ผลต่างระหว่างรุ่นของ "สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Setawut (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 1: บรรทัด 1:
{{กล่องข้อมูล ตำแหน่งทางการเมือง
{{กล่องข้อมูล ตำแหน่งทางการเมือง
| post = สมเด็จพระสังฆราช<br>สกลมหาสังฆปริณายก<br>แห่งกรุงรัตนโกสินทร์
| post = สกลมหาสังฆปริณายก<br>แห่งกรุงรัตนโกสินทร์
| insignia = ฉัตรสามชั้น.jpg
| insignia = ฉัตรสามชั้น.jpg
| insigniasize = 80px
| insigniasize = 80px
| insigniacaption = พระเศวตฉัตร 3 ชั้น ประจำองค์สมเด็จพระสังฆราช
| insigniacaption = พระเศวตฉัตร 3 ชั้น ประจำองค์สมเด็จพระสังฆราช
| flag =
| flag =
| image = ไฟล์:อัมพร อัมพโร.jpg
| image = ไฟล์:สมเด็จพระสังฆราช (อัมพร อมฺพโร).jpg
| imagesize = 150px
| imagesize = 200px
| incumbent = [[สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (อัมพร อมฺพโร)|สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (อัมพร อมฺพโร)]]
| incumbent = [[สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (อัมพร อมฺพโร) ]]
| incumbentsince = 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560
| incumbentsince = 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560
| style = ฝ่าพระบาท
| style = ใต้ฝ่าพระบาท
| residence = [[พระอารามหลวง]]
| residence = [[พระอารามหลวง]]
| appointer = [[พระมหากษัตริย์ไทย]]
| appointer = [[พระมหากษัตริย์ไทย]]
บรรทัด 15: บรรทัด 15:
| formation = พ.ศ. 2325
| formation = พ.ศ. 2325
| succession =
| succession =
| salary =
| salary =34,200 บาท<ref>{{cite web|title=บัญชีนิตยภัต ฉบับปรับปรุงใหม่ เริ่มใช้ตั้งแต่ 1 เมษายน 2554 เป็นต้นไป|url=http://pkt.onab.go.th/index.php?option=com_content&view=article&id=148&Itemid=132|publisher=สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดภูเก็ต|date=27 เมษายน 2555|accessdate=15 กุมภาพันธ์ 2559}}</ref>
| inaugural = [[สมเด็จพระอริยวงษญาณ สมเด็จพระสังฆราช (ศรี)|สมเด็จพระอริยวงษญาณ (ศรี)]]
| inaugural = [[สมเด็จพระอริยวงษญาณ สมเด็จพระสังฆราช (ศรี)|สมเด็จพระอริยวงษญาณ (ศรี)]]
| website =
| website =
}}
}}
ในประเทศไทย '''สมเด็จพระ[[สังฆราช]]''' คือประมุขแห่งคณะสงฆ์ ซึ่งตามกฎหมายคณะสงฆ์บัญญัติให้ทรงดำรงตำแหน่งสกลมหาสังฆปริณายก<ref>''พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2554'', หน้า 1,167</ref>
ในประเทศไทย '''สมเด็จพระ[[สังฆราช]]''' คือประมุขแห่งคณะสงฆ์ ซึ่งตามกฎหมายคณะสงฆ์บัญญัติให้ทรงดำรงตำแหน่งสกลมหาสังฆปริณายก<ref>''พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2554'', หน้า 1,167</ref>

ที่มาและอำนาจหน้าที่ของสมเด็จพระสังฆราชเป็นไปตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. 2505<ref>[http://www.thailandlawyercenter.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=538973928&Ntype=19 พระราชบัญญัติ คณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๕๐๕]</ref>
ที่มาและอำนาจหน้าที่ของสมเด็จพระสังฆราชเป็นไปตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. 2505<ref>[http://www.thailandlawyercenter.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=538973928&Ntype=19 พระราชบัญญัติ คณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๕๐๕]</ref>


บรรทัด 33: บรรทัด 34:


