ผลต่างระหว่างรุ่นของ "เอซี มิลาน"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Bigdas (คุย | ส่วนร่วม)
ป้ายระบุ: แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่
บรรทัด 121: บรรทัด 121:
ใน[[กัลโช เซเรีย อา]] มิลานได้อันดับที่ 3 อีกครั้ง ส่วนใน[[โคปป้า อิตาเลีย]] ตกรอบ 8 ทีมสุดท้าย โดยพ่ายต่อ[[สโมสรฟุตบอลอูดิเนเซ|อูดิเนเซ]] และใน[[ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก|ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก]] ตกรอบ 16 ทีมสุดท้าย โดยถูก[[สโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด|แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด]]ไล่ถลุงเละเทะ, ฤดูกาล '''2010-2011''' ใน[[กัลโช เซเรีย อา]] มิลานคว้าแชมป์สมัยที่ 18 มาครองได้สำเร็จ ส่วนใน[[โคปปา อิตาเลีย]] ตกรอบรองชนะเลิศ โดยพ่ายต่อ[[สโมสรฟุตบอลปาแลร์โม่|ปาแลร์โม่]] และใน[[ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก|ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก]] ตกรอบ 16 ทีมสุดท้าย โดยแพ้ต่อ[[สโมสรฟุตบอลทอตแนม ฮอตสเปอร์ส|สเปอร์ส]], ฤดูกาล '''2011-2012''' เริ่มต้นฤดูกาล เอาชนะ[[สโมสรฟุตบอลอินเตอร์มิลาน|อินเตอร์]] ได้แชมป์[[ซูเปอร์โคปป้า อิตาเลียน่า]] มาครองได้เป็นสมัยที่ 6 ใน[[กัลโช เซเรีย อา]] มิลานได้รองแชมป์ ส่วนใน[[โคปปา อิตาเลีย]] ตกรอบรองชนะเลิศ โดยพ่ายต่อ[[สโมสรฟุตบอลยูเวนตุส|ยูเวนตุส]] และใน[[ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก|ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก]] ตกรอบ 8 ทีมสุดท้าย โดยแพ้ต่อ[[สโมสรฟุตบอลบาร์เซโลนา|บาร์เซโลนา]]
ใน[[กัลโช เซเรีย อา]] มิลานได้อันดับที่ 3 อีกครั้ง ส่วนใน[[โคปป้า อิตาเลีย]] ตกรอบ 8 ทีมสุดท้าย โดยพ่ายต่อ[[สโมสรฟุตบอลอูดิเนเซ|อูดิเนเซ]] และใน[[ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก|ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก]] ตกรอบ 16 ทีมสุดท้าย โดยถูก[[สโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด|แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด]]ไล่ถลุงเละเทะ, ฤดูกาล '''2010-2011''' ใน[[กัลโช เซเรีย อา]] มิลานคว้าแชมป์สมัยที่ 18 มาครองได้สำเร็จ ส่วนใน[[โคปปา อิตาเลีย]] ตกรอบรองชนะเลิศ โดยพ่ายต่อ[[สโมสรฟุตบอลปาแลร์โม่|ปาแลร์โม่]] และใน[[ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก|ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก]] ตกรอบ 16 ทีมสุดท้าย โดยแพ้ต่อ[[สโมสรฟุตบอลทอตแนม ฮอตสเปอร์ส|สเปอร์ส]], ฤดูกาล '''2011-2012''' เริ่มต้นฤดูกาล เอาชนะ[[สโมสรฟุตบอลอินเตอร์มิลาน|อินเตอร์]] ได้แชมป์[[ซูเปอร์โคปป้า อิตาเลียน่า]] มาครองได้เป็นสมัยที่ 6 ใน[[กัลโช เซเรีย อา]] มิลานได้รองแชมป์ ส่วนใน[[โคปปา อิตาเลีย]] ตกรอบรองชนะเลิศ โดยพ่ายต่อ[[สโมสรฟุตบอลยูเวนตุส|ยูเวนตุส]] และใน[[ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก|ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก]] ตกรอบ 8 ทีมสุดท้าย โดยแพ้ต่อ[[สโมสรฟุตบอลบาร์เซโลนา|บาร์เซโลนา]]


== สรุปเกียรติประวัติแชมป์ ==
== เกียรติประวัติ ==
'''เฉพาะรายการใหญ่'''


=== ระดับประเทศ ===
''' [[ฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก|สโมสรโลก]] ([[ฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก|อินเตอร์คอนติเนนตัลคัพ]], [[ฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก|โตโยต้าคัพ]], [[ฟีฟ่าคลับเวิลด์คัพ]]) (มากที่สุด)

:* '''แชมป์ 4 สมัย :''' 1969, 1989, 1990, 2007
*''' [[กัลโช เซเรีย อา]] (สกูเดตโต)
:* '''รองแชมป์ 4 ครั้ง :''' 1963, 1993, 1994, 2003
** '''ชนะเลิศ (18) :''' 1901, 1906, 1907, 1950-51, 1954-55, 1956-57, 1958-59, 1961-62, 1967-68, 1978-79, 1987-88, 1991-92, 1992-93, 1993-94, 1995-96, 1998-99, 2003-04, 2010-11
''' [[ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก]] ([[ยูโรเปียนคัพ]])
** ''รองชนะเลิศ (17) :'' 1902, 1910–11, 1911–12, 1947–48, 1949–50, 1951–52, 1955–56, 1960–61, 1964–65, 1968–69, 1970–71, 1971–72, 1972–73, 1989–90, 1990–91, 2004–05, 2011-12
:* '''แชมป์ 7 สมัย :''' 1962-63, 1968-69, 1988-89, 1989-90, 1993-94, 2002-03, 2006-07
*''' [[โกปปาอีตาเลีย]]
:* '''รองแชมป์ 4 ครั้ง :''' 1957-58, 1992-93, 1994-95, 2004-05
** '''ชนะเลิศ (5) :''' 1966-67, 1971-72, 1972-73, 1976-77, 2002-03
''' [[ยูฟ่าคัพวินเนอร์สคัพ]] (ยูโรเปียนคัพวินเนอร์สคัพ)
** ''รองชนะเลิศ (7) :'' 1941-42, 1967-68, 1970-71, 1974-75, 1984-85, 1989-90, 1997-98
:* '''แชมป์ 2 สมัย :''' 1967-68, 1972-73
*''' [[ซูแปร์โกปปาอีตาเลียนา]] (มากที่สุด)
:* '''รองแชมป์ 1 ครั้ง :''' 1973-74
** '''ชนะเลิศ (7) :''' 1988, 1992, 1993, 1994, 2004, 2011, 2016
''' [[ยูฟ่าซูเปอร์คัพ]] (ยูโรเปียนซูเปอร์คัพ) (มากที่สุด)
:* '''แชมป์ 5 สมัย :''' 1989, 1990, 1994, 2003, 2007
** ''รองชนะเลิศ (3) :'' 1996, 1999, 2003
:* '''รองแชมป์ 2 ครั้ง :''' 1973, 1993
''' [[กัลโช เซเรีย อา]] (สกูเดตโต)
:* '''แชมป์ 18 สมัย :''' 1901, 1906, 1907, 1950-51, 1954-55, 1956-57, 1958-59, 1961-62, 1967-68, 1978-79, 1987-88, 1991-92, 1992-93, 1993-94, 1995-96, 1998-99, 2003-04, 2010-11
:* '''รองแชมป์ 17 ครั้ง :''' 1902, 1910–11, 1911–12, 1947–48, 1949–50, 1951–52, 1955–56, 1960–61, 1964–65, 1968–69, 1970–71, 1971–72, 1972–73, 1989–90, 1990–91, 2004–05, 2011-12
''' [[โกปปาอีตาเลีย]]
:* '''แชมป์ 5 สมัย :''' 1966-67, 1971-72, 1972-73, 1976-77, 2002-03
:* '''รองแชมป์ 7 ครั้ง :''' 1941-42, 1967-68, 1970-71, 1974-75, 1984-85, 1989-90, 1997-98
''' [[ซูแปร์โกปปาอีตาเลียนา]] (มากที่สุด)
:* '''แชมป์ 7 สมัย :''' 1988, 1992, 1993, 1994, 2004, 2011, 2016
:* '''รองแชมป์ 3 ครั้ง :''' 1996, 1999, 2003
'''สรุป :''' ได้แชมป์ทั้งหมด '''48''' รายการ รองแชมป์ '''38''' รายการ (ได้แชมป์ครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม ค.ศ. 2016)
'''สรุป :''' ได้แชมป์ทั้งหมด '''48''' รายการ รองแชมป์ '''38''' รายการ (ได้แชมป์ครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม ค.ศ. 2016)

