ผลต่างระหว่างรุ่นของ "สนธิสัญญาญี่ปุ่น–เกาหลี ค.ศ. 1910"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Setawut (คุย | ส่วนร่วม)
Setawut (คุย | ส่วนร่วม)
บรรทัด 33: บรรทัด 33:
==ข้อความ==
==ข้อความ==
{{quotation|
{{quotation|
:ข้อ 1 สมเด็จพระจักรพรรดิกรุงเกาหลีทรงยกให้แก่สมเด็จพระจักรพรรดิกรุงญี่ปุ่นซึ่งสิทธิเด็ดขาดแลอำนาจอธิปไตยถาวรเหนือประเทศเกาหลีทั้งปวง
:ข้อ 1 สมเด็จพระจักรพรรดิกรุงเกาหลีทรงยกให้แก่สมเด็จพระจักรพรรดิกรุงญี่ปุ่นซึ่งสิทธิเด็ดขาดแลอำนาจอธิปไตยเหนือประเทศเกาหลีทั้งปวงเปนการถาวร


:ข้อ 2 สมเด็จพระจักรพรรดิกรุงญี่ปุ่นทรงยอมรับการยกให้ซึ่งได้กล่าวไว้ในข้อก่อนหน้า แลทรงยินยอมให้การผนวกประเทศเกาหลีเข้ากับญี่ปุ่นเป็นการเสร็จสมบูรณ์
:ข้อ 2 สมเด็จพระจักรพรรดิกรุงญี่ปุ่นทรงยอมรับการยกให้ซึ่งได้กล่าวไว้ในข้อก่อนหน้า แลทรงยินยอมให้การผนวกประเทศเกาหลีเข้ากับญี่ปุ่นเป็นการเสร็จสมบูรณ์

รุ่นแก้ไขเมื่อ 02:26, 24 เมษายน 2561

สนธิสัญญาผนวกดินแดน
ญี่ปุ่น-เกาหลี
ประเภทสนธิสัญญาตั้งอาณานิคม
วันลงนาม22 สิงหาคม ค.ศ. 1910
ที่ลงนามกรุงฮันซอง, จักรวรรดิเกาหลี
วันตรา22 สิงหาคม ค.ศ. 1910
วันมีผล29 สิงหาคม ค.ศ. 1910
ผู้ลงนามจักรวรรดิญี่ปุ่น เทะระอุชิ มะซะตะเกะ
(ผู้แทนต่างพระองค์ฯ)
จักรวรรดิเกาหลี อี วันยง
(นายกรัฐมนตรี)
ภาคีจักรวรรดิญี่ปุ่น จักรวรรดิญี่ปุ่น
จักรวรรดิเกาหลี จักรวรรดิเกาหลี
ภาษาญี่ปุ่น และ เกาหลี

สนธิสัญญาผนวกดินแดนญี่ปุ่น-เกาหลี (ญี่ปุ่น: 韓国併合ニ関スル条約โรมาจิคังโกะกุ-เฮโก นิกันซุรุ โจยะกุ) หรือที่รู้จักกันอีกชื่อหนึ่ง สนธิสัญญาญี่ปุ่น-เกาหลี ค.ศ. 1910 เป็นสนธิสัญญาที่กระทำขึ้นระหว่างจักรวรรดิญี่ปุ่นกับจักรวรรดิเกาหลี เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม ค.ศ. 1910 ณ กรุงฮันซอง สนธิสัญญาฉบับนี้ทำให้เกาหลีหมดสิ้นอำนาจการปกครองตนเองโดยสมบูรณ์ ซึ่งเป็นผลมาจากที่ก่อนหน้านี้เกาหลีตกเป็นรัฐในอารักขา อันเนื่องมาจากสนธิสัญญาอึลซา เมื่อ ค.ศ. 1905

ญี่ปุ่นเมินคำขอของ จักรพรรดิซุนจงแห่งเกาหลี ที่ทรงต้องการให้สนธิสัญญาอยู่ภายใต้กฎหมายของเกาหลี ดังนั้นแล้วพระองค์จึงปฏิเสธการลงพระนาม ทำให้ นายกรัฐมนตรีเกาหลี อี วันยง ต้องลงนามแทน โดยมีผู้แทนจากฝ่ายญี่ปุ่นคือ เคานต์ เทะระอุชิ มะซะตะเกะ ผู้แทนต่างพระองค์ประจำเกาหลี

รัฐบาลพระจักรพรรดิญี่ปุ่นได้แต่งตั้งรัฐบาลข้าหลวงใหญ่แห่งเกาหลีเพื่อบริหารราชการและกิจการของดินแดนเกาหลี โดยให้ เคานต์ เทะระอุชิ มะซะตะเกะ ผู้แทนต่างพระองค์ประจำเกาหลี เป็นข้าหลวงใหญ่คนแรก ทั้งนี้รัฐบาลข้าหลวงใหญ่อยู่ภายใต้การกำกับของรัฐบาลกลางที่กรุงโตเกียว ในขณะที่ฝ่ายขุนนางและชนชั้นปกครองเดิมของเกาหลีก็ไม่อาจยอมรับการปกครองของญี่ปุ่น และไปจัดตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นแห่งประเทศเกาหลีขึ้นที่เซี่ยงไฮ้และฉงชิ่ง