พระสงฆ์ฝ่ายคามวาสีและอรัญวาสีนี้มีมาแต่ครั้งพุทธกาล คือฝ่ายที่พำนักอยู่ใกล้เมืองเพื่อศึกษา[[พระธรรมวินัย]] เรียกว่าคามวาสี อีกฝ่ายหนึ่งบำเพ็ญสมณธรรมในที่สงบเงียบตามป่าเขา ห่างไกลจากบ้านเมืองเรียกว่าอรัญวาสี [[ภิกษุ]] แต่ละฝ่ายยังแบ่งออกเป็นคณะ แต่ละคณะจะมี[[พระราชาคณะ]]ปกครอง หัวหน้าพระราชาคณะเรียกว่า[[สมเด็จพระราชาคณะ]]
พระสงฆ์ฝ่ายคามวาสีและอรัญวาสีนี้มีมาแต่ครั้งพุทธกาล คือฝ่ายที่พำนักอยู่ใกล้เมืองเพื่อศึกษา[[พระธรรมวินัย]] เรียกว่าคามวาสี อีกฝ่ายหนึ่งบำเพ็ญสมณธรรมในที่สงบเงียบตามป่าเขา ห่างไกลจากบ้านเมืองเรียกว่าอรัญวาสี [[ภิกษุ]] แต่ละฝ่ายยังแบ่งออกเป็นคณะ แต่ละคณะจะมี[[พระราชาคณะ]]ปกครอง หัวหน้าพระราชาคณะเรียกว่า[[สมเด็จพระราชาคณะ]]

{{ดูเพิ่มที่|รายพระนามสมเด็จพระสังฆราชแห่งกรุงรัตนโกสินทร์}}


[[พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว]] ได้โปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาเปลี่ยนพระอิสริยยศสมเด็จพระสังฆราชที่เป็นพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เป็น '''[[สมเด็จพระมหาสมณเจ้า]]'''<ref>ราชกิจจานุเบกษา, [http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2464/A/10.PDF พระบรมราชโองการ ประกาศ สถาปนาสมเด็จพระมหาสมณเจ้า], เล่ม ๓๘, ตอน ๐ ก ,๑๒ เมษายน พ.ศ. ๒๔๖๔, หน้า ๑๐ </ref> ทรงเศวตฉัตร 5 ชั้น พระราชวงศ์ชั้นรองลงมา เท่าที่ปรากฏ มีชั้นหม่อมเจ้าผู้ได้รับสถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราช มีคำนำหน้า พระนามว่า '''สมเด็จพระสังฆราชเจ้า''' ทรงฉัตรตาดเหลือง 5 ชั้น
[[พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว]] ได้โปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาเปลี่ยนพระอิสริยยศสมเด็จพระสังฆราชที่เป็นพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เป็น '''[[สมเด็จพระมหาสมณเจ้า]]'''<ref>ราชกิจจานุเบกษา, [http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2464/A/10.PDF พระบรมราชโองการ ประกาศ สถาปนาสมเด็จพระมหาสมณเจ้า], เล่ม ๓๘, ตอน ๐ ก ,๑๒ เมษายน พ.ศ. ๒๔๖๔, หน้า ๑๐ </ref> ทรงเศวตฉัตร 5 ชั้น พระราชวงศ์ชั้นรองลงมา เท่าที่ปรากฏ มีชั้นหม่อมเจ้าผู้ได้รับสถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราช มีคำนำหน้า พระนามว่า '''สมเด็จพระสังฆราชเจ้า''' ทรงฉัตรตาดเหลือง 5 ชั้น
บรรทัด 44: บรรทัด 47:
|พระนาม = <small>สมเด็จพระสังฆราช<br>แห่งกรุงรัตนโกสินทร์</small>
|พระนาม = <small>สมเด็จพระสังฆราช<br>แห่งกรุงรัตนโกสินทร์</small>
|ธงประจำพระองค์ =
|ธงประจำพระองค์ =
|การทูล = ฝ่าพระบาท
|การทูล = ใต้ฝ่าพระบาท
|การแทนตน = เกล้ากระหม่อม/เกล้ากระหม่อมฉัน
|การแทนตน = เกล้ากระหม่อม/เกล้ากระหม่อมฉัน
|การขานรับ = เกล้ากระหม่อม<br>พะย่ะค่ะ/เพคะ
|การขานรับ = เกล้ากระหม่อม<br>พะย่ะค่ะ/เพคะ
บรรทัด 73: บรรทัด 76:
เมื่อสิ้นพระชนม์จะทรงได้รับเครื่องประกอบพระอิสริยยศ ได้แก่
เมื่อสิ้นพระชนม์จะทรงได้รับเครื่องประกอบพระอิสริยยศ ได้แก่
* พระโกศกุดั่นน้อย (หรือ มากกว่า)
* พระโกศกุดั่นน้อย (หรือ มากกว่า)
* พระเศวตฉัตร 3 ชั้นกางกั้นพระโกศ (หรือมากกว่า)
* พระเศวตฉัตร 3 ชั้นกางกั้นพระโกศ
* เสด็จสรงน้ำพระศพ
* เสด็จสรงน้ำพระศพ
* พระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรมพระศพ 100 วัน
* รับพระราชทานเพลิงพระศพ
* พระสงฆ์รับพระราชทานฉันเช้า-เพล 100 วัน
* ริ้วกระบวนพระอิสริยยศเชิญพระโกศพระศพไปยังพระเมรุ
* พระเมรุผ้าขาว สำหรับพระราชทานเพลิงพระศพ (ปัจจุบันใช้พระเมรุวัดเทพศิรินทราวาส)
* เสด็จพระราชทานเพลิงพระศพ บำเพ็ญพระราชกุศลออกพระเมรุ ตลอดจนฉลองพระอัฐิ
* เศวตฉัตร 3 ชั้นสุมพระอัฐิบนพระเมรุ (หรือมากกว่า)
* เครื่องประโคมสังข์ แตรงอน แตรฝรั่ง กลองชนะ จ่าปี่ จ่ากลอง
* เครื่องประโคมสังข์ แตรงอน แตรฝรั่ง กลองชนะ จ่าปี่ จ่ากลอง


