งเล่มไปทำเครื่องหมายให้ผู้สมัครพรรคการเมืองพรรคเดียวในจังหวัดสมุทรปราการ 2. มีการนำบัตรประจำตัวประชาชนของบุคคลอื่นไปใช้สิทธิแทนในจังหวัดอุทัยธานี และ 3. มีการทำเอกสารปลอมแจ้งว่า กกต. ไม่รับรองผู้สมัครคนหนึ่งที่จังหวัดกาฬสินธุ์ มีบางกรณีที่ผู้ลงทะเบียนใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าไม่พบข้อมูลที่หน่วยเลือกตั้ง จนเมื่อตรวจสอบแล้วจึงให้ใช้สิทธิ[73] ด้านผู้ใช้สื่อสังคมแสดงความคิดเห็นว่ามีหลายกรณีที่แจกบัตรเลือกตั้งผิดเขตแล้วกรรมการไม่ยอมเปลี่ยนบัตรให้ ไม่มีการพิมพ์ลายนิ้วมือทำให้เกรงว่าอาจมีการสับเปลี่ยนบัตรเลือกตั้ง[74]
ผลการเลือกตั้ง
คืนวันเลือกตั้ง หลังการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการแล้วเสร็จไปร้อยละ 93 พบว่าพรรคพลังประชารัฐได้รับคะแนนเสียงมากที่สุด (7.59 ล้านคะแนน) รองลงมาสี่อันดับได้แก่ พรรคเพื่อไทย (7.12 ล้านคะแนน) พรรคอนาคตใหม่ (5.23 ล้านคะแนน) พรรคประชาธิปัตย์ (3.23 ล้านคะแนน) และพรรคภูมิใจไทย (3.20 ล้านคะแนน) พรรคพลังประชารัฐและพรรคเพื่อไทยได้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่พึงมีจำนวนไล่เลี่ยกัน แต่พรรคเพื่อไทยได้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตมากกว่า[4] กรรมการการเลือกตั้งเปิดเผยว่า มีผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งคิดเป็นร้อยละ 65.96 ของผู้มีสิทธิทั้งหมด 51.2 ล้านคน เป็นบัตรเสียร้อยละ 5.6 และไม่ประสงค์ลงคะแนนร้อยละ 1.5[75]
พรรค | แบบแบ่งเขต | แบบบัญชีรายชื่อ | รวม | ||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
คะแนนเสียง | % | ที่นั่ง | คะแนนเสียง | % | ที่นั่ง | ที่นั่ง | % | ||
เพื่อไทย | |||||||||
ประชาธิปัตย์ | |||||||||
ภูมิใจไทย | |||||||||
พลังประชารัฐ | |||||||||
อนาคตใหม่ | |||||||||
ชาติไทยพัฒนา | |||||||||
ชาติพัฒนา | |||||||||
อื่น ๆ | |||||||||
คะแนนสมบูรณ์ | 350 | 150 | 500 | 100% | |||||
ไม่ประสงค์ลงคะแนน | |||||||||
คะแนนเสีย | |||||||||
รวมผู้ใช้สิทธิลงคะแนน | |||||||||
รวมผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งหมด | |||||||||
ที่มา: สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง |
อ้างอิง
- ↑ [1]
- ↑ "ย้อนที่มาเลื่อนเลือกตั้ง 5 ครั้ง ยุค คสช. จากปลายปี 2558 สู่ก่อนพระราชพิธีสำคัญ". THE STANDARD. 2019-01-09. สืบค้นเมื่อ 2019-01-13.
- ↑ "Thai king urges support for 'good people' hours before polls open". Strait Times. 24 March 2019. สืบค้นเมื่อ 2019-03-24.
- ↑ 4.0 4.1 "อัพเดต! ผลการเลือกตั้ง ไม่เป็นทางการ เพื่อไทยยังนำ ส.ส.เขต". ข่าวสด. 25 มีนาคม 2562. สืบค้นเมื่อ 2019-03-25.
- ↑ "เลือกตั้ง 2562 เพื่อไทยแถลงชิงเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล". บีบีซีไทย. 25 มีนาคม 2562. สืบค้นเมื่อ 2019-03-25.
- ↑ 6.0 6.1 Thailand to hold fresh election on 20 July BBC News, 30 April 2014
- ↑ Nguyen, Anuchit; Thanthong-Knight, Randy (2019-01-23). "Thailand to Hold First General Election Since Coup in 2014". Bloomberg. สืบค้นเมื่อ 23 January 2019.
