ผลต่างระหว่างรุ่นของ "พระทุรคา"
เพิ่มเนื้อหา ป้ายระบุ: แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ |
พุทธามาตย์ (คุย | ส่วนร่วม) ล ย้อนการแก้ไขของ 171.96.132.105 (พูดคุย) ไปยังรุ่นก่อนหน้าโดย Thomson Walt ป้ายระบุ: ย้อนรวดเดียว |
||
บรรทัด 2: | บรรทัด 2: | ||
'''พระแม่ทุรคา''' ({{lang-sa|ทุรฺคา}}) หรือ '''พระศรีมหาทุรคาเทวี''' เป็นปางหนึ่งของ [[พระอุมาเทวี]] มีความหมายว่า "ผู้เข้าถึงได้ยาก" ไม่ว่าทั้งเทพเจ้า มนุษย์ อสูร แม้แต่[[พระศิวะ]] [[พระพรหม]] หรือ[[พระวิษณุ]] ก็ไม่อาจสังหารมหิษาสูรได้ <ref>[http://www.zeebox.net/catalog/product_info.php?products_id=238&language=th&osCsid=7bfbb6f4741975c135b6afa5514a27d2 พระแม่ทุรคาปราบอสูรควาย (มหิษาสุรมรรทินี)]</ref> มีเพียงหญิงสาวที่ไม่ได้เกิดอย่างธรรมชาติ และเป็นหนึ่งในอำนาจทั้งหมดของจักรวาล ซึ่งก็คือพระแม่ทุรคา ซึ่งเกิดจากอำนาจทั้งปวงของเหล่าเทพเจ้า |
'''พระแม่ทุรคา''' ({{lang-sa|ทุรฺคา}}) หรือ '''พระศรีมหาทุรคาเทวี''' เป็นปางหนึ่งของ [[พระอุมาเทวี]] มีความหมายว่า "ผู้เข้าถึงได้ยาก" ไม่ว่าทั้งเทพเจ้า มนุษย์ อสูร แม้แต่[[พระศิวะ]] [[พระพรหม]] หรือ[[พระวิษณุ]] ก็ไม่อาจสังหารมหิษาสูรได้ <ref>[http://www.zeebox.net/catalog/product_info.php?products_id=238&language=th&osCsid=7bfbb6f4741975c135b6afa5514a27d2 พระแม่ทุรคาปราบอสูรควาย (มหิษาสุรมรรทินี)]</ref> มีเพียงหญิงสาวที่ไม่ได้เกิดอย่างธรรมชาติ และเป็นหนึ่งในอำนาจทั้งหมดของจักรวาล ซึ่งก็คือพระแม่ทุรคา ซึ่งเกิดจากอำนาจทั้งปวงของเหล่าเทพเจ้า |
||
ในช่วงประมาณเดือน[[กันยายน]]-[[ตุลาคม]]ของทุกปี จะมีการบูชาพระแม่ทุรคาเรียกว่า [[เทศกาลนวราตรี| เทศกาลนวราตรีดุเซร่า]] มีการฉลองถึง ๙ วัน ๙ คืนด้วยกัน ใน[[ประเทศไทย]] งานฉลองนี้จะมีขึ้นประจำทุกปีที่[[วัดพระศรีมหาอุมาเทวี]] หรือ วัดแขกสีลม [[เขตบางรัก]] โดยมีการแห่ไปตามท้องถนนในเวลากลางคืนด้วยดอก[[ดาวเรือง]]และสิ่งบูชาต่าง ๆ |
ในช่วงประมาณเดือน[[กันยายน]]-[[ตุลาคม]]ของทุกปี จะมีการบูชาพระแม่ทุรคาเรียกว่า [[เทศกาลนวราตรี| เทศกาลนวราตรีดุเซร่า]] มีการฉลองถึง ๙ วัน ๙ คืนด้วยกัน ใน[[ประเทศไทย]] งานฉลองนี้จะมีขึ้นประจำทุกปีที่[[วัดพระศรีมหาอุมาเทวี]] หรือ วัดแขกสีลม [[เขตบางรัก]] โดยมีการแห่ไปตามท้องถนนในเวลากลางคืนด้วยดอก[[ดาวเรือง]]และสิ่งบูชาต่าง ๆ |
