ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ตำนานทอง"
+image |
พุทธามาตย์ (คุย | ส่วนร่วม) ไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
บรรทัด 8: | บรรทัด 8: | ||
(Jean Fouquet) จาก[[หนังสือวิจิตร]] (Illuminated manuscript)]] |
(Jean Fouquet) จาก[[หนังสือวิจิตร]] (Illuminated manuscript)]] |
||
[[ไฟล์:Felicianusandprimus.jpg|thumb|250px|right| “การพลีชีพของนักบุญไพรมัส และนักบุญเฟลิซิอานัส” จากตำนานทองของคริสต์ศตวรรษที่ 14]] |
[[ไฟล์:Felicianusandprimus.jpg|thumb|250px|right| “การพลีชีพของนักบุญไพรมัส และนักบุญเฟลิซิอานัส” จากตำนานทองของคริสต์ศตวรรษที่ 14]] |
||
[[ไฟล์:Martyrdom of andrew.jpg|thumb|250px|ภาพ[[นักบุญ |
[[ไฟล์:Martyrdom of andrew.jpg|thumb|250px|ภาพ[[นักบุญอันดรูว์]]ผู้ที่ถูกตรึงกางเขนบนกางเขนเอ็กซ์-หนึ่งในนักบุญในตำนานทอง]] |
||
'''ตำนานทอง''' ({{lang-la|''Legenda Aurea''}}) เป็น[[ |
'''ตำนานทอง''' ({{lang-la|''Legenda Aurea''}}) เป็น[[ชีวประวัตินักบุญ]]ที่บุญราศี[[ยาโกโปแห่งวารัซเซ]]รวบรวมขึ้นราวปี ค.ศ. 1260 ซึ่งกลายมาเป็นหนังสือขายดีติดอันดับใน[[สมัยกลาง]] |
||
[[ |
[[ไฟล์:Iacopo - Legenda aurea, nel MCCCCLXXXXIX adi V di decembre - 911150 2r.jpg|thumb|upright|''Legenda Aurea'', 1499.]] |
||
== หนังสือยอดนิยมในยุคกลาง == |
== หนังสือยอดนิยมในยุคกลาง == |
||
'''ตำนานทอง''' เดิมมีชื่อง่ายๆ ว่า “Legenda Sanctorum” ซึ่งแปลว่า “ตำนานนักบุญ” และเป็นที่รู้จักกันในชื่อนั้น ปัจจุบันมีเหลือด้วยกันมากกว่าพันเล่ม และเมื่อมี[[การพิมพ์]]หนังสือราวปี ค.ศ. 1450 งานนี้ก็แพร่หลายมากขึ้นไม่แต่ในภาษาละตินเท่านั้นแต่ทั้งภาษา |
'''ตำนานทอง''' เดิมมีชื่อง่ายๆ ว่า “Legenda Sanctorum” ซึ่งแปลว่า “ตำนานนักบุญ” และเป็นที่รู้จักกันในชื่อนั้น ปัจจุบันมีเหลือด้วยกันมากกว่าพันเล่ม และเมื่อมี[[การพิมพ์]]หนังสือราวปี ค.ศ. 1450 งานนี้ก็แพร่หลายมากขึ้นไม่แต่ในภาษาละตินเท่านั้นแต่ทั้งภาษาอื่น ๆ ใน[[ทวีปยุโรป]]ด้วย และเป็นหนังสือเล่มแรกๆ ที่พิมพ์เป็นภาษาอังกฤษโดยวิลเลียม แค็กซ์ตัน (William Caxton) เมื่อปี ค.ศ. 1483 |
||
== ชีวิตของนักบญ == |
|||
== จินตนาการเรื่องชื่อ == |
|||
หนังสือรวบรวมมาจากตำนานที่เกี่ยวกับ[[นักบุญ]]ที่เป็นที่นิยมสักการะกันในขณะสมัยที่ทำการรวบรวม จาโคบัส เดอ โวราจิเน มักจะเริ่มเรื่องโดยกล่าวถึง[[ที่มาของชื่อ]]นักบุญที่ออกทางจินตนาการ ซึ่งจะเห็นจากตัวอย่างที่แค็กซ์ตันแปล |
หนังสือรวบรวมมาจากตำนานที่เกี่ยวกับ[[นักบุญ]]ที่เป็นที่นิยมสักการะกันในขณะสมัยที่ทำการรวบรวม จาโคบัส เดอ โวราจิเน มักจะเริ่มเรื่องโดยกล่าวถึง[[ที่มาของชื่อ]]นักบุญที่ออกทางจินตนาการ ซึ่งจะเห็นจากตัวอย่างที่แค็กซ์ตันแปล |
