ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ดนตรีสมัยคลาสสิก"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Potapt (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
Potapt (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 3: บรรทัด 3:


==ลักษณะดนตรียุคคลาสสิก==
==ลักษณะดนตรียุคคลาสสิก==
ในยุคคลาสสิกเลิกนิยมการสอดประสานของทำนอง (counterpoint) แต่หันมานิยมการใส่เสียงประสานแบบโฮโมโฟนี (homophony) คือการเน้นทำนองหลักเพียงแนวเดียว โดยมีแนวเสียงอื่นประสานให้ทำนองไพเราะมากขึ้น มีแนวประสานเป็น[[คอร์ด]]หรืออาร์เปจโจ (arpeggio) หลายแนวที่มีจังหวะคล้ายกัน โดยเลิกใช้แนวเบสต่อเนื่อง (basso continuo) และความสำคัญของการด้นสดหรือการแสดงเชิงปฏิภาณ (improvisation) เริ่มหมดไปในยุคนี้ เพราะดนตรีส่วนมากมีการเขียนเสียงประสานครบถ้วน คีตกวีจะระบุวิธีการบรรเลงอย่างชัดเจน
ในยุคคลาสสิกเลิกนิยมการสอดประสานของทำนอง (counterpoint) แต่หันมานิยมการใส่เสียงประสานแบบสหศัพท์ (homophony) คือการเน้นทำนองหลักเพียงแนวเดียว โดยมีแนวเสียงอื่นประสานให้ทำนองไพเราะมากขึ้น มีแนวประสานเป็น[[คอร์ด]]หรืออาร์เปจโจ (arpeggio) หลายแนวที่มีจังหวะคล้ายกัน โดยเลิกใช้แนวเบสต่อเนื่อง (basso continuo) และความสำคัญของการด้นสดหรือการแสดงเชิงปฏิภาณ (improvisation) เริ่มหมดไปในยุคนี้ เพราะดนตรีส่วนมากมีการเขียนเสียงประสานครบถ้วน คีตกวีจะระบุวิธีการบรรเลงอย่างชัดเจน


เกิดบทเพลงลักษณะใหม่ๆ ขึ้นในยุคนี้ คือ [[ซิมโฟนี]] [[คอนแชร์โต]] และ[[โซนาตา]] ลักษณะการผสมวงมีกำหนดแน่นอนว่าเป็นวงเล็กหรือวงใหญ่ คือเป็น[[ดนตรีเชมเบอร์|วงดนตรีเชมเบอร์]]หรือ[[วงออร์เคสตรา]] เพลงบรรเลงนิยมประพันธ์กันมากขึ้น เพลงร้องยังคงมีการประพันธ์อยู่เช่นเดิม [[อุปรากร]]เป็นที่นิยมชมกันมาก ผู้ประพันธ์หลายคนจึงประพันธ์แต่อุปรากรเป็นส่วนใหญ่ ลักษณะของโอเปร่าในยุคนี้จะเน้นเรื่องศิลปะการแสดงมากขึ้น มิใช่เน้นเพียงการร้องเท่านั้น
เกิดบทเพลงลักษณะใหม่ๆ ขึ้นในยุคนี้ คือ [[ซิมโฟนี]] [[คอนแชร์โต]] และ[[โซนาตา]] ลักษณะการผสมวงมีกำหนดแน่นอนว่าเป็นวงเล็กหรือวงใหญ่ คือเป็น[[ดนตรีเชมเบอร์|วงดนตรีเชมเบอร์]]หรือ[[วงออร์เคสตรา]] เพลงบรรเลงนิยมประพันธ์กันมากขึ้น เพลงร้องยังคงมีการประพันธ์อยู่เช่นเดิม [[อุปรากร]]เป็นที่นิยมชมกันมาก ผู้ประพันธ์หลายคนจึงประพันธ์แต่อุปรากรเป็นส่วนใหญ่ ลักษณะของโอเปร่าในยุคนี้จะเน้นเรื่องศิลปะการแสดงมากขึ้น มิใช่เน้นเพียงการร้องเท่านั้น


เครื่องดนตรีในยุคนี้ได้รับการพัฒนามากขึ้น ในวงออร์เคสตรามีการใช้เครื่องดนตรีครบทุกประเภท การใช้เครื่องดนตรีในยุคคลาสสิกจะพบว่าใช้เปียโนเป็นส่วนมาก ไม่ค่อยมีการใช้[[ฮาร์ปซิคอร์ด]]อีก ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 มีการใช้เครื่อง[[คลาริเน็ต]] [[ฟลูต]] และ[[บาสซูน]]
เครื่องดนตรีในยุคนี้ได้รับการพัฒนามากขึ้น ในวงออร์เคสตรามีการใช้เครื่องดนตรีครบทุกประเภท การใช้เครื่องดนตรีในยุคคลาสสิกจะพบว่าใช้เปียโนเป็นส่วนมาก ไม่ค่อยมีการใช้[[ฮาร์ปซิคอร์ด]]อีก ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 มีการใช้เครื่อง[[คลาริเน็ต]] [[ฟลูต]] และ[[บาสซูน]]