=== ระดับทวีปยุโรป ===
*''' [[ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก]] ([[ยูโรเปียนคัพ]])
** '''ชนะเลิศ (7) :''' 1962-63, 1968-69, 1988-89, 1989-90, 1993-94, 2002-03, 2006-07
** ''รองชนะเลิศ (4) :'' 1957-58, 1992-93, 1994-95, 2004-05
*''' [[ยูฟ่าคัพวินเนอร์สคัพ]] (ยูโรเปียนคัพวินเนอร์สคัพ)
** '''ชนะเลิศ (2) :''' 1967-68, 1972-73
** ''รองแชมป์ (1) :'' 1973-74
* ''' [[ยูฟ่าซูเปอร์คัพ]] (ยูโรเปียนซูเปอร์คัพ) (มากที่สุด)
** '''ชนะเลิศ (5) :''' 1989, 1990, 1994, 2003, 2007
** ''รองแชมป์ (2) :'' 1973, 1993

=== ระดับโลก ===
*''' [[ฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก|สโมสรโลก]] ([[ฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก|อินเตอร์คอนติเนนตัลคัพ]], [[ฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก|โตโยต้าคัพ]], [[ฟีฟ่าคลับเวิลด์คัพ]]) (มากที่สุด)
** '''ชนะเลิศ (4) :''' 1969, 1989, 1990, 2007
** ''รองชนะเลิศ (4) :'' 1963, 1993, 1994, 2003


== นักเตะยอดเยี่ยมบาลงดอร์ ==
== นักเตะยอดเยี่ยมบาลงดอร์ ==

รุ่นแก้ไขเมื่อ 00:25, 20 กุมภาพันธ์ 2562

เอซี มิลาน
ไฟล์:AC Milan.logo.png
ชื่อเต็มAssociazione Calcio Milan
ฉายา"รอสโซเนรี" (แดง-ดำ)
"อิลเดียโวโล" (ปีศาจ)
"ปีศาจแดง-ดำ" (ในภาษาไทย)
ก่อตั้ง16 ธันวาคม ค.ศ.1899[1]
สนามซานซีโร,
มิลาน, อิตาลี
Ground ความจุ82,955
ประธานจีน หลี่ หยงหง
ผู้จัดการทีมอิตาลี เจนนาโร่ กัตตูโซ่
ลีกกัลโช เซเรีย อา
2016–17เซเรีย อา, อันดับที่ 6
เว็บไซต์เว็บไซต์สโมสร
สีชุดทีมเยือน
สีชุดที่สาม
ฤดูกาลปัจจุบัน

สโมสรฟุตบอลมิลาน (อิตาลี: Associazione Calcio Milan) หรือ เอซี มิลาน (A.C. Milan) เรียกสั้น ๆ ว่า มิลาน (ภาษาอิตาลีออกเสียงว่า มีลาน) หรือที่ฉายาในสื่อไทยเรียกว่า ปีศาจแดง-ดำ เป็นสโมสรฟุตบอลอาชีพในเมืองมิลาน แคว้นลอมบาร์ดี้ ประเทศอิตาลี ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1899 และเป็นหนึ่งในทีมฟุตบอลที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดทีมหนึ่งในวงการฟุตบอลของยุโรปและของโลก โดยได้แชมป์ระดับเมเจอร์รวมทั้งหมดถึง 46 รายการ อีกทั้งยังเป็นหนึ่งในทีมที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในอิตาลี เช่นเดียวกับ ยูเวนตุส และอินเตอร์ นอกจากนี้ยังเป็นสมาชิกของกลุ่ม จี-14 ซึ่งเป็นกลุ่มของสโมสรฟุตบอลยักษ์ใหญ่ของทวีปยุโรปอีกด้วย

เอซี มิลาน ใช้สนามซานซีโร หรือที่เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า สตาดีโอ จูเซ็ปเป เมอัซซา เป็นสนามที่ใช้ในการเล่นในฐานะเจ้าบ้าน ร่วมกับทีมคู่ปรับร่วมเมืองอย่างอินเตอร์

ประวัติสโมสร

เฮอร์เบิร์ต คิลปิน
เอซี มิลานในปี ค.ศ. 1901

AC Milan ย่อมาจาก Associazione Calcio Milan ได้ก่อตั้งสโมสรขึ้นเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม ค.ศ. 1899 โดยชาวอังกฤษสามคน ได้พูดคุยกันที่ห้องหนึ่งในโรงแรม โฮเตล ดู นอร์ และเกิดความคิดที่จะสร้างสโมสรคริกเกตและฟุตบอลชื่อ “Milan Football and Cricket Club” ซึ่งตอนเริ่มก่อตั้งใหม่ๆ คลับแห่งนี้เน้นไปที่คริกเกตมากกว่า แต่เมื่อข่าวค่อยๆแพร่กระจายออกไป ก็มีผู้คนให้การสนับสนุนฟุตบอลมากขึ้นเรื่อยๆ โดยมีอัลเฟรด เอ็ดเวิร์ดส์ ทำหน้าที่ประธานสโมสรเป็นคนแรก โดยหลังจากที่ไปขึ้นทะเบียนกับสหภาพฟุตบอลอิตาเลียนแล้ว ทีมก็ได้เข้าร่วมชิงชัยในฟุตบอล รวมทั้งเริ่มสร้างสนามเพื่อใช้ในการเป็นเจ้าบ้าน โดยทำการสร้างสนามที่บริเวณทรอตเตอร์ ซึ่งในปัจจุบันก็คือ สถานีรถไฟกลางนั่นเอง

นัดเปิดสนามนัดแรกของสโมสรคือ การที่มิลานแข่งกับทีมเมดิโอลานุม ในวันที่ 11 มีนาคม ค.ศ. 1900 และมิลานเอาชนะไปได้ 3-0 ซึ่งผู้เล่น 11 คนแรกของสโมสรประกอบไปด้วย ฮู้ด ชิญญากี ตอร์เรตต้า ลีส์ คิลปิน วาเลริโอ ดูบินี เดวีส์ เนวิลล์ อัลลิสัน ฟอร์เมนติ โดยในขณะนั้น เฮอร์เบิร์ต คิลปิน เป็นทั้งหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งสโมสรและเป็นกัปตันทีมฟุตบอล อีกทั้งยังได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้เล่นที่ดีที่สุดของทีมในขณะนั้น แต่ทว่าการแข่งขันอย่างเป็นทางการจริงๆ มิลานกลับแพ้โตริโน 0-3 เมื่อวันที่ 15 เมษายน ค.ศ. 1900

ในปี ค.ศ. 1919 สโมสรได้เปลี่ยนชื่อเป็น “Milan Football Club” จากนั้นในปี ค.ศ. 1936 ก็ได้เปลี่ยนชื่อเป็น “Milan Associazione Sportiva” ต่อมาในปี ค.ศ. 1938 เปลี่ยนมาเป็น “Associazione Calcio Milano” สุดท้ายเปลี่ยนมาเป็น “Associazione Calcio Milan” ในปี ค.ศ. 1945 และใช้ชื่อนี้มาจนถึงปัจจุบัน

เอซี มิลาน ใช้สีแดง-ดำ เป็นสีประจำทีม มีฉายาในภาษาอิตาเลียนว่า “รอสโซเนรี” หรือ “อิล ดิอาโวโล” ส่วนในภาษาไทยเรียกว่า “ปีศาจแดง-ดำ” และเรียกเหล่ากองเชียร์ของสโมสรว่า “มิลานิสตา”