||
::[[ |
::[[สมเด็จพระสันตะปาปาซิลเวสเตอร์ที่ 1]] ตรัสว่าเป็น “sile” “sol” ซึ่งคือ “แสง”, และเป็น “terra” ซึ่งคือ “ดิน”, ซึ่งเป็นแสงสว่างของโลก, ซึ่งเป็นแสงสว่างของสถาบันศาสนา. หรือ ซิลเวสเตอร์เป็น “silvas” และ “trahens” ซึ่งหมายความว่าเป็นผู้สามารถเปลี่ยนคนที่ยากต่อการเปลี่ยนให้มามีความเลื่อมใส. หรือเป็น “in glossario” ซิลเวสเตอร์หมายถึง เขียว ที่เรียกว่าเป็นผู้มีสติปัญญา, เขียวในความเคร่งครัดในทางศาสนา, และเป็นผู้ทำงานที่ใช้แรงงานหนักด้วยตนเอง; เป็น “umbrous” หรือ “shadowous” ที่หมายความว่าเป็นผู้หุ้มห่อตัวด้วยความเย็นจากตัณหาทางร่างกาย, เต็มไปด้วยกิ่งก้านสาขาเช่นต้นไม้แห่งสรวงสวรรค์ |
||
โวราจิเนผู้เป็นนักประพันธ์ภาษาละตินก็น่าจะทราบว่า “ซิลเวสเตอร์” เป็นชื่อพื้นๆ ที่ใช้กันแพร่หลายซึ่งมีความหมายง่ายๆ เพียงว่า “มาจากป่า” ซึ่งโวราจิเนก็กล่าวไว้บ้างแต่ขยายความจนนักภาษาศาสตร์เห็นว่าเป็นการตีความที่เลิศลอยและเกินเลยไปจากรากศัพท์เดิมของคำเป็นอันมาก แม้ว่าการใช้คำว่า “silvas” และ “forest” ของโวราจิเนจะถูกต้อง ตามที่ตีความหมายว่าเป็นกิ่งไม้ แต่เป็นการตีความหมายแบบ[[ |
โวราจิเนผู้เป็นนักประพันธ์ภาษาละตินก็น่าจะทราบว่า “ซิลเวสเตอร์” เป็นชื่อพื้นๆ ที่ใช้กันแพร่หลายซึ่งมีความหมายง่ายๆ เพียงว่า “มาจากป่า” ซึ่งโวราจิเนก็กล่าวไว้บ้างแต่ขยายความจนนักภาษาศาสตร์เห็นว่าเป็นการตีความที่เลิศลอยและเกินเลยไปจากรากศัพท์เดิมของคำเป็นอันมาก แม้ว่าการใช้คำว่า “silvas” และ “forest” ของโวราจิเนจะถูกต้อง ตามที่ตีความหมายว่าเป็นกิ่งไม้ แต่เป็นการตีความหมายแบบ[[อุปมานิทัศน์]]มิใช่การตีความหมายของที่มาของคำ การใช้ที่มาของคำเช่นที่จาโคบัส เดอ โวราจิเนใช้เป็นการใช้อย่างมีจุดประสงค์ที่แตกต่างจาก[[ศัพทมูลวิทยา]]ในปัจจุบัน ซึ่งไม่อาจจะเอามาตีคุณค่าโดยใช้มาตรฐานปัจจุบันเป็นกำหนดได้ การใช้ที่มาของคำในลักษณะนี้ของจาโคบัส เดอ โวราจิเนคล้ายคลึงกับคำอธิบายในหนังสือ “ศัพทมูลวิทยา” (Etymologiae) ที่นักบุญ[[อิซิโดโรแห่งเซบิยา]]เขียนเมื่อคริสต์ศตวรรษที่ 7 ที่กล่าวว่าความหมายของที่มาของคำในทางภาษาศาสตร์เป็นสิ่งที่ต้องแยกจากการบรรยายที่มาของคำในการใช้สำหรับ “สัญลักษณ์แฝงคติ” |
||
== ชีวิตของนักบุญ == |
== ชีวิตของนักบุญ == |
||
หลังจากเขียนบทนำแล้วโวราจิเนก็เริ่มเล่าประวัติชีวิตของนักบุญซึ่งรวบรวมมาจากเอกสารของนิกายโรมันคาทอลิกที่เป็นเพลงสวดสรรเสริญนักบุญ จากนั้นโวราจิเนก็เพิ่มเนื้อหาด้วยเรื่องอัศจรรย์ต่างๆ ที่เกิดกับนักบุญที่นำมาจากแหล่งที่หลักฐานอื่นๆที่ไม่ค่อยเป็นที่น่าเชื่อถือ ตำนานทองใช้แหล่งอ้างอิงทั้งสิ้น 130 แหล่ง นอกจาก[[คัมภีร์ไบเบิล]]แล้วโวราจิ |
