ผลต่างระหว่างรุ่นของ "อ็อทโทที่ 1 มหาราช"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Potapt (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
Potapt (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 1: บรรทัด 1:
{{Infobox royalty
{{Infobox royalty
| type = monarch
| type = monarch
| name = ออทโทที่ 1 มหาราช
| name = อ็อทโทที่ 1 มหาราช
| more = Emperor of the Holy Roman Empire
| more = Emperor of the Holy Roman Empire
| image = Alter Markt (Magdeburg-Altstadt).Magdeburger Reiter edit.jpg
| image = Alter Markt (Magdeburg-Altstadt).Magdeburger Reiter edit.jpg
บรรทัด 8: บรรทัด 8:
| reign2 = 2 กรกฎาคม 936 – 7 พฤษภาคม 973
| reign2 = 2 กรกฎาคม 936 – 7 พฤษภาคม 973
| predecessor2 = [[พระเจ้าไฮน์ริชที่ 1 แห่งเยอรมนี|พระเจ้าไฮน์ริชที่ 1]]
| predecessor2 = [[พระเจ้าไฮน์ริชที่ 1 แห่งเยอรมนี|พระเจ้าไฮน์ริชที่ 1]]
| successor2 = [[จักรพรรดิออทโทที่ 2 แห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์|จักรพรรดิออทโทที่ 2]]
| successor2 = [[จักรพรรดิอ็อทโทที่ 2 แห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์|จักรพรรดิอ็อทโทที่ 2]]
| coronation2 = 7 สิงหาคม 936<br>ณ [[อาเคิน]]
| coronation2 = 7 สิงหาคม 936<br>ณ [[อาเคิน]]
| succession1 = [[พระมหากษัตริย์อิตาลี|กษัตริย์แห่งอิตาลี]]
| succession1 = [[พระมหากษัตริย์อิตาลี|กษัตริย์แห่งอิตาลี]]
บรรทัด 14: บรรทัด 14:
| coronation1 = 10 ตุลาคม 951{{efn|[[Berengar II]] ruled from 952 until 961 as "King of Italy", but as Otto's vassal.}}<br>ณ [[ปาวีอา]]
| coronation1 = 10 ตุลาคม 951{{efn|[[Berengar II]] ruled from 952 until 961 as "King of Italy", but as Otto's vassal.}}<br>ณ [[ปาวีอา]]
| predecessor1 = [[เบเรนการ์ที่ 2 แห่งอิตาลี|พระเจ้าเบเรนการ์ที่ 2]]
| predecessor1 = [[เบเรนการ์ที่ 2 แห่งอิตาลี|พระเจ้าเบเรนการ์ที่ 2]]
| successor1 = [[จักรพรรดิออทโทที่ 2 แห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์|จักรพรรดิออทโทที่ 2]]
| successor1 = [[จักรพรรดิอ็อทโทที่ 2 แห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์|จักรพรรดิอ็อทโทที่ 2]]
| succession = [[จักรพรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์]]
| succession = [[จักรพรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์]]
| reign = 2 กุมภาพันธ์ 962 – 7 เมษายน 973
| reign = 2 กุมภาพันธ์ 962 – 7 เมษายน 973
| coronation = 2 กุมภาพันธ์ 962{{sfn|Heather|2014|p=281}}<br>ณ กรุงโรม
| coronation = 2 กุมภาพันธ์ 962{{sfn|Heather|2014|p=281}}<br>ณ กรุงโรม
| predecessor = [[เบเรนการ์ที่ 2 แห่งอิตาลี|พระเจ้าเบเรนการ์ที่ 2]]
| predecessor = [[เบเรนการ์ที่ 2 แห่งอิตาลี|พระเจ้าเบเรนการ์ที่ 2]]
| successor = [[จักรพรรดิออทโทที่ 2 แห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์|จักรพรรดิออทโทที่ 2]]
| successor = [[จักรพรรดิอ็อทโทที่ 2 แห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์|จักรพรรดิอ็อทโทที่ 2]]
| succession3 = ดยุกแห่งซัคเซิน
| succession3 = ดยุกแห่งซัคเซิน
| reign3 = 2 กรกฎาคม 936 – 7 พฤษภาคม 973
| reign3 = 2 กรกฎาคม 936 – 7 พฤษภาคม 973
บรรทัด 26: บรรทัด 26:
| successor3 = [[Bernard I, Duke of Saxony|เบอร์นาร์ดที่ 1]]
| successor3 = [[Bernard I, Duke of Saxony|เบอร์นาร์ดที่ 1]]
| full name =
| full name =
| house = ออทโท
| house = อ็อทโท
| house-type = ราชวงศ์
| house-type = ราชวงศ์
|spouse=[[Eadgyth|แอดกิธแห่งอังกฤษ]] (930–946)<br>อาเดลาอีเดแห่งอิตาลี (951–973)
|spouse=[[Eadgyth|แอดกิธแห่งอังกฤษ]] (930–946)<br>อาเดลาอีเดแห่งอิตาลี (951–973)
บรรทัด 41: บรรทัด 41:
{{ใช้ปีคศ|width=264px}}
{{ใช้ปีคศ|width=264px}}


'''ออทโทที่ 1 มหาราช''' ({{lang-de|Otto I. der Große}})<ref>Otto I, Holy Roman Emperor[http://www.answers.com/topic/otto-i-holy-roman-emperor]</ref> ทรงเป็นกษัตริย์แห่ง[[อาณาจักรแฟรงก์ตะวันออก]] (ชื่อเรียกบริเวณที่เป็นประเทศเยอรมนีในยุคนั้น) ในปี ค.ศ. 936 และทรงเป็น[[จักรพรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์]]ตั้งแต่ปี ค.ศ. 962 จนสวรรคตในปี ค.ศ. 973 ทรงเป็นพระราชโอรสองค์ใหญ่ใน[[พระเจ้าไฮน์ริชที่ 1 แห่งเยอรมนี|พระเจ้าไฮน์ริชที่ 1]]กับพระนางมาทิลเดอแห่งริงเงิลไฮม์
'''อ็อทโทที่ 1 มหาราช''' ({{lang-de|Otto I. der Große}})<ref>Otto I, Holy Roman Emperor[http://www.answers.com/topic/otto-i-holy-roman-emperor]</ref> ทรงเป็นกษัตริย์แห่ง[[อาณาจักรแฟรงก์ตะวันออก]] (ชื่อเรียกบริเวณที่เป็นประเทศเยอรมนีในยุคนั้น) ในปี ค.ศ. 936 และทรงเป็น[[จักรพรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์]]ตั้งแต่ปี ค.ศ. 962 จนสวรรคตในปี ค.ศ. 973 ทรงเป็นพระราชโอรสองค์ใหญ่ใน[[พระเจ้าไฮน์ริชที่ 1 แห่งเยอรมนี|พระเจ้าไฮน์ริชที่ 1]]กับพระนางมาทิลเดอแห่งริงเงิลไฮม์