เอซี มิลาน ใช้สนาม ซานซีโร หรือ สตาดีโอ จูเซ็ปเป เมอัซซา ซึ่งเป็นสนามประจำเมืองมิลาน มีความจุโดยประมาณ 80,074 คน (ปัจจุบัน) เป็นสนามประจำทีม โดยสนามซานซีโร สร้างขึ้นครั้งแรกเมื่อวันที่ 19 กันยายน ค.ศ. 1926 ซึ่งผู้ที่ริเริ่มความคิดคือ ปิเอโร ปิเรลลี ประธานสโมสรของมิลานในขณะนั้น โดยเขาคิดที่จะมอบมันเป็นของขวัญให้กับสโมสร สนามซานซีโร ใช้เวลาในการสร้างทั้งหมด 1 ปี โดยสามารถจุผู้ชมได้ 10,000 ที่นั่ง ต่อมาในปี ค.ศ. 1939 ได้มีการปรับปรุงสนามซานซีโร เพื่อให้สามารถรองรับแฟนบอลที่มาเข้าชมการแข่งขันได้มากขึ้น โดยครั้งนี้ได้เพิ่มจำนวนที่นั่งขึ้นไปเป็น 55,000 ที่นั่ง

ในปี ค.ศ. 1986 ได้มีการปรับปรุงสนามซานซีโร อีกครั้งหนึ่ง เพื่อใช้เป็นสนามในการจัดการแข่งขันฟุตบอลโลก 1990 โดยครั้งนี้ได้มีการสร้างหลังคาที่ทำด้วยไฟเบอร์กลาส และสร้างหอคอยทางขึ้นอีก 11 ด้านเสียใหม่ รวมทั้งเพิ่มความจุของที่นั่ง จากเดิม 5 หมื่นกว่าที่นั่ง ไปเป็น 85,700 ที่นั่ง ซึ่งมีการคาดกันว่า ถ้านับกันจริงๆแล้ว สนามซานซีโร น่าจะสามารถรองรับผู้ชมได้ถึง 150,000 คน แต่เนื่องจากติดปัญหาในด้านความปลอดภัย สภาเมืองมิลานจึงได้ออกกฎห้ามมิให้มีผู้ชมเกินกว่า 100,000 คน

ในต้นเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2015 บี เตชะอุบล นักธุรกิจชาวไทยได้ซื้อหุ้นของสโมสรบางส่วน โดยที่ประธานสโมสรยังคงเป็น ซิลวีโอ แบร์ลุสโกนี อยู่ [2]

เกียรติประวัติการแข่งขัน

ยุคเริ่มก่อตั้งถึงยุคทศวรรษที่ 40

ยุคนี้ถือเป็นยุคมืดของมิลาน โดยตลอดระยะเวลาครึ่งศตวรรษ มิลานได้แชมป์อิตาเลียน ฟุตบอล แชมเปียนส์ชิพ หรือกัลโช เซเรีย อา เพียงแค่ 3 สมัยเท่านั้น ในปี 1901, 1906 และ 1907 รองแชมป์ 2 ครั้ง ในปี 1902 และ 1948, รองแชมป์โคปปา อิตาเลีย 1 ครั้ง ในปี 1942 โดยแพ้ให้กับยูเวนตุส นอกจากนั้นแล้ว ก็ไม่สามารถที่จะทำอะไรได้เป็นชิ้นเป็นอัน ปล่อยให้เจนัว, โปร แวร์เชลลี, ยูเวนตุส, อินเตอร์, โตรีโน และโบโลญญา ผลัดกันขึ้นครองแชมป์อย่างสนุกมือ โดยนักเตะที่สำคัญในช่วงนี้ ได้แก่ เฮอร์เบิร์ต คิลปิน, หลุยส์ ฟาน แฮช, อัลโด้ เคเวนินี, จูเซ็ปเป ซานตากอสติโน, อัลโด โบฟฟี, คาร์โล อันโนวาซซี, เรนโซ บูรินี และโอเมโร โตญญอน เป็นต้น

ยุคทศวรรษที่ 50

ยุคนี้ มิลานได้แชมป์กัลโช เซเรีย อา ถึง 4 สมัย ในปี 1951, 1955, 1957 และ 1959 รองแชมป์อีก 3 ครั้ง ในปี 1950, 1952 และ 1956 ส่วนในระดับทวีปนั้น มิลานได้เข้าชิงยูโรเปียน คัพ ในปี 1958 แต่แพ้ต่อเรอัล มาดริด ยอดทีมในยุคนั้นไป 2-3 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ โดยนักเตะที่สำคัญในยุคนี้ ได้แก่ สามทหารเสือสวีดิช เกร-โน-ลี อย่างกุนนาร์ เกร็น, กุนนาร์ นอร์ดาห์ล และนิลส์ ลีดโฮล์ม นอกจากนี้ก็ยังมีอีกหลายคน เช่น เชซาเร มัลดินี, ฮวน เชียฟฟิโน, ฟรานเชสโก ซากัตติ, อาร์ตูโร ซิลเวสตรี และลอเรนโซ บุฟฟอน เป็นต้น

ยุคทศวรรษที่ 60

ยุคนี้ถือเป็นยุครุ่งเรืองยุคหนึ่งของมิลาน โดยมิลานได้แชมป์กัลโช เซเรีย อา 2 สมัย ในปี 1962 และ 1968 รองแชมป์อีก 3 ครั้ง ในปี 1961, 1965 และ 1969, แชมป์โคปปา อิตาเลีย 1 สมัย ในปี 1967 ที่เอาชนะปาโดวา รองแชมป์อีก 1 ครั้ง ในปี 1968 ที่แพ้ต่อโตรีโน, แชมป์ยูโรเปียน คัพ 2 สมัย ในปี 1963 ที่เอาชนะเบนฟิกา ของ"เสือดำแห่งโมซัมบิก" ยูเซบิโอ ไป 2-1 และปี 1969 ที่ถล่มอาแจ็กซ์ ของ"นักเตะเทวดา" โยฮัน ครัฟฟ์ ไปถึง 4-1, แชมป์ยูโรเปียน คัพ วินเนอร์ส คัพ 1 สมัย ในปี 1968 ที่เอาชนะฮัมบูร์ก และได้แชมป์สโมสรโลก 1 สมัย โดยเอาชนะเอสตูเดียนเตส ในปี 1969 รองแชมป์อีก 1 ครั้ง ในปี 1963 ที่พ่ายต่อซานโตส ของ"ไข่มุกดำ" เปเล โดยนักเตะที่สำคัญในยุคนี้ ได้แก่ จานนี ริเวรา, โฮเซ อัลตาฟินี, ปิเอริโน ปราติ, อันเจโล ซอร์มานี, จานคาร์โล ดาโนวา, คาร์ล-ไฮนซ์ ชเนลลิงเกอร์, มาริโอ เตรบบี, บรูโน โมรา, โจวานนี โลเดตติ, มาริโอ ดาวิด, โจวานนี ตราปัตโตนี, อันเจโล อันกวิลเลตติ, โรแบร์โต โรซาโต, ลุยจิ ราดิเซ, ดิโน ซานี, จอร์โจ เกซซี และฟาบิโอ คูดิชินี เป็นต้น โดยยอดผู้จัดการทีมของมิลานในยุคนี้คือ เนเรโอ ร็อคโค

ยุคทศวรรษที่ 70

ยุคนี้ถือเป็นยุคประคองตัว ความสำเร็จภายในประเทศตกไปเป็นของยูเวนตุสอีกครั้ง ส่วนในระดับยุโรป ก็ไม่สามารถที่จะขึ้นไปทาบรัศมีของอาแจ็กซ์, บาเยิร์น และลิเวอร์พูลได้เลย โดยมิลานได้แชมป์กัลโช เซเรีย อา เพียงแค่ 1 สมัย ในปี 1979 รองแชมป์ 3 ครั้งติดต่อกัน ในปี 1971, 1972 และ 1973, แชมป์โคปปา อิตาเลีย 3 สมัย ในปี 1972, 1973 และ 1977 ที่ชนะนาโปลี, ยูเวนตุส และอินเตอร์ ตามลำดับ รองแชมป์อีก 2 ครั้ง ในปี 1971 ที่แพ้ต่อโตรีโน และในปี 1975 ที่แพ้ต่อฟิออเรนตินา, แชมป์ยูโรเปียน คัพ วินเนอร์ส คัพ 1 สมัย ในปี 1973 ที่เอาชนะลีดส์ และรองแชมป์ 1 ครั้ง ในปี 1974 ที่แพ้ต่อมักเดบวร์ก นอกจากนี้ ยังได้รองแชมป์ยูโรเปียน ซูเปอร์ คัพ 1 ครั้ง ในปี 1973 โดยที่นัดแรกเล่นในบ้าน เอาชนะอาแจ็กซ์ได้ 1-0 แต่พอไปเยือนกลับโดนอัดกลับมาถึง 6-0 ชวดแชมป์ไปอย่างเจ็บปวด โดยนักเตะที่สำคัญในยุคนี้ ได้แก่ อัลแบร์โต บิกอน, อัลโด มัลเดรา, จูเซ็ปเป ซาบาดินี, อัลโด เบท, เอกิดิโอ คัลโลนี, ฟูลวิโอ โคลโลวาติ, เอ็นริโก อัลแบร์โตซี, โรเมโอ เบเนตติ และรูเบน บูริอานี เป็นต้น