หลังจากเขียนบทนำแล้วโวราจิเนก็เริ่มเล่าประวัติชีวิตของนักบุญซึ่งรวบรวมมาจากเอกสารของนิกายโรมันคาทอลิกที่เป็นเพลงสวดสรรเสริญนักบุญ จากนั้นโวราจิเนก็เพิ่มเนื้อหาด้วยเรื่องอัศจรรย์ต่างๆ ที่เกิดกับนักบุญที่นำมาจากแหล่งที่หลักฐานอื่นๆที่ไม่ค่อยเป็นที่น่าเชื่อถือ ตำนานทองใช้แหล่งอ้างอิงทั้งสิ้น 130 แหล่ง นอกจาก[[คัมภีร์ไบเบิล]]แล้วโวราจิเนก็ใช้[[คัมภีร์นอกสารบบ]] เช่น “พระวรสาร[[นิโคเดมัส]]” (Gospel of Nicodemus), ประวัติของนักบุญ[[เกรกอรีแห่งตูร์]] และ[[นักบุญจอห์น คาสเซียน]], และ “Speculum historiale” ซึ่งเขียนโดยแวนซองท์เดอโบเวส์ (Vincent de Beauvais) นักบวช[[คณะดอมินิกัน]] และบางเรื่องก็ไม่มีแหล่งอ้างอิงใด ๆ เช่นตัวอย่างของนักบุญซิลเวสเตอร์ที่กล่าว เล่าถึงเหตุการณ์ที่ท่านได้รับคำสอนอย่างปาฏิหาริย์จาก[[นักบุญปีเตอร์]]ที่ทำให้ท่านสามารถไล่มังกรจากโรมได้: |
||
::“ในขณะนี้ที่โรมมีมังกรในหลุมถ้ำ ทุกวันมังกรนี้ก็จะพ่นไฟฆ่าคนกว่าสามร้อยคน |
::“ในขณะนี้ที่โรมมีมังกรในหลุมถ้ำ ทุกวันมังกรนี้ก็จะพ่นไฟฆ่าคนกว่าสามร้อยคน นักบวชของพวกนอกศาสนาของพระจักรพรรดิก็กล่าวว่า พระองค์ผู้มีความศักดิ์สิทธิ์เป็นหนึ่ง, ถึงเวลาแล้วที่พระองค์จะนับถือศาสนาคริสต์ ด้วยมังกรได้ฆ่าประชาชนด้วยการพ่นไฟวันละกว่าสามร้อยคน แล้วก็ส่งพระจักรพรรดิไปหานักบุญซิลเวสเตอร์เพื่อปรึกษาว่าควรจะทำเช่นใด นักบุญซิลเวสเตอร์ก็ว่าด้วยอำนาจของ[[พระเป็นเจ้า]]พระองค์ทรงสัญญาว่าจะทำให้มังกรหยุดฆ่าคน แล้วนักบุญซิลเวสเตอร์ก็เริ่มสวดมนต์ต์ต์ นักบุญปีเตอร์ก็มาปรากฏตัวและกล่าวว่า “เจ้าจงไปหามังกรกับพระอีกสององค์เป็นเพื่อน, และเมื่อไปถึงเจ้าจงกล่าวกับมังกรว่า “[[พระเยซู]]บุตรของ[[พระนางมารีย์พรหมจารี]], ผู้ทรงถูกตรึงกางเขน, ผู้ทรงถูกฝังและคืนชีพ, และปัจจุบันสถิตอยู่ทางขวาของพระเป็นเจ้า, พระองค์คือผู้ที่จะลงมาตัดสินทั้งผู้มีชีวิดและไม่มี, ข้าสั่งให้เจ้า Sathanas จงคอยอยู่ที่นี่จนกว่าพระองค์จะเสด็จมา” เจ้าจงผูกปากมังกรด้วยเชือกและปิดปากด้วยตราของเจ้าซึ่งจะปรากฏเป็นรอยกางเขน แล้วเจ้าและพระอีกสององค์จงกลับมาหาข้าทั้งเนื้อทั้งตัวอย่างปลอดภัย, ข้าจะทำขนมปังเตรียมไว้เพื่อเจ้าจะได้กิน” |
||
::เมื่อนักบุญปีเตอร์พูดจบนักบุญซิลเวสเตอร์ก็ปฏิบัติตาม เมื่อนักบุญซิลเวสเตอร์ไปถึงถ้ำก็ลงบันไดไปร้อยห้าสิบขั้น, ถือตะเกียงลงไปสองดวง, และพบมังกร, และกล่าวคำที่นักบุญปีเตอร์สอนไว้, และผูกปากมังกรด้วยเชือก, และประทับตรา, และหลังจากกลับมา, ก็พบคนสองคนผู้ติดตามลงไป(เพื่อดูมังกร) ซึ่งกำลังใกล้ตายเต็มไปด้วยกลิ่นเหม็น, ผู้ซึ่งนักบุญซิลเวสเตอร์นำกลับมาด้วยอย่างปลอดภัย, ผู้ซึ่งได้รับศีลจุ่ม, รวมทั้งผู้คนอื่นๆ ที่มาด้วยกันอีกมากมายด้วย ฉะนั้นเมืองโรมจึงปลอดภัยจากความตายสองอย่าง, จากความตายจากการนับถือรูปต้องห้าม และจากพิษของมังกร” |