[[ไฟล์:Phra Kot Kudan Yai for Somdej Phra Yannasangwon (3).jpg|500px|center|thumb|พระโกศกุดั่นใหญ่ประกอบพระอิสริยยศพระศพ[[สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก]]]]
[[ไฟล์:พระโกศพระศพพระสังฆราช.jpg|500px|center|thumb|พระโกศกุดั่นใหญ่ประกอบพระอิสริยยศพระศพ[[สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก]]]]


== การวางรูปแบบการปกครองคณะสงฆ์ของไทย ==
== รายพระนาม ==
แบบแผนการปกครองคณะสงฆ์ของไทย เริ่มจัดวางหลักตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัย มีการพัฒนาเพิ่มเติมใน สมัยกรุงศรีอยุธยาและต่อมาในสมัย[[กรุงรัตนโกสินทร์]] ก็ได้มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงบ้างเล็กน้อยมาตามลำดับ จนถึงรัชสมัย[[พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว]] การปกครองคณะสงฆ์ก็ยังจัดโดยมีตำแหน่งเปรียบเทียบดังนี้
{{บทความหลัก|รายพระนามสมเด็จพระสังฆราชแห่งกรุงรัตนโกสินทร์}}
* '''สกลมหาสังฆปริณายก ''' ได้แก่ สมเด็จพระสังฆราช
* '''มหาสังฆนายก ''' ได้แก่ [[เจ้าคณะใหญ่]]
* '''สังฆนายก''' ได้แก่ เจ้าคณะรอง
* '''มหาสังฆปาโมกข์''' ได้แก่ เจ้าคณะมณฑล
* '''สังฆปาโมกข์''' ได้แก่ [[เจ้าคณะจังหวัด]]ที่เป็นพระราชาคณะ
* '''สังฆวาห''' ได้แก่ เจ้าคณะจังหวัดที่เป็นพระครู


== อ้างอิง ==
== อ้างอิง ==
บรรทัด 102: บรรทัด 106:
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
{{wikisource|1=ลักษณะการปกครองประเทศไทยแต่โบราณ|2=การปกครองคณะสงฆ์ไทยแต่โบราณ|3=โดย กรมพระยาดำรงราชานุภาพ}}
{{wikisource|1=ลักษณะการปกครองประเทศไทยแต่โบราณ|2=การปกครองคณะสงฆ์ไทยแต่โบราณ|3=โดย กรมพระยาดำรงราชานุภาพ}}