ยุคทศวรรษที่ 80

ในช่วงต้นทศวรรษถือเป็นช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุดของสโมสร เมื่อมิลานถูกปรับตกชั้นในปี 1980 จากข้อหาพัวพันกับคดีการล้มบอลของประธานสโมสร เฟลิเซ โคลอมโบ และผู้รักษาประตูของทีมอย่างเอ็นริโก อัลแบร์โตซี ทำให้ทีมต้องลงเล่นในศึกกัลโช เซเรีย บี เป็นครั้งแรก ซึ่งถึงแม้ว่าจะคว้าแชมป์เซเรีย บี ได้ในทันที แต่เมื่อกลับคืนสู่เซเรีย อา ได้เพียงฤดูกาลเดียวก็ต้องตกชั้นอีก อย่างไรก็ตาม มิลานก็สามารถกลับคืนสู่เซเรีย อา ในฐานะแชมป์เซเรีย บี อีกครั้ง ในปี 1983 แต่ทว่าหลังจากนั้นไม่นาน ประธานสโมสร จูเซ็ปเป ฟารินา ได้พัวพันกับคดีทางกฎหมาย จนทำให้เขาตัดสินใจหนีไปอยู่ที่แอฟริกาใต้ พร้อมกับเอาเงินของสโมสรไปด้วย มิลานในขณะนั้นจึงอยู่ในสภาพเกือบล้มละลาย แต่เมื่อมีมหาเศรษฐีที่ชื่อ ซิลวีโอ แบร์ลุสโกนี เข้ามาเทคโอเวอร์กิจการของสโมสรในปี 1986 มิลานก็เริ่มเข้าสู่ยุครุ่งเรืองอีกครั้ง โดยมิลานได้แชมป์กัลโช เซเรีย อา 1 สมัย ในปี 1988, รองแชมป์โคปปา อิตาเลีย 1 ครั้ง ในปี 1985 ที่แพ้ต่อซามพ์โดเรีย, ได้แชมป์อิตาเลียน ซูเปอร์ คัพ 1 สมัย ในปี 1988 ที่ชนะซามพ์โดเรีย, แชมป์ยูโรเปียน คัพ 1 สมัย ในปี 1989 ที่ถล่มสเตอัว บูคาเรสต์ 4-0, แชมป์ยูโรเปียน ซูเปอร์ คัพ 1 สมัย ในปี 1989 ที่เอาชนะบาร์เซโลนา และได้แชมป์สโมสรโลก 1 สมัย ในปี 1989 อีกเช่นกัน โดยเอาชนะแอตเลติโก นาซิอองนาล 1-0 ซึ่งนักเตะที่สำคัญในยุคนี้ ได้แก่ สามทหารเสือดัตช์อย่าง มาร์โก ฟาน บาสเทน, รืด คึลลิต และฟรังก์ ไรการ์ด นอกจากนั้นก็ยังมี เปาโล มัลดีนี, ฟรังโก้ บาเรซี, อเลสซานโดร คอสตาคูร์ตา, เมาโร ตัสซอตติ, ฟิลิปโป กัลลี, โจวานนี กัลลี, โรแบร์โต โดนาโดนี, อัลเบริโก เอวานี, คาร์โล อันเชลอตติ, ดานิเอเล มัสซาโร, ปิเอโตร วีร์ดิส และอันเจโล โคลอมโบ เป็นต้น โดยยอดผู้จัดการทีมของมิลานในยุคนี้คือ อาร์ริโก ซาคคี ปรมาจารย์ลูกหนัง ผู้ให้กำเนิดโซนเพรส (เพรสซิง ฟุตบอล)

ยุคทศวรรษที่ 90

ยุคนี้ถือเป็นยุคไร้เทียมทาน เป็นยุคทองของสโมสรอย่างแท้จริง โดยมิลานได้ประกาศศักดาความยิ่งใหญ่ไปทั่วโลก โดยได้แชมป์กัลโช เซเรีย อา ถึง 5 สมัย ซึ่งเป็น 3 สมัยติดต่อกันด้วย ในปี 1992, 1993 และ 1994 ซึ่งช่วงเวลานี้เอง ที่มิลานทำสถิติไร้พ่ายในลีกติดต่อกันถึง 58 นัด จากนั้นก็ยังได้แชมป์อีก 2 สมัย ในปี 1996 และ 1999 รองแชมป์ 2 ครั้งติดต่อกัน ในปี 1990 และ 1991, รองแชมป์โคปปา อิตาเลีย 2 ครั้ง ในปี 1990 ที่แพ้ยูเวนตุส และปี 1998 ที่แพ้ให้กับลาซีโอ, ได้แชมป์อิตาเลียน ซูเปอร์ คัพ 3 สมัยติดต่อกัน ในปี 1992, 1993 และ 1994 ที่ชนะปาร์มา, โตรีโน และซามพ์โดเรีย ตามลำดับ รองแชมป์อีก 2 ครั้ง ในปี 1996 ที่พ่ายให้กับฟิออเรนตีนา และปี 1999 ที่พ่ายต่อปาร์มา ส่วนในยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก มิลานได้แชมป์ 3 สมัย จากการเข้าชิง 5 ครั้ง ในรอบ 7 ปี โดยนอกจากปี 1989 แล้ว ในปี 1990 เอาชนะเบนฟิกาได้ 1-0 และปี 1994 ที่ถล่มบาร์เซโลนา ซึ่งถือเป็นดรีมทีมในช่วงนั้นไปเละเทะถึง 4-0 รองแชมป์อีก 2 ครั้ง ในปี 1993 ที่พ่ายต่อมาร์กเซย และปี 1995 ที่พ่ายต่ออาแจ็กซ์, แชมป์ยูโรเปียน ซูเปอร์ คัพ 2 สมัย ในปี 1990 ที่ชนะซามพ์โดเรีย และปี 1994 ที่ชนะอาร์เซนอล รองแชมป์ 1 ครั้ง ในปี 1993 ที่พ่ายปาร์มา นอกจากนี้ ยังได้แชมป์สโมสรโลกอีก 1 สมัย ในปี 1990 ที่เอาชนะโอลิมเปีย 3-0 รองแชมป์อีก 2 ครั้ง ในปี 1993 ที่แพ้ต่อเซา เปาโล และปี 1994 ที่แพ้ต่อเบเลซ ซาร์สฟิลด์ โดยนักเตะที่สำคัญในยุคนี้ นอกเหนือจากผู้เล่นที่เหลืออยู่จากช่วงปลายทศวรรษที่ 80 แล้ว ก็ยังมีเพิ่มอีกหลายคน ได้แก่ เซบาสเตียโน รอสซี, เดยัน ซาวิเซวิช, เดเมตริโอ อัลแบร์ตินี, มาร์กแซล เดอไซญี, มาร์โก ซิโมเน, ซโวนีเมียร์ โบบัน, ฌอง-ปิแอร์ ปาแปง, จอร์จ เวอาห์, คริสเตียน ปานุชชี, สเตฟาโน เอรานิโอ, โรแบร์โต บาจโจ, เลโอนาร์โด และโอลิเวอร์ เบียร์โฮฟฟ์ เป็นต้น โดยยอดผู้จัดการทีมของมิลานในยุคนี้ คือ ฟาบิโอ คาเปลโล

ยุคมิลเลนเนี่ยมถึงปัจจุบัน

ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก 2002-2003

ยุคนี้ถือเป็นยุคฟื้นฟูความสำเร็จ หลังจากตกต่ำไประยะหนึ่ง

ฤดูกาล 1999–00

มิลานได้อันดับที่ 3 ในกัลโช เซเรีย อา ในโคปปา อิตาเลีย ตกรอบ 8 ทีมสุดท้าย โดยพ่ายให้กับอินเตอร์ ส่วนในยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ตกรอบแบ่งกลุ่มรอบแรก

