ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ภาษาผู้ไท"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ป้ายระบุ: แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่
ป้ายระบุ: แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่
บรรทัด 193: บรรทัด 193:
*ใคร = เพอ-ผู้เลอ
*ใคร = เพอ-ผู้เลอ
*ใด-ไร = เลอ
*ใด-ไร = เลอ
*ไย = เลอ (ภาษาลาวว่า "สัง")
*ไย, ทำไม = คือ, เลอ (ภาษาลาวว่า "สัง")
___(ข้อ 7 เป็นต้นไปเป็นเพียงปลีกย่อย)___
___(ข้อ 7 เป็นต้นไปเป็นเพียงปลีกย่อย)___


บรรทัด 201: บรรทัด 201:
3) อะ เป็น เอะ เช่น มัน (หัวมัน) = เม็น, มันแกว = เม็นเพา-โหเอ็น, มันเทศ = เม็นแกว
3) อะ เป็น เอะ เช่น มัน (หัวมัน) = เม็น, มันแกว = เม็นเพา-โหเอ็น, มันเทศ = เม็นแกว
4) เอะ เป็น อิ เช่น เล่น=ดิ้น, เด็กน้อย=ดิกน้อย
4) เอะ เป็น อิ เช่น เล่น=ดิ้น, เด็กน้อย=ดิกน้อย
5) เอีย เป็น แอ เช่น เหี่ยว = แห่ว, เขี้ยว = แห้ว, เหยี่ยว = แหลว, เตี้ย = แต๊
5) เอีย เป็น แอ เช่น เหี่ยว = แฮว, เขี้ยว = แห้ว, เหยี่ยว = แหลว, เตี้ย = แต๊, เขียว = แหว
6) สระเสียงสั้นในภาษาไทยบางคำกลายเป็นสระเสียงยาวในภาษาผู้ไท เช่น ลิง = ลีง, ก้อนหิน = มะขี้หีน, ผิงไฟ = ฝีงไฟ
6) สระเสียงสั้นในภาษาไทยบางคำกลายเป็นสระเสียงยาวในภาษาผู้ไท เช่น ลิง = ลีง, ก้อนหิน = มะขี้หีน, ผิงไฟ = ฝีงไฟ
8. คำเฉพาะถิ่น เป็นคำที่มีใช้เฉพาะในภาษาผู้ไท และอาจมีใช้ร่วมกับภาษาอื่นที่เคยมีวัฒนธรรมร่วมกัน เช่น
8. คำเฉพาะถิ่น เป็นคำที่มีใช้เฉพาะในภาษาผู้ไท และอาจมีใช้ร่วมกับภาษาอื่นที่เคยมีวัฒนธรรมร่วมกัน เช่น
*ดวงตะวัน = ตะเง็น
*ดวงตะวัน = ตะเง็น, โก๊
*ดวงเดือน = โต๊ต่าน, เดิน
*ดวงเดือน = โต๊ต่าน, เดิน
*ประตูหน้าต่าง = ปะตูบ่อง, ป่องเอ้ม
*ประตูหน้าต่าง = ปะตูบ่อง, ป่องเย่ม
*ขี้โม้ = ขี้จะหาว
*ขี้โม้ = ขี้จะหาว
*ขึ้นรา = ตึกเหนา
*ขึ้นรา = ตึกเหนา
*น้ำหม่าข้าว,น้ำส่งกลิ่นเหม็นเน่า = น้ำโม๊ะ
*น้ำหม่าข้าว,น้ำส่งกลิ่นเหม็นเน่า = น้ำโม๊ะ
*สวย = ซับ
*สวย = ซับ
*ตระหนี่,ขี้เหนียว = ขี้อีด,ขี้ถี่
*ตระหนี่,ขี้เหนียว = อีด, คี่อีด, คี่ที
*ประหยัด = ติ้กไต้
*หัวเข่า = โหโค้ย
*หัวเข่า = โหโค้ย
*ลูกอัณฑะ = มะขะหลำ
*ลูกอัณฑะ = มะขะหลำ
บรรทัด 221: บรรทัด 222:
*ถ่านก่อไฟ = ก้อมี่
*ถ่านก่อไฟ = ก้อมี่
*พูดคุย,สนทนา = แอ่น
*พูดคุย,สนทนา = แอ่น
*เกลี้ยกล่อม = โญะ
*เกลี้ยกล่อม = โญะ, เญ๊า
*หัน = ปิ่น (หันมา = ปิ่นมา)
*หัน = ปิ่น (หันมา = ปิ่นมา)
*ย้ายข้าง = ว้าย (ภาษาลาวว่า อ่วย)
*ย้ายข้าง = ว้าย (ภาษาลาวว่า อ่วย)
บรรทัด 233: บรรทัด 234:
*อุทานไม่พอใจ = เยอ! เยอะ!
*อุทานไม่พอใจ = เยอ! เยอะ!
*ไปโดยไม่หันกลับมา = ไปกิ่นๆ, ไปกี่ดี่ๆ
*ไปโดยไม่หันกลับมา = ไปกิ่นๆ, ไปกี่ดี่ๆ
* สั้น = สั้น, กิด, ขิ้น,
* ปิด = ปิด, อัด, ฮี, กึด, งับ
*เปิด = เปิด, ไข, อ้า