พระองค์ได้ขึ้นสืบบัลลังก์แห่ง[[ดัชชีซัคเซิน]]และบัลลังก์เยอรมันภายหลังที่พระราชบิดาสวรรคตในปี ค.ศ. 936 และออกพระนามว่า '''พระเจ้าออทโทที่ 1 แห่งเยอรมนี''' เมื่อขึ้นครองราชสมบัติแล้วพระองค์ก็เจริญรอยตามพระปณิธานของพระราชบิดาที่จะรวบรวมแผ่นดินของชนเยอรมันให้เป็นหนึ่งเดียวอีกครั้ง พระราชอำนาจของพระองค์แผ่ขยายไปอย่างกว้างไกลผ่านชั้นเชิงการเมืองที่เยี่ยมยอด ไม่ว่าจะด้วยวิธีแต่งงานทางการเมืองหรือการแต่งตั้งสมาชิกพระราชวงศ์ของพระองค์ไปปกครองดัชชีและดินแดงต่างๆ นโยบายของพระองค์ได้ลดอำนาจและจำนวนดยุกลงไปมาก ซึ่งแต่ก่อนทำหน้าที่ปกครองดินแดนร่วมกับกษัตริย์ ดยุกจำนวนมากแปรสถานะจากผู้ปกครองอิสระมาเป็นผู้ปกครองใต้พระราชอำนาจของพระองค์ นอกจากนี้ พระองค์ยังทรงนำศาสนจักร[[โรมันคาทอลิก]]เข้ามาสู่อาณาจักรเพื่อเสริมสร้างพระราชอำนาจของพระองค์
พระองค์ได้ขึ้นสืบบัลลังก์แห่ง[[ดัชชีซัคเซิน]]และบัลลังก์เยอรมันภายหลังที่พระราชบิดาสวรรคตในปี ค.ศ. 936 และออกพระนามว่า '''พระเจ้าอ็อทโทที่ 1 แห่งเยอรมนี''' เมื่อขึ้นครองราชสมบัติแล้วพระองค์ก็เจริญรอยตามพระปณิธานของพระราชบิดาที่จะรวบรวมแผ่นดินของชนเยอรมันให้เป็นหนึ่งเดียวอีกครั้ง พระราชอำนาจของพระองค์แผ่ขยายไปอย่างกว้างไกลผ่านชั้นเชิงการเมืองที่เยี่ยมยอด ไม่ว่าจะด้วยวิธีแต่งงานทางการเมืองหรือการแต่งตั้งสมาชิกพระราชวงศ์ของพระองค์ไปปกครองดัชชีและดินแดงต่างๆ นโยบายของพระองค์ได้ลดอำนาจและจำนวนดยุกลงไปมาก ซึ่งแต่ก่อนทำหน้าที่ปกครองดินแดนร่วมกับกษัตริย์ ดยุกจำนวนมากแปรสถานะจากผู้ปกครองอิสระมาเป็นผู้ปกครองใต้พระราชอำนาจของพระองค์ นอกจากนี้ พระองค์ยังทรงนำศาสนจักร[[โรมันคาทอลิก]]เข้ามาสู่อาณาจักรเพื่อเสริมสร้างพระราชอำนาจของพระองค์


หลังทรงจัดการสงครามกลางเมืองระหว่างดัชชีต่างๆได้ พระองค์ก็สามารถมีชัยเหนือพวกแมกยาร์ (ฮังการี) ในยุทธการที่เลชเฟิลด์ ค.ศ. 955 ได้ ทำให้ยุโรปตะวันตกพ้นภัยจากการรุกรานของฮังการี{{sfn|Reuter|1991|p=254}} นอกจากนี้ การมีชัยเหนือพวกฮังการี[[ลัทธินอกศาสนา|นอกศาสนา]]ยังทำให้พระองค์มีชื่อเสียงขึ้นมาอย่างมากในฐานะ "ผู้กอบกู้แห่งคริสตจักร" ต่อมาในปี ค.ศ. 961 พระองค์สามารถพิชิต[[ราชอาณาจักรอิตาลี]] และขยายดินแดนของพระองค์ไปทางเหนือ, ตะวันออก และใต้ ในปีค.ศ. 962 พระองค์ทรงราชาภิเษกขึ้นเป็นจักรพรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ โดยให้พระสันตะปาปาสวมมงกุฎให้ในกรุงโรม เหมือนอย่างที่[[ชาร์เลอมาญ]]เคยทำ
หลังทรงจัดการสงครามกลางเมืองระหว่างดัชชีต่างๆได้ พระองค์ก็สามารถมีชัยเหนือพวกแมกยาร์ (ฮังการี) ในยุทธการที่เลชเฟิลด์ ค.ศ. 955 ได้ ทำให้ยุโรปตะวันตกพ้นภัยจากการรุกรานของฮังการี{{sfn|Reuter|1991|p=254}} นอกจากนี้ การมีชัยเหนือพวกฮังการี[[ลัทธินอกศาสนา|นอกศาสนา]]ยังทำให้พระองค์มีชื่อเสียงขึ้นมาอย่างมากในฐานะ "ผู้กอบกู้แห่งคริสตจักร" ต่อมาในปี ค.ศ. 961 พระองค์สามารถพิชิต[[ราชอาณาจักรอิตาลี]] และขยายดินแดนของพระองค์ไปทางเหนือ, ตะวันออก และใต้ ในปีค.ศ. 962 พระองค์ทรงราชาภิเษกขึ้นเป็นจักรพรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ โดยให้พระสันตะปาปาสวมมงกุฎให้ในกรุงโรม เหมือนอย่างที่[[ชาร์เลอมาญ]]เคยทำ
บรรทัด 52: บรรทัด 52:


== ก่อนครองบัลลังก์ ==
== ก่อนครองบัลลังก์ ==
ออทโทเป็นพระโอรสของ[[พระเจ้าไฮน์ริชที่ 1 แห่งเยอรมนี|พระเจ้าไฮน์ริชที่ 1]] แห่งลิวดอลฟิงหรือราชวงศ์ซัคเซิน (ขณะนั้นยังไม่เป็นกษัตริย์) กับ[[แมธิล์เดอแห่งริงเงินเฮล์ม|แมธิล์เดอ]] พระมเหสีคนที่สอง ข้อมูลชีวิตช่วงวัยเด็กของพระองค์มีไม่มาก แต่เชื่อกันว่าพระองค์น่าจะเคยร่วมทำศึกกับพระเจ้าไฮน์ริชอยู่หลายครั้งในช่วงปลายวัยรุ่น ในปี ค.ศ. 930 ออทโทสมรสกับ[[อีดจิธแห่งเวสเซ็กซ์ สมเด็จพระราชินีแห่งเยอรมนี|อีดจิธ]] พระธิดาของ[[เอ็ดเวิร์ดผู้อาวุโส|พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดผู้อาวุโสแห่งอังกฤษ]] อีดิธให้กำเนิดพระโอรสหนึ่งคนกับพระธิดาหนึ่งคน
อ็อทโทเป็นพระโอรสของ[[พระเจ้าไฮน์ริชที่ 1 แห่งเยอรมนี|พระเจ้าไฮน์ริชที่ 1]] แห่งลิวดอลฟิงหรือราชวงศ์ซัคเซิน (ขณะนั้นยังไม่เป็นกษัตริย์) กับ[[แมธิล์เดอแห่งริงเงินเฮล์ม|แมธิล์เดอ]] พระมเหสีคนที่สอง ข้อมูลชีวิตช่วงวัยเด็กของพระองค์มีไม่มาก แต่เชื่อกันว่าพระองค์น่าจะเคยร่วมทำศึกกับพระเจ้าไฮน์ริชอยู่หลายครั้งในช่วงปลายวัยรุ่น ในปี ค.ศ. 930 อ็อทโทสมรสกับ[[อีดจิธแห่งเวสเซ็กซ์ สมเด็จพระราชินีแห่งเยอรมนี|อีดจิธ]] พระธิดาของ[[เอ็ดเวิร์ดผู้อาวุโส|พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดผู้อาวุโสแห่งอังกฤษ]] อีดิธให้กำเนิดพระโอรสหนึ่งคนกับพระธิดาหนึ่งคน
[[ไฟล์:Aachener Dom BW 2016-07-09 13-53-18.jpg|thumb|ภาพมุมข้างของบัลลังก์ชาร์เลอมาญใน[[อาสนวิหารอาเคิน]]ที่พระเจ้าออทโทเข้ารับการสวมมงกุฎเป็นกษัตริย์ในปี ค.ศ. 936]]
[[ไฟล์:Aachener Dom BW 2016-07-09 13-53-18.jpg|thumb|ภาพมุมข้างของบัลลังก์ชาร์เลอมาญใน[[อาสนวิหารอาเคิน]]ที่พระเจ้าอ็อทโทเข้ารับการสวมมงกุฎเป็นกษัตริย์ในปี ค.ศ. 936]]