==คีตกวีในยุคคลาสสิก==
==คีตกวีในยุคคลาสสิก==

รุ่นแก้ไขเมื่อ 08:41, 7 กุมภาพันธ์ 2562

ยุคคลาสสิก (อังกฤษ: Classical period) เป็นยุคของดนตรีระหว่าง ค.ศ. 1750–1820 ดนตรีมีการเปิดกว้างสู่ประชาชนเป็นดนตรีนอกโบสถ์ (secular music) มากขึ้น ดนตรียุคคลาสสิกมีลักษณะความเป็นจริง มีความสมดุล และชัดเจนในรูปแบบ ในยุคนี้ดนตรีบรรเลงมีความเด่นกว่าเพลงร้อง ดนตรียุคคลาสสิกเป็นดนตรีบริสุทธิ์ (absolute music) คือ ดนตรีที่ไม่มีจินตนาการอยู่เบื้องหลัง ไม่มีบทกวีประกอบ เป็นดนตรีที่มีแต่เสียงดนตรีบริสุทธิ์ ตรงข้ามกับดนตรีในยุคโรแมนติกที่เป็นดนตรีพรรณนา (program music) คือดนตรีที่มีเรื่องราว ยุคนี้มีกรุงเวียนนาของออสเตรียเป็นศูนย์กลางของดนตรี

ลักษณะดนตรียุคคลาสสิก

ในยุคคลาสสิกเลิกนิยมการสอดประสานของทำนอง (counterpoint) แต่หันมานิยมการใส่เสียงประสานแบบสหศัพท์ (homophony) คือการเน้นทำนองหลักเพียงแนวเดียว โดยมีแนวเสียงอื่นประสานให้ทำนองไพเราะมากขึ้น มีแนวประสานเป็นคอร์ดหรืออาร์เปจโจ (arpeggio) หลายแนวที่มีจังหวะคล้ายกัน โดยเลิกใช้แนวเบสต่อเนื่อง (basso continuo) และความสำคัญของการด้นสดหรือการแสดงเชิงปฏิภาณ (improvisation) เริ่มหมดไปในยุคนี้ เพราะดนตรีส่วนมากมีการเขียนเสียงประสานครบถ้วน คีตกวีจะระบุวิธีการบรรเลงอย่างชัดเจน

เกิดบทเพลงลักษณะใหม่ๆ ขึ้นในยุคนี้ คือ ซิมโฟนี คอนแชร์โต และโซนาตา ลักษณะการผสมวงมีกำหนดแน่นอนว่าเป็นวงเล็กหรือวงใหญ่ คือเป็นวงดนตรีเชมเบอร์หรือวงออร์เคสตรา เพลงบรรเลงนิยมประพันธ์กันมากขึ้น เพลงร้องยังคงมีการประพันธ์อยู่เช่นเดิม อุปรากรเป็นที่นิยมชมกันมาก ผู้ประพันธ์หลายคนจึงประพันธ์แต่อุปรากรเป็นส่วนใหญ่ ลักษณะของโอเปร่าในยุคนี้จะเน้นเรื่องศิลปะการแสดงมากขึ้น มิใช่เน้นเพียงการร้องเท่านั้น

เครื่องดนตรีในยุคนี้ได้รับการพัฒนามากขึ้น ในวงออร์เคสตรามีการใช้เครื่องดนตรีครบทุกประเภท การใช้เครื่องดนตรีในยุคคลาสสิกจะพบว่าใช้เปียโนเป็นส่วนมาก ไม่ค่อยมีการใช้ฮาร์ปซิคอร์ดอีก ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 มีการใช้เครื่องคลาริเน็ต ฟลูต และบาสซูน

คีตกวีในยุคคลาสสิก

บทประพันธ์ที่สำคัญในยุคคลาสสิก

  • Orfeo and Eurydice - กลุค
  • Symphony No.104 - ไฮเดิน
  • The Creation (Oratorio) - ไฮเดิน
  • String Quartet in G Major, Op.64 No.4 - ไฮเดิน
  • Symphony No.41 in C Major "Jupiter" K.551 - โมทซาร์ท
  • Piano Concerto in C Major, K.467 - โมทซาร์ท
  • String Quartet in G Major, K.387 - โมทซาร์ท
  • The Marriage of Figaro (Opera) - โมทซาร์ท
  • Don Giovanni (Opera) - โมทซาร์ท
  • Thr Magic Flute (Opera) - โมทซาร์ท
  • Requiem Mass, K.626 - โมทซาร์ท
  • Piano Sonata in C Major, Op.2 No.3 - เบทโฮเฟิน
  • Symphony No.1,2 - เบทโฮเฟิน
  • Sonata in D Major, K.119 - สกาลัตตี
  • Concerto for Harpsichord or Piano and Strings in E-flat Major, Op.7 No.5 - บัค

อ้างอิง

  • คมสันต์ วงค์วรรณ์. ดนตรีตะวันตก. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2551.
  • ณรุทธ์ สุทธจิตต์. สังคีตนิยม ความซาบซึ้งในดนตรีตะวันตก. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2548.

ดูเพิ่ม