== อ้างอิง ==
== อ้างอิง ==

รุ่นแก้ไขเมื่อ 12:05, 19 มิถุนายน 2561

ผู้ไท
ผู้ไท
ประเทศที่มีการพูดประเทศไทย, ประเทศลาว และ ประเทศเวียดนาม
จำนวนผู้พูด866,000 คน  (2545–2549)[1]
ตระกูลภาษา
รหัสภาษา
ISO 639-3pht

ภาษาผู้ไท (เขียน ผู้ไทย หรือ ภูไท ก็มี) เป็นภาษาในตระกูลภาษาไท-กะได มีผู้พูดจำนวนไม่น้อย กระจัดกระจายในภูมิภาคต่าง ๆ ของไทยและลาว เข้าใจว่า ผู้พูดภาษาผู้ไทมีถิ่นที่อยู่ดั้งเดิมอยู่ในเมือง นาน้อยอ้อยหนู ยังเป็นที่ถกเถียงกันว่า เมืองนาน้อยอ้อยหนู อันเป็นถิ่นฐานดั้งเดิมของผู้ไทอยู่ทีไหน เพราะปัจจุบันมีเมืองนาน้อยอ้อยหนูอยู่ถึงสามแห่ง ตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองแถงหรือปัจจุบันคือจังหวัดเดียนเบียนฟู แห่งที่สองอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองแถง และแห่งที่สามอยู่ห่างจากเมืองลอของเวียดนามประมาณ 10 กิโลเมตร

ชาวไทดำกับผู้ไทเป็นคนละชาติพันธุ์กัน นักภาษาศาสตร์สันนิษฐานว่า อพยพแยกจากกันนานกว่า 1,500 ปีมาแล้ว ในปัจจุบัน มีการจัดให้ภาษาผู้ไทเป็นกลุ่มย่อยของภาษาไทดำซึ่งไม่ถูกต้อง ผู้ไทอพยพจากนาน้อยอ้อยหนูไปอยู่ที่เมืองวังอ่างคำ ซึ่งคือเมืองวีระบุรี ในแขวงสุวรรณเขต ประเทศลาว ก่อนถูกกวาดต้อนมาอยู่ในดินแดนประเทศไทยเมื่อไม่ถึง 200 ปีมานี้ ผู้ไทที่ถูกกวาดต้อนมาอยู่ฝั่งขวาแม่น้ำโขงมีจำนวนไม่น้อย แต่ผู้ไทซึ่งอยู่ฝั่งซ้ายแม่น้ำโขงแถบแขวงสุวรรณเขตและแขวงคำม่วนในลาว ก็ยังมีประปราย มักจะเรียกผู้ไททั้งสองกลุ่มนี้รวม ๆ กันว่า "ผู้ไทสองฝั่งโขง"

