ผลต่างระหว่างรุ่นของ "กงส์ต็องส์แห่งอาร์ล"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Darkydury (คุย | ส่วนร่วม)
หน้าใหม่: ไฟล์:Robert2Franc Constance of Arles.jpg|thumb|ภาพวาดในคริสตศตวรรษที่ 13 ของกงสต็องส์ที...
 
ยังไม่จัดหมวดหมู่
บรรทัด 1: บรรทัด 1:
{{เก็บกวาด}}
[[ไฟล์:Robert2Franc Constance of Arles.jpg|thumb|ภาพวาดในคริสตศตวรรษที่ 13 ของกงสต็องส์ที่กำลังจำนนต่อพระโอรส พระเจ้าอ็องรีที่ 1 แห่งฝรั่งเศส]]
[[ไฟล์:Robert2Franc Constance of Arles.jpg|thumb|ภาพวาดในคริสตศตวรรษที่ 13 ของกงสต็องส์ที่กำลังจำนนต่อพระโอรส พระเจ้าอ็องรีที่ 1 แห่งฝรั่งเศส]]
'''กงสต็องส์แห่งอาร์ลส์''' ({{Lang-en|Constance of Arles}}) หรือ '''กงสต็องส์แห่งโพรว็องส์''' เป็นพระราชินีคู่สมรสแห่งฝรั่งเศสจากการเป็นพระมเหสีคนที่สามของ[[พระเจ้ารอแบร์ที่ 2 แห่งฝรั่งเศส|พระเจ้ารอแบต์ที่ 2 แห่งฝรั่งเศส]]
'''กงสต็องส์แห่งอาร์ลส์''' ({{Lang-en|Constance of Arles}}) หรือ '''กงสต็องส์แห่งโพรว็องส์''' เป็นพระราชินีคู่สมรสแห่งฝรั่งเศสจากการเป็นพระมเหสีคนที่สามของ[[พระเจ้ารอแบร์ที่ 2 แห่งฝรั่งเศส|พระเจ้ารอแบต์ที่ 2 แห่งฝรั่งเศส]]

รุ่นแก้ไขเมื่อ 00:04, 16 ตุลาคม 2561

ภาพวาดในคริสตศตวรรษที่ 13 ของกงสต็องส์ที่กำลังจำนนต่อพระโอรส พระเจ้าอ็องรีที่ 1 แห่งฝรั่งเศส

กงสต็องส์แห่งอาร์ลส์ (อังกฤษ: Constance of Arles) หรือ กงสต็องส์แห่งโพรว็องส์ เป็นพระราชินีคู่สมรสแห่งฝรั่งเศสจากการเป็นพระมเหสีคนที่สามของพระเจ้ารอแบต์ที่ 2 แห่งฝรั่งเศส

ชีวประวัติ

ประสูติในปี ค.ศ. 986[1] กงสต็องส์เป็นบุตรสาวของวิลเลียมที่ 1 เคานต์แห่งโพรว็องส์กับอาเดเลด-บล็องช์แห่งอ็องฌู บุตรสาวของฟุลค์ที่ 2 แห่งอ็องฌู[2] พระองค์เป็นพี่น้องกับวิลเลียมที่ 2 แห่งโพรว็องส์[2]

กงสต็องส์แต่งงานกับพระเจ้ารอแบต์หลังพระองค์หย่าขาดจากพระมเหสีคนที่สอง แบร์ธาแห่งเบอร์กันดี[3] การแต่งงานเป็นการแต่งงานที่เต็มไปด้วยการทะเลาะเบาะแว้ง ครอบครัวของแบร์ธาต่อต้านกงสต็องส์ และกงสต็องส์ถูกชิงชังจากการนำเครือญาติและธรรมเนียมปฏิบัติแบบโพรว็องส์เข้ามาในฝรั่งเศส สหายของรอแบต์ อูกแห่งบูเวส์ พยายามเกลี้ยกล่อมกษัตริย์ให้ทอดทิ้งกงสต็องส์ในปี ค.ศ. 1007 ต่อมาบูเวส์ถูกฆาตกรรม อาจจะด้วยน้ำมือของกงสต็องส์ที่ขอให้อัศวิน 12 คนของญาติของพระองค์ ฟุลค์ แนร์รา ทำ[4]

ในปี ค.ศ. 1010 รอแบต์ไปโรมโดยมีอดีตพระมเหสี แบร์ธา เดินทางไปด้วย เพื่อขออนุญาตหย่าขาดกับกงสต็องส์และแต่งงานใหม่กับแบร์ธา พระสันตะปาปาเซอร์จิอุสที่ 4 ไม่อนุมัติการแต่งงานระหว่างผู้ร่วมสายโลหิตเดียวกันที่เคยถูกประณามจากพระสันตะปาปาเกรกอรีที่ 5 และรอแบต์ทิ้งพระมเหสีมาแล้วสองคน คำขอของพระองค์จึงถูกปฏิเสธ หลังกลับมาฝรั่งเศส แหล่งข้อมูลหนึ่งกล่าวว่ารอแบต์ "รักพระมเหสีของพระองค์มากขึ้น"[5]