พระเจ้าไฮน์ริชประกาศให้ออทโทเป็นผู้สืบบัลลังก์ของพระองค์ หนึ่งเดือนต่อมาพระเจ้าไฮน์ริชสิ้นพระชนม์ ในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 936 ดยุคของเยอรมนีได้เลือกออทโทเป็นกษัตริย์ พระองค์ได้รับการสวมมงกุฎจากอาร์ชบิชอปแห่งไมนซ์และอาร์ชบิชอปแห่งโคโลญที่[[อาเคิน]] นครซึ่งเคยเป็นที่พำนักโปรดของ[[ชาร์เลอมาญ|จักรพรรดิชาร์เลอมาญ]] พระองค์มีพระชนมายุ 23 พรรษาขณะขึ้นเป็นกษัตริย์
พระเจ้าไฮน์ริชประกาศให้อ็อทโทเป็นผู้สืบบัลลังก์ของพระองค์ หนึ่งเดือนต่อมาพระเจ้าไฮน์ริชสิ้นพระชนม์ ในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 936 ดยุคของเยอรมนีได้เลือกอ็อทโทเป็นกษัตริย์ พระองค์ได้รับการสวมมงกุฎจากอาร์ชบิชอปแห่งไมนซ์และอาร์ชบิชอปแห่งโคโลญที่[[อาเคิน]] นครซึ่งเคยเป็นที่พำนักโปรดของ[[ชาร์เลอมาญ|จักรพรรดิชาร์เลอมาญ]] พระองค์มีพระชนมายุ 23 พรรษาขณะขึ้นเป็นกษัตริย์


== กษัตริย์แห่งเยอรมนี ==
== กษัตริย์แห่งเยอรมนี ==
[[ไฟล์:Central Europe, 919-1125.jpg|left|thumb|[[ยุโรปกลาง]]ในช่วงปี ค.ศ. 919–1125 [[ราชอาณาจักรเยอรมนี]]ประกอบด้วย[[ดัชชีซัคเซิน]] (เหลือง), [[ดัชชีฟรังโกเนีย]] (ฟ้า), [[ดัชชีบาวาเรีย]] (เขียว), [[ดัชชีชวาเบิน]] (ส้ม), [[ดัชชีลอแรน]] (ชมพูที่เหลือ)]]
[[ไฟล์:Central Europe, 919-1125.jpg|left|thumb|[[ยุโรปกลาง]]ในช่วงปี ค.ศ. 919–1125 [[ราชอาณาจักรเยอรมนี]]ประกอบด้วย[[ดัชชีซัคเซิน]] (เหลือง), [[ดัชชีฟรังโกเนีย]] (ฟ้า), [[ดัชชีบาวาเรีย]] (เขียว), [[ดัชชีชวาเบิน]] (ส้ม), [[ดัชชีลอแรน]] (ชมพูที่เหลือ)]]


กษัตริย์หนุ่มต้องการที่จะขึ้นมามีอำนาจเหนือเหล่าดยุคซึ่งพระบิดาของพระองค์ไม่เคยทำได้ นโยบายดังกล่าวก่อให้เกิดความขัดแย้งขึ้นมาในทันที เอเบอร์ฮาร์ดแห่งฟรังโกเนีย, เอเบอร์ฮาร์ดแห่งบาวาเรีย และกลุ่มชาวซัคเซินผู้ไม่พอใจที่มีแธงค์มาร์ พระเชษฐาต่างมารดาของพระเจ้าออทโทเป็นผู้นำเริ่มกระด้างกระเดื่องในปี ค.ศ. 937 แต่ถูกพระเจ้าออทโทกำราบเรียบอย่างรวดเร็ว แธงค์มาร์ถูกสังหาร เอเบอร์ฮาร์ดแห่งบาวาเรียถูกปลดจากตำแหน่ง ส่วนเอเบอร์ฮาร์ดแห่งฟรังโกเนียยอมสวามิภักดิ์ต่อกษัตริย์
กษัตริย์หนุ่มต้องการที่จะขึ้นมามีอำนาจเหนือเหล่าดยุคซึ่งพระบิดาของพระองค์ไม่เคยทำได้ นโยบายดังกล่าวก่อให้เกิดความขัดแย้งขึ้นมาในทันที เอเบอร์ฮาร์ดแห่งฟรังโกเนีย, เอเบอร์ฮาร์ดแห่งบาวาเรีย และกลุ่มชาวซัคเซินผู้ไม่พอใจที่มีแธงค์มาร์ พระเชษฐาต่างมารดาของพระเจ้าอ็อทโทเป็นผู้นำเริ่มกระด้างกระเดื่องในปี ค.ศ. 937 แต่ถูกพระเจ้าอ็อทโทกำราบเรียบอย่างรวดเร็ว แธงค์มาร์ถูกสังหาร เอเบอร์ฮาร์ดแห่งบาวาเรียถูกปลดจากตำแหน่ง ส่วนเอเบอร์ฮาร์ดแห่งฟรังโกเนียยอมสวามิภักดิ์ต่อกษัตริย์


แต่การสวามิภักดิ์ของเอเบอร์ฮาร์ดเป็นเพียงการแสดงตบตา ในปี ค.ศ. 939 เขาได้ร่วมกับกิเซลแบร์ตแห่งโลธาริงเกียและ[[ไฮน์ริชที่ 1 ดยุคแห่งบาวาเรีย|ไฮน์ริช]] พระอนุชาของพระเจ้าออทโทก่อกบฎต่อพระเจ้าออทโทโดยมี[[พระเจ้าหลุยส์ที่ 4 แห่งฝรั่งเศส]]ให้การสนับสนุน ครั้งนี้เอเบอร์ฮาร์ดถูกสังหารในสมรภูมิ ส่วนกิเซลแบร์ตจมน้ำเสียชีวิตขณะกำลังหนี ไฮน์ริชยอมสวามิภักดิ์ต่อกษัตริย์และพระเจ้าออทโทเองก็ให้อภัย ไฮน์ริชที่ยังคงคิดว่าตนเองคือคนที่พระบิดาอยากให้ขึ้นเป็นกษัตริย์ได้สมคบคิดวางแผนฆาตกรรมพระเจ้าออทโทในปี ค.ศ. 941 แผนการถูกเปิดโปงและทุกคนที่ร่วมกันสมคบคิดถูกลงโทษยกเว้นไฮน์ริชที่ได้รับการให้อภัยอีกครั้ง ความเมตตาของพระเจ้าออทโททำให้ไฮน์ริชภักดีต่อพระเชษฐานับตั้งแต่นั้นมาและในปี ค.ศ. 947 พระองค์ได้รับพระราชทานตำแหน่งดยุคแห่งบาวาเรีย ตำแหน่งดยุคของเยอรมนีตำแหน่งอื่นๆ ตกเป็นของเหล่าพระญาติของพระเจ้าออทโท
แต่การสวามิภักดิ์ของเอเบอร์ฮาร์ดเป็นเพียงการแสดงตบตา ในปี ค.ศ. 939 เขาได้ร่วมกับกิเซลแบร์ตแห่งโลธาริงเกียและ[[ไฮน์ริชที่ 1 ดยุคแห่งบาวาเรีย|ไฮน์ริช]] พระอนุชาของพระเจ้าอ็อทโทก่อกบฎต่อพระเจ้าอ็อทโทโดยมี[[พระเจ้าหลุยส์ที่ 4 แห่งฝรั่งเศส]]ให้การสนับสนุน ครั้งนี้เอเบอร์ฮาร์ดถูกสังหารในสมรภูมิ ส่วนกิเซลแบร์ตจมน้ำเสียชีวิตขณะกำลังหนี ไฮน์ริชยอมสวามิภักดิ์ต่อกษัตริย์และพระเจ้าอ็อทโทเองก็ให้อภัย ไฮน์ริชที่ยังคงคิดว่าตนเองคือคนที่พระบิดาอยากให้ขึ้นเป็นกษัตริย์ได้สมคบคิดวางแผนฆาตกรรมพระเจ้าอ็อทโทในปี ค.ศ. 941 แผนการถูกเปิดโปงและทุกคนที่ร่วมกันสมคบคิดถูกลงโทษยกเว้นไฮน์ริชที่ได้รับการให้อภัยอีกครั้ง ความเมตตาของพระเจ้าอ็อทโททำให้ไฮน์ริชภักดีต่อพระเชษฐานับตั้งแต่นั้นมาและในปี ค.ศ. 947 พระองค์ได้รับพระราชทานตำแหน่งดยุคแห่งบาวาเรีย ตำแหน่งดยุคของเยอรมนีตำแหน่งอื่นๆ ตกเป็นของเหล่าพระญาติของพระเจ้าอ็อทโท