ความเป็นมาของคน ภูไท หรือ ผู้ไทย ในประเทศสยาม

เมื่อ พ.ศ. 2369 (ก่อนสงครามเจ้าอนุวงศ์) ตรงกับในสมัยรัชกาลที่ 3 ที่เมืองวังมีความวุ่นวาย เกิดขัดแย้งภายในของกลุ่มผู้ไท ที่มีเมืองวังเป็นเมืองหลัก ได้มีไทครัวผู้ไทกลุ่มหนึ่งอพยพมาตั้งบ้านเรือนในฝั่งขวาแม่น้ำโขง มีนายไพร่ รวม 2,648 คน ต่อมาได้ตั้งบ้านเรือนอยู่ที่บ้านบุ่งหวาย ในปี พ.ศ. 2373  พระสุนทรราชวงษา เจ้าเมืองยโสธร ว่าราชการอยู่เมืองนครพนมได้มีใบบอกขอตั้งบ้านดงหวายเป็นเมือง "เรณูนคร" ต่อมา ร.3 ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ยกบ้านบุ่งหวาย ขึ้นเป็นเมืองเรณูนคร  และตั้งให้ ท้าวสาย หัวหน้าไทครัวผู้ไทเป็น "พระแก้วโกมล" เจ้าเมืองเรณูนคร คนแรก ขึ้นเมืองนครพนม(ในปี พ.ศ. 2387) ซึ่งคือท้องที่ อำเภอเรณูนคร จังหวัดนครพนมในปัจจุบันนั่นเอง (จากเอกสาร ร.3 จ.ศ.1206 เลขที่ 58 หอสมุดแห่งชาติ) ชาวผู้ไทเรณูนคร จึงเป็นชาวผู้ไทกลุ่มแรกที่อพยพมาอยู่ในเขตฝั่งขวาแม่น้ำโขง(หมายถึงผู้ไทที่เป็นบรรพบุรุษของคนผู้ไทในอิสานปัจจุบัน)

หลังจากนั้น ในปี พ.ศ. 2387 ผู้ไทจากเมืองวังอ่างคำและเมืองใกล้เคียง ก็อพยพตามมา เป็นกลุ่มที่ 2 แล้วไปตั้งบ้านเรือนอยู่ที่ เมืองพรรณานิคม  (จ.สกลนคร) เมืองคำชะอี หนองสูง (จ.มุกดาหาร) เมืองกุดสิมนารายณ์ (อ.เขาวงและ อ.กุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธฺ์)ตามลำดับ โดยผู้ไทกลุ่มจากเมืองกะป๋องได้อพยพมาตั้งที่เมืองวาริชภูมิเป็นกลุ่มผู้ไทที่ข้ามมาฝั่งขวาแม่น้ำโขงกลุ่มล่าสุด (ในปี พ.ศ. 2420 ในสมัย รัชกาลที่ 5)

ผู้พูดภาษาผู้ไท

ผู้พูดภาษาผู้ไทในประเทศไทยส่วนใหญ่อยู่ในบริเวณจังหวัดภาคอีสานตอนบน ได้แก่ จังหวัดกาฬสินธุ์, นครพนม, มุกดาหาร, ร้อยเอ็ด และ สกลนคร นอกจากนี้ยังมีอีกเล็กน้อยในจังหวัดอุบลราชธานี,อุดรธานีและ จังหวัดบึงกาฬ โดยในแต่ละท้องถิ่นจะมีสำเนียงและคำศัพท์ที่แตกต่างกันไป

เป็นที่น่าสังเกตว่า ภาษาผู้ไทแม้จะกระจายอยู่ในแถบอีสาน แต่สำเนียงและคำศัพท์นั้นแตกต่างกับภาษาไทยถิ่นอีสานโดยทั่วไป อย่างไรก็ตามยังมีคำยืมจากภาษาถิ่นอีสานอยู่ในภาษาผู้ไทบ้างเป็นธรรมดา แต่ก็ไม่นับว่ามาก ด้วยเหตุนี้ ชาวไทยที่พูดภาษาอีสานจึงไม่สามารถพูดหรือฟังภาษาผู้ไทอย่างเข้าใจโดยตลอด แต่ชาวผู้ไทส่วนใหญ่มักจะพูดภาษาอีสานได้