- ↑ Yueh, Linda (26 November 2014). "Thailand's elections could be delayed until 2016". BBC World News. BBC. สืบค้นเมื่อ 10 June 2015.
- ↑ Peel, Michael (19 May 2015). "Generals postpone Thailand elections for at least six more months". Financial Times. สืบค้นเมื่อ 10 June 2015.
{{cite news}}
: ไม่รู้จักพารามิเตอร์|subscription=
ถูกละเว้น แนะนำ (|url-access=
) (help) - ↑ "PM backpedals on staying on". The Nation. Nation Multimedia Group. 9 June 2015. สืบค้นเมื่อ 10 June 2015.
- ↑ Peel, Michael (30 January 2018). "Thailand's PM Prayut Chan-o-cha says he needs more time in office to prepare for election". Straits Times. สืบค้นเมื่อ 30 January 2018.
- ↑ "มีอะไรน่าสนใจ เมื่อ กกต. เปิดจดทะเบียนพรรคใหม่ 2 มี.ค." 1 มีนาคม 2561. สืบค้นเมื่อ 9 มีนาคม 2561.
{{cite news}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|access-date=
(help) - ↑ "การเมือง'วิษณุ' วางไทม์ไลน์เลือกตั้งช้าสุด 5 พ.ค. 62". Workpoint. 26 June 2018. สืบค้นเมื่อ 4 September 2018.
- ↑ Limited, Bangkok Post Public Company. "Young voters find voice". bangkokpost.com. สืบค้นเมื่อ 2018-11-30.
- ↑ สงสกุล, พลวุฒิ (03.10.2018). "ทำความเข้าใจก่อนไปเลือกตั้ง ส.ส. ใช้บัตรใบเดียว เลือกได้เพียงหนึ่ง 'คนที่รัก' หรือ 'พรรคที่ใช่'". The Standard. สืบค้นเมื่อ 2562-02-08.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|access-date=
และ|date=
(help) - ↑ "เลือกตั้ง 2562: พลิกสูตรคำนวณยอด ส.ส. กับยุทธศาสตร์ "แตกแบงก์พันเป็นแบงก์ร้อย"". บีบีซีไทย. สืบค้นเมื่อ 2019-02-08.
- ↑ 17.0 17.1 "Election has already been won, so what now? - The Nation". The Nation (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2018-11-29.
- ↑ "EC completes redrawing of constituencies - The Nation". The Nation (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2018-11-29.
- ↑ Limited, Bangkok Post Public Company. "Watchdog demands govt stop meddling with EC". bangkokpost.com. สืบค้นเมื่อ 2018-11-29.
- ↑ "EC under microscope for gerrymandering over designing of boundaries - The Nation". The Nation (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2018-11-29.
- ↑ Limited, Bangkok Post Public Company. "New EC boundary ruling under fire". bangkokpost.com. สืบค้นเมื่อ 2018-11-29.
- ↑ "EC completes redrawing of constituencies". The Nation (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2018-12-26.
- ↑ "Parties accuse EC of bias in constituency mapping". The Nation (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2018-12-26.
- ↑ Rojanaphruk, Pravit; Writer, Senior Staff (2018-11-30). "Parties Fume Over New 'Gerrymandered' Electoral Map". Khaosod English (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). สืบค้นเมื่อ 2018-12-26.
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้ง เรื่อง การแบ่งเขตเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร, เล่ม ๑๓๕, ตอน ๑๐๑ ก, ๒๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๑,
- ↑ "เลือกตั้ง 2562 ผู้สมัครส.ส.ทะลุหมื่นคน มากกว่าปี 2554 กว่า 3 เท่า". ไทยรัฐ. 8 ก.พ. 2562. สืบค้นเมื่อ 2562-02-08.
{{cite news}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|access-date=
(help) - ↑ "เลือกตั้ง 2562 : เพื่อไทย ส่งผู้สมัคร ไม่ครบทั่วประเทศ ครั้งแรกในรอบ 17 ปี". บีบีซีไทย. 4 กุมภาพันธ์ 2019. สืบค้นเมื่อ 2019-08-02.
- ↑ หทัยกาญจน์ ตรีสุวรรณ (21 มกราคม 2019). "เลือกตั้ง 2562 : ที่สุดที่คุณอาจยังไม่รู้ก่อนเข้าคูหา". บีบีซีไทย. สืบค้นเมื่อ 2019-08-02.
- ↑ "เลือกตั้ง 62 l เปิดคำพูด แถลงการณ์ ส่องจุดยืนแต่ละพรรคการเมือง "เลือกไหมนายกฯ ชื่อประยุทธ์?"". Workpoint News. 12 กุมภาพันธ์ 2019. สืบค้นเมื่อ 2019-03-11.