ฤดูกาล 2000–01

ได้อันดับที่ 6 ในกัลโช เซเรีย อา ในโคปปา อิตาเลีย ตกรอบรองชนะเลิศ โดยแพ้ฟิออเรนตีนา ส่วนในยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ตกรอบแบ่งกลุ่มรอบที่สอง

ฤดูกาล 2001–02

มิลานได้แต่งตั้งคาร์โล อันเชลอตติ ขึ้นเป็นผู้จัดการทีม โดยฤดูกาลนี้ มิลานได้อันดับที่ 4 ในกัลโช เซเรีย อา ในโคปปา อิตาเลีย แพ้ยูเวนตุส ตกรอบรองชนะเลิศ ส่วนในยูฟ่า คัพ ก็ตกรอบรองชนะเลิศเช่นกัน โดยพ่ายให้กับดอร์ทมุนด์

ฤดูกาล 2002–03

ได้อันดับที่ 3 ในกัลโช เซเรีย อา แต่ได้ดับเบิลแชมป์ คือ แชมป์โคปปา อิตาเลีย สมัยที่ 5 โดยเอาชนะโรมาได้ ส่วนในยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก เริ่มแข่งขันตั้งแต่รอบคัดเลือก รอบที่สาม และผ่านสโลวาน ริเบอเรช ไปได้อย่างหวุดหวิด ด้วยกฎการยิงประตูในฐานะทีมเยือน จากนั้นก็ผ่านได้ทั้งบาเยิร์น, ล็องส์, กอรุนญา, เรอัล มาดริด, ดอร์ทมุนด์, โลโกโมทีฟ มอสโก, อาแจ็กซ์ และอินเตอร์ ก่อนที่จะมาดวลจุดโทษเอาชนะยูเวนตุสได้ในนัดชิงชนะเลิศ คว้าแชมป์สมัยที่ 6 มาครองได้สำเร็จ

ฤดูกาล 2003–04

เริ่มต้นด้วยการแพ้ในการดวลจุดโทษต่อยูเวนตุส และโบคา ในอิตาเลียน ซูเปอร์ คัพ และสโมสรโลก ตามลำดับ แต่ก็ยังได้แชมป์ยูโรเปียน ซูเปอร์ คัพ โดยเอาชนะปอร์โต คว้าแชมป์มาครองเป็นสมัยที่ 4 แถมยังคว้าแชมป์กัลโช เซเรีย อา มาครองได้เป็นสมัยที่ 17 ส่วนในโคปปา อิตาเลีย แพ้ลาซีโอ ตกรอบรองชนะเลิศ และในยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ตกรอบ 8 ทีมสุดท้ายแบบช็อคโลก ในนัดที่ 2 ที่พ่ายต่อกอรุนญา

ฤดูกาล 2004–05

ได้แชมป์อิตาเลียน ซูเปอร์ คัพ สมัยที่ 5 โดยเอาชนะลาซีโอ ในโคปปา อิตาเลีย ตกรอบ 8 ทีมสุดท้าย เมื่อแพ้ต่ออูดิเนเซ และได้ดับเบิ้ลรองแชมป์ ทั้งในเวทีกัลโช เซเรีย อา และเหตุการณ์ช็อคโลกอีกครั้ง ในนัดชิงชนะเลิศยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ที่อตาเติร์ก เมื่อ 3 ประตูที่นำอยู่ในครึ่งแรก ไม่สามารถที่จะทำให้มิลานคว้าแชมป์มาครองได้ โดยถูกลิเวอร์พูลยิง 3 ประตูตีเสมอ ด้วยเวลาเพียง 6 นาที และไปดวลจุดโทษเอาชนะมิลานได้ในที่สุด ทำให้มิลานต้องพลาดแชมป์ไปอย่างเจ็บปวด

ฤดูกาล 2005–06

ได้รองแชมป์กัลโช เซเรีย อา อีกครั้ง (ตอนหลังโดนตัดแต้ม จากกรณีล็อกสเปคผู้ตัดสิน จนต้องหล่นลงมาอยู่อันดับที่ 3) ในโคปปา อิตาเลีย ตกรอบ 8 ทีมสุดท้าย โดยแพ้ให้กับปาแลร์โม ส่วนในยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก พ่ายต่อบาร์เซโลนา ในรอบรองชนะเลิศ

ฤดูกาล 2006–07

ในกัลโช เซเรีย อา มิลานเริ่มต้นด้วยการถูกตัด 8 คะแนน ซึ่งก็เป็นผลพวงมาจากกรณีล็อกสเปคผู้ตัดสิน แต่ก็ยังไต่ขึ้นมาอยู่อันดับที่ 4 ได้ ขณะที่ในโคปปา อิตาเลีย แพ้โรมา ตกรอบรองชนะเลิศ ส่วนในยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก มิลานต้องมาเริ่มต้นในรอบคัดเลือก รอบที่สาม และเอาชนะเคอร์เวนา ซเวซดาได้ ทำให้ผ่านเข้ารอบแบ่งกลุ่ม จากนั้นก็ผ่านได้ทั้งเออีเค เอเธนส์, อันเดอร์เลชท์, ลีลล์, เซลติค, บาเยิร์น และแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ก่อนที่จะมาล้างแค้น เอาชนะลิเวอร์พูลได้ 2-1 ในนัดชิงชนะเลิศ คว้าแชมป์สมัยที่ 7 มาครองได้อย่างยิ่งใหญ่ ด้วยฝีเท้าอันเอกอุของกาก้าและพรรคพวก จากนั้นก็สามารถเอาชนะเซบีญา คว้าแชมป์ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ สมัยที่ 5 มาครอง และปิดท้ายปี 2007 ด้วยการคว้าแชมป์สโมสรโลก ได้เป็นสมัยที่ 4 โดยแก้แค้นโบคาได้สำเร็จในนัดชิงชนะเลิศ พร้อมกับส่งให้กาก้า คว้าตำแหน่งนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปี 2007 ในทุกสถาบัน

ฤดูกาล 2007–08

ในกัลโช เซเรีย อา มิลานได้แค่อันดับที่ 5 ส่วนในโคปปา อิตาเลีย และยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ตกรอบ 16 ทีมสุดท้ายทั้งสองรายการ โดยแพ้ต่อคาตาเนีย และอาร์เซนอล ตามลำดับ, ฤดูกาล 2008-2009 ในกัลโช เซเรีย อา มิลานได้อันดับที่ 3 ส่วนในโคปปา อิตาเลีย ตกรอบ 16 ทีมสุดท้าย โดยแพ้ต่อลาซีโอ และในยูฟ่า คัพ ตกรอบ 32 ทีมสุดท้าย ด้วยน้ำมือของเบรเมน

ฤดูกาล 2009–10

ในกัลโช เซเรีย อา มิลานได้อันดับที่ 3 อีกครั้ง ส่วนในโคปป้า อิตาเลีย ตกรอบ 8 ทีมสุดท้าย โดยพ่ายต่ออูดิเนเซ และในยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ตกรอบ 16 ทีมสุดท้าย โดยถูกแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดไล่ถลุงเละเทะ, ฤดูกาล 2010-2011 ในกัลโช เซเรีย อา มิลานคว้าแชมป์สมัยที่ 18 มาครองได้สำเร็จ ส่วนในโคปปา อิตาเลีย ตกรอบรองชนะเลิศ โดยพ่ายต่อปาแลร์โม่ และในยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ตกรอบ 16 ทีมสุดท้าย โดยแพ้ต่อสเปอร์ส, ฤดูกาล 2011-2012 เริ่มต้นฤดูกาล เอาชนะอินเตอร์ ได้แชมป์ซูเปอร์โคปป้า อิตาเลียน่า มาครองได้เป็นสมัยที่ 6 ในกัลโช เซเรีย อา มิลานได้รองแชมป์ ส่วนในโคปปา อิตาเลีย ตกรอบรองชนะเลิศ โดยพ่ายต่อยูเวนตุส และในยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ตกรอบ 8 ทีมสุดท้าย โดยแพ้ต่อบาร์เซโลนา

