ผลต่างระหว่างรุ่นของ "พระเจ้าจักกายแมง"
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
บรรทัด 57: | บรรทัด 57: | ||
{{คองบอง}} |
{{คองบอง}} |
||
[[หมวดหมู่:พระมหากษัตริย์ราชวงศ์ |
[[หมวดหมู่:พระมหากษัตริย์ราชวงศ์โกนบอง]] |
||
[[หมวดหมู่:บุคคลจากสงครามอังกฤษ-พม่าครั้งที่หนึ่ง]] |
[[หมวดหมู่:บุคคลจากสงครามอังกฤษ-พม่าครั้งที่หนึ่ง]] |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 03:28, 22 เมษายน 2561
พระเจ้าบาจีดอ พระเจ้าจักกายแมง ဘကြီးတော် | |||||
---|---|---|---|---|---|
พระบรมสาทิสลักษณ์พระเจ้าจักกายแมงและพระนางเมนู พระมเหสี จาก Myanmar Historical Archive | |||||
กษัตริย์ราชวงศ์คองบอง | |||||
ครองราชย์ | 5 มิถุนายน พ.ศ. 2362 – 15 เมษายน พ.ศ. 2380[1] | ||||
ราชาภิเษก | 7 มิถุนายน พ.ศ. 2362 | ||||
ก่อนหน้า | พระเจ้าปดุง | ||||
ถัดไป | พระเจ้าแสรกแมง | ||||
ประสูติ | 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2327 | ||||
สวรรคต | 15 ตุลาคม พ.ศ. 2389 (62 ปี) | ||||
มเหสี | พระนางเมนู | ||||
| |||||
ราชวงศ์ | ราชวงศ์อลองพญา |
พระเจ้าบาจีดอ หรือ พระเจ้าจักกายแมง (อังกฤษ: Bagyidaw, Sagaing Min; พม่า: ဘကြီးတော်)เป็นกษัตริย์ลำดับที่ 6 แห่งราชวงศ์อลองพญา มีนโยบายขยายอำนาจเข้าไปในแคว้นอัสสัมและมณีปุระ ทำให้มีปัญหากับอังกฤษ และนำไปสู่การเกิดสงครามพม่า-อังกฤษครั้งที่หนึ่ง
ครองราชย์สมบัติ
พระเจ้าบาจีดอ ประสูติเมื่อ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2327 เป็นพระราชนัดดาของพระเจ้าปดุง โดยเป็นพระราชโอรสของพระโอรสองค์โตของพระเจ้าปดุงที่ได้เป็นรัชทายาท เมื่อพระราชบิดาของพระองค์สวรรคตเมื่อ พ.ศ. 2351 พระเจ้าปดุงจึงแต่งตั้งพระเจ้าบาจีดอซึ่งในขณะนั้นดำรงตำแหน่งเจ้าชายแห่งสะกายหรือสะกายมิน ขึ้นเป็นรัชทายาทแทน
เมื่อพระเจ้าปดุงเสด็จสวรรคตเมื่อ พ.ศ. 2362 พระเจ้าบาจีดอว์จึงขึ้นครองราชย์สมบัติแทนเมื่อ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2362 ในขณะที่มีพระชนม์ 35 พรรษา พระองค์มีอัธยาศัยอ่อนโยนและมีความอ่อนแอด้วย ทำให้พระมเหสีคือพระนางเมนู และพี่ชายของนางคือมินดาจีสามารถกุมอำนาจอยู่เบื้องหลังราชบัลลังก์ หลังจากครองราชย์สมบัติได้ไม่นาน เจ้าชายตองอูและเจ้าชายแปรซึ่งเป็นพระราชโอรสองค์รองของพระเจ้าปดุงก่อกบฏ พระเจ้าบาจีดอว์ทรงเป็นฝ่ายชนะ จับผู้ก่อกบฏและบริวารประหารชีวิต หลังจากนั้น ใน พ.ศ. 2366 พระองค์ทรงย้ายเมืองหลวงจากเมืองอมรปุระกลับมาที่เมืองอังวะ
สงครามกับอังกฤษ
พระองค์มีนโยบายแผ่อำนาจเข้าไปในแคว้นอัสสัมและมณีปุระ โดยยกทัพเข้าไปในมณีปุระเมื่อเดือนตุลาคมพ.ศ. 2362 เพราะไม่มาเข้าเฝ้าพระองค์ในงานพระบรมราชาภิเษก เจ้าผู้ครองแคว้นมณีปุระจึงหนีเข้าไปในแคว้นกาซาร์และขับไล่เจ้าผู้ครองแคว้นออกไป เจ้าผู้ครองแคว้นกาซาร์จึงหนีเข้าไปในแคว้นจันทร์เตีย และขอความช่วยเหลือจากอังกฤษ อังกฤษจึงผนวกแคว้นกาซาร์และจันทร์เตียใน พ.ศ. 2363
พระเจ้าบาจีดอว์ทรงให้มหาบันทุละนำกองทัพไปโจมตีอัสสัมใน พ.ศ. 2364 เพราะพระเจ้าจันทรกานต์ สิงห์ หันไปขอความช่วยเหลือจากอังกฤษ พม่าจึงยกเข้าไปยึดอัสสัมได้สำเร็จใน พ.ศ. 2365 ต่อมา พม่าเชื่อว่านักล่าช้างที่รับจ้างบริษัทอินเดียตะวันออกของอังกฤษได้ออกจากจิตตะกองเข้ามาในแคว้นยะไข่ของพม่า กองทัพพม่าจึงข้ามแม่น้ำนาอัฟไปตามล่านักล่าช้าง และเข้าไปยึดเกาะชาห์ปุรีที่ปากแม่น้ำในเดือนกันยายน พ.ศ. 2366 แต่อังกฤษก็ยึดคืนมาได้ พม่าจึงยกทัพเข้าไปตีจิตตะกองและแคว้นกาซาร์ แต่แพ้อังกฤษจึงต้องถอยมาที่มณีปุระ ในที่สุด อังกฤษจึงประกาศสงครามกับพม่าเมื่อ 5 มีนาคม พ.ศ. 2366