||
ตำนานกำเนิดพระแม่ทุรคามหาเทวี |
|||
อสูรสองพี่น้องคนพี่ชื่อกลัมภะ คนน้องชื่อรัมภะ |
|||
เป็นอสูรที่มีพลังอำนาจมีฤทธิ์ที่ยิ่งใหญ่ |
|||
ปรารถนาที่จะได้ครอบครองโลกทั้งสามไว้ในอำนาจของตน |
|||
จึงออกไปบำเพ็ญเพียรทำตะบะระลึกถึงองค์ท่านท้าวมหาพรหมธาดาในป่าลึก |
|||
เพื่อวิงวอนขอความเป็นอมตะ |
|||
พระอินทร์เกรงว่าถ้าสองพี่น้องจอมอสูรทำพิธีสำเร็จสามโลกจะต้องเดือดร้อน |
|||
จึงแปลงร่างเป็นจระเข้ยักษ์กัดอสูรกลัมภะผู้พี่ตาย |
|||
อสูรรัมภะผู้น้องเกิดความเสียใจมาก |
|||
คว้าดาบจะตัดหัวตัวเองเพื่อเป็นเครื่องเซ่นสังเวยบูชามหาพรหมธาดา |
|||
พระพรหมธาดาทรงปรากฏร่างขัดขวางมิให้อสูรรัมภะฆ่าตัวตาย |
|||
จอมอสูรรัมภะจึงคิดจะทูลขอพรให้ตนเป็นอมตะ |
|||
แต่ฉุกคิดได้ว่าตนเองแก่เกินไป |
|||
ถึงจะเป็นอมตะแต่สังขารก็แก่เกินกว่าที่จะทำการใหญ่ได้แล้ว |
|||
จึงขอพรให้มีบุตรชายที่เป็นอมตะไม่มีสิ่งใดและไม่มีผู้ใดสามารถสังหารบุตรชายของตนได้ |
|||
พระพรหมไม่ยอมให้พรเช่นนั้น |
|||
แต่ให้อสูรเลือกหาทางออกโดยต้องเลือกทางตายไว้อย่างหนึ่ง |
|||
จอมอสูรรัมภะจึงขอพรจากท่านท้าวมหาพรหมธาดาใหม่ว่า |
|||
ขอให้เทพเจ้าเหล่ามหาเทพมหาเทวีมหาฤษีหรือมนุษย์อมนุษย์สัตว์ |
|||
ทั้งหลายที่มีอยู่แล้วในสามโลกไม่สามารถสังหารบุตรชายของตนได้ |
|||
ยกเว้นหญิงที่เกิดโดยผิดปกติวิสัย |
|||
และ |
|||
หญิงผู้นั้นจะต้องไม่ถือกำเนิดจากการแบ่งภาคของพระแม่พระองค์ใด |
|||
หญิงนั้นจะต้องมีพลังอำนาจฤทธิ์เทียบเท่ามหาเทพมหาเทวีมหาฤษีทั้งปวง |
|||
และมีศาตราวุธทุกอย่างที่เหล่ามหาเทพมหาเทวีมหาฤษีใช้อยู่รวมกัน |
|||
จึงจะสามารถสังหารบุตรชายผู้เป็นอมตะของตนได้ |
|||
เหตุที่อสูรรัมภะทรงทูลขอเช่นนี้เพราะเชื่อมั่นว่าในสามโลกจะไม่มีหญิงเช่นนั้นแน่นอน |
|||
แต่พระพรหมก็ทรงให้พรตามที่จอมอสูรขอ |
|||
จอมอสูรรัมภะดีใจมากรีบเดินทางกลับเมืองทันที |
|||
ระหว่างทาง |
|||
จอมสูรรัมภะได้พบกับนางควายเผือกที่มีรูปร่างลักษณะที่งดงามที่ตนไม่เคยพบเห็นมาก่อนเลย |
|||
ด้วยอำนาจแห่งกรรมเก่าที่เคยมีต่อกันในอดีตชาติทำให้จอมอสูรเกิดความหลงรักนางควายสาว |
|||
จึงแปลงร่างเป็นควายแก่เข้าไปสมสู่กับนางควายเผือก |
|||
นานจนนางควายเผือกเกิดตั้งท้องขึ้นมาจอมอสูรจึงพานางควายสาวท้องแก่เดินทางกลับเมืองของตน |
|||
