ผลต่างระหว่างรุ่นของ "อิมมานูเอล คานต์"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
BotKung (คุย | ส่วนร่วม)
เก็บกวาดบทความด้วยบอต
Anonimeco (คุย | ส่วนร่วม)
โยงไปหน้าที่มี
บรรทัด 17: บรรทัด 17:
| main_interests = [[ญาณวิทยา]], [[อภิปรัชญา]], [[จริยศาสตร์]]
| main_interests = [[ญาณวิทยา]], [[อภิปรัชญา]], [[จริยศาสตร์]]
| influences = [[Christian Wolff (philosopher)|Wolff]], [[Johannes Nikolaus Tetens|Tetens]], [[Francis Hutcheson (philosopher)|Hutcheson]], [[Sextus Empiricus|Empiricus]], [[Michel de Montaigne|Montaigne]], [[เดวิด ฮูม|ฮูม]], [[เรอเน เดส์การตส์|เดส์การตส์]], [[Nicolas Malebranche|Malebranche]], [[กอทท์ฟรีด ไลบ์นิซ|ไลบ์นิซ]], [[บารุค สปิโนซา|สปิโนซา]], [[จอห์น ล็อก|ล็อก]], [[จอร์จ บาร์กลีย์|บาร์กลีย์]], [[Jean-Jacques Rousseau|Rousseau]], [[ไอแซก นิวตัน|นิวตัน]], [[Emanuel Swedenborg]]
| influences = [[Christian Wolff (philosopher)|Wolff]], [[Johannes Nikolaus Tetens|Tetens]], [[Francis Hutcheson (philosopher)|Hutcheson]], [[Sextus Empiricus|Empiricus]], [[Michel de Montaigne|Montaigne]], [[เดวิด ฮูม|ฮูม]], [[เรอเน เดส์การตส์|เดส์การตส์]], [[Nicolas Malebranche|Malebranche]], [[กอทท์ฟรีด ไลบ์นิซ|ไลบ์นิซ]], [[บารุค สปิโนซา|สปิโนซา]], [[จอห์น ล็อก|ล็อก]], [[จอร์จ บาร์กลีย์|บาร์กลีย์]], [[Jean-Jacques Rousseau|Rousseau]], [[ไอแซก นิวตัน|นิวตัน]], [[Emanuel Swedenborg]]
| influenced = [[Johann Fichte|Fichte]], [[Friedrich Schelling|Schelling]], [[Georg Hegel|Hegel]], [[Arthur Schopenhauer|Schopenhauer]], [[Friedrich Nietzsche|Nietzsche]], [[Charles Peirce|Peirce]], [[เอ็ดมันด์ ฮูเซิร์ล]], [[มาร์ติน ไฮเดกเกอร์]], [[Ludwig Wittgenstein|Wittgenstein]], [[ฌอง ปอล ซาร์ต|ซาร์ต]], [[Ernst Cassirer|Cassirer]], [[Jürgen Habermas|Habermas]], [[John Rawls|Rawls]], and many more
| influenced = [[Johann Fichte|Fichte]], [[Friedrich Schelling|Schelling]], [[เกออร์ค วิลเฮ็ล์ม ฟรีดริช เฮเกิล|เฮเกิล]], [[Arthur Schopenhauer|Schopenhauer]], [[Friedrich Nietzsche|Nietzsche]], [[Charles Peirce|Peirce]], [[เอ็ดมุนด์ ฮุสเซิร์ล|ฮุสเซิร์ล]], [[มาร์ติน ไฮเดกเกอร์|ไฮเดกเกอร์]], [[ลุดวิจ วิทท์เกนชไตน์|วิทท์เกนชไตน์]], [[ฌอง ปอล ซาร์ต|ซาร์ต]], [[Ernst Cassirer|Cassirer]], [[Jürgen Habermas|Habermas]], [[John Rawls|Rawls]], and many more


| notable_ideas = [[Categorical imperative]], [[Transcendental Idealism]], [[Synthetic proposition|Synthetic a priori]], [[Noumenon]], [[Sapere aude]]
| notable_ideas = [[Categorical imperative]], [[Transcendental Idealism]], [[Synthetic proposition|Synthetic a priori]], [[Noumenon]], [[Sapere aude]]
บรรทัด 23: บรรทัด 23:
}}
}}