ในช่วงที่การแก่งแย่งชิงดีภายในดำเนินอยู่นั้น พระเจ้าออทโทได้เสริมความแข็งแกร่งในการป้องกันและได้ขยายขอบเขตอาณาจักรของพระองค์ ทรงปราบ[[ชาวสลาฟ]]ทางฝั่งตะวันออกและได้พื้นที่ส่วนหนึ่งของเดนมาร์กมาอยู่ใต้การปกครอง ทรงตั้งตำแหน่งบิชอปในดินแดนดังกล่าวเพื่อผนึกความเป็นเจ้าประเทศราชของเยอรมนีในดินแดนนั้น โบฮีเมียสร้างปัญหาให้แก่พระเจ้าออทโท แต่พระองค์ก็บีบเจ้าชายโบลสวัฟที่ 1 ให้ยอมจำนนได้ในปี ค.ศ. 950 และบังคับให้จ่ายบรรณาการให้แก่พระองค์ เมื่อฐานในบ้านเกิดแข็งแกร่ง พระเจ้าออทโทไม่เพียงกำจัดการอ้างสิทธิ์ในโลธาริงเกียของฝรั่งเศสได้ แต่พระองค์ยังเข้าไปเป็นตัวลางไกล่เกลี่ยปัญหาภายในของฝรั่งเศสด้วย
ในช่วงที่การแก่งแย่งชิงดีภายในดำเนินอยู่นั้น พระเจ้าอ็อทโทได้เสริมความแข็งแกร่งในการป้องกันและได้ขยายขอบเขตอาณาจักรของพระองค์ ทรงปราบ[[ชาวสลาฟ]]ทางฝั่งตะวันออกและได้พื้นที่ส่วนหนึ่งของเดนมาร์กมาอยู่ใต้การปกครอง ทรงตั้งตำแหน่งบิชอปในดินแดนดังกล่าวเพื่อผนึกความเป็นเจ้าประเทศราชของเยอรมนีในดินแดนนั้น โบฮีเมียสร้างปัญหาให้แก่พระเจ้าอ็อทโท แต่พระองค์ก็บีบเจ้าชายโบลสวัฟที่ 1 ให้ยอมจำนนได้ในปี ค.ศ. 950 และบังคับให้จ่ายบรรณาการให้แก่พระองค์ เมื่อฐานในบ้านเกิดแข็งแกร่ง พระเจ้าอ็อทโทไม่เพียงกำจัดการอ้างสิทธิ์ในโลธาริงเกียของฝรั่งเศสได้ แต่พระองค์ยังเข้าไปเป็นตัวลางไกล่เกลี่ยปัญหาภายในของฝรั่งเศสด้วย
[[ไฟล์:Meissner-dom-stifter.jpg|thumb|รูปปั้นของพระเจ้าออทโทที่ 1 (ขวา) กับอาเดอแลดในอาสนวิรไมเซิน พระเจ้าออทโทกับอาเดอแลดอภิเสกสมรสกันหลังทรงผนวกอิตาลี]]
[[ไฟล์:Meissner-dom-stifter.jpg|thumb|รูปปั้นของพระเจ้าอ็อทโทที่ 1 (ขวา) กับอาเดอแลดในอาสนวิรไมเซิน พระเจ้าอ็อทโทกับอาเดอแลดอภิเสกสมรสกันหลังทรงผนวกอิตาลี]]


อีดิธสิ้นพระชนม์ในปี ค.ศ. 946 ปี ค.ศ. 951 พระเจ้าออทโทบุกอิตาลีที่เบเรนการ์แห่งอิฟเรอา ลอร์ดของอิตาลีได้ทำการยึดบัลลังก์และลักพาตัว[[อาเดอแลดแห่งอิตาลี จักรพรรดินีแห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์|อาเดอแลด]] เจ้าหญิงบูร์กอญซึ่งเป็นพระราชินีม่ายของกษัตริย์คนก่อน เบเรนการ์พยายามบังคับให้พระนางสมรสกับบุตรชายของตนแต่พระนางหนีไปได้และได้ไปขอความช่วยเหลือจากกษัตริย์เยอรมนี พระเจ้าออทโทข้าม[[เทือกเขาแอลป์]]มายึดตำแหน่งกษัตริย์ของ[[ลอมบาร์ด|ชาวลอมบาร์ด]]และอภิเษกสมรสกับอาเดอแลด พระองค์อนุญาตให้เบเรนการ์ปกครองอิตาลีต่อไปในฐานะในฐานะข้าราชบริวารของพระองค์
อีดิธสิ้นพระชนม์ในปี ค.ศ. 946 ปี ค.ศ. 951 พระเจ้าอ็อทโทบุกอิตาลีที่เบเรนการ์แห่งอิฟเรอา ลอร์ดของอิตาลีได้ทำการยึดบัลลังก์และลักพาตัว[[อาเดอแลดแห่งอิตาลี จักรพรรดินีแห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์|อาเดอแลด]] เจ้าหญิงบูร์กอญซึ่งเป็นพระราชินีม่ายของกษัตริย์คนก่อน เบเรนการ์พยายามบังคับให้พระนางสมรสกับบุตรชายของตนแต่พระนางหนีไปได้และได้ไปขอความช่วยเหลือจากกษัตริย์เยอรมนี พระเจ้าอ็อทโทข้าม[[เทือกเขาแอลป์]]มายึดตำแหน่งกษัตริย์ของ[[ลอมบาร์ด|ชาวลอมบาร์ด]]และอภิเษกสมรสกับอาเดอแลด พระองค์อนุญาตให้เบเรนการ์ปกครองอิตาลีต่อไปในฐานะในฐานะข้าราชบริวารของพระองค์