{{สมเด็จพระสังฆราชแห่งกรุงรัตนโกสินทร์}}
{{สมเด็จพระสังฆราชแห่งกรุงรัตนโกสินทร์}}
{{สมณศักดิ์พระสงฆ์ไทย}}
{{สมณศักดิ์พระสงฆ์ไทย}}

[[หมวดหมู่:สมเด็จพระสังฆราชแห่งกรุงรัตนโกสินทร์| ]]
[[หมวดหมู่:สมเด็จพระสังฆราชแห่งกรุงรัตนโกสินทร์| ]]
[[หมวดหมู่:อภิธานศัพท์ศาสนาพุทธ]]
[[หมวดหมู่:อภิธานศัพท์ศาสนาพุทธ]]

รุ่นแก้ไขเมื่อ 09:19, 29 กรกฎาคม 2561

สกลมหาสังฆปริณายก
แห่งกรุงรัตนโกสินทร์
ไฟล์:ฉัตรสามชั้น.jpg
พระเศวตฉัตร 3 ชั้น ประจำองค์สมเด็จพระสังฆราช
ผู้ดำรงตำแหน่งคนปัจจุบัน
สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (อัมพร อมฺพโร)

ตั้งแต่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560
การเรียกขานใต้ฝ่าพระบาท
จวนพระอารามหลวง
ผู้แต่งตั้งพระมหากษัตริย์ไทย
วาระตลอดพระชนม์ชีพ
ผู้ประเดิมตำแหน่งสมเด็จพระอริยวงษญาณ (ศรี)
สถาปนาพ.ศ. 2325

ในประเทศไทย สมเด็จพระสังฆราช คือประมุขแห่งคณะสงฆ์ ซึ่งตามกฎหมายคณะสงฆ์บัญญัติให้ทรงดำรงตำแหน่งสกลมหาสังฆปริณายก[1]

ที่มาและอำนาจหน้าที่ของสมเด็จพระสังฆราชเป็นไปตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. 2505[2]

พระสังฆราชแห่งสังฆมณฑลไทย

สมเด็จพระสังฆราช เป็นตำแหน่งที่มีมาตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัย ดังมีหลักฐานจากศิลาจารึกของพ่อขุนรามคำแหงมหาราช ได้จารึกคำว่าสังฆราชไว้ด้วย สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เป็นตำแหน่งสมณะศักดิ์สูงสุดฝ่ายพุทธจักรของคณะสงฆ์ราชอาณาไทย ทรงเป็นองค์ประธานการปกครองคณะสงฆ์ ตำแหน่งนี้น่าจะมีที่มาจากคณะสงฆ์ไทย นำแบบอย่างมาจาก ลัทธิลังกาวงศ์ ซึ่งพ่อขุนรามคำแหงมหาราช ได้ทรงอัญเชิญพระเถระผู้ใหญ่ของลังกา ที่เชี่ยวชาญในพระไตรปิฎก เข้ามาเผยแผ่พระพุทธศาสนาฝ่ายเถรวาทในประเทศไทย

ในสมัยกรุงศรีอยุธยา ได้เพิ่มตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราชเป็นสกลมหาสังฆปริณายก มีอำนาจว่ากล่าวออกไปถึงหัวเมือง โดยมีสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ เจ้าคณะใหญ่ฝ่ายคามวาสี เป็นพระสังฆราชขวา สมเด็จพระวันรัตเจ้าคณะใหญ่ฝ่ายอรัญวาสี เป็นสังฆราชซ้าย องค์ใดมีพรรษายุกาลมากกว่า ก็ได้เป็นสมเด็จพระสังฆราช ในปลายสมัยกรุงศรีอยุธยา พระอริยมุนี ได้ไปสืบอายุพระพุทธศาสนาที่ลังกาทวีป มีความชอบมาก เมื่อกลับมาได้รับสมณศักดิ์สูงขึ้นตามลำดับจนเป็นสมเด็จพระสังฆราช พระเจ้าเอกทัศน์มีพระราชดำริให้คงราชทินนามนี้ไว้ จึงทรงตั้งราชทินนามสมเด็จพระสังฆราชเป็น สมเด็จพระอริยวงศาสังฆราชาธิบดี และมาเป็น สมเด็จพระอริยวงษญาณ ในสมัยกรุงธนบุรี และได้ใช้ต่อมาจนถึง รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงได้ทรงปรับปรุงเพิ่มเติมเป็น "สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ" ซึ่งได้ใช้มาจนถึงปัจจุบัน