::เมื่อนักบุญปีเตอร์พูดจบนักบุญซิลเวสเตอร์ก็ปฏิบัติตาม เมื่อนักบุญซิลเวสเตอร์ไปถึงถ้ำก็ลงบันไดไปร้อยห้าสิบขั้น, ถือตะเกียงลงไปสองดวง, และพบมังกร, และกล่าวคำที่นักบุญปีเตอร์สอนไว้, และผูกปากมังกรด้วยเชือก, และประทับตรา, และหลังจากกลับมา, ก็พบคนสองคนผู้ติดตามลงไป(เพื่อดูมังกร) ซึ่งกำลังใกล้ตายเต็มไปด้วยกลิ่นเหม็น, ผู้ซึ่งนักบุญซิลเวสเตอร์นำกลับมาด้วยอย่างปลอดภัย, ผู้ซึ่งได้รับศีลจุ่ม, รวมทั้งผู้คนอื่นๆ ที่มาด้วยกันอีกมากมายด้วย ฉะนั้นเมืองโรมจึงปลอดภัยจากความตายสองอย่าง, จากความตายจากการนับถือรูปต้องห้าม และจากพิษของมังกร” |
||
== ปาฏิหาริย์และตำนานของวัตถุมงคล == |
== ปาฏิหาริย์และตำนานของวัตถุมงคล == |
||
ตำนานของนักบุญหลายเรื่องจบด้วยปาฏิหาริย์ต่างๆของผู้ที่ได้รับความช่วยเหลือจากนักบุญหรือผู้ใช้[[ |
ตำนานของนักบุญหลายเรื่องจบด้วยปาฏิหาริย์ต่างๆของผู้ที่ได้รับความช่วยเหลือจากนักบุญหรือผู้ใช้[[เรลิก]]ที่มาจากหรือเป็นของนักบุญ เช่นประวัติของ [[นักบุญอากาธา]] โวราจิเนเล่าว่าผู้นอกศาสนาที่คาทาเนีย ใน[[ซิซิลี]]ใช้วัตถุมงคลของนักบุญอากาธาเพื่อจะหยุดยั้งไฟที่มาจาก[[ภูเขาไฟเอตนา]] |
||
::และเพื่อจะเป็นการพิสูจน์ว่า(นักบุญอากาธา)สวดมนต์ต์ต์เพื่อความปกป้องสถานที่นี้, เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์, หนึ่งปีหลังจากที่ทรงพลีชีพเพื่อศาสนา, ก็เกิดมีไฟไหม้ใหญ่, และมาจากภูเขาไฟสู่ตัวเมืองคาทาเนีย และเผาทั้งแผ่นดินและหิน, เผาอย่างรุนแรง. พวกนอกศาสนาวิ่งมาที่ที่ฝังศพของนักบุญอากาธาและฉวยผ้าที่วางบนหลุมศพ, แล้วขีงผ้ากั้นไฟ, เก้าวันหลังจากนั้นเป็นวันสมโภช(ของนักบุญอากาธา), ไฟก็หยุดเมื่อมาถึงผ้าที่พวกนอกศาสนานำมาจากหลุมศพ, แสดงว่าพระเป็นเจ้าปกป้องเมืองจากไฟโดยคุณความดีของนักบุญอากาธา |
::และเพื่อจะเป็นการพิสูจน์ว่า(นักบุญอากาธา)สวดมนต์ต์ต์เพื่อความปกป้องสถานที่นี้, เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์, หนึ่งปีหลังจากที่ทรงพลีชีพเพื่อศาสนา, ก็เกิดมีไฟไหม้ใหญ่, และมาจากภูเขาไฟสู่ตัวเมืองคาทาเนีย และเผาทั้งแผ่นดินและหิน, เผาอย่างรุนแรง. พวกนอกศาสนาวิ่งมาที่ที่ฝังศพของนักบุญอากาธาและฉวยผ้าที่วางบนหลุมศพ, แล้วขีงผ้ากั้นไฟ, เก้าวันหลังจากนั้นเป็นวันสมโภช(ของนักบุญอากาธา), ไฟก็หยุดเมื่อมาถึงผ้าที่พวกนอกศาสนานำมาจากหลุมศพ, แสดงว่าพระเป็นเจ้าปกป้องเมืองจากไฟโดยคุณความดีของนักบุญอากาธา |
||
แต่โวราจิเนเองก็ยอมแพ้เมื่อมาถึงเรื่องของ[[นักบุญ |
แต่โวราจิเนเองก็ยอมแพ้เมื่อมาถึงเรื่องของ[[นักบุญมาร์กาเรตแห่งแอนติออก]]ผู้รอดมาจากการถูกกลืนโดยมังกรโดยยอมรับว่า “จากตำนานและไม่ควรจะเป็นที่น่าเชื่อถือเท่าใด” (แปล ไรอัน 1.369) |
||