กองทัพของพม่าบุกเข้ายึดจิตตะกองได้ แต่อังกฤษก็เข้ายึดพม่าทางภาคใต้รวมทั้งย่างกุ้งได้ มหาบันทุละถอนทัพจากจิตตะกองมรรบกับอังกฤษที่ย่างกุ้ง และถูกปืนเสียชีวิตเมื่อ 1 เมษายน พ.ศ. 2368 กองทัพพม่าจึงแตกพ่ายไป อังกฤษเข้ายึดเมืองแปร สิเรียม เมาะตะมะ เย ทวาย และมะริด รวมทั้งยะไข่ เจ้าชายสารวดี พระอนุชาของพระเจ้าบาจีดอว์ กราบทูลขอให้พระเจ้าบาจีดอว์ สงบศึกกับอังกฤษ แต่พระนางเมนูและมินตาจีไม่เห็นด้วย การรบจึงดำเนินต่อไปจนเสียทหารไปอีกราว 20,000 คน พระเจ้าบาจีดอว์จึงยอมแพ้ และต้องยกอัสสัม ยะไข่ มณีปุระ และตะนาวศรี ให้อังกฤษ ตอนแรกพม่าไม่ยินยอม อังกฤษจึงยกทัพบุกต่อไปถึงเมืองยันดาโบ พม่าจึงต้องยอมทำสนธิสัญญายันดาโบ ยกดินแดนให้ตามที่อังกฤษต้องการ ความพ่ายแพ้ครั้งนี้เป็นการปราชัยครั้งสำคัญของราชวงศ์คองบอง
ความวุ่นวายปลายรัชกาล
พระเจ้าบาจีดอว์ทรงสะเทือนพระทัย จนกระทั่ง พ.ศ. 2374 พระองค์เริ่มมีอาการทางประสาท จนอาการกำเริบ ไม่อาจว่าราชการได้ จน พ.ศ. 2380 จนมีการเคลื่อนไหวของกลุ่มเจ้านายและขุนนางพม่าเพื่อแย่งชิงอำนาจ พระนางเมนูกับมินตาจีต้องการกำจัดเจ้าชายสารวดี และจะยกพระโอรสของพระเจ้าบาจีดอว์ คือเจ้าชายนยาวยาน เจ้าชายสารวดีจึงเสด็จหนีไปรวบรวมผู้คน กลับมายึดอำนาจ ปลดพระเจ้าบาจีดอว์ลงจากราชบัลลังก์เมื่อ 15 เมษายน พ.ศ. 2380 และขึ้นครองราชสมบัติแทนในพงศาวดารไทยเรียกพระองค์ว่าพระเจ้าแสรกแมง
หลังจากขึ้นครองราชย์สมบัติแล้ว พระเจ้าสารวดีทรงประหารชีวิตพระนางเมนู มินตาจี และเจ้าชายนยาวยาน ส่วนพระเจ้าบาจีดอว์ถูกกักบริเวณไว้ ต่อมามีขุนนางพม่าจะพยายามนำพระเจ้าบาจีดอว์กลับมาครองราชย์ พระเจ้าสารวดีจึงสั่งให้คุมขังพระเจ้าบาจีดอว์ไว้อย่างแข็งแรงกว่าเดิม จนพระองค์สิ้นพระชนม์เมื่อ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2389[2] ส่วนพระเจ้าสารวดี ก็มีพระสติวิปลาสและถูกพระโอรสควบคุมตัวไว้ตั้งแต่ พ.ศ. 2385 และสวรรคตไปในปีเดียวกัน หลังพระเจ้าบาจีดอว์ไม่กี่เดือน
อ้างอิง
- วิไลเลขา ถาวรธนสาร. พระเจ้าบาจีดอว์ ใน สารานุกรมประวัติศาสตร์สากลสมัยใหม่: เอเชีย เล่ม 1 อักษร A-B ฉบับราชบัณฑิตยสถาน. กทม.ราชบัณฑิตยสถาน. 2539. หน้า 330 - 333
- ↑ Buyers, Christopher. "The Konbaung Dynasty Genealogy". royalark.net. สืบค้นเมื่อ 2009-09-19. บทที่ 11
- ↑ Htin Aung, Maung (1967). A History of Burma. New York and London: Cambridge University Press.
แหล่งข้อมูลอื่น
- Journal of An Embassy from the Governor-General of India to the Court of Ava in the year 1827 by John Crawfurd, 1829
- Journal of An Embassy from the Governor-General of India to the Court of Ava by John Crawfurd, Vol II 1834
- Was "Yadza" Really Ro(d)gers? Gerry Abbott, SOAS, Autumn 2005
ก่อนหน้า | พระเจ้าจักกายแมง | ถัดไป | ||
---|---|---|---|---|
พระเจ้าปดุง | พระมหากษัตริย์พม่า (อาณาจักรพม่ายุคที่ 3) (พ.ศ. 2362 - พ.ศ. 2380) |
พระเจ้าแสรกแมง |