ข้อความ

ข้อ 1 สมเด็จพระจักรพรรดิกรุงเกาหลีทรงยกให้แก่สมเด็จพระจักรพรรดิกรุงญี่ปุ่นซึ่งสิทธิเด็ดขาดแลอำนาจอธิปไตยเหนือประเทศเกาหลีทั้งปวงเปนการถาวร
ข้อ 2 สมเด็จพระจักรพรรดิกรุงญี่ปุ่นทรงยอมรับการยกให้ซึ่งได้กล่าวไว้ในข้อก่อนหน้า แลทรงยินยอมให้การผนวกประเทศเกาหลีเข้ากับญี่ปุ่นเป็นการเสร็จสมบูรณ์
ข้อ 3 สมเด็จพระจักรพรรดิกรุงญี่ปุ่นจะทรงโปรดฯให้สมเด็จพระจักรพรรดิ แลอดีตพระจักรพรรดิ แลมกุฎราชกุมารแห่งเกาหลี ตลอดจนพระภริยาแลทายาทของพระองค์เหล่านั้น คงไว้ซึ่งพระอิสริยยศ ฐานันดรศักดิ์ แลพระเกียรติยศ ตามฐานะแต่ละองค์เปนลำดับ แลโปรดฯให้จัดเงินปีถวายตามสมควรเพื่อเป็นการธำรงไว้ซึ่งพระอิสริยยศ ฐานันดรศักดิ์ แลพระเกียรติยศนั้น
ข้อ 4 สมเด็จพระจักรพรรดิกรุงญี่ปุ่นจะทรงโปรดฯให้มีการปฏิบัติแลถวายพระเกียรติเปนสมควรแก่สมาชิกพระราชวงศ์เกาหลีตลอดจนบรรดาทายาทนอกเหนือจากองค์ที่กล่าวไว้ในข้อก่อนหน้า
ข้อ 5 สมเด็จพระจักรพรรดิกรุงญี่ปุ่นจะทรงโปรดฯพระราชทานยศขุนนางและเงินตราตกแก่ชาวเกาหลีผู้ซึ่งมีความดีความชอบสมควรแก่การยอมรับนับถือเปนพิเศษ
ข้อ 6 ด้วยผลแห่งการผนวกดินแดนตามที่กล่าวไว้ รัฐบาลกรุงญี่ปุ่นจะเข้ารับบรรดาราชการงานปกครองทั้งปวงของเกาหลี แลรับรองว่าจะให้การปกป้องคุ้มครองอย่างเต็มกำลังแก่บุคคลแลทรัพย์สมบัติของชาวเกาหลีที่ปฏิบัติตามพระราชกำหนดกฎหมายอันบังคับใช้เพื่อส่งเสริมความเป็นอยู่สุขของชาวเกาหลีเหล่าที่ว่านี้
ข้อ 7 รัฐบาลกรุงญี่ปุ่นจะให้การบรรจุเป็นข้าราชการญี่ปุ่นประจำเกาหลีแก่ชาวเกาหลีผู้ซึ่งยอมรับ ภักดี แลเลื่อมใสศรัทธาในระบอบการปกครองใหม่ แลผู้ซึ่งมีคุณสมบัติตรงตามหน้าที่ในงานราชการนั้นๆ
ข้อ 8 สนธิสัญญานี้ ได้รับพระบรมราชานุมัติจากสมเด็จพระจักรพรรดิกรุงญี่ปุ่นแลสมเด็จพระจักรพรรดิกรุงเกาหลีแล้ว จะมีผลบังคับใช้เมื่อมีแถลงการประกาศใช้

ผู้มีอำนาจทั้งสองฝ่ายต่างได้ลงลายมือชื่อในหนังสือสัญญานี้ไว้เปนหลักฐานสำคัญ

22 สิงหาคม รัชศกเมจิปีที่ 43

'''寺內正毅''' (เทะริอุชิ มะซะตะเกะ)

22 สิงหาคม รัชศกยุงฮีปีที่ 4

'''李 完用''' (อี วันยง)

การไม่ยอมรับของเกาหลีใต้

ระหว่างปี 2007 ถึง 2010 ฝ่ายเกาหลีใต้ ทั้งนักวิชาการ นักกิจกรรม และสมาชิกสภา ได้ออกมาเรียกร้องว่าสนธิสัญญาฉบับนี้ทำขึ้นมาโดยปราศจากการยินยอมของจักรพรรดิแห่งเกาหลี และการลงนามโดยนายกรัฐมนตรีเป็นการบีบบังคับของญี่ปุ่น สนธิสัญญาฉบับนี้จึงไม่ชอบธรรมทางกฎหมายทั้งปวง และทำการเรียกร้องไปยังนายนะโอะโตะ คัง นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นให้รอบรองว่า สนธิสัญญาดังกล่าวไม่เคยมีผลบังคับใช้ แต่ก็ไร้การตอบสนองใดๆกลับจากรัฐบาลญี่ปุ่น

นอกจากนี้ เกาหลีใต้ยังอ้างว่า การรับรองของจักรพรรดิซุนจงในบรรดาพันธะสัญญากับญี่ปุ่น ก็ไม่เป็นไปตามราชประเพณีการปกครองของเกาหลี ญี่ปุ่นบังคับให้จักรพรรดิเกาหลีลงพระนามด้วยชื่อจริงตามอย่างมาตรฐานตะวันตกไว้เหนือตราราชลัญจกรด้วย ซึ่งขัดต่อราชประเพณีการปกครองของเกาหลีเดิมที่จะมีเพียงการลงตราราชลัญจกร และอ้างกระทำเช่นนี้อาจทำให้เอกสารนั้นไม่สมบูรณ์

ในวันที่ 28 กรกฎาคม 2010 มีนักกิจกรรมกว่า 1,000 คนในเกาหลีและญี่ปุ่นออกมาเดินขบวน ถือว่าสนธิสัญญาฉบับนี้ไม่เคยมีผลบังคับใช้