ในเวลาเดียวกันนั้นในเยอรมนี ลิวดอล์ฟ พระโอรสของพระเจ้าออทโทกับอีดิธได้ร่วมกับบุคคสำคัญหลายคนของเยอรมันก่อปฏิวัติต่อกษัตริย์ ความสำเร็จลอยมาอยู่ตรงหน้าหนุ่มน้อย และพระเจ้าออทโทได้ต้องถอนทัพกลับซัคเซิน แต่ในปี ค.ศ. 954 การรุกรานของชาวแมกยาร์เริ่มสร้างปัญหาให้กลุ่มกบฏที่ถูกกล่าวหาว่าสมคบคิดกับศัตรูของเยอรมนี การต่อสู้ยังคงดำเนินต่อไปจนกระทั่งลิวดอล์ฟยอมจำนนต่อพระบิดาในปี ค.ศ. 955 พระเจ้าออทโทสามารถบดขยี้ชาวแมกยาร์ได้ที่สมรภูมิเลชเฟล์ด จากนั้นชาวแมกยาร์ก็ไม่เคยบุกเยอรมนีอีกเลย พระเจ้าออทโทยังคงประสบความสำเร็จทางทหารอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกับชาวสลาฟ
ในเวลาเดียวกันนั้นในเยอรมนี ลิวดอล์ฟ พระโอรสของพระเจ้าอ็อทโทกับอีดิธได้ร่วมกับบุคคสำคัญหลายคนของเยอรมันก่อปฏิวัติต่อกษัตริย์ ความสำเร็จลอยมาอยู่ตรงหน้าหนุ่มน้อย และพระเจ้าอ็อทโทได้ต้องถอนทัพกลับซัคเซิน แต่ในปี ค.ศ. 954 การรุกรานของชาวแมกยาร์เริ่มสร้างปัญหาให้กลุ่มกบฏที่ถูกกล่าวหาว่าสมคบคิดกับศัตรูของเยอรมนี การต่อสู้ยังคงดำเนินต่อไปจนกระทั่งลิวดอล์ฟยอมจำนนต่อพระบิดาในปี ค.ศ. 955 พระเจ้าอ็อทโทสามารถบดขยี้ชาวแมกยาร์ได้ที่สมรภูมิเลชเฟล์ด จากนั้นชาวแมกยาร์ก็ไม่เคยบุกเยอรมนีอีกเลย พระเจ้าอ็อทโทยังคงประสบความสำเร็จทางทหารอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกับชาวสลาฟ
<br />
<br />


== จักรพรรดิแห่งโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ ==
== จักรพรรดิแห่งโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ ==
[[ไฟล์:Otto I begegnet Papst Johannes XII.jpg|thumb|การพบปะกันของจักรพรรดิออทโทที่ 1 กับสมเด็จพระสันตะปาปาจอห์นที่ 12 (วาดราวปี ค.ศ. 1450)]]
[[ไฟล์:Otto I begegnet Papst Johannes XII.jpg|thumb|การพบปะกันของจักรพรรดิอ็อทโทที่ 1 กับสมเด็จพระสันตะปาปาจอห์นที่ 12 (วาดราวปี ค.ศ. 1450)]]
ปี ค.ศ. 961 [[สมเด็จพระสันตะปาปาจอห์นที่ 12]] (ซึ่งรู้จักกันดีจากการพฤติกรรมตนผิดศีลธรรมทางโลกีย์) ต้องการคนมาช่วยต่อกรกับเบเรนการ์ที่เข้ายึดพื้นที่ส่วนหนึ่งของ[[รัฐสันตะปาปา]] พระองค์หันมาขอความช่วยเหลือจากพระเจ้าออทโทที่รีบเดินทางไปช่วยเหลือทันทีเพื่อแลกกับการได้รับการสวมมงกุฎเป็นจักรพรรดิจากสมเด็จพระสันตะปาปา พระองค์ปราบและจองจำเบเรนการ์ ในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 962 สมเด็จพระสันตะปาปาจอห์นที่ 12 สวมมงกุฎให้พระเจ้าออทโทเป็นจักรพรรดิ แต่ต่อมาไม่นานสมเด็จพระสันตะปาปาก็ไม่พอใจต่อการตกอยู่ภายใต้อำนาจของจักรพรรดิออทโทจึงลอบวางแผนต่อต้านพระองค์ จักรพรรดิออทโทกลับมาที่โรมในปี ค.ศ. 963 สภาบิชอปที่ก้มหัวให้พระองค์และจัดการประชุมตามความประสงค์ของพระองค์ได้ปลดสมเด็จพระสันตะปาปาจอห์นออกจากตำแหน่ง ต่อมาพระองค์ได้เลือกชาวโรมันมาครองตำแหน่งแทนเป็น[[สมเด็จพระสันตะปาปาลีโอที่ 8]]
ปี ค.ศ. 961 [[สมเด็จพระสันตะปาปาจอห์นที่ 12]] (ซึ่งรู้จักกันดีจากการพฤติกรรมตนผิดศีลธรรมทางโลกีย์) ต้องการคนมาช่วยต่อกรกับเบเรนการ์ที่เข้ายึดพื้นที่ส่วนหนึ่งของ[[รัฐสันตะปาปา]] พระองค์หันมาขอความช่วยเหลือจากพระเจ้าอ็อทโทที่รีบเดินทางไปช่วยเหลือทันทีเพื่อแลกกับการได้รับการสวมมงกุฎเป็นจักรพรรดิจากสมเด็จพระสันตะปาปา พระองค์ปราบและจองจำเบเรนการ์ ในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 962 สมเด็จพระสันตะปาปาจอห์นที่ 12 สวมมงกุฎให้พระเจ้าอ็อทโทเป็นจักรพรรดิ แต่ต่อมาไม่นานสมเด็จพระสันตะปาปาก็ไม่พอใจต่อการตกอยู่ภายใต้อำนาจของจักรพรรดิอ็อทโทจึงลอบวางแผนต่อต้านพระองค์ จักรพรรดิอ็อทโทกลับมาที่โรมในปี ค.ศ. 963 สภาบิชอปที่ก้มหัวให้พระองค์และจัดการประชุมตามความประสงค์ของพระองค์ได้ปลดสมเด็จพระสันตะปาปาจอห์นออกจากตำแหน่ง ต่อมาพระองค์ได้เลือกชาวโรมันมาครองตำแหน่งแทนเป็น[[สมเด็จพระสันตะปาปาลีโอที่ 8]]


จักรพรรดิออทโทแทรกแซงกิจการภายในของโรมอีกครั้งในปีต่อมาเมื่อเกิดการก่อกบฏต่อสมเด็จพระสันตะปาปาลีโอและมีการเลือกสมเด็จพระสันตะปาปาอีกคนมาแทนที่ การแทรกแซงยุติลงหลังสมเด็จพระสันตะปาปาลีโอสิ้นพระชนม์ในปี ค.ศ. 965 จักรพรรดิกลับไปโรมอีกครั้งเพื่อส่งผู้ท้าชิงอีกคนที่พระองค์เลือกไว้ขึ้นครองบัลลังก์พระสันตะปาปาเป็น[[สมเด็จพระสันตะปาปาจอห์นที่ 14]] เมื่อเกิดการก่อปฏิวัติต่อสมเด็จพระสันตะปาปาจอห์น จักรพรรดิออทโทสามารถกำราบได้ พระองค์ได้ยึดอำนาจควบคุมสมเด็จพระสันตะปาปาโดยไม่สนใจสมเด็จพระสันตะปาปาจอห์นอีกต่อไป
จักรพรรดิอ็อทโทแทรกแซงกิจการภายในของโรมอีกครั้งในปีต่อมาเมื่อเกิดการก่อกบฏต่อสมเด็จพระสันตะปาปาลีโอและมีการเลือกสมเด็จพระสันตะปาปาอีกคนมาแทนที่ การแทรกแซงยุติลงหลังสมเด็จพระสันตะปาปาลีโอสิ้นพระชนม์ในปี ค.ศ. 965 จักรพรรดิกลับไปโรมอีกครั้งเพื่อส่งผู้ท้าชิงอีกคนที่พระองค์เลือกไว้ขึ้นครองบัลลังก์พระสันตะปาปาเป็น[[สมเด็จพระสันตะปาปาจอห์นที่ 14]] เมื่อเกิดการก่อปฏิวัติต่อสมเด็จพระสันตะปาปาจอห์น จักรพรรดิอ็อทโทสามารถกำราบได้ พระองค์ได้ยึดอำนาจควบคุมสมเด็จพระสันตะปาปาโดยไม่สนใจสมเด็จพระสันตะปาปาจอห์นอีกต่อไป


