ผลต่างระหว่างรุ่นของ "แพทยศาสตร์"
ล ป้องกัน "แพทยศาสตร์": การก่อกวนจำนวนมาก ([แก้ไข=ป้องกันสำหรับผู้ที่ไม่ล็อกอิน] (หมดอายุ 19:35, 24 กรกฎาคม 2562 (UTC)) [ย้าย=ป้องกันสำหรับผู้ที่ไม่ล็อกอิน] (หมดอายุ 19:35, 24 กรกฎาคม 2562 (UTC))) |
ลไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
บรรทัด 1: | บรรทัด 1: | ||
{{กึ่งล็อก|small=yes}} |
|||
{{ต้องการอ้างอิง}} |
{{ต้องการอ้างอิง}} |
||
[[ไฟล์:Caduceus.svg|100px|right]] |
[[ไฟล์:Caduceus.svg|100px|right]] |
||
'''แพทยศาสตร์''' ({{lang-en|Medicine}}) เป็นสาขาของ[[วิทยาศาสตร์สุขภาพ]]ที่เกี่ยวข้องกับการดูแลสุขภาพและเยียวยารักษาโรคหรืออาการเจ็บป่วย การแพทย์เป็นแขนงอาชีพที่ต้องใช้ทั้งความรู้และทักษะอย่างสูง |
'''แพทยศาสตร์''' ({{lang-en|Medicine}}) เป็นสาขาของ[[วิทยาศาสตร์สุขภาพ]]ที่เกี่ยวข้องกับการดูแลสุขภาพและเยียวยารักษาโรคหรืออาการเจ็บป่วย การแพทย์เป็นแขนงอาชีพที่ต้องใช้ทั้งความรู้และทักษะอย่างสูง |
||
บรรทัด 9: | บรรทัด 11: | ||
== คณะแพทยศาสตร์ในประเทศไทย == |
== คณะแพทยศาสตร์ในประเทศไทย == |
||
การเรียนการสอนทางแพทยศาสตร์นั้น เกิดขึ้นครั้งแรกที่ [[โรงเรียนแพทยากร]] ซึ่ง[[พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว]]มีพระบรมราชานุญาตให้จัดตั้งขึ้น ณ [[โรงศิริราชพยาบาล]] ซึ่งก็คือ [[คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล]] [[มหาวิทยาลัยมหิดล]] ในปัจจุบัน ต่อมา ในรัชสมัยของ[[พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล]] ได้จัดตั้งคณะแพทยศาสตร์แห่งที่ 2 ขึ้น เพื่อผลิตแพทย์ให้เพียงพอที่จะช่วยเหลือประชาชน นั่นคือ [[คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย]] และได้จัดตั้งคณะแพทยศาสตร์ขึ้นในส่วนภูมิภาคของประเทศคณะแรก ได้แก่ [[คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่]] เป็นคณะแพทยศาสตร์แห่งที่ 3 จากนั้น ได้จัดตั้ง [[คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล]] ซึ่งเป็นคณะแพทยศาสตร์แห่งที่ 4 ของประเทศ และเป็นคณะแพทยศาสตร์แห่งที่ 2 ของมหาวิทยาลัยมหิดล จากนั้น ได้จัดตั้ง [[คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น]] เป็นคณะแพทยศาสตร์แห่งที่5 และ[[คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์]] เป็นคณะแพทยศาสตร์แห่งที่6 ของประเทศ |
การเรียนการสอนทางแพทยศาสตร์นั้น เกิดขึ้นครั้งแรกที่ [[โรงเรียนแพทยากร]] ซึ่ง[[พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว]]มีพระบรมราชานุญาตให้จัดตั้งขึ้น ณ [[โรงศิริราชพยาบาล]] ซึ่งก็คือ [[คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล]] [[มหาวิทยาลัยมหิดล]] ในปัจจุบัน ต่อมา ในรัชสมัยของ[[พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล]] ได้จัดตั้งคณะแพทยศาสตร์แห่งที่ 2 ขึ้น เพื่อผลิตแพทย์ให้เพียงพอที่จะช่วยเหลือประชาชน นั่นคือ [[คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย]] และได้จัดตั้งคณะแพทยศาสตร์ขึ้นในส่วนภูมิภาคของประเทศคณะแรก ได้แก่ [[คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่]] เป็นคณะแพทยศาสตร์แห่งที่ 3 จากนั้น ได้จัดตั้ง [[คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล]] ซึ่งเป็นคณะแพทยศาสตร์แห่งที่ 4 ของประเทศ และเป็นคณะแพทยศาสตร์แห่งที่ 2 ของมหาวิทยาลัยมหิดล จากนั้น ได้จัดตั้ง [[คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น]] เป็นคณะแพทยศาสตร์แห่งที่5 และ[[คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์]] เป็นคณะแพทยศาสตร์แห่งที่6 ของประเทศ และมีคณะแพทยศาสตร์ อื่นๆอีกรวม 20 แห่ง ทั่วประเทศ เช่น [[คณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล มหาวิทยาลัยกรุงเทพมหานคร]] [[คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม]] [[คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์]] ฯลฯ |
||