ตามทำเนียบสมณศักดิ์ตั้งแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา ที่มีตำแหน่งสังฆปริณายก 2 องค์ ที่เรียกว่า พระสังฆราชซ้าย/ขวา ดังกล่าวแล้ว ยังมีคำอธิบายอีกประการหนึ่งว่า สมเด็จพระอริยวงศ์ เป็นพระสังฆราชฝ่ายขวาว่า คณะเหนือ พระพนรัตน์เป็นพระสังฆราชฝ่ายซ้ายว่า คณะใต้ มีพระสุพรรณบัฏจารึกพระนามเมื่อทรงตั้งทั้ง 2 พระองค์ แต่ที่สมเด็จพระพนรัตน์ โดยปกติไม่ได้เป็นสมเด็จ ส่วนพระสังฆราชฝ่ายขวานั้นเป็นสมเด็จทุกพระองค์ จึงเรียกว่าสมเด็จพระสังฆราช จึงเป็นมหาสังฆปริณายก มีศักดิ์สูงกว่าพระสังฆราชฝ่ายซ้าย ที่พระพนรัตน์แต่เดิม ทรงยกพระเกียรติยศเป็นสมเด็จแต่บางองค์ มาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย จึงเป็นสมเด็จทุกพระองค์

เมื่อครั้งกรุงสุโขทัยเป็นราชธานี วิธีการปกครองพระราชอาณาจักรในครั้งนั้น หัวเมืองใหญ่ที่ห่างไกลจากราชธานี เป็นเมืองประเทศราชโดยมาก แม้เมืองใหญ่ที่อยู่ใกล้ราชธานี ก็ตั้งเจ้านายในพระราชวงศ์เสด็จออกไปครองเมือง ทำนองเจ้าประเทศราช เมืองใหญ่แต่ละเมือง จึงน่าจะมีพระสังฆราชพระองค์หนึ่ง เป็นสังฆปรินายกของสังฆบริษัทในเมืองนั้น ดังปรากฏเค้าเงื่อนในทำเนียบชั้นหลัง ยังเรียกเจ้าคณะเมืองว่าพระสังฆราชอยู่หลายเมือง จนมาถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงได้ทรงเปลี่ยนมาเป็นสังฆปาโมกข์

พระสงฆ์ฝ่ายคามวาสีและอรัญวาสีนี้มีมาแต่ครั้งพุทธกาล คือฝ่ายที่พำนักอยู่ใกล้เมืองเพื่อศึกษาพระธรรมวินัย เรียกว่าคามวาสี อีกฝ่ายหนึ่งบำเพ็ญสมณธรรมในที่สงบเงียบตามป่าเขา ห่างไกลจากบ้านเมืองเรียกว่าอรัญวาสี ภิกษุ แต่ละฝ่ายยังแบ่งออกเป็นคณะ แต่ละคณะจะมีพระราชาคณะปกครอง หัวหน้าพระราชาคณะเรียกว่าสมเด็จพระราชาคณะ

พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้โปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาเปลี่ยนพระอิสริยยศสมเด็จพระสังฆราชที่เป็นพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เป็น สมเด็จพระมหาสมณเจ้า[3] ทรงเศวตฉัตร 5 ชั้น พระราชวงศ์ชั้นรองลงมา เท่าที่ปรากฏ มีชั้นหม่อมเจ้าผู้ได้รับสถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราช มีคำนำหน้า พระนามว่า สมเด็จพระสังฆราชเจ้า ทรงฉัตรตาดเหลือง 5 ชั้น

ตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 พระมหากษัตริย์ทรงสถาปนาสมเด็จพระสังฆราชหนึ่งพระองค์ ตามคำกราบบังคมทูลของนายกรัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของมหาเถรสมาคม ในการนี้ นายกรัฐมนตรีจะเสนอนามสมเด็จพระราชาคณะที่มีอาวุโสสูงสุดโดยสมณศักดิ์ แต่ถ้าสมเด็จพระราชาคณะดังกล่าวไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ จะเสนอสมเด็จพระราชาคณะรูปอื่นตามลำดับสมณศักดิ์และความสามารถในการทำหน้าที่แทน