ลักษณะของภาษา

ด้วยภาษาผู้ไทเป็นภาษาในตระกูลไท จึงมีลักษณะเด่นร่วมกับภาษาไทยด้วย นั่นคือ

  • เป็นภาษาคำโดด มักเป็นคำพยางค์เดียว
  • เป็นภาษามีวรรณยุกต์
  • โครงสร้างประโยคแบบเดียวกัน คือ "ประธาน กริยา กรรม" (SVO) ไม่ผันรูปตามโครงสร้างประโยค

หน่วยเสียงในภาษาผู้ไท

หน่วยเสียงพยัญชนะ

ฐานกรณ์ของเสียง ริมฝีปากล่าง-ฟัน ริมฝีปาก โคนฟัน เพดานส่วนแข็ง เพดานส่วนอ่อน ช่วงคอ
เสียงหยุด (ไม่ก้อง) - /ป/ /ต/ /จ/ /ก/ /อ/
เสียงหยุด (ไม่ก้อง) - /พ/ /ท/ - /ค/ -
เสียงหยุด (ก้อง) - /บ/ /ด/ - - -
เสียงขึ้นจมูก - /ม/ /น/ /ญ/ /ง/ -
เสียงเสียดแทรก /ฟ/ /ส/ - - - /ห/
กึ่งสระ /ว/ - - /ย/ - -
ลอดข้างลิ้น - /ล/ - - - -

ในที่นี้ขออธิบายเฉพาะเสียงที่แตกต่างจากภาษาไทยมาตรฐาน ดังนี้

  • /ญ/ เป็นหน่วยเสียงพิเศษ ที่ไม่พบในภาษาไทยภาคกลาง และถิ่นใต้ แต่พบได้ในภาษาไทยถิ่นอีสาน และเหนือ ในภาษาผู้ไท บางถิ่นผู้พูดใช้เสียง /ญ/ โดยตลอด บางถิ่นใช้ทั้งเสียง /ญ/ และ /ย/ โดยไม่แยกแยะคำศัพท์

หน่วยเสียงสระ

ภาษาผู้ไทมีสระเดี่ยว 9 ตัว หรือ 18 ตัวหากนับสระเสียงยาวด้วย โดยทั่วไปมีลักษณะของเสียงคล้ายกับสระในภาษาไทยถิ่นอื่น (เพื่อความสะดวก ในที่นี้ใช้อักษร อ ประกอบสระ เพื่อให้เขียนง่าย)

สระสูง อิ, อี อึ, อือ อุ, อู
สระกลาง เอะ, เอ เออะ, เออ โอะ, โอ
สระต่ำ แอะ,แอ อะ,อา เอาะ, ออ

อนึ่ง ในภาษาผู้ไทมักไม่ใช้สระประสม นิยมใช้แต่สระเดี่ยวข้างบนนี้ ตัวอย่างคำที่ภาษาไทยกลางเป็นสระประสม แต่ภาษาผู้ไทใช้สระเดี่ยว

ภาษาไทยกลาง ภาษาผู้ไท
/หัว/ /โห/
/สวน/ /โสน/
/เสีย/ /เส/
/เขียน/ /เขน/
/เสือ/ /เสอ/
/มะเขือ/ /มะเขอ/

หน่วยเสียงวรรณยุกต์

หน่วยเสียงวรรณยุกต์ในภาษาผู้ไท มีด้วยกัน 5 หน่วย

พยางค์

พยางค์ในภาษาผู้ไทมักจะเป็นพยางค์อย่างง่าย ดังนี้

  • เมื่อประสมด้วยสระเสียงยาว พยางค์อาจประกอบด้วยพยัญชนะต้น สระ และวรรณยุกต์ โดยจะมีพยัญชนะตัวสะกดหรือไม่ก็ได้
  • เมื่อมีสระเสียงสั้น พยางค์ประกอบด้วยพยัญชนะต้น สระ, วรรณยุกต์ และพยัญชนะตัวสะกด

ลักษณะเด่นของภาษาผู้ไท

ภาษาผู้ไทมีลักษณะเด่นอยู่ 6 ประการดังนี้ 1. พยัญชนะ "ข,ฆ" ในภาษาไทยและลาว-อีสานบางคำ ออกเสียงเป็น /h/ เช่น