ตามระเบียบการและเกณฑ์การรับแพทย์ของ[[กลุ่มสถาบันแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย]] (กสพท.) ประจำปีการศึกษา 2559 มีการเรียนการสอนทางแพทยศาสตร์ 13 สถาบัน (คณะแพทยศาสตร์ 11 คณะและวิทยาลัยแพทยศาสตร์ 2 วิทยาลัย), คณะทันตแพทยศาสตร์ 7 สถาบัน และคณะสัตวแพทยศาสตร์ 6 สถาบัน ที่ร่วมดำเนินการรับสมัครและสอบคัดเลือกบุคคลผ่านระบบรับตรง รวม 1,592 คน<ref>[http://www9.si.mahidol.ac.th |
ตามระเบียบการและเกณฑ์การรับแพทย์ของ[[กลุ่มสถาบันแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย]] (กสพท.) ประจำปีการศึกษา 2559 มีการเรียนการสอนทางแพทยศาสตร์ 13 สถาบัน (คณะแพทยศาสตร์ 11 คณะและวิทยาลัยแพทยศาสตร์ 2 วิทยาลัย), คณะทันตแพทยศาสตร์ 7 สถาบัน และคณะสัตวแพทยศาสตร์ 6 สถาบัน ที่ร่วมดำเนินการรับสมัครและสอบคัดเลือกบุคคลผ่านระบบรับตรง รวม 1,592 คน<ref>[http://www9.si.mahidol.ac.th ระเบียบการและเกณฑ์การรับ แพทย์ กสพท. 2559]</ref> |
||
==อ้างอิง== |
==อ้างอิง== |
||
บรรทัด 22: | บรรทัด 24: | ||
== แหล่งข้อมูลอื่น == |
== แหล่งข้อมูลอื่น == |
||
{{กล่องโครงการพี่น้อง|Medicine}} |
{{กล่องโครงการพี่น้อง|Medicine}} |
||
{{แพทยศาสตร์}} |
{{แพทยศาสตร์}} |
||
รุ่นแก้ไขเมื่อ 19:11, 25 มกราคม 2562
บทความนี้ไม่มีการอ้างอิงจากแหล่งที่มาใด |
แพทยศาสตร์ (อังกฤษ: Medicine) เป็นสาขาของวิทยาศาสตร์สุขภาพที่เกี่ยวข้องกับการดูแลสุขภาพและเยียวยารักษาโรคหรืออาการเจ็บป่วย การแพทย์เป็นแขนงอาชีพที่ต้องใช้ทั้งความรู้และทักษะอย่างสูง
แพทยศาสตร์เป็นศาสตร์ที่เก่าแก่มีความสำคัญ ผู้ประกอบอาชีพทางการแพทย์มักได้รับความนับถือในสังคม แพทยศาสตร์มีศาสตร์เฉพาะทางต่าง ๆ อีกมากมายเช่น กุมารเวชศาสตร์, อายุรศาสตร์, ศัลยศาสตร์, ศัลยศาสตร์ออร์โธปิดิกส์ (ศัลยศาสตร์กระดูก), สูติศาสตร์, นรีเวชวิทยา, โสตศอนาสิกวิทยา, นิติเวชศาสตร์, จักษุวิทยา, จิตเวชศาสตร์,รังสีวิทยา,ตจวิทยา, พยาธิวิทยา, เวชศาสตร์ชุมชน, อาชีวเวชศาสตร์, เวชศาสตร์ฟื้นฟู, เวชระเบียน, เวชสถิติ และอื่น ๆ อีกมากมาย และในแต่ละสาขายังแบ่งย่อยเป็นสาขาย่อยลงไปอีกตามอวัยวะหรือกลุ่มของโรค เช่น ศัลยศาสตร์หัวใจและทรวงอก อายุรศาสตร์โรคไต เป็นต้น
ประวัติศาสตร์การแพทย์
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
คณะแพทยศาสตร์ในประเทศไทย
การเรียนการสอนทางแพทยศาสตร์นั้น เกิดขึ้นครั้งแรกที่ โรงเรียนแพทยากร ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวมีพระบรมราชานุญาตให้จัดตั้งขึ้น ณ โรงศิริราชพยาบาล ซึ่งก็คือ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ในปัจจุบัน ต่อมา ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล ได้จัดตั้งคณะแพทยศาสตร์แห่งที่ 2 ขึ้น เพื่อผลิตแพทย์ให้เพียงพอที่จะช่วยเหลือประชาชน นั่นคือ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และได้จัดตั้งคณะแพทยศาสตร์ขึ้นในส่วนภูมิภาคของประเทศคณะแรก ได้แก่ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เป็นคณะแพทยศาสตร์แห่งที่ 3 จากนั้น ได้จัดตั้ง คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งเป็นคณะแพทยศาสตร์แห่งที่ 4 ของประเทศ และเป็นคณะแพทยศาสตร์แห่งที่ 2 ของมหาวิทยาลัยมหิดล จากนั้น ได้จัดตั้ง คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เป็นคณะแพทยศาสตร์แห่งที่5 และคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เป็นคณะแพทยศาสตร์แห่งที่6 ของประเทศ และมีคณะแพทยศาสตร์ อื่นๆอีกรวม 20 แห่ง ทั่วประเทศ เช่น คณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล มหาวิทยาลัยกรุงเทพมหานคร คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ ฯลฯ
ตามระเบียบการและเกณฑ์การรับแพทย์ของกลุ่มสถาบันแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย (กสพท.) ประจำปีการศึกษา 2559 มีการเรียนการสอนทางแพทยศาสตร์ 13 สถาบัน (คณะแพทยศาสตร์ 11 คณะและวิทยาลัยแพทยศาสตร์ 2 วิทยาลัย), คณะทันตแพทยศาสตร์ 7 สถาบัน และคณะสัตวแพทยศาสตร์ 6 สถาบัน ที่ร่วมดำเนินการรับสมัครและสอบคัดเลือกบุคคลผ่านระบบรับตรง รวม 1,592 คน[1]