== คุณค่าสำหรับผู้ศึกษาวัฒนธรรมยุคกลาง == |
== คุณค่าสำหรับผู้ศึกษาวัฒนธรรมยุคกลาง == |
||
ตำนานทองเขียนเป็นภาษาละตินแบบที่เข้าใจง่าย ผู้อ่านในสมัย |
ตำนานทองเขียนเป็นภาษาละตินแบบที่เข้าใจง่าย ผู้อ่านในสมัยกลางอ่านเพื่อเอาเรื่องแต่เมื่อดูรวมๆ แล้วเรื่องการพลีชีพ และปาฏิหาริย์ต่างๆ ก็จะซ้ำๆ กัน ตำนานทองเป็นสิ่งที่ใกล้ที่สุดในการเป็น[[สารานุกรม]]ของตำนานและชีวิตนักบุญของยุคกลางตอนปลาย ฉะนั้นจึงเป็นหนังสือที่มีค่าที่นักประวัติศาสตร์ใช้แยกตัวนักบุญในภาพเขียนโดยใช้เหตุการณ์ในชีวิตที่บรรยายในตำนานทอง การที่เรื่องมักจะซ้ำกันอาจจะเป็นเพราะโวเรจินเนตั้งใจเขียนขึ้นสำหรับการเทศนามิใช่เขียนขี้นสำหรับให้เป็นที่นิยมอย่างที่เกิดขึ้น |
||
ในหนังสือ “การปฏิรูปศาสนา: ประวัติศาสตร์” (The Reformation: A History) ค.ศ. 2003, ไดอาร์เมด แมคคัลลอคกล่าวว่าตำนานทองเป็นสาเหตุหนึ่งที่มีส่วนทำให้เกิด[[การปฏิรูปศาสนา |
ในหนังสือ “การปฏิรูปศาสนา: ประวัติศาสตร์” (The Reformation: A History) ค.ศ. 2003, ไดอาร์เมด แมคคัลลอคกล่าวว่าตำนานทองเป็นสาเหตุหนึ่งที่มีส่วนทำให้เกิด[[การปฏิรูปศาสนาฝ่ายโปรเตสแตนต์|การปฏิรูปศาสนา]]โดยมิได้จงใจ โดยการทำให้เพิ่มความแคลงใจให้กับผู้เป็นปฏิปักษ์ต่อ[[ลัทธิบูชา]]นักบุญ เช่นจะเห็นได้จากงานเขียน “Praise of Folly” โดย [[อิราสมัส|เดซิเดอเรียส อิราสมัส]] (Desiderius Erasmus) |
||
== อ้างอิง == |
== อ้างอิง == |
||
บรรทัด 56: | บรรทัด 56: | ||
* [http://www.aug.edu/augusta/iconography/goldenLegend/index.html The Golden Legend - William Caxton's version for easy reading (ตำนานทอง (ภาษาอังกฤษแบบอ่านง่าย) โดย วิลเลียม แค็กซ์ตัน)] {{en icon}} |
* [http://www.aug.edu/augusta/iconography/goldenLegend/index.html The Golden Legend - William Caxton's version for easy reading (ตำนานทอง (ภาษาอังกฤษแบบอ่านง่าย) โดย วิลเลียม แค็กซ์ตัน)] {{en icon}} |
||
[[หมวดหมู่:ตำนาน |
[[หมวดหมู่:ตำนาน]] |
||
[[หมวดหมู่:วรรณกรรมศาสนาคริสต์ |
[[หมวดหมู่:วรรณกรรมศาสนาคริสต์]] |
||
[[หมวดหมู่: |
[[หมวดหมู่:วรรณกรรมสมัยกลาง]] |
||
[[หมวดหมู่: |
[[หมวดหมู่:ชีวประวัติ]] |
||
[[หมวดหมู่: |
[[หมวดหมู่:นักบุญ]] |
||
[[หมวดหมู่:ประวัติศาสตร์ศาสนาคริสต์]] |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 13:13, 7 กุมภาพันธ์ 2562
ลิงก์ข้ามภาษาในบทความนี้ มีไว้ให้ผู้อ่านและผู้ร่วมแก้ไขบทความศึกษาเพิ่มเติมโดยสะดวก เนื่องจากวิกิพีเดียภาษาไทยยังไม่มีบทความดังกล่าว กระนั้น ควรรีบสร้างเป็นบทความโดยเร็วที่สุด |
ตำนานทอง ([Legenda Aurea] ข้อผิดพลาด: {{Lang-xx}}: ข้อความมีมาร์กอัปตัวเอียง (ช่วยเหลือ)) เป็นชีวประวัตินักบุญที่บุญราศียาโกโปแห่งวารัซเซรวบรวมขึ้นราวปี ค.ศ. 1260 ซึ่งกลายมาเป็นหนังสือขายดีติดอันดับในสมัยกลาง
