ผลต่างระหว่างรุ่นของ "พรรคสันติชน"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Pongsak ksm (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
Pongsak ksm (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 14: บรรทัด 14:
'''พรรคสันติชน''' พรรคการเมืองของไทยในอดีตที่จดทะเบียนก่อตั้งตาม พระราชบัญญัติพรรคการเมือง พ.ศ. 2517 เมื่อวันที่ [[21 พฤศจิกายน]] [[พ.ศ. 2517]] เป็นลำดับที่ 18/2517 <ref> [http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2518/D/193/1.PDF ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การจดทะเบียนพรรคการเมือง] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 92 ตอน 193 ง พิเศษ หน้า 1 18 กันยายน พ.ศ. 2518 </ref> มีนาย [[วิริยะ เกิดศิริ]] เป็นหัวหน้าพรรคและนายศักดา จิตธรรมา เป็นเลขาธิการพรรค
'''พรรคสันติชน''' พรรคการเมืองของไทยในอดีตที่จดทะเบียนก่อตั้งตาม พระราชบัญญัติพรรคการเมือง พ.ศ. 2517 เมื่อวันที่ [[21 พฤศจิกายน]] [[พ.ศ. 2517]] เป็นลำดับที่ 18/2517 <ref> [http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2518/D/193/1.PDF ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การจดทะเบียนพรรคการเมือง] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 92 ตอน 193 ง พิเศษ หน้า 1 18 กันยายน พ.ศ. 2518 </ref> มีนาย [[วิริยะ เกิดศิริ]] เป็นหัวหน้าพรรคและนายศักดา จิตธรรมา เป็นเลขาธิการพรรค


== การเลือกตั้ง ==
ในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ [[26 มกราคม]] [[พ.ศ. 2518]] พรรคสันติชนได้ ส.ส. เข้าสภาทั้งสิ้น 8 คนแต่ในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ [[4 เมษายน]] [[พ.ศ. 2519]] พรรคสันติชนกลับไม่ได้ที่นั่งในสภาแม้แต่ที่นั่งเดียว
ใน[[การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2518]] เมื่อวันที่ [[26 มกราคม]] [[พ.ศ. 2518]] พรรคสันติชนได้ ส.ส. เข้าสภาทั้งสิ้น 8 คน หลังการเลือกตั้ง หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล และ หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ได้รับโปรดเกล้าฯ เป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2518 และจัดตั้งคณะรัฐมนตรีไทย คณะที่ 35 โดยได้รับการสนับสนุนจากพรรคเกษตรสังคม และพรรคแนวร่วมสังคมนิยม แต่ได้คะแนนเสียงสนับสนุนเพียง 103 คน ไม่ถึงครึ่งของสภา (135 คน) และไม่ได้รับความไว้วางใจในการแถลงนโยบายต่อสภาผู้แทนราษฎร หม่อมราชวงศ์เสนีย์ จึงลาออกจากตำแหน่ง

หลังจากนั้นหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช หัวหน้าพรรคกิจสังคม จึงได้รวบรวมพรรคการเมืองต่างๆ ได้เสียงสนับสนุน 135 เสียง ซึ่งพรรคสันติชน ได้ให้การสนับสนุนพรรคกิจสังคมด้วย และได้จัดตั้ง[[คณะรัฐมนตรีไทย คณะที่ 36|รัฐบาลผสม]]ขึ้น สำหรับพรรคสันติชน ได้ตำแหน่งรัฐมนตรี 2 ตำแหน่ง คือ
* [[ปรีดา พัฒนถาบุตร]] เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
* [[อนันต์ ฉายแสง]] เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม

ในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ [[4 เมษายน]] [[พ.ศ. 2519]] พรรคสันติชนกลับไม่ได้ที่นั่งในสภาแม้แต่ที่นั่งเดียว


== การยุบพรรค ==
== การยุบพรรค ==

รุ่นแก้ไขเมื่อ 13:12, 27 มิถุนายน 2561

พรรคสันติชน
หัวหน้าวิริยะ เกิดศิริ
รองหัวหน้าดรงค์ สิงห์โตทอง
ประโยชน์ เนื่องจำนงค์
ปรีดา พัฒนถาบุตร
เลขาธิการศักดา จิตธรรมา
ก่อตั้ง21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2517
สภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2518
8 / 269
การเมืองไทย
รายชื่อพรรคการเมือง
การเลือกตั้ง

พรรคสันติชน พรรคการเมืองของไทยในอดีตที่จดทะเบียนก่อตั้งตาม พระราชบัญญัติพรรคการเมือง พ.ศ. 2517 เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2517 เป็นลำดับที่ 18/2517 [1] มีนาย วิริยะ เกิดศิริ เป็นหัวหน้าพรรคและนายศักดา จิตธรรมา เป็นเลขาธิการพรรค

การเลือกตั้ง

ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2518 เมื่อวันที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2518 พรรคสันติชนได้ ส.ส. เข้าสภาทั้งสิ้น 8 คน หลังการเลือกตั้ง หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล และ หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ได้รับโปรดเกล้าฯ เป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2518 และจัดตั้งคณะรัฐมนตรีไทย คณะที่ 35 โดยได้รับการสนับสนุนจากพรรคเกษตรสังคม และพรรคแนวร่วมสังคมนิยม แต่ได้คะแนนเสียงสนับสนุนเพียง 103 คน ไม่ถึงครึ่งของสภา (135 คน) และไม่ได้รับความไว้วางใจในการแถลงนโยบายต่อสภาผู้แทนราษฎร หม่อมราชวงศ์เสนีย์ จึงลาออกจากตำแหน่ง

หลังจากนั้นหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช หัวหน้าพรรคกิจสังคม จึงได้รวบรวมพรรคการเมืองต่างๆ ได้เสียงสนับสนุน 135 เสียง ซึ่งพรรคสันติชน ได้ให้การสนับสนุนพรรคกิจสังคมด้วย และได้จัดตั้งรัฐบาลผสมขึ้น สำหรับพรรคสันติชน ได้ตำแหน่งรัฐมนตรี 2 ตำแหน่ง คือ

ในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2519 พรรคสันติชนกลับไม่ได้ที่นั่งในสภาแม้แต่ที่นั่งเดียว

การยุบพรรค

คณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน นำโดย พลเรือเอก สงัด ชลออยู่ ได้มีคำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 6 ให้ยกเลิกพระราชบัญญัติพรรคการเมือง พุทธศักราช 2517 บรรดาพรรคการเมืองที่จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติดังกล่าวให้เป็นอันสิ้นสุดลง และห้ามตั้งพรรคการเมือง[2] แต่ต่อมาได้มีพระราชบัญญัติพรรคการเมือง พ.ศ. 2534 ยกเลิกคำสั่งฉบับดังกล่าว[3]

ดูเพิ่ม

อ้างอิง