เกียรติประวัติ

ระดับประเทศ

  • กัลโช เซเรีย อา (สกูเดตโต)
    • ชนะเลิศ (18) : 1901, 1906, 1907, 1950-51, 1954-55, 1956-57, 1958-59, 1961-62, 1967-68, 1978-79, 1987-88, 1991-92, 1992-93, 1993-94, 1995-96, 1998-99, 2003-04, 2010-11
    • รองชนะเลิศ (17) : 1902, 1910–11, 1911–12, 1947–48, 1949–50, 1951–52, 1955–56, 1960–61, 1964–65, 1968–69, 1970–71, 1971–72, 1972–73, 1989–90, 1990–91, 2004–05, 2011-12
  • โกปปาอีตาเลีย
    • ชนะเลิศ (5)  : 1966-67, 1971-72, 1972-73, 1976-77, 2002-03
    • รองชนะเลิศ (7)  : 1941-42, 1967-68, 1970-71, 1974-75, 1984-85, 1989-90, 1997-98
  • ซูแปร์โกปปาอีตาเลียนา (มากที่สุด)
    • ชนะเลิศ (7) : 1988, 1992, 1993, 1994, 2004, 2011, 2016
    • รองชนะเลิศ (3) : 1996, 1999, 2003

สรุป : ได้แชมป์ทั้งหมด 48 รายการ รองแชมป์ 38 รายการ (ได้แชมป์ครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม ค.ศ. 2016)

ระดับทวีปยุโรป

ระดับโลก

นักเตะยอดเยี่ยมบาลงดอร์

นักเตะทีมเอซี มิลาน เคยได้รับรางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของทวีปยุโรปหรือบาลงดอร์มากที่สุด 8 ครั้ง ได้แก่

ผู้เล่นชุดปัจจุบัน

ณ วันที่ 31 มกราคม ค.ศ. 2018[3]

หมายเหตุ: ธงชาติที่ปรากฏบ่งบอกให้ทราบว่าผู้เล่นคนนั้นสามารถเล่นให้กับชาติใดตามกฎของฟีฟ่าตามความเหมาะสม เพราะผู้เล่นบางคนอาจถือสองสัญชาติ

เลข ตำแหน่ง สัญชาติ ผู้เล่น
2 DF อิตาลี ดาวีเด กาลาเบรีย
4 MF อิตาลี โฮเซ เมาริ
5 MF อิตาลี จาโคโม โบนาเวนตูรา
7 FW โครเอเชีย นีคอลา คาลีนิช (ยืมตัวมาจาก ฟีออเรนตีนา)[4]
8 FW สเปน ซูโซ
9 FW โปรตุเกส อังแดร ซิลวา
10 FW ตุรกี ฮาคัน ชัลฮาโนลู
11 FW อิตาลี ฟาบีโอ โบรีนี (ยืมตัวมาจาก ซันเดอร์แลนด์)[5]
12 DF อิตาลี อันเดรอา กอนตี
13 DF อิตาลี อาเลสซีโอ โรมัญญอลี
15 DF ปารากวัย กุสตาโว โกเมส
17 DF โคลอมเบีย กริสเตียน ซาปาตา
18 MF อิตาลี ริกการ์โด มอนโตลีโว
เลข ตำแหน่ง สัญชาติ ผู้เล่น
19 FW โปแลนด์ กชึชตอฟ ปีออนแต็ก
20 DF อิตาลี อิญญัซซีโอ อาบาเต
21 MF อาร์เจนตินา ลูกัส บิเกลีย
22 DF อาร์เจนตินา มาเตโอ มูซัซเชียว
30 GK อิตาลี มาร์โก สโตรารี
31 DF อิตาลี ลูกา อันโตเนลลี
46 DF อิตาลี มัตเตโอ กับเบีย
63 FW อิตาลี ปาตริก กูตรอเน
68 DF สวิตเซอร์แลนด์ ริการ์โด โรดรีเกซ
73 MF อิตาลี มานูเอล โลกาเตลลี
79 MF โกตดิวัวร์ ฟร็องก์ เกเซีย (ยืมตัวมาจาก อาตาลันตา)[6]
90 GK อิตาลี อันโตเนียว ดอนนารุมมา
99 GK อิตาลี จันลุยจี ดอนนารุมมา

ทำเนียบประธานสโมสร

 
ปี ชื่อประธานสโมสร
1899-1909 อัลเฟรด เอ็ดเวิร์ดส์
1909 จานนิโน คัมเปริโอ
1909-1928 ปิเอโร ปิเรลลี
1928-1929 ลุยจิ ราวาสโก
1929-1933 มาริโอ แบร์นัซโซลี
1933-1935 ลุยจิ ราวาสโก
1935-1936 ปิเอโตร อันโนนี
1936-1939 เอมิลิโอ โคลอมโบ
1939-1940 อาคิลเล อินแวร์นิซซี
1940-1944 อุมแบร์โต ตราบัตโตนี
1944-1945 อันโตนิโอ บูซินี
1945-1954 อุมแบร์โต ตราบัตโตนี
1954-1963 อันเดรีย ริซโซลี
1963-1965 เฟลิเซ ริวา
1965-1966 เฟเดริโก ซอร์ดิลโล
 
ปี ชื่อประธานสโมสร
1966-1967 ลุยจิ คาร์ราโร
1967-1971 ฟรังโก คาร์ราโร
1971-1972 เฟเดริโก ซอร์ดิลโล
1972-1975 อัลบิโน บูติชคี
1975-1976 บรูโน ปาร์ดี
1976-1977 วิตตอริโอ ดุยนา
1977-1980 เฟลิเซ โคลอมโบ
1980-1982 กาเอตาโน โมรัซโซนี
1982-1986 จูเซ็ปเป ฟารินา
1986 โรซาริโอ โล แวร์เด
1986-2004 ซิลวิโอ แบร์ลุสโคนี
2004-2006 คณะบอร์ดบริหาร
2006-2008 ซิลวิโอ แบร์ลุสโคนี
2008-2012 คณะบอร์ดบริหาร
2012-2017 ซิลวิโอ แบร์ลุสโคนี
2017 Li Yonghong

ทำเนียบผู้จัดการทีม

 
ปี ชื่อผู้จัดการทีม
1900-1906 อังกฤษ เฮอร์เบิร์ท คิลพิน
1906-1907 อิตาลี ดานิเอเล่ อันเจโลนี่
1907-1911 อิตาลี จานนิโน่ คัมเปริโอ้
1911-1912 คณะบอร์ดบริหาร
1912-1913 อิตาลี ปิเอโร่ เปเวเรลลี่
1913-1915 คณะบอร์ดบริหาร
1915-1916 อิตาลี กุยโด้ โมด้า
1916-1918 ไม่มีผู้จัดการทีม
1918-1919 คณะบอร์ดบริหาร
1919-1921 อิตาลี กุยโด้ โมด้า
1921-1922 ไม่มีผู้จัดการทีม
1922-1924 ออสเตรีย เฟอร์ดี้ ออปเปนไฮม์
1924-1926 อิตาลี วิตตอริโอ้ ปอซโซ่
1926 อิตาลี กุยโด้ โมด้า
1926-1928 อังกฤษ เฮอร์เบิร์ต เบอร์เกสส์
1928-1931 ออสเตรีย เองเกิลเบิร์ต โคนิก
1931-1933 ฮังการี ยอสเซฟ บานาส
1933-1934 ฮังการี ยอสเซฟ วิโอล่า
1934-1936 อิตาลี อดอลโฟ่ บาลอนชิเอรี่
1936-1937 อังกฤษ วิลเลี่ยม การ์บัตต์
1937-1938 ออสเตรีย เฮอร์มันน์ เฟลส์เนอร์
ฮังการี ยอสเซฟ บานาส
1938 ฮังการี ยอสเซฟ บานาส
1938-1940 ฮังการี ยอสเซฟ วิโอล่า
1940-1941 อิตาลี กุยโด้ อาร่า
อิตาลี อันโตนิโอ บูซินี่
 