หนังสือยอดนิยมในยุคกลาง
ตำนานทอง เดิมมีชื่อง่ายๆ ว่า “Legenda Sanctorum” ซึ่งแปลว่า “ตำนานนักบุญ” และเป็นที่รู้จักกันในชื่อนั้น ปัจจุบันมีเหลือด้วยกันมากกว่าพันเล่ม และเมื่อมีการพิมพ์หนังสือราวปี ค.ศ. 1450 งานนี้ก็แพร่หลายมากขึ้นไม่แต่ในภาษาละตินเท่านั้นแต่ทั้งภาษาอื่น ๆ ในทวีปยุโรปด้วย และเป็นหนังสือเล่มแรกๆ ที่พิมพ์เป็นภาษาอังกฤษโดยวิลเลียม แค็กซ์ตัน (William Caxton) เมื่อปี ค.ศ. 1483
ชีวิตของนักบญ
หนังสือรวบรวมมาจากตำนานที่เกี่ยวกับนักบุญที่เป็นที่นิยมสักการะกันในขณะสมัยที่ทำการรวบรวม จาโคบัส เดอ โวราจิเน มักจะเริ่มเรื่องโดยกล่าวถึงที่มาของชื่อนักบุญที่ออกทางจินตนาการ ซึ่งจะเห็นจากตัวอย่างที่แค็กซ์ตันแปล
- สมเด็จพระสันตะปาปาซิลเวสเตอร์ที่ 1 ตรัสว่าเป็น “sile” “sol” ซึ่งคือ “แสง”, และเป็น “terra” ซึ่งคือ “ดิน”, ซึ่งเป็นแสงสว่างของโลก, ซึ่งเป็นแสงสว่างของสถาบันศาสนา. หรือ ซิลเวสเตอร์เป็น “silvas” และ “trahens” ซึ่งหมายความว่าเป็นผู้สามารถเปลี่ยนคนที่ยากต่อการเปลี่ยนให้มามีความเลื่อมใส. หรือเป็น “in glossario” ซิลเวสเตอร์หมายถึง เขียว ที่เรียกว่าเป็นผู้มีสติปัญญา, เขียวในความเคร่งครัดในทางศาสนา, และเป็นผู้ทำงานที่ใช้แรงงานหนักด้วยตนเอง; เป็น “umbrous” หรือ “shadowous” ที่หมายความว่าเป็นผู้หุ้มห่อตัวด้วยความเย็นจากตัณหาทางร่างกาย, เต็มไปด้วยกิ่งก้านสาขาเช่นต้นไม้แห่งสรวงสวรรค์
โวราจิเนผู้เป็นนักประพันธ์ภาษาละตินก็น่าจะทราบว่า “ซิลเวสเตอร์” เป็นชื่อพื้นๆ ที่ใช้กันแพร่หลายซึ่งมีความหมายง่ายๆ เพียงว่า “มาจากป่า” ซึ่งโวราจิเนก็กล่าวไว้บ้างแต่ขยายความจนนักภาษาศาสตร์เห็นว่าเป็นการตีความที่เลิศลอยและเกินเลยไปจากรากศัพท์เดิมของคำเป็นอันมาก แม้ว่าการใช้คำว่า “silvas” และ “forest” ของโวราจิเนจะถูกต้อง ตามที่ตีความหมายว่าเป็นกิ่งไม้ แต่เป็นการตีความหมายแบบอุปมานิทัศน์มิใช่การตีความหมายของที่มาของคำ การใช้ที่มาของคำเช่นที่จาโคบัส เดอ โวราจิเนใช้เป็นการใช้อย่างมีจุดประสงค์ที่แตกต่างจากศัพทมูลวิทยาในปัจจุบัน ซึ่งไม่อาจจะเอามาตีคุณค่าโดยใช้มาตรฐานปัจจุบันเป็นกำหนดได้ การใช้ที่มาของคำในลักษณะนี้ของจาโคบัส เดอ โวราจิเนคล้ายคลึงกับคำอธิบายในหนังสือ “ศัพทมูลวิทยา” (Etymologiae) ที่นักบุญอิซิโดโรแห่งเซบิยาเขียนเมื่อคริสต์ศตวรรษที่ 7 ที่กล่าวว่าความหมายของที่มาของคำในทางภาษาศาสตร์เป็นสิ่งที่ต้องแยกจากการบรรยายที่มาของคำในการใช้สำหรับ “สัญลักษณ์แฝงคติ”
ชีวิตของนักบุญ