[[ไฟล์:Immanuel Kant (portrait).jpg|thumb|230px|อิมมานูเอิล คานท์]]
[[ไฟล์:Immanuel Kant (portrait).jpg|thumb|230px|อิมมานูเอล คานต์]]
'''อิมมานูเอล คานต์'''<ref>ราชบัณฑิตยสถาน, ''พจนานุกรมศัพท์ปรัชญา อังกฤษ-ไทย ฉบับราชบัณฑิตยสถาน'', พิมพ์ครั้งที่ 4, 2548, หน้า 164</ref> ({{lang-de|Immanuel Kant}}; [[22 เมษายน]] ค.ศ. [[พ.ศ. 2267]] - [[12 กุมภาพันธ์]] [[พ.ศ. 2347]]) เป็น[[นักปรัชญา]][[ประเทศเยอรมนี|ชาวเยอรมัน]] จาก[[แคว้นปรัสเซีย]] ได้รับการยกย่องโดยทั่วไปว่า เป็นนักคิดที่มีอิทธิพลมากที่สุดของ[[ยุโรป]] และเป็น[[นักปรัชญา]]คนสำคัญคนสุดท้ายของ[[ยุคแสงสว่าง]] เขาสร้างผลกระทบที่สำคัญไปถึงนักปรัชญาสาย[[โรแมนติก (ปรัชญา)|โรแมนติก]]และสาย[[จิตนิยม]] ในสมัย[[คริสต์ศตวรรษที่ 19]] งานของเขาเป็นจุดเริ่มของ[[เกออร์ก วิลเฮล์ม ฟรีดริช เฮเกล|เฮเกล]]
'''อิมมานูเอล คานต์'''<ref>ราชบัณฑิตยสถาน, ''พจนานุกรมศัพท์ปรัชญา อังกฤษ-ไทย ฉบับราชบัณฑิตยสถาน'', พิมพ์ครั้งที่ 4, 2548, หน้า 164</ref> ({{lang-de|Immanuel Kant}}; [[22 เมษายน]] ค.ศ. [[พ.ศ. 2267]] - [[12 กุมภาพันธ์]] [[พ.ศ. 2347]]) เป็น[[นักปรัชญา]][[ประเทศเยอรมนี|ชาวเยอรมัน]] จาก[[แคว้นปรัสเซีย]] ได้รับการยกย่องโดยทั่วไปว่า เป็นนักคิดที่มีอิทธิพลมากที่สุดของ[[ยุโรป]] และเป็น[[นักปรัชญา]]คนสำคัญคนสุดท้ายของ[[ยุคแสงสว่าง]] เขาสร้างผลกระทบที่สำคัญไปถึงนักปรัชญาสาย[[โรแมนติก (ปรัชญา)|โรแมนติก]]และสาย[[จิตนิยม]] ในสมัย[[คริสต์ศตวรรษที่ 19]] งานของเขาเป็นจุดเริ่มของ[[เกออร์ค วิลเฮ็ล์ม ฟรีดริช เฮเกิล|เฮเกิล]]