ปี ชื่อผู้จัดการทีม
1941-1943 อิตาลี มาริโอ้ มัญญอซซี่
1943-1945 อิตาลี จูเซ็ปเป้ ซานตากอสติโน่
1945-1946 อิตาลี อดอลโฟ่ บาลอนชิเอรี่
1946-1949 อิตาลี จูเซ็ปเป้ บิโกญโญ่
1949-1952 ฮังการี ลายอส ซีซเล่อร์
1952 สวีเดน กุนน่าร์ เกร็น
1952-1953 อิตาลี มาริโอ้ สเปโรเน่
1953-1954 ฮังการี เบล่า กุตต์มัน
1954 อิตาลี อันโตนิโอ บูซินี่
1954-1956 อุรุกวัย เอคตอร์ ปูริเชลลี่
1956-1960 อิตาลี จูเซ็ปเป้ วิอานี่
1960-1961 อิตาลี เปาโล โตเดสคินี่
1961-1963 อิตาลี เนเรโอ้ ร็อคโค่
1963-1964 อาร์เจนตินา หลุยส์ คาร์นิญ่า
1964-1966 สวีเดน นิลส์ ลีดโฮล์ม
1966 อิตาลี โจวานนี่ คัตตอซโซ่
1966-1967 อิตาลี อาร์ตูโร่ ซิลเวสตรี้
1967-1972 อิตาลี เนเรโอ้ ร็อคโค่
1972-1974 อิตาลี เชซาเร่ มัลดินี่
1974 อิตาลี โจวานนี่ ตราปัตโตนี่
1974-1975 อิตาลี กุสตาโว่ จาญโญนี่
1975 อิตาลี เนเรโอ้ รอคโค่
1975-1976 อิตาลี เปาโล บาริซอน
1976 อิตาลี โจวานนี่ ตราปัตโตนี่
1976-1977 อิตาลี จูเซ็ปเป้ มาร์คิโอโร่
 
ปี ชื่อผู้จัดการทีม
1977 อิตาลี เนเรโอ้ ร็อคโค่
1977-1979 สวีเดน นิลส์ ลีดโฮล์ม
1979-1981 อิตาลี มัสซิโม่ จาโคมินี่
1981 อิตาลี อิตาโล่ กัลบิอาติ
1981-1982 อิตาลี ลุยจิ ราดิเซ่
1982 อิตาลี อิตาโล่ กัลบิอาติ
อิตาลี ฟรานเชสโก้ ซากัตติ
1982-1984 อิตาลี อิลาริโอ้ คัสตาญเญ่อร์
1984 อิตาลี อิตาโล่ กัลบิอาติ
1984-1987 สวีเดน นิลส์ ลีดโฮล์ม
1987 อิตาลี ฟาบิโอ้ คาเปลโล่
1987-1991 อิตาลี อาร์ริโก้ ซาคคี่
1991-1996 อิตาลี ฟาบิโอ้ คาเปลโล่
1996 อุรุกวัย ออสก้าร์ ตาบาเรซ
1996-1997 อิตาลี จอร์โจ้ โมรินี่
1997 อิตาลี อาร์ริโก้ ซาคคี่
1997-1998 อิตาลี ฟาบิโอ้ คาเปลโล่
1998-2001 อิตาลี อัลแบร์โต้ ซัคเคโรนี่
2001 ตุรกี ฟาติห์ เตริม
2001 อิตาลี เชซาเร่ มัลดินี่
อิตาลี เมาโร่ ตัสซอตติ
2001-2009 อิตาลี คาร์โล อันเชลอตติ
2009-2010 บราซิล เลโอนาร์โด้
2010-2014 อิตาลี มัสซิมิลิอาโน่ อัลเล่กรี้
2014 เนเธอร์แลนด์ คลาเรนซ์ ซีดอร์ฟ
2014 อิตาลี ฟิลิปโป อินซากี

ทำเนียบกัปตันทีม

 
ปี ชื่อกัปตันทีม
1899-1908 อังกฤษ เฮอร์เบิร์ต คิลปิน
1908-1909 อิตาลี เกโรลาโม ราดิเซ
1909-1910 อิตาลี กุยโด โมดา
1910-1911 เบลเยียม มักซ์ โทเบียส
1911-1913 อิตาลี จูเซ็ปเป ริซซี
1913-1915 เบลเยียม หลุยส์ ฟาน แฮช
1915-1916 อิตาลี มาร์โก ซาลา
1916-1919 อิตาลี อัลโด เคเวนินี
1919-1921 อิตาลี อเลสซานโดร สคาริโอนี
1921-1922 อาร์เจนตินา อิตาลี เชซาเร โลวาติ
1922-1924 อิตาลี ฟรานเชสโก โซลเดรา
1924-1926 อิตาลี ปิเอโตร บรอนซินี
1926-1927 อิตาลี จานอันเจโล บาร์ซาน
1927-1929 อิตาลี อับดอน สการ์บี
1929-1930 อิตาลี อเลสซานโดร สเคียโนนี
1930-1933 อิตาลี มาริโอ มัญญอซซี
1933-1934 อิตาลี คาร์โล ริกอตติ
1934-1936 อิตาลี จูเซ็ปเป โบนิซโซนี
1936-1939 อิตาลี ลุยจิ แปร์แวร์ซี
1939-1940 อิตาลี จูเซ็ปเป โบนิซโซนี
1940-1941 อิตาลี บรูโน อาร์คารี
 
ปี ชื่อกัปตันทีม
1941-1942 อิตาลี จูเซ็ปเป เมอัซซา
1942-1944 อิตาลี จูเซ็ปเป อันโตนินี
1944-1945 อิตาลี เปาโล โตเดสคินี
1945-1949 อิตาลี จูเซ็ปเป อันโตนินี
1949-1952 อิตาลี อันเดรีย โบโนมี
1952-1953 อิตาลี คาร์โล อันโนวาซซี
1953-1954 อิตาลี โอเมโร โตญญอน
1954-1956 สวีเดน กุนนาร์ นอร์ดาห์ล
1956-1961 สวีเดน นิลส์ ลีดโฮล์ม
1961-1962 อิตาลี ฟรานเชสโก ซากัตติ
1962-1966 อิตาลี เชซาเร่ มัลดินี
1966-1975 อิตาลี จานนี ริเวรา
1975-1976 อิตาลี โรเมโอ เบเนตติ
1976-1979 อิตาลี จานนี ริเวรา
1979-1980 อิตาลี อัลแบร์ติโน่ บิก้อน
1980-1981 อิตาลี อัลโด้ มัลเดร่า
1981-1982 อิตาลี ฟูลวิโอ โคลโลวาติ
1982-1997 อิตาลี ฟรังโก บาเรซี
1997-2009 อิตาลี เปาโล มัลดินี
2009-2013 อิตาลี มัสซิโม อัมโบรซินี
2013- อิตาลี ริคาร์โด้ มอนโตลิโว่

ผู้สนับสนุนทีม

ผู้สนับสนุนหน้าอกเสื้อ

เอซี มิลาน เริ่มมีสปอนเซอร์ติดหน้าอกเสื้ออย่างเป็นทางการ ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1981 ซึ่งรายชื่อสปอนเซอร์หน้าอกเสื้อของมิลาน มีดังต่อไปนี้

 
ปี ผู้สนับสนุนหน้าอกเสื้อ
1981-1982 Pooh Jeans
1982-1983 Hitachi
1983-1984 Olio Cuore
1984 Rete 4
1984-1985 Oscar Mondadori
1985-1987 Fotorex U-Bix
1987-1992 Mediolanum
1992-1994 Motta
1994-2006 Opel
2006-2010 Bwin
2010-2020 Fly Emirates

ผู้สนับสนุนชุดแข่งขัน

เอซี มิลาน เริ่มมีผู้สนับสนุนชุดแข่งขันอย่างเป็นทางการตั้งแต่ปี ค.ศ. 1978 โดยรายชื่อดังต่อไปนี้

 
ปี สปอนเซอร์ชุดแข่งขัน
1978-1979 Adidas
1979-1980 Adidas – Linea Milan
1980-1982 Linea Milan
1982-1984 NR
1984-1985 Rolly Go
1985-1986 Gianni Rivera
1986-1990 Kappa
1990-1993 Adidas
1993-1998 Lotto
1998-2018 Adidas
2018-2023 PUMA

สถิติสโมสรที่น่าสนใจ

นักเตะที่ลงเล่นมากที่สุดตลอดกาล

อัปเดตล่าสุด 04/10/2555

อันดับ ชื่อนักเตะ จำนวนนัด
1. อิตาลี เปาโล มัลดีนี 902
2. อิตาลี ฟรังโก บาเรซี 719
3. อิตาลี อเลสซานโดร คอสตาคูร์ตา 663
4. อิตาลี จานนี ริเวรา 658
5. อิตาลี เมาโร ตัสซอตติ 583
6. อิตาลี มัสซิโม อัมโบรซินี 469
7. อิตาลี เกนนาโร กัตตูโซ 468
8. เนเธอร์แลนด์ คลาเรนซ์ ซีดอร์ฟ 432
9. อิตาลี อันเจโล อันกวิลเลตติ 418
10. อิตาลี เชซาเร มัลดินี 412
11. อิตาลี เดเมตริโอ อัลแบร์ตินี 406
12. อิตาลี อันเดรีย ปีร์โล 401
13. สวีเดน นิลส์ ลีดโฮล์ม 394
14. อิตาลี อัลเบริโก เอวานี 393
15. อิตาลี โรแบร์โต โดนาโดนี 390
16. อิตาลี โจวานนี ตราปัตโตนี 351
17. อิตาลี โอเมโร โตญญอน 342
18. อิตาลี ลุยจิ แปร์แวร์ซี 341
19. เยอรมนี คาร์ล-ไฮนซ์ ชเนลลิงเกอร์ 334
20. อิตาลี เซบาสเตียโน รอสซี 330

นักเตะที่ยิงประตูมากที่สุดตลอดกาล

อันดับ ชื่อนักเตะ จำนวนประตู
1. สวีเดน กุนนาร์ นอร์ดาห์ล 221
2. ยูเครน อังเดร เชฟเชนโก 175
3. อิตาลี จานนี ริเวรา 164
4. บราซิล อิตาลี โฮเซ อัลตาฟินี 161
5. อิตาลี อัลโด โบฟฟี 136
6. อิตาลี ฟิลิปโป อินซากี 126
7. เนเธอร์แลนด์ มาร์โก ฟาน บาสเทน 124
8. อิตาลี จูเซ็ปเป ซานตากอสติโน 106
9. อิตาลี ปิเอริโน ปราติ 102
10. บราซิล กาก้า 100
11. เบลเยียม หลุยส์ ฟาน แฮช 98
12. อิตาลี อัลแบร์ติโน บิกอน 90
13. สวีเดน นิลส์ ลีดโฮล์ม 89
14. อิตาลี เรนโซ บูรินี 88
15. อิตาลี ปิเอโตร วีร์ดิส 76
16. อิตาลี มาร์โก ซิโมเน 75
17. อิตาลี อัลโด เคเวนินี 73
18. อิตาลี ปิเอโตร อาร์คารี 70
19. อิตาลี ดานิเอเล มัสซาโร 70
20. อิตาลี โจวานนี โมเรตติ 68

การแข่งขันในกัลโช เซเรีย อา

  • ชนะในบ้านที่สกอร์มากที่สุด : ชนะ ปาแลร์โม 9-0, 18 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1951
  • ชนะนอกบ้านที่สกอร์มากที่สุด : ชนะ เจนัว 8-0, 5 มิถุนายน ค.ศ. 1955
  • แพ้ในบ้านที่สกอร์มากที่สุด : แพ้ ยูเวนตุส 1-6, 6 เมษายน ค.ศ. 1997
  • แพ้นอกบ้านที่สกอร์มากที่สุด :แพ้ อเลสซานเดรีย 1-6, 26 มกราคม ค.ศ. 1936
  • จำนวนคะแนนที่ได้มากที่สุดภายใน 1 ฤดูกาล (ชนะได้ 3 คะแนน)  : 82 คะแนน (2003-04, 34 นัด)
  • จำนวนคะแนนที่ได้มากที่สุดภายใน 1 ฤดูกาล (ชนะได้ 2 คะแนน)  : 60 คะแนน (1950-51, 38 นัด)
  • จำนวนคะแนนที่ได้น้อยที่สุดภายใน 1 ฤดูกาล (ชนะได้ 3 คะแนน)  : 43 คะแนน (1996-97, 34 นัด)
  • จำนวนคะแนนที่ได้น้อยที่สุดภายใน 1 ฤดูกาล (ชนะได้ 2 คะแนน)  : 24 คะแนน (1981-82, 30 นัด)
  • จำนวนนัดที่ชนะมากที่สุดภายใน 1 ฤดูกาล : 28 นัด (2005-06, 38 นัด)
  • จำนวนนัดที่ชนะน้อยที่สุดภายใน 1 ฤดูกาล : 5 นัด (1976-77, 30 นัด)
  • จำนวนนัดที่แพ้น้อยที่สุดภายใน 1 ฤดูกาล : 0 นัด (1991-92, 34 นัด)
  • จำนวนนัดที่แพ้มากที่สุดภายใน 1 ฤดูกาล : 15 นัด (1930-31, 30 นัด)
  • จำนวนนัดที่เสมอมากที่สุดภายใน 1 ฤดูกาล : 17 นัด (1976-77, 30 นัด)
  • จำนวนนัดที่เสมอน้อยที่สุดภายใน 1 ฤดูกาล : 3 นัด (1949-50, 38 นัด)
  • จำนวนประตูที่ทำได้มากที่สุดภายใน 1 ฤดูกาล (ทีม)  : 118 ประตู (1949-50, 38 นัด)
  • จำนวนประตูที่ทำได้น้อยที่สุดภายใน 1 ฤดูกาล (ทีม)  : 21 ประตู (1981-82, 30 นัด)
  • จำนวนประตูที่เสียน้อยที่สุดภายใน 1 ฤดูกาล (ทีม)  : 12 ประตู (1968-69, 30 นัด)
  • จำนวนประตูที่เสียมากที่สุดภายใน 1 ฤดูกาล (ทีม)  : 62 ประตู (1932-33, 34 นัด)
  • จำนวนผลต่างประตูที่มากที่สุดภายใน 1 ฤดูกาล : +73 ประตู (1949-50, 38 นัด)
  • จำนวนผลต่างประตูที่น้อยที่สุดภายใน 1 ฤดูกาล : -10 ประตู (1981-82, 30 นัด)
  • จำนวนประตูที่ทำได้มากที่สุดภายใน 1 ฤดูกาล (นักเตะ)  : 35 ประตู - สวีเดน กุนนาร์ นอร์ดาห์ล (1949-50, 38 นัด)
  • ไม่เสียประตูนานที่สุด : 929 นาที (อิตาลี เซบาสเตียโน รอสซี) เริ่มตั้งแต่ 19 ธันวาคม ค.ศ. 1993 (ชนะ กาญารี 2-1), จนถึง 27 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1994 (ชนะ ฟอจจา 2-1)
  • ชนะติดต่อกันมากที่สุด : 10 นัด เริ่มตั้งแต่ 28 มกราคม ค.ศ. 1951 (ชนะ ซามพ์โดเรีย 2-0) จนถึง 1 เมษายน ค.ศ. 1951 (แพ้ ปาโดวา 1-2)
  • ไม่แพ้ติดต่อกันมากที่สุด : 58 นัด เริ่มตั้งแต่ 26 พฤษภาคม ค.ศ. 1991 (เสมอ ปาร์มา 0-0) จนถึง 21 มีนาคม ค.ศ. 1993 (แพ้ ปาร์มา 0-1)

การแข่งขันในโคปปา อิตาเลีย

  • ชนะในบ้านที่สกอร์มากที่สุด : ชนะ ปาโดวา 8-1, 13 กันยายน ค.ศ. 1958
  • ชนะนอกบ้านที่สกอร์มากที่สุด : ชนะ โคโม 5-0, 8 มิถุนายน ค.ศ. 1958
  • แพ้ในบ้านที่สกอร์มากที่สุด : แพ้ โรมา 0-4, 21 พฤศจิกายน ค.ศ. 1979
  • แพ้นอกบ้านที่สกอร์มากที่สุด : แพ้ ฟิออเรนตินา 0-5, 13 เมษายน ค.ศ. 1940

การแข่งขันในฟุตบอลสโมสรยุโรป

อ้างอิง

  1. "A.C. Milan - History". A.C. Milan. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2010-01-15. สืบค้นเมื่อ 2010-01-11.
  2. ยิ่งใหญ่! “บี เตชะอุบล” ปิดดีลเทกโอเวอร์ “มิลาน” จากผู้จัดการออนไลน์
  3. "First team 2017/18". acmilan.com. Associazione Calcio Milan. สืบค้นเมื่อ 31 January 2018.
  4. "Official: Kalinic is now red and black". acmilan.com. Associazione Calcio Milan. 22 August 2017. สืบค้นเมื่อ 22 August 2017.
  5. "Official: Fabio Borini is now red and black". acmilan.com. Associazione Calcio Milan. 30 June 2017. สืบค้นเมื่อ 30 June 2017.
  6. "Official: Kessié is now red and black". acmilan.com. Associazione Calcio Milan. 2 June 2017. สืบค้นเมื่อ 2 June 2017.

แหล่งข้อมูลอื่น