หลังจากเขียนบทนำแล้วโวราจิเนก็เริ่มเล่าประวัติชีวิตของนักบุญซึ่งรวบรวมมาจากเอกสารของนิกายโรมันคาทอลิกที่เป็นเพลงสวดสรรเสริญนักบุญ จากนั้นโวราจิเนก็เพิ่มเนื้อหาด้วยเรื่องอัศจรรย์ต่างๆ ที่เกิดกับนักบุญที่นำมาจากแหล่งที่หลักฐานอื่นๆที่ไม่ค่อยเป็นที่น่าเชื่อถือ ตำนานทองใช้แหล่งอ้างอิงทั้งสิ้น 130 แหล่ง นอกจากคัมภีร์ไบเบิลแล้วโวราจิเนก็ใช้คัมภีร์นอกสารบบ เช่น “พระวรสารนิโคเดมัส” (Gospel of Nicodemus), ประวัติของนักบุญเกรกอรีแห่งตูร์ และนักบุญจอห์น คาสเซียน, และ “Speculum historiale” ซึ่งเขียนโดยแวนซองท์เดอโบเวส์ (Vincent de Beauvais) นักบวชคณะดอมินิกัน และบางเรื่องก็ไม่มีแหล่งอ้างอิงใด ๆ เช่นตัวอย่างของนักบุญซิลเวสเตอร์ที่กล่าว เล่าถึงเหตุการณ์ที่ท่านได้รับคำสอนอย่างปาฏิหาริย์จากนักบุญปีเตอร์ที่ทำให้ท่านสามารถไล่มังกรจากโรมได้:
- “ในขณะนี้ที่โรมมีมังกรในหลุมถ้ำ ทุกวันมังกรนี้ก็จะพ่นไฟฆ่าคนกว่าสามร้อยคน นักบวชของพวกนอกศาสนาของพระจักรพรรดิก็กล่าวว่า พระองค์ผู้มีความศักดิ์สิทธิ์เป็นหนึ่ง, ถึงเวลาแล้วที่พระองค์จะนับถือศาสนาคริสต์ ด้วยมังกรได้ฆ่าประชาชนด้วยการพ่นไฟวันละกว่าสามร้อยคน แล้วก็ส่งพระจักรพรรดิไปหานักบุญซิลเวสเตอร์เพื่อปรึกษาว่าควรจะทำเช่นใด นักบุญซิลเวสเตอร์ก็ว่าด้วยอำนาจของพระเป็นเจ้าพระองค์ทรงสัญญาว่าจะทำให้มังกรหยุดฆ่าคน แล้วนักบุญซิลเวสเตอร์ก็เริ่มสวดมนต์ต์ต์ นักบุญปีเตอร์ก็มาปรากฏตัวและกล่าวว่า “เจ้าจงไปหามังกรกับพระอีกสององค์เป็นเพื่อน, และเมื่อไปถึงเจ้าจงกล่าวกับมังกรว่า “พระเยซูบุตรของพระนางมารีย์พรหมจารี, ผู้ทรงถูกตรึงกางเขน, ผู้ทรงถูกฝังและคืนชีพ, และปัจจุบันสถิตอยู่ทางขวาของพระเป็นเจ้า, พระองค์คือผู้ที่จะลงมาตัดสินทั้งผู้มีชีวิดและไม่มี, ข้าสั่งให้เจ้า Sathanas จงคอยอยู่ที่นี่จนกว่าพระองค์จะเสด็จมา” เจ้าจงผูกปากมังกรด้วยเชือกและปิดปากด้วยตราของเจ้าซึ่งจะปรากฏเป็นรอยกางเขน แล้วเจ้าและพระอีกสององค์จงกลับมาหาข้าทั้งเนื้อทั้งตัวอย่างปลอดภัย, ข้าจะทำขนมปังเตรียมไว้เพื่อเจ้าจะได้กิน”
- เมื่อนักบุญปีเตอร์พูดจบนักบุญซิลเวสเตอร์ก็ปฏิบัติตาม เมื่อนักบุญซิลเวสเตอร์ไปถึงถ้ำก็ลงบันไดไปร้อยห้าสิบขั้น, ถือตะเกียงลงไปสองดวง, และพบมังกร, และกล่าวคำที่นักบุญปีเตอร์สอนไว้, และผูกปากมังกรด้วยเชือก, และประทับตรา, และหลังจากกลับมา, ก็พบคนสองคนผู้ติดตามลงไป(เพื่อดูมังกร) ซึ่งกำลังใกล้ตายเต็มไปด้วยกลิ่นเหม็น, ผู้ซึ่งนักบุญซิลเวสเตอร์นำกลับมาด้วยอย่างปลอดภัย, ผู้ซึ่งได้รับศีลจุ่ม, รวมทั้งผู้คนอื่นๆ ที่มาด้วยกันอีกมากมายด้วย ฉะนั้นเมืองโรมจึงปลอดภัยจากความตายสองอย่าง, จากความตายจากการนับถือรูปต้องห้าม และจากพิษของมังกร”
ปาฏิหาริย์และตำนานของวัตถุมงคล
ตำนานของนักบุญหลายเรื่องจบด้วยปาฏิหาริย์ต่างๆของผู้ที่ได้รับความช่วยเหลือจากนักบุญหรือผู้ใช้เรลิกที่มาจากหรือเป็นของนักบุญ เช่นประวัติของ นักบุญอากาธา โวราจิเนเล่าว่าผู้นอกศาสนาที่คาทาเนีย ในซิซิลีใช้วัตถุมงคลของนักบุญอากาธาเพื่อจะหยุดยั้งไฟที่มาจากภูเขาไฟเอตนา