คานต์เป็นที่รู้จักเนื่องจากแนวคิดของเขา ที่เรียกว่า[[จิตนิยมอุตรวิสัย]] ([[transcendental idealism]]) ที่กล่าวว่ามนุษย์ใช้[[มโนภาพแต่กำเนิด|แนวคิดบางอย่างที่ติดตัวมาแต่กำเนิด]] (innate idea) ในการรับรู้[[ประสบการณ์]]ที่เกิดขึ้นรอบตัวในโลก เรารับรู้โลกโดยผ่านทางประสาทสัมผัสประกอบกับมโนภาพที่ติดตัวมานี้ ดังนั้นเราจึงไม่สามารถล่วงรู้หรือเข้าใจใน "สรรพสิ่งที่แท้" ได้ ความรู้ต่อสรรพสิ่งที่เรามีนั้นจึงเป็นได้แค่เพียงภาพปรากฏ ที่เรารับรู้ได้ผ่านทางประสาทสัมผัสเท่านั้น
คานต์เป็นที่รู้จักเนื่องจากแนวคิดของเขา ที่เรียกว่า[[จิตนิยมอุตรวิสัย]] ([[transcendental idealism]]) ที่กล่าวว่ามนุษย์ใช้[[มโนภาพแต่กำเนิด|แนวคิดบางอย่างที่ติดตัวมาแต่กำเนิด]] (innate idea) ในการรับรู้[[ประสบการณ์]]ที่เกิดขึ้นรอบตัวในโลก เรารับรู้โลกโดยผ่านทางประสาทสัมผัสประกอบกับมโนภาพที่ติดตัวมานี้ ดังนั้นเราจึงไม่สามารถล่วงรู้หรือเข้าใจใน "สรรพสิ่งที่แท้" ได้ ความรู้ต่อสรรพสิ่งที่เรามีนั้นจึงเป็นได้แค่เพียงภาพปรากฏ ที่เรารับรู้ได้ผ่านทางประสาทสัมผัสเท่านั้น


[[ญาณวิทยา]] (epistemology) หรือทฤษฎีความรู้ของคานต์นั้น เกิดขึ้นเพื่อแก้ความขัดแย้งระหว่างปรัชญาสาย[[เหตุผลนิยม]]ที่กล่าวว่า ความรู้สามารถสร้างขึ้นได้ไม่จำเป็นต้องใช้ประสบการณ์ กับปรัชญาสาย[[ประสบการณ์นิยม]]ที่กล่าวว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่เรารู้มีที่มาจากประสบการณ์ คานต์ได้เชื่อมแนวคิดที่ขัดแย้งกันทั้งสอง ดังคำกล่าวที่เขาเองเปรียบเปรยว่าเป็นการปฏิวัติแบบ[[โคเปอร์นิคัส]] (Copernical Revolution) โดยสรุปคร่าวๆ ได้เป็นประโยคขึ้นต้นของหนังสือ ''บทวิพากษ์ของการใช้เหตุผล'' (''Critique of Pure Reason'') ว่า "แม้ว่าความรู้ทั้งหมดที่เรามีจะมีจุดเริ่มต้นจากประสบการณ์ แต่นั่นมิได้หมายความว่าความรู้ทั้งหมดนั้นเกิดขึ้นมาจากประสบการณ์"
[[ญาณวิทยา]] (epistemology) หรือทฤษฎีความรู้ของคานต์นั้น เกิดขึ้นเพื่อแก้ความขัดแย้งระหว่างปรัชญาสาย[[เหตุผลนิยม]]ที่กล่าวว่า ความรู้สามารถสร้างขึ้นได้ไม่จำเป็นต้องใช้ประสบการณ์ กับปรัชญาสาย[[ประสบการณ์นิยม]]ที่กล่าวว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่เรารู้มีที่มาจากประสบการณ์ คานต์ได้เชื่อมแนวคิดที่ขัดแย้งกันทั้งสอง ดังคำกล่าวที่เขาเองเปรียบเปรยว่าเป็นการปฏิวัติแบบ[[โคเปอร์นิคัส]] (Copernical Revolution) โดยสรุปคร่าว ๆ ได้เป็นประโยคขึ้นต้นของหนังสือ ''บทวิพากษ์ของการใช้เหตุผล'' (''Critique of Pure Reason'') ว่า "แม้ว่าความรู้ทั้งหมดที่เรามีจะมีจุดเริ่มต้นจากประสบการณ์ แต่นั่นมิได้หมายความว่าความรู้ทั้งหมดนั้นเกิดขึ้นมาจากประสบการณ์"