 *แขน = แหน
 *ขา = หา
 *ฆ่า = ฮ่า
 *เข็ม = เห็ม
 *เข้า = เห้า
 *ข้าว = เห้า
 *ขาด = หาด
 *ขัน = หัน (ขันน็อต,ไก่ขัน)
 *ขอด (มัด) = หอด
 *เขี้ยว (ฟัน) = แห้ว
 *ขัดข้อง (ยุ่งเหยิง) = ห้อง
 *ของ = หอง
 *ขึ้น = หึ้น
 *เขียง = เหง
 *ข้อมือ,ข้อเท้า = ห้อมือ, ห้อตีน

2. สระ "ใ" ในภาษาไทยจำนวน 15 คำ (อีก 4 คำ คือ ใฝ่,ใคร่,หลงใหล,ใช่ ไม่มีในภาษาผู้ไท ส่วนคำว่า ใส ใช้เหมือนกันกับภาษาไทย) ออกเสียงเป็น "เออ" และสระ "ไ" บางคำก็ออกเสียงเป็น "เออ" เช่น

 *ใหญ่ = เหญ่อ
 *ใหม่ = เหม่อ
 *ให้ = เห้อ
 *ลูกสะใภ้ = ลุเภ้อ
 *ใช้ = เซ้อ
 *ใจ = เจอ
 *ใส่ = เส่อ
 *ใคร = เพอ
 *ใบ = เบอ
 *ใด,ไร = เลอ
 *ใน = เนอ
 *ใต้ =เต้อ
 *ใบ้ = เบ้อ
 *ใย = เยอ
 *ใกล้ = เค่อ,เก้อ
 *ไหม (ปรับ) = เหมอ
 *ตะไคร้, หัวสิงไค = โหซิเคอ
 *ไต = เตอ
 *ใด,ไร,ไหร่,ไหน = เลอ
 

3. ภาษาผู้ไทใช้แต่เพียงสระเดี่ยว ไม่มีสระผสม เช่นเดียวกับภาษาลื้อ ไตขืน ไทใหญ่ เช่น

 *ผัว = โผ
 *ห้วย = โห้ย
 *ตัว = โต,กะโต,ตนโต
 *ชั่ว = โซ่
 *เมีย = เม
 *เมี่ยง = เม่ง
 *เขี่ย = เขว่
 *เขียด = เขวด
 *เขียน = เขน
 *เกวียน = เกน
 *เรียน = เฮน
 *เลี้ยว = เล้ว
 *มะเขือ = มะเขอ
 *เรือ = เฮอ
 *เหงื่อ = เห่อ
 *ชวน = โซน, โซ

4. คำที่ใช้สระเสียงยาวแล้วสะกดด้วย "ก" จะเปลี่ยนเป็นสระเสียงสั้น ไม่ออกเสียง "ก" เช่นเดียวกับภาษาไทถิ่นใต้ฝั่งตะวันตก และภาษาไทดำ ไทขาว พวน เช่น

 *ลูก = ลุ
 *บอก = เบ๊าะ
 *แตก = แต๊ะ
 *ตอก = เต๊าะ
 *ลอก = เลาะ, ลู่น
 *หนอก = เนาะ
 *ยาก = ญะ
 *ฟาก,ฝั่ง = ฟะ 
 *หลีก = ลิ
 *ปีก = ปิ๊
 *หาก =หะ
 *กาก=ก๊ะ
 *อยาก = เยอะ
 *เลือก = เลอะ
 *น้ำเมือก = น้ำเมอะ
 *น้ำมูก = ขี้มุ
 *ผูก = พุ

5. ภาษาผู้ไทใช้คำที่แสดงถึงการปฏิเสธว่า มี,หมี่ หรือเมื่อพูดเร็วก็จะออกเสียงเป็น มิ เช่นเดียวกับภาษาไทยโบราณ ภาษาจ้วง (bou,mi) และภาษาลื้อบางแห่ง เช่น

 *ไม่ได้ = มีได้
 *ไม่บอก = มีเบ๊าะ
 *ไม่รู้ = มีฮู้, มีฮู้จัก,มีจัก,จัก
 *ไม่เห็น = มีเห็น
 *ไม่พูดไม่จา = มีเว้ามีจา

6. คำที่วางท้ายประโยคคำถาม คือคำว่าอะไร,ทำไม,ไหน,ใคร,ใด-ไร,จะใช้แตกต่างจากภาษาไทยดังนี้