จักรพรรดิออทโทเข้ายึดอาณาเขตของ[[จักรวรรดิไบแซนไทน์|จักรวรรดิโรมันตะวันออก]]ทางตอนใต้ของอิตาลีจนส่งผลให้ในปี ค.ศ. 972 ชาวไบเซนไทน์ได้ทำสนธิสัญญากับพระองค์ ยอมรับในตำแหน่งจักรพรรดิของพระองค์อย่างเป็นทางการ ทั้งยังยก[[เธโอฟาโน จักรพรรดินีแห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์|เธโอฟาโน]] เจ้าหญิงบาเซนไทน์ให้เป็นเจ้าสาวของออทโท พระโอรสและทายาทของพระองค์
จักรพรรดิอ็อทโทเข้ายึดอาณาเขตของ[[จักรวรรดิไบแซนไทน์|จักรวรรดิโรมันตะวันออก]]ทางตอนใต้ของอิตาลีจนส่งผลให้ในปี ค.ศ. 972 ชาวไบเซนไทน์ได้ทำสนธิสัญญากับพระองค์ ยอมรับในตำแหน่งจักรพรรดิของพระองค์อย่างเป็นทางการ ทั้งยังยก[[เธโอฟาโน จักรพรรดินีแห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์|เธโอฟาโน]] เจ้าหญิงบาเซนไทน์ให้เป็นเจ้าสาวของอ็อทโท พระโอรสและทายาทของพระองค์


หลังจักรพรรดิออทโทกลับถึงเยอรมนีได้ไม่นาน ทรงเรียกประชุมสภาครั้งใหญ่ที่ราชสำนักใน[[เควดลินบวร์ค]] ทรงสิ้นพระชนม์ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 973 ร่างของพระองค์ถูกฝังเคียงข้างอีดิธใน[[มัคเดอบวร์ค]]
หลังจักรพรรดิอ็อทโทกลับถึงเยอรมนีได้ไม่นาน ทรงเรียกประชุมสภาครั้งใหญ่ที่ราชสำนักใน[[เควดลินบวร์ค]] ทรงสิ้นพระชนม์ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 973 ร่างของพระองค์ถูกฝังเคียงข้างอีดิธใน[[มัคเดอบวร์ค]]


== อ้างอิง ==
== อ้างอิง ==
บรรทัด 95: บรรทัด 95:
{{พระมหากษัตริย์เยอรมัน}}
{{พระมหากษัตริย์เยอรมัน}}
{{สมเด็จพระจักรพรรดิแห่งโรมันอันศักดิ์สิทธิ์}}
{{สมเด็จพระจักรพรรดิแห่งโรมันอันศักดิ์สิทธิ์}}
{{เรียงลำดับ|ออทโทที่ 1 แห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์}}
{{เรียงลำดับ|อ็อทโทที่ 1 แห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์}}
{{birth|912}}
{{birth|912}}
{{death|973}}
{{death|973}}

รุ่นแก้ไขเมื่อ 02:49, 18 มีนาคม 2562

อ็อทโทที่ 1 มหาราช
รูปปั้นในมัคเดอบวร์ค
จักรพรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์
ครองราชย์2 กุมภาพันธ์ 962 – 7 เมษายน 973
ราชาภิเษก2 กุมภาพันธ์ 962[1]
ณ กรุงโรม
ก่อนหน้าพระเจ้าเบเรนการ์ที่ 2
ถัดไปจักรพรรดิอ็อทโทที่ 2
กษัตริย์แห่งอิตาลี
ครองราชย์25 ธันวาคม 961 – 7 พฤษภาคม 973
ราชาภิเษก10 ตุลาคม 951[a]
ปาวีอา
ก่อนหน้าพระเจ้าเบเรนการ์ที่ 2
ถัดไปจักรพรรดิอ็อทโทที่ 2
กษัตริย์แห่งแฟรงก์ตะวันออก
ครองราชย์2 กรกฎาคม 936 – 7 พฤษภาคม 973
ราชาภิเษก7 สิงหาคม 936
อาเคิน
ก่อนหน้าพระเจ้าไฮน์ริชที่ 1
ถัดไปจักรพรรดิอ็อทโทที่ 2
ดยุกแห่งซัคเซิน
ครองราชย์2 กรกฎาคม 936 – 7 พฤษภาคม 973
ก่อนหน้าพระเจ้าไฮน์ริชที่ 1 แห่งเยอรมนี
ถัดไปเบอร์นาร์ดที่ 1
ประสูติ23 พฤศจิกายน ค.ศ. 912(912-11-23)
อาณาจักรแฟรงก์ตะวันออก[2]
สวรรคต7 พฤษภาคม ค.ศ. 973(973-05-07) (60 ปี)
เมมเลเบิน, จักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์
ชายาแอดกิธแห่งอังกฤษ (930–946)
อาเดลาอีเดแห่งอิตาลี (951–973)
ราชวงศ์อ็อทโท
พระราชบิดาพระเจ้าไฮน์ริชที่ 1
พระราชมารดามาทิลดา
ศาสนาโรมันคาทอลิก

อ็อทโทที่ 1 มหาราช (เยอรมัน: Otto I. der Große)[3] ทรงเป็นกษัตริย์แห่งอาณาจักรแฟรงก์ตะวันออก (ชื่อเรียกบริเวณที่เป็นประเทศเยอรมนีในยุคนั้น) ในปี ค.ศ. 936 และทรงเป็นจักรพรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ตั้งแต่ปี ค.ศ. 962 จนสวรรคตในปี ค.ศ. 973 ทรงเป็นพระราชโอรสองค์ใหญ่ในพระเจ้าไฮน์ริชที่ 1กับพระนางมาทิลเดอแห่งริงเงิลไฮม์

พระองค์ได้ขึ้นสืบบัลลังก์แห่งดัชชีซัคเซินและบัลลังก์เยอรมันภายหลังที่พระราชบิดาสวรรคตในปี ค.ศ. 936 และออกพระนามว่า พระเจ้าอ็อทโทที่ 1 แห่งเยอรมนี เมื่อขึ้นครองราชสมบัติแล้วพระองค์ก็เจริญรอยตามพระปณิธานของพระราชบิดาที่จะรวบรวมแผ่นดินของชนเยอรมันให้เป็นหนึ่งเดียวอีกครั้ง พระราชอำนาจของพระองค์แผ่ขยายไปอย่างกว้างไกลผ่านชั้นเชิงการเมืองที่เยี่ยมยอด ไม่ว่าจะด้วยวิธีแต่งงานทางการเมืองหรือการแต่งตั้งสมาชิกพระราชวงศ์ของพระองค์ไปปกครองดัชชีและดินแดงต่างๆ นโยบายของพระองค์ได้ลดอำนาจและจำนวนดยุกลงไปมาก ซึ่งแต่ก่อนทำหน้าที่ปกครองดินแดนร่วมกับกษัตริย์ ดยุกจำนวนมากแปรสถานะจากผู้ปกครองอิสระมาเป็นผู้ปกครองใต้พระราชอำนาจของพระองค์ นอกจากนี้ พระองค์ยังทรงนำศาสนจักรโรมันคาทอลิกเข้ามาสู่อาณาจักรเพื่อเสริมสร้างพระราชอำนาจของพระองค์