ใน ''Critique of Pure Reason'' ยังได้นำเสนอเนื้อหาของหลักทาง[[ศีลธรรม]] ([[จริยศาสตร์]]) ที่ยังคงมีอิทธิพลต่อแนวความคิดด้าน[[จริยธรรม]]ของโลกตะวันตกมาจนถึงปัจจุบัน ตลอดจนอาจกล่าวได้ว่าเขาเป็นบิดาแห่งแนวคิดเรื่อง[[สหประชาชาติ]] ดังที่ปรากฏในความเรียงว่าด้วยเรื่องสันติภาพถาวรของเขาได้เสนอให้มีการจัดตั้งองค์กรระหว่างประเทศขึ้นเพื่อยุติความขัดแย้งและความโหดร้ายของ[[สงคราม]] กระทั่ง[[สันนิบาตชาติ]]และตามด้วย[[สหประชาชาติ]]ได้เกิดขึ้นจริงในปัจจุบัน
ใน ''Critique of Pure Reason'' ยังได้นำเสนอเนื้อหาของหลักทาง[[ศีลธรรม]] ([[จริยศาสตร์]]) ที่ยังคงมีอิทธิพลต่อแนวความคิดด้าน[[จริยธรรม]]ของโลกตะวันตกมาจนถึงปัจจุบัน ตลอดจนอาจกล่าวได้ว่าเขาเป็นบิดาแห่งแนวคิดเรื่อง[[สหประชาชาติ]] ดังที่ปรากฏในความเรียงว่าด้วยเรื่องสันติภาพถาวรของเขาได้เสนอให้มีการจัดตั้งองค์กรระหว่างประเทศขึ้นเพื่อยุติความขัดแย้งและความโหดร้ายของ[[สงคราม]] กระทั่ง[[สันนิบาตชาติ]]และตามด้วย[[สหประชาชาติ]]ได้เกิดขึ้นจริงในปัจจุบัน


== ประวัติ ==
== ประวัติ ==
เกร็ดประวัติชีวิตที่น่าสนใจของ[[นักปรัชญา]]ผู้นี้คือคานต์ เกิดและตายที่เมือง[[โคนิกสเบิร์ก]] (Konigsberg) ทางตะวันออกของ[[ปรัสเซีย]] และดำรงตำแหน่ง[[ศาสตราจารย์]]ใน[[มหาวิทยาลัยโคนิกสเบิร์ก]]ที่นั่น ทั้งชีวิตของเขาไม่เคยออกนอกเมืองดังกล่าวเลย แนวคิดของเขาส่งผ่านไปทั่วโลกโดยทางจดหมาย หลัก[[ศีลธรรม]]ของเขาไม่เพียงแต่ปรากฏในแผ่นกระดาษเท่านั้น แต่เขายังถือปฏิบัติอย่างจริงจังอีกด้วย เขาครองโสดตลอดชีวิต มีความเป็นอยู่อย่างสมถะ และไม่โอ้อวดในทางวิชาการ นอกจากนี้เขายังเป็นคนที่ตรงเวลามากอีกด้วย ทุกๆ วันเขาจะออกจากบ้านเวลาเดียวกันเสมอ กระทั่งมีคำกล่าวว่า หากเห็นคานท์ออกจากบ้านเมื่อใดก็สามารถนำเวลานั้นมาตั้งหน้าปัดนาฬิกาของตนเองได้
เกร็ดประวัติชีวิตที่น่าสนใจของ[[นักปรัชญา]]ผู้นี้คือคานต์ เกิดและตายที่เมือง[[เคอนิจส์แบร์ก]] (Konigsberg) ทางตะวันออกของ[[ปรัสเซีย]] และดำรงตำแหน่ง[[ศาสตราจารย์]]ใน[[มหาวิทยาลัยเคอนิจส์แบร์ก]]ที่นั่น ทั้งชีวิตของเขาไม่เคยออกนอกเมืองดังกล่าวเลย แนวคิดของเขาส่งผ่านไปทั่วโลกโดยทางจดหมาย หลัก[[ศีลธรรม]]ของเขาไม่เพียงแต่ปรากฏในแผ่นกระดาษเท่านั้น แต่เขายังถือปฏิบัติอย่างจริงจังอีกด้วย เขาครองโสดตลอดชีวิต มีความเป็นอยู่อย่างสมถะ และไม่โอ้อวดในทางวิชาการ นอกจากนี้เขายังเป็นคนที่ตรงเวลามากอีกด้วย ทุก ๆ วันเขาจะออกจากบ้านเวลาเดียวกันเสมอ กระทั่งมีคำกล่าวว่า หากเห็นคานต์ออกจากบ้านเมื่อใดก็สามารถนำเวลานั้นมาตั้งหน้าปัดนาฬิกาของตนเองได้


