ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ไทยวน"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Phadungpong chantayos (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
ป้ายระบุ: เพิ่มข้อความไม่เป็นวิกิขนาดใหญ่ การแก้ไขแบบเห็นภาพ
Phadungpong chantayos (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 30: บรรทัด 30:


เรือนของชาวไทยวนนั้น มีเอกลักษณ์เฉพาะเรียกว่า เรือนเชียงแสนหรือเรือนกาแล กล่าวคือจะมีไม้ไขว้อยู่บนหลังคาเหนือจั่ว เรือนส่วนบนจะผายออก ที่เรียกว่า เรือน อกโตเอวคอด เมื่อชาวเชียงแสนได้อพยพมาอยู่ที่สระบุรีในตอนต้นนั้น มีการปลูกเรือนกาแลอยู่บ้าง ดังที่ปรากฏในงานจิตรกรรมฝาผนังวัดจันทรบุรี จากการสอบถามคนเฒ่าคนแก่ใน ชุมชนบ้าน เสาไห้ก็พบว่า แต่เดิมนั้นมีการปลูกเรือนกาแลอยู่บ้าง
เรือนของชาวไทยวนนั้น มีเอกลักษณ์เฉพาะเรียกว่า เรือนเชียงแสนหรือเรือนกาแล กล่าวคือจะมีไม้ไขว้อยู่บนหลังคาเหนือจั่ว เรือนส่วนบนจะผายออก ที่เรียกว่า เรือน อกโตเอวคอด เมื่อชาวเชียงแสนได้อพยพมาอยู่ที่สระบุรีในตอนต้นนั้น มีการปลูกเรือนกาแลอยู่บ้าง ดังที่ปรากฏในงานจิตรกรรมฝาผนังวัดจันทรบุรี จากการสอบถามคนเฒ่าคนแก่ใน ชุมชนบ้าน เสาไห้ก็พบว่า แต่เดิมนั้นมีการปลูกเรือนกาแลอยู่บ้าง

= อาหาร =
ชาว'''ไทยวน'''บริโภคข้าวเหนียวเป็นหลัก อาการคาวที่มีชื่อและเป็นที่รู้จักของคนทั่วไป ได้แก่ แกงโฮ๊ะ ลาบ ผัดหมี่ ไส้อั่ว แคบหมู น้ำพริกหนุ่ม น้ำเงี้ยว นอกจากนี้ยังมีขนมที่เป็นอาหารหวาน ได้แก่ ขนมเทียน ข้าวแตน ข้าวหลาม ข้าวต้มมัด ที่นอกจากใช้เป็นอาหารแล้วใช้เพื่อประกอบพิธีกรรมและงานบุญต่างๆ ด้วย

ชาว'''ไทยวน'''มักใชถัวเน่าในการทำอาหารโดยการนำถั่วเหลืองมาหนมักไว้แล้วนำมาแปรรูป เช่น ถั่วเน่าแข็บหรือถั่วเน่าแผ่น ถั่วเน่าเมอะหรือแอ๊บถั่วเน่า ซึ่งถัวเน่าแข็บนั้นสามารถนำมาประกอบอาหารได้หลายอย่าง เช่น น้ำเงียว น้ำพริกตาแดง ผักกาดจอ เป็นต้น ถัวเน่าแข็บจึงได้สมญานามว่าปลาร้าแห่งล้านนา อีกด้วย


== อ้างอิง ==
== อ้างอิง ==

รุ่นแก้ไขเมื่อ 12:25, 30 กรกฎาคม 2561

ไทยยวน
การรำของไทยยวนในจังหวัดเชียงใหม่
ประชากรทั้งหมด
6 ล้านคน[1]
ภูมิภาคที่มีประชากรอย่างมีนัยสำคัญ
ประเทศไทย, ประเทศลาว (ห้วยทราย, แขวงบ่อแก้ว และ แขวงไชยบุรี)
ภาษา
คำเมือง (มักพูดสองภาษากับภาษาไทยกลาง)
ศาสนา
ส่วนใหญ่ พุทธเถรวาท ส่วนน้อย ศาสนาคริสต์
กลุ่มชาติพันธุ์ที่เกี่ยวข้อง
กลุ่มชาติพันธุ์ไท-กะได