หลังทรงจัดการสงครามกลางเมืองระหว่างดัชชีต่างๆได้ พระองค์ก็สามารถมีชัยเหนือพวกแมกยาร์ (ฮังการี) ในยุทธการที่เลชเฟิลด์ ค.ศ. 955 ได้ ทำให้ยุโรปตะวันตกพ้นภัยจากการรุกรานของฮังการี[4] นอกจากนี้ การมีชัยเหนือพวกฮังการีนอกศาสนายังทำให้พระองค์มีชื่อเสียงขึ้นมาอย่างมากในฐานะ "ผู้กอบกู้แห่งคริสตจักร" ต่อมาในปี ค.ศ. 961 พระองค์สามารถพิชิตราชอาณาจักรอิตาลี และขยายดินแดนของพระองค์ไปทางเหนือ, ตะวันออก และใต้ ในปีค.ศ. 962 พระองค์ทรงราชาภิเษกขึ้นเป็นจักรพรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ โดยให้พระสันตะปาปาสวมมงกุฎให้ในกรุงโรม เหมือนอย่างที่ชาร์เลอมาญเคยทำ

ประวัติศาสตร์ก่อนหน้า

หลังจักรพรรดิชาร์เลอมาญสิ้นพระชนม์ในปี ค.ศ. 814 จักรวรรดิของพระองค์ถูกแบ่งออก จักรพรรดิคนท้ายๆ ของราชวงศ์การอแล็งเฌียงมีอำนาจเพียงแค่ในอิตาลีเหนือและอิตาลีกาลาง เบเรงการ์แห่งฟรีอูลี จักรพรรดิคนสุดท้ายของราชวงศ์การอแล็งเฌียงถูกฆาตกรรมในปี ค.ศ. 924 ตำแหน่งจึงตกเป็นของกษัตริย์ของชาวแฟรงก์ตะวันออกที่ต่อมากลายเป็นกษัตริย์แห่งเยอรมนี ในปี ค.ศ. 919 ดยุคของเยอรมนีได้เลือกไฮน์ริชพรานล่านก ดยุคแห่งซัคเซินได้รับเลือกเป็นกษัตริย์และสกัดกั้นชาวแมกยาร์, ชาวสลาฟ และชาวเดนไว้ได้

ก่อนครองบัลลังก์

อ็อทโทเป็นพระโอรสของพระเจ้าไฮน์ริชที่ 1 แห่งลิวดอลฟิงหรือราชวงศ์ซัคเซิน (ขณะนั้นยังไม่เป็นกษัตริย์) กับแมธิล์เดอ พระมเหสีคนที่สอง ข้อมูลชีวิตช่วงวัยเด็กของพระองค์มีไม่มาก แต่เชื่อกันว่าพระองค์น่าจะเคยร่วมทำศึกกับพระเจ้าไฮน์ริชอยู่หลายครั้งในช่วงปลายวัยรุ่น ในปี ค.ศ. 930 อ็อทโทสมรสกับอีดจิธ พระธิดาของพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดผู้อาวุโสแห่งอังกฤษ อีดิธให้กำเนิดพระโอรสหนึ่งคนกับพระธิดาหนึ่งคน

ภาพมุมข้างของบัลลังก์ชาร์เลอมาญในอาสนวิหารอาเคินที่พระเจ้าอ็อทโทเข้ารับการสวมมงกุฎเป็นกษัตริย์ในปี ค.ศ. 936

พระเจ้าไฮน์ริชประกาศให้อ็อทโทเป็นผู้สืบบัลลังก์ของพระองค์ หนึ่งเดือนต่อมาพระเจ้าไฮน์ริชสิ้นพระชนม์ ในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 936 ดยุคของเยอรมนีได้เลือกอ็อทโทเป็นกษัตริย์ พระองค์ได้รับการสวมมงกุฎจากอาร์ชบิชอปแห่งไมนซ์และอาร์ชบิชอปแห่งโคโลญที่อาเคิน นครซึ่งเคยเป็นที่พำนักโปรดของจักรพรรดิชาร์เลอมาญ พระองค์มีพระชนมายุ 23 พรรษาขณะขึ้นเป็นกษัตริย์

กษัตริย์แห่งเยอรมนี

ยุโรปกลางในช่วงปี ค.ศ. 919–1125 ราชอาณาจักรเยอรมนีประกอบด้วยดัชชีซัคเซิน (เหลือง), ดัชชีฟรังโกเนีย (ฟ้า), ดัชชีบาวาเรีย (เขียว), ดัชชีชวาเบิน (ส้ม), ดัชชีลอแรน (ชมพูที่เหลือ)

กษัตริย์หนุ่มต้องการที่จะขึ้นมามีอำนาจเหนือเหล่าดยุคซึ่งพระบิดาของพระองค์ไม่เคยทำได้ นโยบายดังกล่าวก่อให้เกิดความขัดแย้งขึ้นมาในทันที เอเบอร์ฮาร์ดแห่งฟรังโกเนีย, เอเบอร์ฮาร์ดแห่งบาวาเรีย และกลุ่มชาวซัคเซินผู้ไม่พอใจที่มีแธงค์มาร์ พระเชษฐาต่างมารดาของพระเจ้าอ็อทโทเป็นผู้นำเริ่มกระด้างกระเดื่องในปี ค.ศ. 937 แต่ถูกพระเจ้าอ็อทโทกำราบเรียบอย่างรวดเร็ว แธงค์มาร์ถูกสังหาร เอเบอร์ฮาร์ดแห่งบาวาเรียถูกปลดจากตำแหน่ง ส่วนเอเบอร์ฮาร์ดแห่งฟรังโกเนียยอมสวามิภักดิ์ต่อกษัตริย์

แต่การสวามิภักดิ์ของเอเบอร์ฮาร์ดเป็นเพียงการแสดงตบตา ในปี ค.ศ. 939 เขาได้ร่วมกับกิเซลแบร์ตแห่งโลธาริงเกียและไฮน์ริช พระอนุชาของพระเจ้าอ็อทโทก่อกบฎต่อพระเจ้าอ็อทโทโดยมีพระเจ้าหลุยส์ที่ 4 แห่งฝรั่งเศสให้การสนับสนุน ครั้งนี้เอเบอร์ฮาร์ดถูกสังหารในสมรภูมิ ส่วนกิเซลแบร์ตจมน้ำเสียชีวิตขณะกำลังหนี ไฮน์ริชยอมสวามิภักดิ์ต่อกษัตริย์และพระเจ้าอ็อทโทเองก็ให้อภัย ไฮน์ริชที่ยังคงคิดว่าตนเองคือคนที่พระบิดาอยากให้ขึ้นเป็นกษัตริย์ได้สมคบคิดวางแผนฆาตกรรมพระเจ้าอ็อทโทในปี ค.ศ. 941 แผนการถูกเปิดโปงและทุกคนที่ร่วมกันสมคบคิดถูกลงโทษยกเว้นไฮน์ริชที่ได้รับการให้อภัยอีกครั้ง ความเมตตาของพระเจ้าอ็อทโททำให้ไฮน์ริชภักดีต่อพระเชษฐานับตั้งแต่นั้นมาและในปี ค.ศ. 947 พระองค์ได้รับพระราชทานตำแหน่งดยุคแห่งบาวาเรีย ตำแหน่งดยุคของเยอรมนีตำแหน่งอื่นๆ ตกเป็นของเหล่าพระญาติของพระเจ้าอ็อทโท

ในช่วงที่การแก่งแย่งชิงดีภายในดำเนินอยู่นั้น พระเจ้าอ็อทโทได้เสริมความแข็งแกร่งในการป้องกันและได้ขยายขอบเขตอาณาจักรของพระองค์ ทรงปราบชาวสลาฟทางฝั่งตะวันออกและได้พื้นที่ส่วนหนึ่งของเดนมาร์กมาอยู่ใต้การปกครอง ทรงตั้งตำแหน่งบิชอปในดินแดนดังกล่าวเพื่อผนึกความเป็นเจ้าประเทศราชของเยอรมนีในดินแดนนั้น โบฮีเมียสร้างปัญหาให้แก่พระเจ้าอ็อทโท แต่พระองค์ก็บีบเจ้าชายโบลสวัฟที่ 1 ให้ยอมจำนนได้ในปี ค.ศ. 950 และบังคับให้จ่ายบรรณาการให้แก่พระองค์ เมื่อฐานในบ้านเกิดแข็งแกร่ง พระเจ้าอ็อทโทไม่เพียงกำจัดการอ้างสิทธิ์ในโลธาริงเกียของฝรั่งเศสได้ แต่พระองค์ยังเข้าไปเป็นตัวลางไกล่เกลี่ยปัญหาภายในของฝรั่งเศสด้วย