'''อิมมานูเอล คานต์''' มีชีวิตอยู่ในระหว่างรัชสมัย[[สมเด็จพระเจ้าท้ายสระ]] [[สมัยอยุธยา]] และรัชสมัย[[พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก]] [[สมัยรัตนโกสินทร์]] คานท์ ถึงแก่กรรมเมื่ออายุได้ 80 ปี
'''อิมมานูเอล คานต์''' มีชีวิตอยู่ในระหว่างรัชสมัย[[สมเด็จพระเจ้าท้ายสระ]] [[สมัยอยุธยา]] และรัชสมัย[[พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก]] [[สมัยรัตนโกสินทร์]] คานต์ ถึงแก่กรรมเมื่ออายุได้ 80 ปี


== อ้างอิง ==
== อ้างอิง ==

รุ่นแก้ไขเมื่อ 21:53, 18 กันยายน 2561

อิมมานูเอล คานต์
เกิด22 เมษายน, พ.ศ. 2267 (Königsberg, ราชอาณาจักรปรัสเซีย) (Now Kaliningrad, รัสเซีย)
เสียชีวิต12 กุมภาพันธ์, พ.ศ. 2347 (Königsberg, ราชอาณาจักรปรัสเซีย)
ยุคปรัชญาศตวรรษที่ 18
แนวทางปรัชญาตะวันตก
สำนักKantianism, ยุคแสงสว่างแห่งปัญญา ปรัชญา
ความสนใจหลัก
ญาณวิทยา, อภิปรัชญา, จริยศาสตร์
แนวคิดเด่น
Categorical imperative, Transcendental Idealism, Synthetic a priori, Noumenon, Sapere aude
ลายมือชื่อ
อิมมานูเอล คานต์

อิมมานูเอล คานต์[1] (เยอรมัน: Immanuel Kant; 22 เมษายน ค.ศ. พ.ศ. 2267 - 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2347) เป็นนักปรัชญาชาวเยอรมัน จากแคว้นปรัสเซีย ได้รับการยกย่องโดยทั่วไปว่า เป็นนักคิดที่มีอิทธิพลมากที่สุดของยุโรป และเป็นนักปรัชญาคนสำคัญคนสุดท้ายของยุคแสงสว่าง เขาสร้างผลกระทบที่สำคัญไปถึงนักปรัชญาสายโรแมนติกและสายจิตนิยม ในสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 19 งานของเขาเป็นจุดเริ่มของเฮเกิล

คานต์เป็นที่รู้จักเนื่องจากแนวคิดของเขา ที่เรียกว่าจิตนิยมอุตรวิสัย (transcendental idealism) ที่กล่าวว่ามนุษย์ใช้แนวคิดบางอย่างที่ติดตัวมาแต่กำเนิด (innate idea) ในการรับรู้ประสบการณ์ที่เกิดขึ้นรอบตัวในโลก เรารับรู้โลกโดยผ่านทางประสาทสัมผัสประกอบกับมโนภาพที่ติดตัวมานี้ ดังนั้นเราจึงไม่สามารถล่วงรู้หรือเข้าใจใน "สรรพสิ่งที่แท้" ได้ ความรู้ต่อสรรพสิ่งที่เรามีนั้นจึงเป็นได้แค่เพียงภาพปรากฏ ที่เรารับรู้ได้ผ่านทางประสาทสัมผัสเท่านั้น