- ↑ "โพสต์หมดเวลาเกรงใจแล้ว มาร์คยัน ไม่สนับสนุน "บิ๊กตู่" (คลิป)". ไทยรัฐ. 11 มี.ค. 2562. สืบค้นเมื่อ 2019-03-11.
- ↑ ดนัย เอกมหาสวัสดิ์, อมรรัตน์ มหิทธิรุกข์” (2019-02-06). เจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand (Full) | 6 ก.พ. 62 | เจาะลึกทั่วไทย (YouTube). กรุงเทพมหานคร: SpringNews. เหตุการณ์เกิดขึ้นที่ 8:00. สืบค้นเมื่อ 2019-02-09.
- ↑ "เลือกตั้ง 2562 : 8 ก.พ. ไทยรักษาชาติ กับ จุดเปลี่ยนการเมือง "ระดับแผ่นดินไหว" ?". บีบีซีไทย. 7 กุมภาพันธ์ 2019. สืบค้นเมื่อ 2019-02-08.
- ↑ "ครั้งประวัติศาสตร์! ทูลกระหม่อมฯ ตอบรับ ไทยรักษาชาติ ลงชิงนายกฯ". ข่าวสด. 8 กุมภาพันธ์ 2562. สืบค้นเมื่อ 2019-02-08.
- ↑ "Princess Ubolratana: Thai royal to stand as PM candidate". Thailand General Election 2019. Bangkok: BBC. 2019-02-08. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-02-09. สืบค้นเมื่อ 2019-02-09.
- ↑ "เลือกตั้ง 2562 : ไพบูลย์ ยื่น กกต. ระงับ ทษช. หยุดเสนอพระนามทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนฯ". บีบีซีไทย. 2019-02-08. สืบค้นเมื่อ 2019-02-08.
- ↑ ""ไพบูลย์" ขอ กกต.ระงับแคนดิเดตนายกฯ ทษช". กรุงเทพมหานคร: ไทยพีบีเอส. 2019-02-08. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-02-09. สืบค้นเมื่อ 2019-02-09.
- ↑ "Thailand's king condemns bid by sister to become PM". BBC. กรุงเทพมหานคร. 2019-02-08. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-02-08. สืบค้นเมื่อ 2019-02-08.
- ↑ "กกต.ประกาศชื่อแคนดิเดตนายกฯพรรคการเมืองแล้ว 45 พรรค ไม่มีชื่อพรรคไทยรักษาชาติ". มติชนออนไลน์. 11 กุมภาพันธ์ 2562. สืบค้นเมื่อ 11-02-2562.
{{cite news}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|access-date=
(help) - ↑ "เลือกตั้ง 2562 : ศาลรัฐธรรมนูญ รับคำร้องพิจารณายุบพรรคไทยรักษาชาติ ตามที่ กกต. ยื่น". บีบีซีไทย. 14 กุมภาพันธ์ 2562. สืบค้นเมื่อ 27 กุมภาพันธ์ 2562.
{{cite news}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|access-date=
(help) - ↑ "ยุบ'ไทยรักษาชาติ'! ฐานทำ'สถาบัน'เสื่อม". เดลินิวส์. 7 มีนาคม 2562. สืบค้นเมื่อ 7 มีนาคม 2562.
{{cite news}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|access-date=
(help) - ↑ "ร้อง กกต.ยุบพลังประชารัฐคัดค้าน "ตู่" แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี". ไทยรัฐ. 16 ก.พ. 2562. สืบค้นเมื่อ 2019-02-27.
- ↑ ""ประยุทธ์"รอด!ผู้ตรวจฯชี้ ไม่มีสถานะ"จนท.อื่นของรัฐ"". เดลินิวส์. 14 มีนาคม 2562. สืบค้นเมื่อ 2019-03-14.
- ↑ "เลือกตั้ง 2562 : "พลังประชารัฐ" รอดยุบพรรค ระดมทุนโต๊ะจีนไร้เงินต่างชาติ". ไทยพีบีเอส. 12 มีนาคม 2562. สืบค้นเมื่อ 2019-03-13.
- ↑ "เพื่อไทยยื่นเอาผิด พลังประชารัฐ ปราศรัยหาเสียงสัญญาว่าจะให้ "บัตรคนจน"". ไทยรัฐ. 14 มี.ค. 2562. สืบค้นเมื่อ 2019-03-14.
- ↑ "ภาพชุด 'ธนาธร' รอดคุก! อัยการนัดพบอีกที 26 มีนาคม หลังเลือกตั้ง!". ข่าวสด. 27 กุมภาพันธ์ 2562. สืบค้นเมื่อ 2019-02-27.