 *อะไร = ผะเหลอ,ผิเหลอ,อันเลอ
 *ทำไม = เอ็ดเผอ
 *ไหน = ซิเลอ,สะเลอ,เนอเหอ
 *ใคร = เพอ-ผู้เลอ
 *ใด-ไร = เลอ 
 *ไย, ทำไม = คือ, เลอ (ภาษาลาวว่า "สัง") 

___(ข้อ 7 เป็นต้นไปเป็นเพียงปลีกย่อย)___

7. บางคำมีการออกเสียงต่างจากภาษาไทย ดังนี้

   1) ค เป็น ซ เช่น คง = ซง, ครก = ซก
   2) ด เป็น ล เช่น ใด = เลอ, สะดุ้ง (เครื่องมือหาปลาชนิดหนึ่ง) = จะลุ่ง
   3) อะ เป็น เอะ เช่น มัน (หัวมัน) = เม็น, มันแกว = เม็นเพา-โหเอ็น, มันเทศ = เม็นแกว
   4) เอะ เป็น อิ เช่น เล่น=ดิ้น, เด็กน้อย=ดิกน้อย
   5) เอีย เป็น แอ เช่น เหี่ยว = แฮว, เขี้ยว = แห้ว, เหยี่ยว = แหลว, เตี้ย = แต๊, เขียว = แหว
   6) สระเสียงสั้นในภาษาไทยบางคำกลายเป็นสระเสียงยาวในภาษาผู้ไท เช่น ลิง = ลีง, ก้อนหิน = มะขี้หีน, ผิงไฟ = ฝีงไฟ 

8. คำเฉพาะถิ่น เป็นคำที่มีใช้เฉพาะในภาษาผู้ไท และอาจมีใช้ร่วมกับภาษาอื่นที่เคยมีวัฒนธรรมร่วมกัน เช่น

 *ดวงตะวัน = ตะเง็น, โก๊
 *ดวงเดือน = โต๊ต่าน, เดิน
 *ประตูหน้าต่าง = ปะตูบ่อง, ป่องเย่ม
 *ขี้โม้ = ขี้จะหาว
 *ขึ้นรา = ตึกเหนา
 *น้ำหม่าข้าว,น้ำส่งกลิ่นเหม็นเน่า = น้ำโม๊ะ
 *สวย = ซับ
 *ตระหนี่,ขี้เหนียว = อีด, คี่อีด, คี่ที
 *ประหยัด = ติ้กไต้
 *หัวเข่า = โหโค้ย
 *ลูกอัณฑะ = มะขะหลำ
 *หัวใจ = มะหูเจอ,หูเจอ
 *ตาตุ่ม = ปอเผอะ,ปอมเผอะ
 *ท้ายทอย = ง้อนด้น
 *เอว = โซ่ง,กะโท้ย,แอว
 *ถ่านก่อไฟ = ก้อมี่
 *พูดคุย,สนทนา = แอ่น
 *เกลี้ยกล่อม = โญะ, เญ๊า
 *หัน = ปิ่น (หันมา = ปิ่นมา) 
 *ย้ายข้าง = ว้าย (ภาษาลาวว่า อ่วย)
 *ขอร้อง,วิงวอน = แอ่ว
 *กันนักกันหนา = กะดักกะด้อ
 *มาก,ยิ่ง = แฮง,กะดักกะด้อ-กะด้อ,หลาย
 *ไม่ใช่ = แต่
 *จริง = เพิ้ง,แท้
 *นึกว่า = ตื่อหวะ, กะเด๋วหวะ, เด๋วหวะ
 *พะวงใจ = ง้อ,คึดง้อ
 *อุทานไม่พอใจ = เยอ! เยอะ!
 *ไปโดยไม่หันกลับมา = ไปกิ่นๆ, ไปกี่ดี่ๆ
 * สั้น = สั้น, กิด, ขิ้น,
 * ปิด = ปิด, อัด, ฮี, กึด, งับ
 *เปิด = เปิด, ไข, อ้า

อ้างอิง

  1. ผู้ไท ที่ Ethnologue (18th ed., 2015) (ต้องสมัครสมาชิก)