ระหว่างทางได้พบกับควายหนุ่มซึ่งเป็นควายเปลี่ยวที่ชายป่าใกล้เมือง |
|||
เกิดการต่อสู้กันเพื่อแย่งชิงนางควายเผือก |
|||
จอมอสูรรัมภะในร่างควายแก่สู้แรงปะทะของควายหนุ่มไม่ได้พลาดท่าถูกควายหนุ่มขวิดไส้แตกตาย |
|||
ควายหนุ่มวิ่งไล่กวดนางควายเผือกไปถึงประตูเมืองของจอมอสูรรัมภะ |
|||
นางควายเผือกร้องบอกให้ทหารในเมืองช่วย |
|||
เพราะตนเป็นเมียของจอมอสูรและยังมีลูกของจอมอสูรอยู่ในท้องตนด้วย |
|||
ทหารจึงช่วยกันรุมฆ่าควายหนุ่มตายแล้วนำนางควายเผือกและศพของจอมอสูรรัมภะกลับเข้าเมือง |
|||
นางควายเผือกอาศัยอยู่ในเมืองจนคลอดบุตรออกมาเป็นชายกายเป็นยักษ์หัวเป็นควาย |
|||
เป็นอมตะ(ฆ่าไม่ตาย)ตามคำประกาศิตที่ท่านท้าวมหาพรหมธาดาทรงให้พรกับพ่อ |
|||
อสูรผู้นี่มีชื่อว่า อหิษาสูร หรือ อสูรมหิงสา |
|||
เมื่อโตเป็นหนุ่มก็เที่ยวออกอาละวาดรุกรานรบไปทั้งสามโลก |
|||
ไม่มีผู้ใดสามารถปราบได้เพราะพรของท่านท้าวมหาพรหมธาดา |
|||
ความเดือดร้อนนี้ไม่มีผู้ใดช่วยได้ |
|||
พระพรหมจึงทรงชี้ทางออกให้ |
|||
โดยให้สร้างหญิงที่ไม่เคยมีมาก่อนในสามโลกขึ้นมา |
|||
หญิงผู้นั้นต้องเกิดแบบผิดวิสัยธรรมดา |
|||
และจะต้องมีฤทธิ์และมีศัตราวุธที่ทรงพลังอำนาจเทียบเท่ามหาเทพมหาเทวีมหาฤษีทุกพระองค์รวมกัน |
|||
จึงจะสามารถสังหารจอมอสูรและลบล้างพรของพระองค์ได้สำเร็จ |
|||
พระศิวะมหาเทพจึงทรงแสดงฤทธิ์ |
|||
ใช้ดวงตาที่สามสร้างดวงไฟใหญ่ขึ้นบนฟากฟ้ามีแสงดั่งดวงอาทิตย์ที่ร้อนแรงและทรงพลังมหาศาลขึ้น |
|||
เหล่ามหาเทพมหาเทวีมหาฤษีทุกพระองค์ทรงร่วมกันทำพิธีสร้างหญิงงามผู้หนึ่ง |
|||
ให้เกิดขึ้นจากดวงไฟนั้น |
|||
เป็นการลบล้างพรของท่านท้าวมหาพรหมธาดา |
|||
ที่ว่าหญิงนั้นจะต้องเกิดแบบผิดปกติวิสัยธรรมดา |
|||
มหาเทพมหาเทวีและมหาฤษีทั้งหลาย |
|||
ทรงมอบศัตราวุธและร่วมกับถ่ายพลังทิพยอำนาจทุกอย่างที่มีอยู่ |
|||
ให้แก่หญิงงามที่พวกตนสร้างขึ้น |
|||
พระอิศวรทรงประทานนามหญิงงามผู้นั้นว่า |
|||
พระแม่ทุรคามหาเทวี |
|||
แล้วทรงมอบหมายหน้าที่ให้ไปปราบจอมอสูรมหิงสา |
|||
จอมอสูรพ่ายฤทธิ์พระแม่ทุรคามหาเทวี |
|||
ก่อนตายได้กลับกลายร่างเป็นควายเผือกตามชาติกำเนิดเดิมเข้าต่อสู้ |
|||
พระแม่ทุรคาแปลงร่างเป็นเสือโคร่งตัวใหญ่กระโจนเข้าตะปบกัดฟัดจนควายเผือกตาย |
|||
กล่าวกันว่าในยุคนั้นไม่เคยมีเสือโคร่งมาก่อน |
|||
สามโลกจึงถือว่าเสือโคร่งนั้นเป็นสัตว์ที่เกิดจากพลังฤทธิ์ของพระแม่ทุรคามหาเทวี |