ไทยวน (อ่านว่า ไท-ยวน) หรือ ไตยวน (อ่านว่า ไต-ยวน) หรือ คนเมือง เป็นกลุ่มประชากรที่พูดภาษาตระกูลภาษาไท-กะไดกลุ่มหนึ่งที่ตั้งถิ่นฐานทางตอนเหนือของประเทศไทยที่เคยเป็นที่ตั้งของอาณาจักรล้านนา เป็นกลุ่มประชากรที่ใหญ่ที่สุดในอาณาจักรล้านนา ซึ่งมีคำเรียกตนเองหลายอย่าง เช่น "ยวน โยน หรือ ไต(ไท)" และถึงแม้ในปัจจุบัน ชาวล้านนาจะกลายเป็นพลเมืองของประเทศไทยแล้วก็ตาม แต่ก็มักเรียกตนเองว่า "คนเมือง" ซึ่งเป็นคำเรียกที่เกิดขึ้นในภายหลัง ในยุคเก็บผักใส่ซ้าเก็บข้าใส่เมือง เพื่อฟื้นฟูประชากรในล้านนาหลังสงคราม โดยการกวาดต้อนกลุ่มคนจากที่ต่างๆเข้ามายังเมืองของตน

ตามตำนานสิงหนวัศิกล่าวว่า สิงหนวัศิกุมาร ได้อพยพผู้คนบริวารมาจากเมืองราชคฤห์ เข้าใจว่า อยู่ในมณฑลยูนนาน มาตั้งบ้านเรือนอยู่ที่เชียงแสน ราวต้นสมัยพุทธกาล ตั้งชื่อบ้านเมืองนี้ ว่า “โยนกนคร” เรียกประชาชนเมืองนี้ว่า “ยวน” ซึ่งเป็นเสียงเพี้ยนมาจากชื่อเมือง “โยนก” นั่นเอง[ต้องการอ้างอิง] จากนั้น ก็มีกษัตริย์ครองเมืองโยนกนี้มาเรื่อยๆ ประชากรไทยวน ก็แพร่หลายออกไปในอาณาจักรล้านนา ต่อมา พ.ศ. 2101 พระเจ้าบุเรงนองกษัตริย์พม่า ได้นำทัพมาตีเมืองเหนือ และปกครองเมืองเหนือเป็นเวลานานถึง 200 ปี

คนไทยภาคกลางในสมัยโบราณเคยเรียก ชาวไทยในถิ่นเหนือว่า "ยวน" โดยปรากฎหลักฐานในวรรณคดีเช่น ลิลิตยวนพ่าย ซึ่งกวีของอยุธยารจนาขึ้นในสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ นักวิชาการต่างประเทศสันนิษฐานว่า คำว่า ยวน อาจจะมาจากคำสันสกฤตว่า "yavana" แปลว่า คนแปลกถิ่น หรือคนต่างถิ่น[2] เจ้าอาณานิคมอังกฤษในสมัยที่เข้าปกครองประเทศพม่า มองว่าคนยวนเป็นพวกเดียวกับชาวฉาน โดยเรียกพวกนี้ว่า "คนฉานสยาม" (Siamese Shan) เพื่อแยกแยะออกจากจากชาวรัฐฉานในประเทศพม่าที่อังกฤษเรียกว่า "ฉานพม่า" (Burmese Shan)[3] แสดงให้เห็นถึงความใกล้ชิดทางวัฒนธรรมประเพณีของคนไทใหญ่หลายๆกลุ่ม

ในปี พ.ศ. 2454 แดเนียล แม็คกิลวารี ซึ่งทำงานเผยแพร่คริสต์ศาสนาในล้านนา เป็นเวลาเกือบห้าสิบปี (พ.ศ. 2410 - 2453) ได้เขียนหนังสือเรื่อง "กึ่งศตวรรษในหมู่ชาวสยามและชาวลาว"[4] เรียกคนในล้านนาปนๆไปว่า "คนลาว" เรียกตั๋วเมือง(อักษรล้านนา)ว่าเป็น "ภาษาลาว" และเรียกดินแดนแห่งนี้ว่า "ลาว" แต่น่าจะเป็นเพียงเพื่อบ่งชี้ว่าคนไทยทางเหนือเคยปกครองตัวเองแยกจากสยามมาก่อน ซึ่งในตอนหนึ่งของหนังสือ แม็คกิลวารี ขยายความว่า