กงสต็องส์เร่งเร้าให้พระโอรสคนโตของพระองค์ อูก แม็กนุส ได้รับการสวมมงกุฎเป็นกษัตริย์ร่วมเคียงข้างพระบิดาในปี ค.ศ. 1017[6] แต่ต่อมาอูกเรียกร้องให้บิดามารดาแบ่งปันอำนาจให้พระองค์และก่อกบฏต่อพระบิดาในปี ค.ศ. 1025 กงสต็องส์โกรธจัดเมื่อรู้ว่าพระโอรสก่อกบฏ พระองค์ดุด่าต่อว่าอูก ต่อมาอูกคืนดีกับบิดามารดาแต่หลังจากนั้นไม่นานพระองค์ก็สิ้นพระชนม์ อาจจะตอนพระชนมายุ 18 พรรษา สองสามีภรรยาเสียใจอย่างหนัก พระราชินีโศกเศร้ารุนแรงจนผู้คนเป็นห่วงสภาพจิตใจของพระองค์[7]

รอแบต์กับกงสต็องส์ทะเลาะกันว่าจะให้พระโอรสที่ยังมีชีวิตอยู่คนไหนได้สืบทอดบัลลังก์ รอแบต์อยากให้เป็นพระโอรสคนที่สอง อ็องรี ขณะที่กงสต็องอยากให้เป็นพระโอรสคนที่สาม รอแบต์[8] แม้จะถูกคัดค้านจากพระมารดาและบิชอปหลายคนที่สนับสนุนพระมารดา แต่อ็องรีก็ได้รับการสวมมงกุฎในปี ค.ศ. 1027

หลุมฝังศพของรอแบต์ผู้ศรัทธากับกงสต็องส์แห่งอาร์ลส์ที่แซ็งต์เดอนีส์

กงสต็องส์สนับสนุนพระโอรสทั้งสองให้ก่อกบฏ และทั้งคู่เริ่มโจมตีและปล้นเมืองกับปราสาทที่เป็นของพระบิดา รอแบต์ผู้ลูกโจมตีเบอร์กันดี ดัชชีที่พระบิดาเคยสัญญาว่าจะยกให้พระองค์แต่พระองค์ไม่เคยได้รับ ส่วนอ็องรีปิดล้อมเดรอส์ สุดท้ายพระเจ้ารอแบต์ก็ยอมรับข้อเสนอของทั้งคู่และทำข้อตกลงสันติภาพที่จะคงอยู่ไปจนกษัตริย์สิ้นพระชนม์

พระเจ้ารอแบต์สิ้นพระชนม์ในวันที่ 20 กรกฎาคม ค.ศ. 1031[9] หลังจากนั้นไม่นานกงสต็องส์ก็ล้มป่วย พระองค์ยังหมางใจกับพระโอรสที่ยังมีชีวิตอยู่ทั้งสอง กงสต็องส์ยึดดินแดนอันเป็นสินสอดของพระองค์และปฏิเสธที่จะยอมจำนนต่อทั้งคู่ อ็องรีหนีไปนอร์ม็องดีที่พระองค์ได้รับการช่วยเหลือ อาวุธ และทหารจากพระอนุชา รอแบต์ พระองค์กลับมาปิดล้อมพระมารดาที่ปัวส์ซี แต่กงสต็องหนีไปปงทัวส์ พระองค์ยอมจำนนเมื่ออ็องรีเริ่มยึดเลอปุยเซต์และสาบานว่าจะสังหารชาวเมืองทุกคน

กงสต็องส์สิ้นพระชนม์หลังจากไอจนหมดสติในวันที่ 28 กรกฎาคม ค.ศ. 1032[2] และถูกฝังเคียงข้างพระสวามี รอแบต์ ที่บาซิลิกาแซ็งต์เดอนีส์[10]

อ้างอิง

  1. Detlev Schwennicke, Europäische Stammtafeln: Stammtafeln zur Geschichte der Europäischen Staaten, Neue Folge, Band II (Marburg, Germany: J. A. Stargardt, 1984), Tafel 11
  2. 2.0 2.1 2.2 Detlev Schwennicke, Europäische Stammtafeln: Stammtafeln zur Geschichte der Europäischen Staaten, Neue Folge, Band II (Marburg, Germany: J. A. Stargardt, 1984), Tafel 187
  3. Constance Bouchard, Those of My Blood: Creating Noble Families in Medieval Francia (Philadelphia: University of Pennsylvania Press, 2001), p. 47
  4. Penelope Ann Adair, Constance of Arles: A study in Duty and Frustration', Capetian Women, ed. Kathleen Nolan (New York;, Palgrave Macmillan, 2003), p. 13
  5. Penelope Ann Adair, Constance of Arles: A study in Duty and Frustration', Capetian Women, ed. Kathleen Nolan (New York;, Palgrave Macmillan, 2003), pp. 13-14
  6. Penelope Ann Adair, Constance of Arles: A study in Duty and Frustration', Capetian Women, ed. Kathleen Nolan (New York;, Palgrave Macmillan, 2003), p. 16
  7. Penelope Ann Adair, Constance of Arles: A study in Duty and Frustration', Capetian Women, ed. Kathleen Nolan (New York;, Palgrave Macmillan, 2003), p. 18
  8. Penelope Ann Adair, Constance of Arles: A study in Duty and Frustration', Capetian Women, ed. Kathleen Nolan (New York;, Palgrave Macmillan, 2003), p. 18
  9. Detlev Schwennicke, Europäische Stammtafeln: Stammtafeln zur Geschichte der Europäischen Staaten, Neue Folge, Band I (Marburg, Germany: J. A. Stargardt, 1980), Tafel 57
  10. Georgia Sommers Wright, 'A Royal Tomb Program in the Reign of St. Louis', The Art Bulletin, Vol. 56, No. 2 (Jun., 1974), p. 225