- ↑ "โดนอีก! ยื่น กกต.ยุบพรรคอนาคตใหม่ ชี้มีพฤติการณ์ล้มล้างการปกครอง". ประชาชาติธุรกิจ. 28 กุมภาพันธ์ 2562. สืบค้นเมื่อ 2019-02-28.
- ↑ "พ่อของฟ้าเฮ 'ธนาธร' รอดแล้ว กกต.ยกคำร้อง ยุบอนาคตใหม่ ปม ลงประวัติผิด!". ข่าวสด. 14 มีนาคม 2562. สืบค้นเมื่อ 2019-03-17.
- ↑ ""ศรีสุวรรณ" ชงกกต.ยุบ"อนาคตใหม่"". โพสต์ทูเดย์. 15 มี.ค. 2562. สืบค้นเมื่อ 2019-03-17.
- ↑ "อสมท : ปลดพิธีกรหญิงช่อง 9 ใครเป็นใครใน "แดนสนธยา"". บีบีซีไทย. 3 มีนาคม 2019. สืบค้นเมื่อ 2019-03-14.
- ↑ "แชร์ว่อน! เลือกตั้งไทยล่วงหน้า ที่จีนป่วน บัตรหาย500ใบ!! ท้วงไป โดนแย้งแบบนี้?". ข่าวสด. 10 มีนาคม 2562. สืบค้นเมื่อ 2019-03-10.
- ↑ "เลือกตั้ง 2562 : กกต.แจงปมรอ 4 ชั่วโมง ไม่ได้กาบัตร! เลือกตั้งต่างแดนในมาเลเซีย". ไทยพีบีเอส. 10 มีนาคม 2562. สืบค้นเมื่อ 2019-03-10.
- ↑ "เลือกตั้ง2562: "ไอติม" ห่วง "กาผิดเบอร์" เอกสารตปท.ไม่เคลียร์". ไทยพีบีเอส. 11 มีนาคม 2562. สืบค้นเมื่อ 2019-03-13.
- ↑ "เลือกตั้ง 2562 : ครม. ไฟเขียวงบเติมกองทุน "ประชารัฐ" ส่วนคลังเร่งจ่ายเงิน อสม. 1 ล้านคน". บีบีซีไทย. 20 มีนาคม 2019. สืบค้นเมื่อ 2019-03-25.
- ↑ "'ในหลวง' โปรดเกล้าฯให้อัญเชิญพระบรมราโชวาท ร.9". กรุงเทพธุรกิจ. 23 มีนาคม 2562. สืบค้นเมื่อ 2019-03-23.
- ↑ "#โตแล้วเลือกเองได้ ขึ้นอันดับ 1 เทรนด์ในทวิตเตอร์คืนก่อนวันเลือกตั้ง". ประชาไท. 23 มีนาคม 2562. สืบค้นเมื่อ 2019-03-24.
- ↑ "พลังประชาชนกำหนดอนาคตประเทศไทย 24 มี.ค." บีบีซีไทย. 2019-03-24. สืบค้นเมื่อ 2019-03-24.
8:05 อัญเชิญพระบรมราโชวาท ร.9 "ส่งเสริมคนดีปกครองบ้านเมือง" มาเผยแพร่ซ้ำทาง ทรท. ฯลฯ / 10:37 ปธ.กกต. ขอคนไทยใช้สิทธิ “โดยคำนึงถึงประกาศสำนักพระราชวัง” ฯลฯ
- ↑ 57.00 57.01 57.02 57.03 57.04 57.05 57.06 57.07 57.08 57.09 57.10 57.11 57.12 Asaree Thaitrakulpanich (February 27, 2019). "Thai Election for Dummies: Guide to the Parties". Khaosod English. สืบค้นเมื่อ 3-3-2019.
{{cite news}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|access-date=
(help) - ↑ Teeranai Charuvastra (February 18, 2019). "Army Revokes Order to Broadcast 'Red Scare' Song". Khaosod English. สืบค้นเมื่อ 3-3-2019.
{{cite news}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|access-date=
(help) - ↑ 59.0 59.1 59.2 59.3 หทัยกาญจน์ ตรีสุวรรณ (15 มีนาคม 2019). "เลือกตั้ง 2562 : เปิดสูตรคำนวณ ส.ส. ในกระแส "โหวตโน-เทคะแนน"". ไทยรัฐ. สืบค้นเมื่อ 17-3-2019.