- และเพื่อจะเป็นการพิสูจน์ว่า(นักบุญอากาธา)สวดมนต์ต์ต์เพื่อความปกป้องสถานที่นี้, เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์, หนึ่งปีหลังจากที่ทรงพลีชีพเพื่อศาสนา, ก็เกิดมีไฟไหม้ใหญ่, และมาจากภูเขาไฟสู่ตัวเมืองคาทาเนีย และเผาทั้งแผ่นดินและหิน, เผาอย่างรุนแรง. พวกนอกศาสนาวิ่งมาที่ที่ฝังศพของนักบุญอากาธาและฉวยผ้าที่วางบนหลุมศพ, แล้วขีงผ้ากั้นไฟ, เก้าวันหลังจากนั้นเป็นวันสมโภช(ของนักบุญอากาธา), ไฟก็หยุดเมื่อมาถึงผ้าที่พวกนอกศาสนานำมาจากหลุมศพ, แสดงว่าพระเป็นเจ้าปกป้องเมืองจากไฟโดยคุณความดีของนักบุญอากาธา
แต่โวราจิเนเองก็ยอมแพ้เมื่อมาถึงเรื่องของนักบุญมาร์กาเรตแห่งแอนติออกผู้รอดมาจากการถูกกลืนโดยมังกรโดยยอมรับว่า “จากตำนานและไม่ควรจะเป็นที่น่าเชื่อถือเท่าใด” (แปล ไรอัน 1.369)
คุณค่าสำหรับผู้ศึกษาวัฒนธรรมยุคกลาง
ตำนานทองเขียนเป็นภาษาละตินแบบที่เข้าใจง่าย ผู้อ่านในสมัยกลางอ่านเพื่อเอาเรื่องแต่เมื่อดูรวมๆ แล้วเรื่องการพลีชีพ และปาฏิหาริย์ต่างๆ ก็จะซ้ำๆ กัน ตำนานทองเป็นสิ่งที่ใกล้ที่สุดในการเป็นสารานุกรมของตำนานและชีวิตนักบุญของยุคกลางตอนปลาย ฉะนั้นจึงเป็นหนังสือที่มีค่าที่นักประวัติศาสตร์ใช้แยกตัวนักบุญในภาพเขียนโดยใช้เหตุการณ์ในชีวิตที่บรรยายในตำนานทอง การที่เรื่องมักจะซ้ำกันอาจจะเป็นเพราะโวเรจินเนตั้งใจเขียนขึ้นสำหรับการเทศนามิใช่เขียนขี้นสำหรับให้เป็นที่นิยมอย่างที่เกิดขึ้น
ในหนังสือ “การปฏิรูปศาสนา: ประวัติศาสตร์” (The Reformation: A History) ค.ศ. 2003, ไดอาร์เมด แมคคัลลอคกล่าวว่าตำนานทองเป็นสาเหตุหนึ่งที่มีส่วนทำให้เกิดการปฏิรูปศาสนาโดยมิได้จงใจ โดยการทำให้เพิ่มความแคลงใจให้กับผู้เป็นปฏิปักษ์ต่อลัทธิบูชานักบุญ เช่นจะเห็นได้จากงานเขียน “Praise of Folly” โดย เดซิเดอเรียส อิราสมัส (Desiderius Erasmus)
อ้างอิง
- “ตำนานทอง” ฉบับแปล โดย วิลเลียม เกรนเจอร์ ไรอัน ISBN 0-691-00153-7 and ISBN 0-691-00154-5 (2 เล่ม)
- “ตำนานทอง” ฉบับละติน ตรวจแก้ไขโดยจิโอวานนี เพาโล มาจิโอนี (ฟลอเรนซ์: SISMEL ค.ศ. 1998)
ดูเพิ่ม
แหล่งข้อมูลอื่น
- Selections from the Golden Legend (บางเรื่องจากตำนานทอง จาก The Latin Library) (ละติน)
- The Golden Legend or Lives of the Saints by William Caxton (ตำนานทองหรือตำนานหรือชีวิตของนักบุญ) โดย วิลเลียม แค็กซ์ตัน (อังกฤษ)
- The Golden Legend - William Caxton's Middle English version (ตำนานทอง (ภาษาอังกฤษกลาง) โดย วิลเลียม แค็กซ์ตัน) (อังกฤษ)
- The Golden Legend - William Caxton's version for easy reading (ตำนานทอง (ภาษาอังกฤษแบบอ่านง่าย) โดย วิลเลียม แค็กซ์ตัน) (อังกฤษ)