รูปปั้นของพระเจ้าอ็อทโทที่ 1 (ขวา) กับอาเดอแลดในอาสนวิรไมเซิน พระเจ้าอ็อทโทกับอาเดอแลดอภิเสกสมรสกันหลังทรงผนวกอิตาลี

อีดิธสิ้นพระชนม์ในปี ค.ศ. 946 ปี ค.ศ. 951 พระเจ้าอ็อทโทบุกอิตาลีที่เบเรนการ์แห่งอิฟเรอา ลอร์ดของอิตาลีได้ทำการยึดบัลลังก์และลักพาตัวอาเดอแลด เจ้าหญิงบูร์กอญซึ่งเป็นพระราชินีม่ายของกษัตริย์คนก่อน เบเรนการ์พยายามบังคับให้พระนางสมรสกับบุตรชายของตนแต่พระนางหนีไปได้และได้ไปขอความช่วยเหลือจากกษัตริย์เยอรมนี พระเจ้าอ็อทโทข้ามเทือกเขาแอลป์มายึดตำแหน่งกษัตริย์ของชาวลอมบาร์ดและอภิเษกสมรสกับอาเดอแลด พระองค์อนุญาตให้เบเรนการ์ปกครองอิตาลีต่อไปในฐานะในฐานะข้าราชบริวารของพระองค์

ในเวลาเดียวกันนั้นในเยอรมนี ลิวดอล์ฟ พระโอรสของพระเจ้าอ็อทโทกับอีดิธได้ร่วมกับบุคคสำคัญหลายคนของเยอรมันก่อปฏิวัติต่อกษัตริย์ ความสำเร็จลอยมาอยู่ตรงหน้าหนุ่มน้อย และพระเจ้าอ็อทโทได้ต้องถอนทัพกลับซัคเซิน แต่ในปี ค.ศ. 954 การรุกรานของชาวแมกยาร์เริ่มสร้างปัญหาให้กลุ่มกบฏที่ถูกกล่าวหาว่าสมคบคิดกับศัตรูของเยอรมนี การต่อสู้ยังคงดำเนินต่อไปจนกระทั่งลิวดอล์ฟยอมจำนนต่อพระบิดาในปี ค.ศ. 955 พระเจ้าอ็อทโทสามารถบดขยี้ชาวแมกยาร์ได้ที่สมรภูมิเลชเฟล์ด จากนั้นชาวแมกยาร์ก็ไม่เคยบุกเยอรมนีอีกเลย พระเจ้าอ็อทโทยังคงประสบความสำเร็จทางทหารอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกับชาวสลาฟ

จักรพรรดิแห่งโรมันอันศักดิ์สิทธิ์

การพบปะกันของจักรพรรดิอ็อทโทที่ 1 กับสมเด็จพระสันตะปาปาจอห์นที่ 12 (วาดราวปี ค.ศ. 1450)

ปี ค.ศ. 961 สมเด็จพระสันตะปาปาจอห์นที่ 12 (ซึ่งรู้จักกันดีจากการพฤติกรรมตนผิดศีลธรรมทางโลกีย์) ต้องการคนมาช่วยต่อกรกับเบเรนการ์ที่เข้ายึดพื้นที่ส่วนหนึ่งของรัฐสันตะปาปา พระองค์หันมาขอความช่วยเหลือจากพระเจ้าอ็อทโทที่รีบเดินทางไปช่วยเหลือทันทีเพื่อแลกกับการได้รับการสวมมงกุฎเป็นจักรพรรดิจากสมเด็จพระสันตะปาปา พระองค์ปราบและจองจำเบเรนการ์ ในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 962 สมเด็จพระสันตะปาปาจอห์นที่ 12 สวมมงกุฎให้พระเจ้าอ็อทโทเป็นจักรพรรดิ แต่ต่อมาไม่นานสมเด็จพระสันตะปาปาก็ไม่พอใจต่อการตกอยู่ภายใต้อำนาจของจักรพรรดิอ็อทโทจึงลอบวางแผนต่อต้านพระองค์ จักรพรรดิอ็อทโทกลับมาที่โรมในปี ค.ศ. 963 สภาบิชอปที่ก้มหัวให้พระองค์และจัดการประชุมตามความประสงค์ของพระองค์ได้ปลดสมเด็จพระสันตะปาปาจอห์นออกจากตำแหน่ง ต่อมาพระองค์ได้เลือกชาวโรมันมาครองตำแหน่งแทนเป็นสมเด็จพระสันตะปาปาลีโอที่ 8

จักรพรรดิอ็อทโทแทรกแซงกิจการภายในของโรมอีกครั้งในปีต่อมาเมื่อเกิดการก่อกบฏต่อสมเด็จพระสันตะปาปาลีโอและมีการเลือกสมเด็จพระสันตะปาปาอีกคนมาแทนที่ การแทรกแซงยุติลงหลังสมเด็จพระสันตะปาปาลีโอสิ้นพระชนม์ในปี ค.ศ. 965 จักรพรรดิกลับไปโรมอีกครั้งเพื่อส่งผู้ท้าชิงอีกคนที่พระองค์เลือกไว้ขึ้นครองบัลลังก์พระสันตะปาปาเป็นสมเด็จพระสันตะปาปาจอห์นที่ 14 เมื่อเกิดการก่อปฏิวัติต่อสมเด็จพระสันตะปาปาจอห์น จักรพรรดิอ็อทโทสามารถกำราบได้ พระองค์ได้ยึดอำนาจควบคุมสมเด็จพระสันตะปาปาโดยไม่สนใจสมเด็จพระสันตะปาปาจอห์นอีกต่อไป

จักรพรรดิอ็อทโทเข้ายึดอาณาเขตของจักรวรรดิโรมันตะวันออกทางตอนใต้ของอิตาลีจนส่งผลให้ในปี ค.ศ. 972 ชาวไบเซนไทน์ได้ทำสนธิสัญญากับพระองค์ ยอมรับในตำแหน่งจักรพรรดิของพระองค์อย่างเป็นทางการ ทั้งยังยกเธโอฟาโน เจ้าหญิงบาเซนไทน์ให้เป็นเจ้าสาวของอ็อทโท พระโอรสและทายาทของพระองค์

หลังจักรพรรดิอ็อทโทกลับถึงเยอรมนีได้ไม่นาน ทรงเรียกประชุมสภาครั้งใหญ่ที่ราชสำนักในเควดลินบวร์ค ทรงสิ้นพระชนม์ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 973 ร่างของพระองค์ถูกฝังเคียงข้างอีดิธในมัคเดอบวร์ค

อ้างอิง

  1. Heather 2014, p. 281.
  2. Freund, Stephan (2013). Wallhausen – Geburtsort Ottos des Großen, Aufenthaltsort deutscher Könige und Kaiser (ภาษาGerman). Schnell und Steiner. ISBN 978-3-7954-2680-4.{{cite book}}: CS1 maint: unrecognized language (ลิงก์)
  3. Otto I, Holy Roman Emperor[1]
  4. Reuter 1991, p. 254.
  1. Berengar II ruled from 952 until 961 as "King of Italy", but as Otto's vassal.

ดูเพิ่ม