ต่อมาในปี พ.ศ. 2560 ได้มีการแก้ไขกฎหมายว่าด้วยคณะสงฆ์ กำหนดให้ "มาตรา 7 พระมหากษัตริย์ทรงสถาปนาสมเด็จพระสังฆราชองค์หนึ่ง และให้นายกรัฐมนตรี ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ”

เครื่องยศของสมเด็จพระสังฆราช

ธรรมเนียมพระยศของ
สมเด็จพระสังฆราช
แห่งกรุงรัตนโกสินทร์
ไฟล์:ฉัตรสามชั้น.jpg
ตราประจำพระองค์
การทูลใต้ฝ่าพระบาท
การแทนตนเกล้ากระหม่อม/เกล้ากระหม่อมฉัน
การขานรับเกล้ากระหม่อม
พะย่ะค่ะ/เพคะ

สมเด็จพระสังฆราชจะทรงมีเครื่องพระยศประกอบพระอิสริยยศสมเด็จพระสังราช ดังนี้[4]

  • พระแท่นภายใต้เศวตฉัตร 3 ชั้น
  • พัดยศสมเด็จพระสังฆราช
  • บาตร พร้อมฝาบาตร เชิงบาตรถมปัด
  • พานพระศรี ถมปัด
  • ขันน้ำและพานรอง ถมปัด
  • คณโฑ ถมปัด
  • พระสุพรรณศรี ถมปัด
  • พระสุพรรณราช ถมปัด
  • หีบตราพระจักรี ถมปัด
  • ปิ่นทรงกลม 4 ชั้น ถมปัด
  • กาทรงกระบอก ถมปัด
  • หม้อลักจั่น ถมปัด
  • กระโถน ถมปัด

เมื่อสิ้นพระชนม์จะทรงได้รับเครื่องประกอบพระอิสริยยศ ได้แก่

  • พระโกศกุดั่นน้อย (หรือ มากกว่า)
  • พระเศวตฉัตร 3 ชั้นกางกั้นพระโกศ
  • เสด็จสรงน้ำพระศพ
  • รับพระราชทานเพลิงพระศพ
  • เครื่องประโคมสังข์ แตรงอน แตรฝรั่ง กลองชนะ จ่าปี่ จ่ากลอง
ไฟล์:พระโกศพระศพพระสังฆราช.jpg
พระโกศกุดั่นใหญ่ประกอบพระอิสริยยศพระศพสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก

การวางรูปแบบการปกครองคณะสงฆ์ของไทย

แบบแผนการปกครองคณะสงฆ์ของไทย เริ่มจัดวางหลักตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัย มีการพัฒนาเพิ่มเติมใน สมัยกรุงศรีอยุธยาและต่อมาในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ก็ได้มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงบ้างเล็กน้อยมาตามลำดับ จนถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว การปกครองคณะสงฆ์ก็ยังจัดโดยมีตำแหน่งเปรียบเทียบดังนี้

  • สกลมหาสังฆปริณายก ได้แก่ สมเด็จพระสังฆราช
  • มหาสังฆนายก ได้แก่ เจ้าคณะใหญ่
  • สังฆนายก ได้แก่ เจ้าคณะรอง
  • มหาสังฆปาโมกข์ ได้แก่ เจ้าคณะมณฑล
  • สังฆปาโมกข์ ได้แก่ เจ้าคณะจังหวัดที่เป็นพระราชาคณะ
  • สังฆวาห ได้แก่ เจ้าคณะจังหวัดที่เป็นพระครู

อ้างอิง

เชิงอรรถ
  1. พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2554, หน้า 1,167
  2. พระราชบัญญัติ คณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๕๐๕
  3. ราชกิจจานุเบกษา, พระบรมราชโองการ ประกาศ สถาปนาสมเด็จพระมหาสมณเจ้า, เล่ม ๓๘, ตอน ๐ ก ,๑๒ เมษายน พ.ศ. ๒๔๖๔, หน้า ๑๐
  4. เรื่องตั้งพระราชาคณะผู้ใหญ่ในกรุงรัตนโกสินทร์ เล่ม ๑, หน้า 319
บรรณานุกรม

แหล่งข้อมูลอื่น