ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ฟีลิปแห่งฟลานเดอส์"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Potapt (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 1: บรรทัด 1:
{{เก็บกวาด}}
{{เก็บกวาด}}
{{กล่องข้อมูล ขุนนางฝรั่งเศส|name=ฟิลิปที่ 1|titles=เคานต์แห่งฟลานเดอส์|birth_date=ค.ศ. 1143|death_date=1 สิงหาคม ค.ศ. 1191|father=เธียร์รี เคานต์แห่งฟลานเดอส์|mother=ซีบีลแห่งอ็องฌู|image=Philip of Alsace.jpg|caption=ตราประทับของฟิลิปแห่งอัลซาส}}
{{กล่องข้อมูล ขุนนางฝรั่งเศส|name=ฟีลิปที่ 1|titles=เคานต์แห่งฟลานเดอส์|birth_date=ค.ศ. 1143|death_date=1 สิงหาคม ค.ศ. 1191|father=ตีแยรี เคานต์แห่งฟลานเดอส์|mother=ซีบีลแห่งอ็องฌู|image=Philip of Alsace.jpg|caption=ตราประทับของฟีลิปแห่งอาลซัส}}


'''ฟิลิปแห่งอัลซาส''' (ค.ศ. 1143 – 1 สิงหาคม ค.ศ. 1191) เป็นเคานต์แห่ง[[แฟลนเดอส์|ฟลานเดอส์]]ตั้งแต่ ค.ศ. 1168 ถึง ค.ศ. 1191 โดยสืบทอดตำแหน่งต่อจากเธียร์รีแห่งอัลซาสผู้เป็นบิดา
'''ฟีลิปแห่งอาลซัส''' (ค.ศ. 1143 – 1 สิงหาคม ค.ศ. 1191) เป็นเคานต์แห่ง[[ฟลานเดอส์]]ตั้งแต่ ค.ศ. 1168 ถึง ค.ศ. 1191 โดยสืบทอดตำแหน่งต่อจากตีแยรีแห่งอาลซัสผู้เป็นบิดา


== เคานต์แห่งฟลานเดอส์ ==
== เคานต์แห่งฟลานเดอส์ ==
การดำรงตำแหน่งของเขาเริ่มต้นขึ้นในปี ค.ศ. 1157 ขณะกำลังทำหน้าที่เป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดินและเป็นเคานต์ร่วมของเธียร์รี บิดาที่จากไปทำ[[สงครามครูเสด]]<ref>Nicholas, David M (1992). ''Medieval Flanders''. Routledge, p. 71.</ref> เขาปราบฟลอริสที่ 3 เคานต์แห่งฮอลแลนด์และหยุดการปล้นแบบโจรสลัด ฟลอริสถูกจับกุมตัวใน[[บรูช]]และถูกจำคุกจนถึงปี ค.ศ. 1167 ที่เขาถูกเรียกค่าไถ่แลกกับการยอมรับว่าฟลานเดอส์มีอำนาจเหนือซีลันด์ ฟิลิปยังกอบกู้วาสลันด์และควอเตรอเมทิเยส์ของฟลานเดอส์กลับคืนมา
การดำรงตำแหน่งของเขาเริ่มต้นขึ้นในปี ค.ศ. 1157 ขณะกำลังทำหน้าที่เป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดินและเป็นเคานต์ร่วมของตีแยรี บิดาที่จากไปทำ[[สงครามครูเสด]]<ref>Nicholas, David M (1992). ''Medieval Flanders''. Routledge, p. 71.</ref> เขาปราบโฟลริสที่ 3 เคานต์แห่งฮอลแลนด์และหยุดการปล้นแบบโจรสลัด โฟลริสถูกจับกุมตัวใน[[บรูช]]และถูกจำคุกจนถึงปี ค.ศ. 1167 ที่เขาถูกเรียกค่าไถ่แลกกับการยอมรับว่าฟลานเดอส์มีอำนาจเหนือเซลันด์ ฟีลิปยังกอบกู้วาสลันด์และกัทร์-เมตีเยของฟลานเดอส์กลับคืนมา