|||
หรือจะกล่าวอีกนัยหนึ่งคือพระแม่ทุรคามหาเทวีทรงเป็นผู้ให้กำเนิดเสือนั่นเอง |
|||
คนฮินดูบางพวกจึงนับถือเสือเป็นเสมือนตัวแทนของพระแม่ทุรคามหาเทวี |
|||
ส่วนพระแม่ที่ทรงขี่สิงห์โต(ราชสีห์)คือพระแม่ศรีมหาอุมาเทวี |
|||
เมื่อจอมอสูรมหิงสาถูกพระแม่ทุรคามหาเทวีสังหารแล้วปัญหาใหม่ก็เกิดตามมา |
|||
ครั้งแรกผู้ที่มาร่วมกันสร้างพระแม่ทุรคามหาเทวีคิดแต่จะสังหารจอมอสูรมหิงสางสามโลก |
|||
เพื่อสันติสุขของสามโลกเท่านั้น |
|||
ลืมคิดไปว่า |
|||
เมื่อสร้างพระแม่ทุรคามหาเทวีให้มีฤทธิ์เท่ามหาเทพมหาเทวีมหาฤษีรวมกันขึ้นมาแล้ว |
|||
สักวันหนึ่งถ้าพระแม่ทุรคามหาเทวีเกิดแผลงฤทธิ์ขึ้นมาเหมือนพวกจอมอสูรแล้ว |
|||
จะไม่มีผู้ใดที่จะสามารถปราบพระแม่ทุรคาลงได้แน่ |
|||
พระแม่ทุรคาทรงทราบถึงความวิตกของเหล่ามหาเทพมหาเทวีมหาฤษีทั้งหลายด้วยทิพย์ญาณ |
|||
จึงทรงประกาศว่า |
|||
พระนางเกิดจากมหาเทพมหาเทวีมหาฤษีทั้งหลาย |
|||
ดังนั้นเหล่ามหาเทพมหาเทวีมหาฤษีทั้งหลายจึงเป็นเสมือนผู้ให้กำเนิดพระองค์ |
|||
พระองค์เปรียบเสมือนธิดาของทุกพระองค์ |
|||
จะไม่ทำการสิ่งใดที่ไม่สมควรเป็นอันขาด |
|||
เพื่อความสบายใจของทุกพระองค์ |
|||
พระองค์จะไปบำเพ็ญศีลภาวนา ณ แดนบาดานจะไม่มายุ่งเกี่ยวกับโลกทั้งสามอีก |
|||
แต่ยามใดที่เกิดภัยแก่สามโลกต้องการให้พระองค์ช่วยพระองค์จะเสด็จมาช่วยทันที |
|||
เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจแล้วพระองค์ก็จะเสด็จกลับไปอยู่ ณ แดนบาดานต่อไป |
|||
พระศิวะทรงกล่าวสรรเสริญในคุณธรรมของพระแม่ทุรคามหาเทวี |
|||
และทรงให้สามโลกกล่าวคำสรรเสริญพระแม่ทุรคามหาเทวีตลอดกาลและทรงประทานพรไว้ว่า |
|||
ผู้ใดที่ได้อ่านหรือได้รับฟังเรื่องราวของพระแม่ทุรคามหาเทวีตั้งแต่ต้นจนจบ |
|||
ผู้นั้นจะรอดพ้นจากบาปเคราะห์ทั้งปวง |
|||
ผู้ใดที่ได้อ่านหรือได้รับฟังเรื่องราวของพระแม่ทุรคามหาเทวีและ |
|||
สามารถนำไปบอกเล่าหรือนำไปเขียนถ่ายทอดให้ผู้อื่นรับรู้รับฟังต่อได้ |
|||
นอกจากจะรอดพ้นจากบาปเคราะห์ทั้งปวงแล้ว |
|||
เมื่อสิ้นอายุขัยแล้ววิญญาณจักได้ไปสู่สวรรค์ |
|||
ผู้ใดได้กราบไหว้บูชาพระแม่ทุรคามหาเทวี |
|||
เสมือนหนึ่งได้กราบไหว้บูชามหาเทพมหาเทวีมหาฤษีทุกพระองค์พร้อมกัน |
|||
เพราะพระแม่เกิดจากมหาเทพมหาเทวีมหาฤษีทุกพระองค์รวมกัน |
|||
พระแม่ทุรคามหาเทวีจึงทรงมีความรู้ความสามารถและพลังทิพยอำนาจ |