ญาณวิทยา (epistemology) หรือทฤษฎีความรู้ของคานต์นั้น เกิดขึ้นเพื่อแก้ความขัดแย้งระหว่างปรัชญาสายเหตุผลนิยมที่กล่าวว่า ความรู้สามารถสร้างขึ้นได้ไม่จำเป็นต้องใช้ประสบการณ์ กับปรัชญาสายประสบการณ์นิยมที่กล่าวว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่เรารู้มีที่มาจากประสบการณ์ คานต์ได้เชื่อมแนวคิดที่ขัดแย้งกันทั้งสอง ดังคำกล่าวที่เขาเองเปรียบเปรยว่าเป็นการปฏิวัติแบบโคเปอร์นิคัส (Copernical Revolution) โดยสรุปคร่าว ๆ ได้เป็นประโยคขึ้นต้นของหนังสือ บทวิพากษ์ของการใช้เหตุผล (Critique of Pure Reason) ว่า "แม้ว่าความรู้ทั้งหมดที่เรามีจะมีจุดเริ่มต้นจากประสบการณ์ แต่นั่นมิได้หมายความว่าความรู้ทั้งหมดนั้นเกิดขึ้นมาจากประสบการณ์"

ใน Critique of Pure Reason ยังได้นำเสนอเนื้อหาของหลักทางศีลธรรม (จริยศาสตร์) ที่ยังคงมีอิทธิพลต่อแนวความคิดด้านจริยธรรมของโลกตะวันตกมาจนถึงปัจจุบัน ตลอดจนอาจกล่าวได้ว่าเขาเป็นบิดาแห่งแนวคิดเรื่องสหประชาชาติ ดังที่ปรากฏในความเรียงว่าด้วยเรื่องสันติภาพถาวรของเขาได้เสนอให้มีการจัดตั้งองค์กรระหว่างประเทศขึ้นเพื่อยุติความขัดแย้งและความโหดร้ายของสงคราม กระทั่งสันนิบาตชาติและตามด้วยสหประชาชาติได้เกิดขึ้นจริงในปัจจุบัน

ประวัติ

เกร็ดประวัติชีวิตที่น่าสนใจของนักปรัชญาผู้นี้คือคานต์ เกิดและตายที่เมืองเคอนิจส์แบร์ก (Konigsberg) ทางตะวันออกของปรัสเซีย และดำรงตำแหน่งศาสตราจารย์ในมหาวิทยาลัยเคอนิจส์แบร์กที่นั่น ทั้งชีวิตของเขาไม่เคยออกนอกเมืองดังกล่าวเลย แนวคิดของเขาส่งผ่านไปทั่วโลกโดยทางจดหมาย หลักศีลธรรมของเขาไม่เพียงแต่ปรากฏในแผ่นกระดาษเท่านั้น แต่เขายังถือปฏิบัติอย่างจริงจังอีกด้วย เขาครองโสดตลอดชีวิต มีความเป็นอยู่อย่างสมถะ และไม่โอ้อวดในทางวิชาการ นอกจากนี้เขายังเป็นคนที่ตรงเวลามากอีกด้วย ทุก ๆ วันเขาจะออกจากบ้านเวลาเดียวกันเสมอ กระทั่งมีคำกล่าวว่า หากเห็นคานต์ออกจากบ้านเมื่อใดก็สามารถนำเวลานั้นมาตั้งหน้าปัดนาฬิกาของตนเองได้

อิมมานูเอล คานต์ มีชีวิตอยู่ในระหว่างรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าท้ายสระ สมัยอยุธยา และรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก สมัยรัตนโกสินทร์ คานต์ ถึงแก่กรรมเมื่ออายุได้ 80 ปี

อ้างอิง

  1. ราชบัณฑิตยสถาน, พจนานุกรมศัพท์ปรัชญา อังกฤษ-ไทย ฉบับราชบัณฑิตยสถาน, พิมพ์ครั้งที่ 4, 2548, หน้า 164

ดูเพิ่ม