ปี ค.ศ. 1159 ฟิลิปแต่งงานกับอีซาแบลแห่งแวร์ม็องดัวส์ ธิดาคนโตของเคานต์[[ราอูลต์ที่ 1 เคานต์แห่งแวร์ม็องดัวส์|ราอูลต์ที่ 1 แห่งแวร์ม็องดัวส์]]กับเปโทรนียาแห่งอากีแตน<ref>Baldwin, John W. (1986). ''The Government of Philip Augustus: Foundations of French Royal Power in the Middle Ages''. University of California Press, p. 15.</ref> เมื่อพ่อตาเสียชีวิต ภรรยาของเขาได้สืบทอดเคานตี[[แวร์ม็องดัว|แวร์ม็องดัวส์]] ทำให้อำนาจของฟลานเดอส์ขยายตัวไปทางใต้ ซึ่งเป็นการขยายตัวครั้งใหญ่ที่สุดจนเป็นภัยต่อสมดุลอำนาจในฝรั่งเศสเหนือ
ปี ค.ศ. 1159 ฟีลิปแต่งงานกับเอลีซาแบ็ตแห่งแวร์ม็องดัว ธิดาคนโตของเคานต์[[ราอูลที่ 1 เคานต์แห่งแวร์ม็องดัว|ราอูลที่ 1 แห่งแวร์ม็องดัว]]กับเปทรอนีย์แห่งอากีแตน<ref>Baldwin, John W. (1986). ''The Government of Philip Augustus: Foundations of French Royal Power in the Middle Ages''. University of California Press, p. 15.</ref> เมื่อพ่อตาเสียชีวิต ภรรยาของเขาได้สืบทอดเคาน์ตี[[แวร์ม็องดัว|แวร์ม็องดัว]] ทำให้อำนาจของฟลานเดอส์ขยายตัวไปทางใต้ ซึ่งเป็นการขยายตัวครั้งใหญ่ที่สุดจนเป็นภัยต่อสมดุลอำนาจในฝรั่งเศสเหนือ


ฟิลิปบริหารบ้านเมืองอย่างชาญฉลาดโดยมีรอแบต์ แดร์ ที่มีบทบาทกึ่งๆ นายกรัฐมนตรีคอยให้ความช่วยเหลือ ทั้งคู่สร้างระบบบริหารบ้านเมืองที่ทรงประสิทธิภาพและสายสัมพันธ์กับต่างแดนของฟิลิปนั้นดีเยี่ยม เขาเป็นคนกลางไกล่เกลี่ยความขัดแย้งระหว่าง[[พระเจ้าหลุยส์ที่ 7 แห่งฝรั่งเศส]]กับ[[พระเจ้าเฮนรีที่ 2 แห่งอังกฤษ]], ไกล่เกลี่ยความขัดแย้งระหว่างพระเจ้าเฮนรีที่ 2 กับ[[ทอมัส แบ็กกิต|ธอมัส เบ็คเก็ต]] และจับมาร์กาเร็ต น้องสาวของตนแต่งงานกับ[[เบาด์วินที่ 5 เคานต์แห่งแอโนต์]]
ฟีลิปบริหารบ้านเมืองอย่างชาญฉลาดโดยมีรอแบร์ แดร์ ที่มีบทบาทกึ่ง ๆ นายกรัฐมนตรีคอยให้ความช่วยเหลือ ทั้งคู่สร้างระบบบริหารบ้านเมืองที่ทรงประสิทธิภาพและสายสัมพันธ์กับต่างแดนของฟีลิปนั้นดีเยี่ยม เขาเป็นคนกลางไกล่เกลี่ยความขัดแย้งระหว่าง[[พระเจ้าหลุยส์ที่ 7 แห่งฝรั่งเศส]]กับ[[พระเจ้าเฮนรีที่ 2 แห่งอังกฤษ]], ไกล่เกลี่ยความขัดแย้งระหว่างพระเจ้าเฮนรีที่ 2 กับ[[ทอมัส แบ็กกิต]] และจับมาร์เกอริต น้องสาวของตนแต่งงานกับ[[โบดวงที่ 5 เคานต์แห่งแอโน]]


ฟิลิปกับอีซาแบลไม่มีลูก ในปี ค.ศ. 1175 ฟิลิปจับได้ว่าอีซาแบลลอบคบชู้ วอลแตร์ เดอ ฟงแตนส์ คนรักของเธอถูกทุบตีจนตาย<ref>Gislebertus (of Mons) (2005). ''Chronicle of Hainaut''. Translated by Napran, Laura. The Boydell Press, p. 34 note138.</ref> ฟิลิปยังได้อำนาจควบคุมดินแดนของเธอมาอย่างสมบูรณ์จากพระเจ้าหลุยส์ที่ 7 แห่งฝรั่งเศส เนื่องจากมัทธิวและปิแอร์แห่งอัลซาส น้องชายของฟิลิปเสียชีวิตไปแล้ว ในปี ค.ศ. 1177 ก่อนออกเดินทางไปทำสงครามครูเสด เขาจึงแต่งตั้งมาร์กาเร็ตและเบาด์วินเป็นทายาท
ฟีลิปกับเอลีซาแบ็ตไม่มีลูก ในปี ค.ศ. 1175 ฟีลิปจับได้ว่าเอลีซาแบ็ตลอบคบชู้ วอลแตร์ เดอ ฟงแตน คนรักของเธอถูกทุบตีจนตาย<ref>Gislebertus (of Mons) (2005). ''Chronicle of Hainaut''. Translated by Napran, Laura. The Boydell Press, p. 34 note138.</ref> ฟีลิปยังได้อำนาจควบคุมดินแดนของเธอมาอย่างสมบูรณ์จากพระเจ้าหลุยส์ที่ 7 แห่งฝรั่งเศส เนื่องจากมาตีเยอและปีแยร์แห่งอาลซัส น้องชายของฟีลิปเสียชีวิตไปแล้ว ในปี ค.ศ. 1177 ก่อนออกเดินทางไปทำสงครามครูเสด เขาจึงแต่งตั้งมาร์เกอริตและโบดวงเป็นทายาท


== สงครามกับฝรั่งเศส ==
== สงครามกับฝรั่งเศส ==
ฟิลิปกลับมาจากปาเลสไตน์ในปี ค.ศ. 1179 ในตอนนั้นพระเจ้าหลุยส์ที่ 7 ป่วยและประกาศชื่อเขาเป็นผู้พิทักษ์ของ[[พระเจ้าฟิลิปที่ 2 แห่งฝรั่งเศส|ฟิลิปที่ 2]] พระโอรสน้อย หนึ่งปีต่อมาฟิลิปแห่งอัลซาสจับเด็กในการพิทักษ์ของตนแต่งงานกับ[[อีซาแบลแห่งแอโน|อีซาแบลแห่งแอโนต์]] หลานสาว (ลูกของพี่น้อง) ของตน โดยเสนอเคานตีอาร์ทัวส์และดินแดนอื่นของฟลานเดอส์เป็นสินสอด เมื่อพระเจ้าหลุยส์ที่ 7 สิ้นพระชนม์ พระเจ้าฟิลิปที่ 2 เริ่มแยกตัวเป็นอิสระ สงครามอุบัติขึ้นในปี ค.ศ. 1180 [[แคว้นปีการ์ดี|ปีการ์ดี]]และ[[แคว้นอีล-เดอ-ฟร็องส์|อีลเดอฟร็องซ์]]ถูกทำลายราบ พระเจ้าฟิลิปปฏิเสธที่จะเปิดสมรภูมิและถือไพ่เหนือกว่า เบาด์วินที่ 5 ที่ในตอนแรกเป็นพันธมิตรกับพี่เขยเข้ามาแทรกแซงในปี ค.ศ. 1184 ในนามของพระเจ้าฟิลิปผู้เป็นลูกเขย เพื่อรักษาผลประโยชน์ให้บุตรสาว<ref>Wolff, p. 282.</ref> ความขัดแย้งระหว่างเคานต์ฟิลิปกับเคานต์เบาด์วินมีพระเจ้าฟิลิปคอยให้การสนับสนุน ถึงขั้นประกาศชื่อเบาด์วินเป็นผู้แทนพระองค์ในการเจรจากับเคานต์ฟิลิป
ฟีลิปกลับมาจากปาเลสไตน์ในปี ค.ศ. 1179 ในตอนนั้นพระเจ้าหลุยส์ที่ 7 ป่วยและประกาศชื่อเขาเป็นผู้พิทักษ์ของ[[พระเจ้าฟีลิปที่ 2 แห่งฝรั่งเศส|ฟีลิปที่ 2]] พระโอรสน้อย หนึ่งปีต่อมาฟีลิปแห่งอาลซัสจับเด็กในการพิทักษ์ของตนแต่งงานกับ[[เอลีซาแบ็ตแห่งแอโน|เอลีซาแบ็ตแห่งแอโน]] หลานสาว (ลูกของพี่น้อง) ของตน โดยเสนอเคาน์ตีอาร์ตัวและดินแดนอื่นของฟลานเดอส์เป็นสินสอด เมื่อพระเจ้าหลุยส์ที่ 7 สิ้นพระชนม์ พระเจ้าฟีลิปที่ 2 เริ่มแยกตัวเป็นอิสระ สงครามอุบัติขึ้นในปี ค.ศ. 1180 [[แคว้นปีการ์ดี|ปีการ์ดี]]และ[[แคว้นอีล-เดอ-ฟร็องส์|อีล-เดอ-ฟร็องส์]]ถูกทำลายราบ พระเจ้าฟีลิปปฏิเสธที่จะเปิดสมรภูมิและถือไพ่เหนือกว่า โบดวงที่ 5 ที่ในตอนแรกเป็นพันธมิตรกับพี่เขยเข้ามาแทรกแซงในปี ค.ศ. 1184 ในนามของพระเจ้าฟีลิปผู้เป็นลูกเขย เพื่อรักษาผลประโยชน์ให้บุตรสาว<ref>Wolff, p. 282.</ref> ความขัดแย้งระหว่างเคานต์ฟีลิปกับเคานต์โบดวงมีพระเจ้าฟีลิปคอยให้การสนับสนุน ถึงขั้นประกาศชื่อโบดวงเป็นผู้แทนพระองค์ในการเจรจากับเคานต์ฟีลิป


อีซาแบล ภรรยาของเคานต์ฟิลิปเสียชีวิตในปี ค.ศ. 1183 กระตุ้นให้พระเจ้าฟิลิปที่ 2 ยึดแวร์ม็องดัวส์มาในนามของอาลีเยนอร์ น้องสาวของอีซาแบล ฟิลิปแต่งงานใหม่กับตือเรซา พระธิดาของ[[พระเจ้าอาฟงซูที่ 1 แห่งโปรตุเกส|พระเจ้าอาฟงซูที่ 1]] ปฐมกษัตริย์แห่งโปรตุเกส ด้วยความกลัวว่าตนเองจะถูกรายล้อมโดยดินแดนของกษัตริย์แห่งเคานตีแอโนต์ เคานต์ฟิลิปจึงลงนามในสนธิสัญญาสันติภาพร่วมกับพระเจ้าฟิลิปที่ 2 และเคานต์เบาด์วินที่ 5 เมื่อวันที่ 10 มีนาคม ค.ศ. 1186 โดยยอมยกแวร์ม็องดัวส์ให้กษัตริย์ แม้จะได้รับอนุญาตให้ครองตำแหน่งเคานต์แห่งแวร์ม็องดัวส์ต่อไปจนเสียชีวิต
เอลีซาแบ็ต ภรรยาของเคานต์ฟีลิปเสียชีวิตในปี ค.ศ. 1183 กระตุ้นให้พระเจ้าฟีลิปที่ 2 ยึดแวร์ม็องดัวมาในนามของอาลีเยนอร์ น้องสาวของเอลีซาแบ็ต ฟีลิปแต่งงานใหม่กับตือเรซา พระธิดาของ[[พระเจ้าอาฟงซูที่ 1 แห่งโปรตุเกส|พระเจ้าอาฟงซูที่ 1]] ปฐมกษัตริย์แห่งโปรตุเกส ด้วยความกลัวว่าตนเองจะถูกรายล้อมโดยดินแดนของกษัตริย์แห่งเคาน์ตีแอโน เคานต์ฟีลิปจึงลงนามในสนธิสัญญาสันติภาพร่วมกับพระเจ้าฟีลิปที่ 2 และเคานต์โบดวงที่ 5 เมื่อวันที่ 10 มีนาคม ค.ศ. 1186 โดยยอมยกแวร์ม็องดัวให้กษัตริย์ แม้จะได้รับอนุญาตให้ครองตำแหน่งเคานต์แห่งแวร์ม็องดัวต่อไปจนเสียชีวิต


== สงครามครูเสดครั้งที่สองของฟิลิปและการเสียชีวิต ==
== สงครามครูเสดครั้งที่สองของฟีลิปและการเสียชีวิต ==
ปี ค.ศ. 1190 ฟิลิปรับกางเขนเป็นครั้งที่สองและตามไปสมทบกับคณะของชาวฟลานเดอส์ที่เดินทางไปปาเลสไตน์ก่อนแล้ว หลังไปถึงการปิดล้อมอาเคร เขาติดโรคระบาดในค่ายของผู้ทำครูเสดและเสียชีวิตเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม ค.ศ. 1191<ref>Bryant 2015, p. 1.</ref> ภรรยาที่ทำหน้าที่เป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดินในช่วงที่เขาไม่อยู่นำร่างของเขากลับไปฟลานเดอส์ ร่างของฟิลิปถูกังในวิหารแคลร์โวซ์ เนื่องจากไม่ประสบความสำเร็จในการมีทายาทกับเคานเตสมาทิลดา (ตือเรซา) มาร์กาเร็ต น้องสาวของเขาจึงสืบทอดตำแหน่งต่อ และเบาด์วิน น้องเขยของเขาขึ้นปกครองเป็น[[เบาด์วินที่ 7 แห่งฟลานเดอส์]]<ref>Wolff, p. 282.</ref>
ปี ค.ศ. 1190 ฟีลิปรับกางเขนเป็นครั้งที่สองและตามไปสมทบกับคณะของชาวฟลานเดอส์ที่เดินทางไปปาเลสไตน์ก่อนแล้ว หลังไปถึงการปิดล้อมอาเคร เขาติดโรคระบาดในค่ายของผู้ทำครูเสดและเสียชีวิตเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม ค.ศ. 1191<ref>Bryant 2015, p. 1.</ref> ภรรยาที่ทำหน้าที่เป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดินในช่วงที่เขาไม่อยู่นำร่างของเขากลับไปฟลานเดอส์ ร่างของฟีลิปถูกฝังในวิหารแกลร์โว เนื่องจากไม่ประสบความสำเร็จในการมีทายาทกับเคาน์เตสมาติลดา (ตือเรซา) มาร์เกอริต น้องสาวของเขาจึงสืบทอดตำแหน่งต่อ และโบดวง น้องเขยของเขาขึ้นปกครองเป็น[[โบดวงที่ 7 แห่งฟลานเดอส์]]<ref>Wolff, p. 282.</ref>
<br />


== อ้างอิง ==
== อ้างอิง ==

รุ่นแก้ไขเมื่อ 22:50, 18 กุมภาพันธ์ 2562

ฟีลิปที่ 1

ตราประทับของฟีลิปแห่งอาลซัส
เคานต์แห่งฟลานเดอส์
เกิด ค.ศ. 1143
เสียชีวิต 1 สิงหาคม ค.ศ. 1191
บิดา ตีแยรี เคานต์แห่งฟลานเดอส์
มารดา ซีบีลแห่งอ็องฌู
ขุนนางฝรั่งเศส - กษัตริย์ฝรั่งเศส - ประวัติศาสตร์ฝรั่งเศส

ฟีลิปแห่งอาลซัส (ค.ศ. 1143 – 1 สิงหาคม ค.ศ. 1191) เป็นเคานต์แห่งฟลานเดอส์ตั้งแต่ ค.ศ. 1168 ถึง ค.ศ. 1191 โดยสืบทอดตำแหน่งต่อจากตีแยรีแห่งอาลซัสผู้เป็นบิดา

เคานต์แห่งฟลานเดอส์

การดำรงตำแหน่งของเขาเริ่มต้นขึ้นในปี ค.ศ. 1157 ขณะกำลังทำหน้าที่เป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดินและเป็นเคานต์ร่วมของตีแยรี บิดาที่จากไปทำสงครามครูเสด[1] เขาปราบโฟลริสที่ 3 เคานต์แห่งฮอลแลนด์และหยุดการปล้นแบบโจรสลัด โฟลริสถูกจับกุมตัวในบรูชและถูกจำคุกจนถึงปี ค.ศ. 1167 ที่เขาถูกเรียกค่าไถ่แลกกับการยอมรับว่าฟลานเดอส์มีอำนาจเหนือเซลันด์ ฟีลิปยังกอบกู้วาสลันด์และกัทร์-เมตีเยของฟลานเดอส์กลับคืนมา

ปี ค.ศ. 1159 ฟีลิปแต่งงานกับเอลีซาแบ็ตแห่งแวร์ม็องดัว ธิดาคนโตของเคานต์ราอูลที่ 1 แห่งแวร์ม็องดัวกับเปทรอนีย์แห่งอากีแตน[2] เมื่อพ่อตาเสียชีวิต ภรรยาของเขาได้สืบทอดเคาน์ตีแวร์ม็องดัว ทำให้อำนาจของฟลานเดอส์ขยายตัวไปทางใต้ ซึ่งเป็นการขยายตัวครั้งใหญ่ที่สุดจนเป็นภัยต่อสมดุลอำนาจในฝรั่งเศสเหนือ

ฟีลิปบริหารบ้านเมืองอย่างชาญฉลาดโดยมีรอแบร์ แดร์ ที่มีบทบาทกึ่ง ๆ นายกรัฐมนตรีคอยให้ความช่วยเหลือ ทั้งคู่สร้างระบบบริหารบ้านเมืองที่ทรงประสิทธิภาพและสายสัมพันธ์กับต่างแดนของฟีลิปนั้นดีเยี่ยม เขาเป็นคนกลางไกล่เกลี่ยความขัดแย้งระหว่างพระเจ้าหลุยส์ที่ 7 แห่งฝรั่งเศสกับพระเจ้าเฮนรีที่ 2 แห่งอังกฤษ, ไกล่เกลี่ยความขัดแย้งระหว่างพระเจ้าเฮนรีที่ 2 กับทอมัส แบ็กกิต และจับมาร์เกอริต น้องสาวของตนแต่งงานกับโบดวงที่ 5 เคานต์แห่งแอโน

ฟีลิปกับเอลีซาแบ็ตไม่มีลูก ในปี ค.ศ. 1175 ฟีลิปจับได้ว่าเอลีซาแบ็ตลอบคบชู้ วอลแตร์ เดอ ฟงแตน คนรักของเธอถูกทุบตีจนตาย[3] ฟีลิปยังได้อำนาจควบคุมดินแดนของเธอมาอย่างสมบูรณ์จากพระเจ้าหลุยส์ที่ 7 แห่งฝรั่งเศส เนื่องจากมาตีเยอและปีแยร์แห่งอาลซัส น้องชายของฟีลิปเสียชีวิตไปแล้ว ในปี ค.ศ. 1177 ก่อนออกเดินทางไปทำสงครามครูเสด เขาจึงแต่งตั้งมาร์เกอริตและโบดวงเป็นทายาท

สงครามกับฝรั่งเศส

ฟีลิปกลับมาจากปาเลสไตน์ในปี ค.ศ. 1179 ในตอนนั้นพระเจ้าหลุยส์ที่ 7 ป่วยและประกาศชื่อเขาเป็นผู้พิทักษ์ของฟีลิปที่ 2 พระโอรสน้อย หนึ่งปีต่อมาฟีลิปแห่งอาลซัสจับเด็กในการพิทักษ์ของตนแต่งงานกับเอลีซาแบ็ตแห่งแอโน หลานสาว (ลูกของพี่น้อง) ของตน โดยเสนอเคาน์ตีอาร์ตัวและดินแดนอื่นของฟลานเดอส์เป็นสินสอด เมื่อพระเจ้าหลุยส์ที่ 7 สิ้นพระชนม์ พระเจ้าฟีลิปที่ 2 เริ่มแยกตัวเป็นอิสระ สงครามอุบัติขึ้นในปี ค.ศ. 1180 ปีการ์ดีและอีล-เดอ-ฟร็องส์ถูกทำลายราบ พระเจ้าฟีลิปปฏิเสธที่จะเปิดสมรภูมิและถือไพ่เหนือกว่า โบดวงที่ 5 ที่ในตอนแรกเป็นพันธมิตรกับพี่เขยเข้ามาแทรกแซงในปี ค.ศ. 1184 ในนามของพระเจ้าฟีลิปผู้เป็นลูกเขย เพื่อรักษาผลประโยชน์ให้บุตรสาว[4] ความขัดแย้งระหว่างเคานต์ฟีลิปกับเคานต์โบดวงมีพระเจ้าฟีลิปคอยให้การสนับสนุน ถึงขั้นประกาศชื่อโบดวงเป็นผู้แทนพระองค์ในการเจรจากับเคานต์ฟีลิป

เอลีซาแบ็ต ภรรยาของเคานต์ฟีลิปเสียชีวิตในปี ค.ศ. 1183 กระตุ้นให้พระเจ้าฟีลิปที่ 2 ยึดแวร์ม็องดัวมาในนามของอาลีเยนอร์ น้องสาวของเอลีซาแบ็ต ฟีลิปแต่งงานใหม่กับตือเรซา พระธิดาของพระเจ้าอาฟงซูที่ 1 ปฐมกษัตริย์แห่งโปรตุเกส ด้วยความกลัวว่าตนเองจะถูกรายล้อมโดยดินแดนของกษัตริย์แห่งเคาน์ตีแอโน เคานต์ฟีลิปจึงลงนามในสนธิสัญญาสันติภาพร่วมกับพระเจ้าฟีลิปที่ 2 และเคานต์โบดวงที่ 5 เมื่อวันที่ 10 มีนาคม ค.ศ. 1186 โดยยอมยกแวร์ม็องดัวให้กษัตริย์ แม้จะได้รับอนุญาตให้ครองตำแหน่งเคานต์แห่งแวร์ม็องดัวต่อไปจนเสียชีวิต

สงครามครูเสดครั้งที่สองของฟีลิปและการเสียชีวิต

ปี ค.ศ. 1190 ฟีลิปรับกางเขนเป็นครั้งที่สองและตามไปสมทบกับคณะของชาวฟลานเดอส์ที่เดินทางไปปาเลสไตน์ก่อนแล้ว หลังไปถึงการปิดล้อมอาเคร เขาติดโรคระบาดในค่ายของผู้ทำครูเสดและเสียชีวิตเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม ค.ศ. 1191[5] ภรรยาที่ทำหน้าที่เป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดินในช่วงที่เขาไม่อยู่นำร่างของเขากลับไปฟลานเดอส์ ร่างของฟีลิปถูกฝังในวิหารแกลร์โว เนื่องจากไม่ประสบความสำเร็จในการมีทายาทกับเคาน์เตสมาติลดา (ตือเรซา) มาร์เกอริต น้องสาวของเขาจึงสืบทอดตำแหน่งต่อ และโบดวง น้องเขยของเขาขึ้นปกครองเป็นโบดวงที่ 7 แห่งฟลานเดอส์[6]

อ้างอิง

  1. Nicholas, David M (1992). Medieval Flanders. Routledge, p. 71.
  2. Baldwin, John W. (1986). The Government of Philip Augustus: Foundations of French Royal Power in the Middle Ages. University of California Press, p. 15.
  3. Gislebertus (of Mons) (2005). Chronicle of Hainaut. Translated by Napran, Laura. The Boydell Press, p. 34 note138.
  4. Wolff, p. 282.
  5. Bryant 2015, p. 1.
  6. Wolff, p. 282.