|||
มีศัตรวุธของมหาเทพมหาเทวีมหาฤษีทุกพระองค์อยู่ในมือแต่เพียงผู้เดียว |
|||
(พระแม่องค์อื่นไม่มีสิทธิในการใช้ศัตราวุธของเทพเทวีองค์อื่นได้ |
|||
แต่ผู้นับถือเสริมบารมีให้โดยการเลียนแบบพระแม่ทุรคามหาเทวี) |
|||
บางตำนานกล่าวถึงความทารุณโหดร้ายอำมหิตอุบาทว์ของพระแม่ทุรคามหาเทวี |
|||
เพราะความเข้าใจผิด |
|||
จำผิดเป็นเจ้าแม่กาลีหรือเจ้าแม่อัมพิกา |
|||
บางตำนานอ้างว่าพระแม่ทุรคาคือการแบ่งภาคของพระแม่องค์นั้นองค์นี้ |
|||
ซึ่งขัดแย้งกับความเป็นจริง |
|||
เพราะถ้าพระแม่ทุรคามหาเทวีแบ่งภาคมาจากพระแม่องค์ ใดองค์หนึ่ง |
|||
ก็จะไม่สามารถลบล้างพรที่อสูรรัมภะขอกับพระพรหมไว้ว่า |
|||
หญิงที่จะสังหารบุตรชายของตนได้จะต้องมิใช่หญิงที่เกิดจากการแบ่งภาคของพระแม่องค์ใด |
|||
== พระลักษณะ == |
== พระลักษณะ == |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 20:33, 18 เมษายน 2561
พระแม่ทุรคา (สันสกฤต: ทุรฺคา) หรือ พระศรีมหาทุรคาเทวี เป็นปางหนึ่งของ พระอุมาเทวี มีความหมายว่า "ผู้เข้าถึงได้ยาก" ไม่ว่าทั้งเทพเจ้า มนุษย์ อสูร แม้แต่พระศิวะ พระพรหม หรือพระวิษณุ ก็ไม่อาจสังหารมหิษาสูรได้ [1] มีเพียงหญิงสาวที่ไม่ได้เกิดอย่างธรรมชาติ และเป็นหนึ่งในอำนาจทั้งหมดของจักรวาล ซึ่งก็คือพระแม่ทุรคา ซึ่งเกิดจากอำนาจทั้งปวงของเหล่าเทพเจ้า
ในช่วงประมาณเดือนกันยายน-ตุลาคมของทุกปี จะมีการบูชาพระแม่ทุรคาเรียกว่า เทศกาลนวราตรีดุเซร่า มีการฉลองถึง ๙ วัน ๙ คืนด้วยกัน ในประเทศไทย งานฉลองนี้จะมีขึ้นประจำทุกปีที่วัดพระศรีมหาอุมาเทวี หรือ วัดแขกสีลม เขตบางรัก โดยมีการแห่ไปตามท้องถนนในเวลากลางคืนด้วยดอกดาวเรืองและสิ่งบูชาต่าง ๆ
พระลักษณะ
พระแม่ทุรคาอยู่ในลักษณะของกัลยาผู้ที่สุนทรที่สุดในสามโลก มี ๑๐-๑๘ กร ถืออาวุธครบมือ ที่มีอำนาจไม่สิ้นสุด มีกายที่สว่างมาก มีพระเนตร ๓ ดวงที่มีลักษณะเหมือนปัทมา มีพระเกศที่นุ่มสละสลวย มีสีผิวสีทองแดง และมีดวงจันทร์ที่มีขนาดเป็นหนึ่งในสี่ส่วน ๑ ดวงอยู่บนพระนลาฏของพระนาง ประทับอยู่บนหลังสิงโต หรือเสือ ทรงทำยุทธกับมหิษาสูรซึ่งเป็นลูกของอสูรรัมภะกับนางกระบือ ซึ่งได้รับพรจากพระพรหมให้เป็นอมตะ และรบชนะทั้ง ๓ โลก [2] พระแม่ทุรคาทรงมีเครื่องแต่งกายสีฟ้ามหาสมุทรที่แวววาวและสีแดง และส่องแสงรัศมีที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความปรานี