ผลต่างระหว่างรุ่นของ "กรวีร์ ปริศนานันทกุล"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Poompong1986 (คุย | ส่วนร่วม)
Poompong1986 (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 15: บรรทัด 15:
| spouse =
| spouse =
| religion =
| religion =
| party = [[พรรคชาติไทยพัฒนา|ชาติไทยพัฒนา]]
| party = [[พรรคภูมิใจไทย|ภูมิใจไทย]]
| signature =
| signature =
| footnotes =
| footnotes =

รุ่นแก้ไขเมื่อ 23:21, 8 พฤศจิกายน 2561

กรวีร์ ปริศนานันทกุล
ข้อมูลส่วนบุคคล
เกิด24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2525 (42 ปี)
จังหวัดอ่างทอง
พรรคการเมืองภูมิใจไทย

กรวีร์ ปริศนานันทกุล เป็นอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดอ่างทอง สังกัดพรรคชาติไทยพัฒนา และเป็นบุตรชายของนายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล ปัจจุบันเป็นประธานบริษัท ลีกภูมิภาค จำกัด

ประวัติ

กรวีร์ ปริศนานันทกุล (ชื่อเล่น : แชมป์) เกิดเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2525[1] เป็นบุตรของนายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล อดีตรัฐมนตรี กับนางรวีวรรณ ปริศนานันทกุล จบการศึกษาชั้นมัธยมจากโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย เคยเป็นประธานนักเรียนรุ่น 118 และจบการศึกษาระดับปริญญาตรี จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งเขาเคยเป็นนายกองค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์[2] ต่อมาเขาได้เข้าศึกษาระดับปริญญาโท สาขาวิชารัฐศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

การทำงาน

กรวีร์ ปริศนานันทกุล เคยทำงานการเมืองท้องถิ่นในตำแหน่งเลขานุการนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอ่างทอง ในระหว่างปี พ.ศ. 2552 ถึงปี พ.ศ. 2554 ต่อมาจึงได้ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดอ่างทอง ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2554 สังกัดพรรคชาติไทยพัฒนา และได้รับเลือกตั้งเป็นสมัยแรก

เครื่องราชอิสริยาภรณ์

อ้างอิง

  1. บัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของนายกรวีร์ ปริศนานันทกุล
  2. "พิมพ์นิยม"นักการเมือง "ลูกไม้"หล่นไกลต้น ?
  3. ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือกและเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ประจำปี ๒๕๕๔, เล่ม ๑๒๘, ตอน ๒๔ ข, ๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๔, หน้า ๑๘๓ ลำดับ ๑๙
  4. ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือกและเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ประจำปี ๒๕๕๕, เล่ม ๑๒๙, ตอน ๓๕ ข , ๓ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๕