"เราได้แล้วเห็นจังหวัดลาว (ล้านนา) ต่างๆ ซึ่งปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของสยามนั้น เคยเป็นมลรัฐอิสระมาจนกระทั่งพระเจ้ากาวิโลรสสุริยวงศ์สิ้นพระชนม์ แต่แอกของสยามนั้นเบาและอารีมาก พวกล้านนาไม่ได้ถูกสยบในสงคราม แต่เข้ามาสู่ความเกี่ยวพันกับสยามโดยความเต็มใจของตัวเอง เพื่อจะหนีการปกครองของพม่า ด้วยเหตุที่ทั้งตำแหน่งที่ตั้งและความอ่อนแอของรัฐเหล่านี้ ทำให้มีความจำเป็นที่พวกเขาจะต้องมองไปที่อาณาจักรคู่แข่งขันในภูมิภาค เพื่อขอความคุ้มครองจากอีกรัฐหนึ่ง ... ธรรมชาติได้สร้างให้ประเทศลาวมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับสยามมากกว่าใครอื่น การคมนาคมติดต่อกับทะเลจำต้องผ่านแม่น้ำเจ้าพระยา และลำน้ำสาขา ในขณะที่แนวทิวเขาสูงแยกดินแดนนี้ออกจากพม่า ทั้งในทางชาติพันธ์และภาษาก็เช่นกัน พวกนี้เป็นคนสยาม และไม่ใช่คนพม่า"

— แม็คกิลวารี, กึ่งศตวรรษในหมู่ชาวสยามและชาวลาว, หน้า 191[5]

ในงานเรื่อง "ชนชาติไท" ตีพิมพ์ในปี พ.ศ. 2466 วิลเลียม คลิฟตัน ดอดด์ มิชชันนารีชาวอเมริกัน ซึ่งทำงานที่เชียงรายนานถึง 32 ปี (พ.ศ. 2429 - 2461) กล่าวถึงคนเขตภาคเหนือตอนบนของไทยว่าเป็น "คนยวน" มิใช่คนลาวดังที่หลายฝ่ายเข้าใจ แต่ความน่าสนใจของแม็คกิลวารี และ ด็อดด์ อยู่ที่ว่าคนทั้งสองได้ทำงานในล้านนาเป็นเวลานานมาก จึงน่าจะมีความรู้ความเข้าใจในท้องถิ่นอย่างมาก แต่คนทั้งสองก็มิได้แตกต่างจากชาวต่างชาติคนอื่น ที่เข้ามาเยือนภาคเหนือเหมือนกัน แต่อยู่ไม่นาน นั่นคือไม่พูดถึงการเมืองท้องถิ่น และมองคนในภาคเหนือในมุมมองที่แทบไม่แตกต่างจากมุมมองของชาวสยาม

ประเพณีและวัฒนธรรม

ไทยวน มีนิสัยสันโดษ รักสงบ รักธรรมชาติ เกื้อกูลต่อกัน ผิวขาวเจือเหลือง เชื่อถือ ยกย่องในบรรพบุรุษ ศรัทธาและนับถือพระพุทธศาสนา มีความเคารพและปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ตามกฎมังรายศาตร์คนไทยวน มีภาษาพูดของตนเองเรียกว่า ฟู่อู้กำเมือง มีวรรณยุคเสียงสูง ต่ำ กลาง ซึ่งเป็นการบอกถึงอารมณ์ได้เป็นอย่างดี มีภาษาอักษรเขียนเรียกว่า ตั๋วเมือง

ภาษา

ชาวไทยวน มีภาษาพูดภาษาเขียนเป็นเอกลักษณ์ของตนเอง อักษรของชาวไทยวน มีใช้มาเป็นเวลานานแล้ว เมื่อได้อพยพมาอยู่ที่สระบุรี ก็นำเอาอักษรเหล่านั้นมาใช้ด้วย ใช้เขียนลงในสมุดข่อยหรือจารบนใบลาน ชาวไทยวนเรียกอักษรนี้ว่า หนังสือยวน เรื่องที่บันทึกลงใบข่อยหรือสมุดไทย มักจะเป็นตำราหมอดู ตำราสมุนไพร เวทมนต์คาถาต่างๆ ส่วนเรื่องที่จารลง ใบลาน จะเป็นพระธรรมเทศนาเป็นส่วนใหญ่ ชาวไทยวนมักนิยมถวายคัมภีร์เทศน์ เพราะเชื่อว่าได้บุญมากส่วนใหญ่มักเป็นเรื่อง เวสสันดรชาดก ยอดพระไตรปิฎกคัมภีร์ยวนฉบับต่างๆได้รับต้นฉบับมาจากฝ่ายเหนือ เมื่อได้มาก็คัดลอกจารต่อๆกันมา ชาวไทยวนมีการร้องเพลง เรียกว่า จ๊อย เป็นการร้องด้วยสำนวนโวหาร อาจจะเป็นการจ๊อยคนเดียว หรือจ๊อย โต้ตอบกันก็ได้ การจ๊อยนี้ จะไม่มีเครื่องดนตรีประกอบ เนื้อหาในการจ๊อย อาจจะเกี่ยวกับนิทานชาดก คำสอน ประวัติตลอดจนการเกี้ยวพาราสี

เรือนของชาวไทยวนนั้น มีเอกลักษณ์เฉพาะเรียกว่า เรือนเชียงแสนหรือเรือนกาแล กล่าวคือจะมีไม้ไขว้อยู่บนหลังคาเหนือจั่ว เรือนส่วนบนจะผายออก ที่เรียกว่า เรือน อกโตเอวคอด เมื่อชาวเชียงแสนได้อพยพมาอยู่ที่สระบุรีในตอนต้นนั้น มีการปลูกเรือนกาแลอยู่บ้าง ดังที่ปรากฏในงานจิตรกรรมฝาผนังวัดจันทรบุรี จากการสอบถามคนเฒ่าคนแก่ใน ชุมชนบ้าน เสาไห้ก็พบว่า แต่เดิมนั้นมีการปลูกเรือนกาแลอยู่บ้าง

อาหาร

ชาวไทยวนบริโภคข้าวเหนียวเป็นหลัก อาการคาวที่มีชื่อและเป็นที่รู้จักของคนทั่วไป ได้แก่ แกงโฮ๊ะ ลาบ ผัดหมี่ ไส้อั่ว แคบหมู น้ำพริกหนุ่ม น้ำเงี้ยว นอกจากนี้ยังมีขนมที่เป็นอาหารหวาน ได้แก่ ขนมเทียน ข้าวแตน ข้าวหลาม ข้าวต้มมัด ที่นอกจากใช้เป็นอาหารแล้วใช้เพื่อประกอบพิธีกรรมและงานบุญต่างๆ ด้วย

ชาวไทยวนมักใชถัวเน่าในการทำอาหารโดยการนำถั่วเหลืองมาหนมักไว้แล้วนำมาแปรรูป เช่น ถั่วเน่าแข็บหรือถั่วเน่าแผ่น ถั่วเน่าเมอะหรือแอ๊บถั่วเน่า ซึ่งถัวเน่าแข็บนั้นสามารถนำมาประกอบอาหารได้หลายอย่าง เช่น น้ำเงียว น้ำพริกตาแดง ผักกาดจอ เป็นต้น ถัวเน่าแข็บจึงได้สมญานามว่าปลาร้าแห่งล้านนา อีกด้วย

อ้างอิง

  1. Lewis, M. Paul (ed.), 2009. Ethnologue: Languages of the World, Sixteenth edition. Entry for Northern Thai Dallas, Tex.: SIL International.
  2. Frederic Pain (2008), "An introduction to Thai ethnonymy: examples from Shan and Northern Thai", The Journal of the American Oriental Society
  3. Andrew Turton (2004), "Violent Capture of People for Exchange on Karen-Tai borders in the 1830s", Structure of Slavery in Indian Ocean Africa and Asia, London: Frank Cass, p. 73
  4. McGilvary, Daniel (1912). A HALF CENTURY AMONG THE SIAMESE AND THE LAO. London, Fleming H. Revell Comapny. p. 435. {{cite book}}: line feed character ใน |title= ที่ตำแหน่ง 21 (help)
  5. McGilvary 1912, p. 191.
  • สุรชัย จงจิตงาม. ท่องเที่ยว-เรียนรู้ ล้านนา เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง. [ม.ป.ท.] : [ม.ป.พ.], [ม.ป.ป.]. หน้า 16.