{{cite news}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|access-date=
(help) - ↑ "น้องสาวจาตุรนต์ โพสต์ชวนชาวแปดริ้ว กา 'อนาคตใหม่' หลัง 'ทษช.' ถูกยุบ". ข่าวสด. 11 มีนาคม 2562. สืบค้นเมื่อ 13-3-2019.
{{cite news}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|access-date=
(help) - ↑ ""ธนาธร" ปัดแกนนำ "อนาคตใหม่" ยกหูคุย "ไทยรักษาชาติ" ช่วยเทคะแนนหนุน". ไทยรัฐ. 9 มี.ค. 2562. สืบค้นเมื่อ 13-3-2019.
{{cite news}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|access-date=
(help) - ↑ "รุมถล่มยับค่าจ้าง 425 บาท พรรคพลังประชารัฐฟุ้ง เป็นรัฐบาลทำได้จริง". ไทยรัฐ. 17 มี.ค. 2562. สืบค้นเมื่อ 17-3-2019.
{{cite news}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|access-date=
(help) - ↑ "Political risk soars ahead of Thailand's election". Financial Times (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). สืบค้นเมื่อ 2019-02-16.
- ↑ 64.0 64.1 "'รังสิตโพล' ชี้คนเลือก 'พลังประชารัฐ' มากที่สุด หลังเคยประกาศยุติทำโพลมาแล้ว | ประชาไท Prachatai.com". prachatai.com. สืบค้นเมื่อ 2019-02-19.
- ↑ 65.0 65.1 isranews (2018-12-29). "รังสิตโพลล์ เผยคะแนนนิยมเป็นนายกฯหลังเลือกตั้ง 'พล.อ.ประยุทธ์' อันดับ 1". สำนักข่าวอิศรา. สืบค้นเมื่อ 2018-12-29.
- ↑ "ซูเปอร์โพลเผยผลวิจัย ถ้าเลือกตั้งวันนี้ 'พท.'ที่1 ทิ้งห่าง'พปชร.' ด้าน'อนค.'คะแนนนิยมกทม.พุ่ง". 25 December 2018. สืบค้นเมื่อ 23 December 2018.
- ↑ 67.0 67.1 "สังศิตโพล ครั้งที่ 4 ให้ 'พลังประชารัฐ' คะแนนนิยมแซง 'เพื่อไทย' แล้ว | ประชาไท". prachatai.com. สืบค้นเมื่อ 2018-11-30.
- ↑ News, Workpoint. ""สังศิต" ประกาศยุติทำรังสิตโพลล์ หลังผล "ประยุทธ์" นำถูกหาว่าไม่เป็นกลาง". Workpoint News. สืบค้นเมื่อ 2019-02-19.
{{cite web}}
:|last=
มีชื่อเรียกทั่วไป (help) - ↑ "รังสิตโพลพ่นพิษ!'สังศิต'ประกาศไม่ทำแล้วหลังเผยคะแนนนิยม'บิ๊กตู่'นำตลอด". Thai Post | อิสรภาพแห่งความคิด (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2019-01-08.
- ↑ "Dozens of New Parties Register For Next Election". Khaosod English (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). 2018-03-02. สืบค้นเมื่อ 2018-11-30.
- ↑ Limited, Bangkok Post Public Company. "PM allows ministers to back parties". https://www.bangkokpost.com. สืบค้นเมื่อ 2019-01-08.
{{cite web}}
: แหล่งข้อมูลอื่นใน
(help)|website=
- ↑ "เลือกตั้ง 2562 : 17 มีนา เลือกตั้งล่วงหน้านอกเขต ต่างอย่างไรกับใช้สิทธิวันจริง". ไทยรัฐ. 17 มี.ค. 2562. สืบค้นเมื่อ 17-3-2019.
{{cite news}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|access-date=
(help) - ↑ "เลือกตั้งล่วงหน้าจับโกงได้ 3 จังหวัด". คมชัดลึก. 18 มี.ค. 2562. สืบค้นเมื่อ 24-3-2019.
{{cite news}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|access-date=
(help) - ↑ "เลือกตั้งล่วงหน้า : แจกบัตรผิดเขต ไม่มีข้อมูลผู้สมัคร รอคิวสะสม ปัญหาเลือกตั้งล่วงหน้าของ กกต". บีบีซีไทย. 17 มีนาคม 2019. สืบค้นเมื่อ 24-3-2019.
{{cite news}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|access-date=
(help) - ↑ "เลือกตั้ง2562 : กกต.ชี้ ปชช.ใช้สิทธิ 65.96% บัตรเสีย 5.6%". ไทยพีบีเอส. 24 มีนาคม 2562. สืบค้นเมื่อ 2019-03-25.