ผลต่างระหว่างรุ่นของ "นามสกุลพระราชทาน"
Nonthachat (คุย | ส่วนร่วม) ลไม่มีความย่อการแก้ไข ป้ายระบุ: การแก้ไขแบบเห็นภาพ แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ |
ล เพิ่มลิ้งค์เชื่อมไปยังหมวดหมู่ของราชสกุลตระกูล พึ่งบุญ |
||
บรรทัด 260: | บรรทัด 260: | ||
|- |
|- |
||
| 3 |
| 3 |
||
| พึ่งบุญ ณ กรุงเทพ |
| [[:หมวดหมู่:ราชสกุลพึ่งบุญ|พึ่งบุญ ณ กรุงเทพ]] |
||
| Phungbun na Krungdeb |
| Phungbun na Krungdeb |
||
| [[เจ้าพระยารามราฆพ (หม่อมหลวงเฟื้อ พึ่งบุญ)]] |
| [[เจ้าพระยารามราฆพ (หม่อมหลวงเฟื้อ พึ่งบุญ)]] |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 18:49, 26 มีนาคม 2561
นามสกุลพระราชทาน เป็นนามสกุลที่ได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขนานนามสกุลขึ้นเมื่อวันที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2455[1] โดยให้มีผลใช้บังคับในวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2456 อย่างไรก็ตาม ได้มีการเลื่อนเวลาการบังคับใช้กฎหมาย 2 ครั้ง เพื่ออำนวยความการสะดวกแก่เจ้าพนักงานซึ่งจะทำทะเบียนและสะดวกแก่ผู้ที่จะเลือกตั้งนามสกุล โดยพระราชบัญญัติได้บังคับใช้เป็นกฎหมายโดยสมบูรณ์เมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2458[2][3]
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามสกุลครั้งแรกเป็นจำนวน 102 นามสกุล เช่น นามสกุล "สุขุม" พระราชทานแก่ เจ้าพระยายมราช (ปั้น), นามสกุล "มาลากุล" พระราชทานแก่ พระยาวิสุทธสุริยศักดิ์ (หม่อมราชวงศ์เปีย) และ พระยาอนุรักษ์ราชมณเฑียร (หม่อมราชวงศ์ปุ้ม) และนามสกุล "พึ่งบุญ" พระราชทานแก่ พระยาประสิทธิ์ศุภการ (หม่อมหลวงเฟื้อ)[4] นามสกุลที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานไว้มีทั้งสิ้น 6464 นามสกุล แยกเป็น
- นามสกุลตามสมุดทะเบียน 6439 นามสกุล (ในสมุดทะเบียนลงลำดับที่นามสกุลที่ได้พระราชทานไปเพียง 6432 นามสกุล)
- นามสกุลพิเศษ 1 นามสกุล คือ นามสกุล ณ พิศณุโลก
- นามสกุลสำหรับราชสกุลรัชกาลที่ 4 อีก 24 นามสกุล [5]
รายชื่อนามสกุลที่มีที่มาจากภาษาต่างประเทศ
- เศียนเสวี พระราชทาน พระอักษรสมบูรณ (ต่อมาได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น พระยานนทิเสนสุเรนทรภักดี) เสมียนตรากระทรวงวัง และนายพันตรีในกองทัพบก บิดาเป็นชาวเยอรมัน นามสกุลเดิมว่า “Falck” คือมุ่งว่า “falk” แปลว่าเหยี่ยว แปลกลับเป็นสันสกฤตว่า “เศ์ยน” แผลงเป็นไทยว่า “เศียน”
- เศวตศิลา พระราชทาน พระวันพฤกษ์พิจารณ (ทองคำ) ปลัดกรมป่าไม้ กับพระกรุงศรีบริรักษ์ (ทองย้อย) ปลัดมณฑลกรุงเก่ากระทรวงมหาดไทย เป็นบุตรนายเฮนรี อาลบาสเตอร์ (แปลนามสกุลเป็น “หินขาว”)
- สุมิตร พระราชทาน นายอี สเปนช์ สมิต ผู้ช่วยอธิบดีกรมศึกษาธิการ ขอพระราชทานให้บุตรชายหญิงซึ่งมารดาเป็นไทย
- เวลานนท์ พระราชทาน รองอำมาตย์เอกเกอรช ฟริดริช เวเลอร์ นายตรวจเอก กรมรถไฟหลวงสายเหนือ (ต่อมาถูกถอนสัญชาติและเรียกคืนนามสกุล เมื่อคราวประเทศสยามประกาศสงครามกับประเทศเยอรมนีในสงครามโลกครั้งที่ 1)
- บรมนิรัตน์สกุล พระราชทาน ขุนหัสดิณดิลก บิดาเป็นชาวโปรตุเกส นามสกุลเดิมว่า “โบนีฮัสซุล”
- อันตรนิยุกต์ พระราชทาน ขุนทิพรศโอชา (ปีเตอร์) พนักงานครัวเฃ้าต้น กรมมหาดเล็ก นามสกุลเดิม “อันโตนิโอ”
- สีมันตร พระราชทาน ขุนเลขการวิจิตร (แสวง) นายเวรกรมที่ปฤกษา กระทรวงพระคลังมหาสมบัติ บิดาเป็นชาวโปรตุเกส นามสกุลเดิมว่า “ซีโมเอนส์”
- เตชะวณิช พระราชทาน พระอนุวัฒน์ราชนิยม (ฮง) สังกัดกรมมหาดเล็ก แซ่แต้
- อับดุลพันธุ์ พระราชทาน นายหมู่ตรีปุ๋ย ประจำแพนกเกียกกาย กองเสนารักษาดินแดนกรุงเทพฯ ปู่ทวดชื่อเฮเดอรใบ ปู่ชื่อเมียโบ บิดาชื่ออับดุลโคยุม
- อับดุลละบุตร พระราชทาน พระยาพิพิธเสนามาตยาธิบดีศรีสงคราม (นิโอ๊ะ) พระยาเมืองยะหริ่ง ปู่ทวดชื่ออับดุลเลาะ
- คุณะดิลก พระราชทาน พระยาอรรถการประสิทธิ์ (วิลเลียม แอลเฟรด ตีเลกี, William Alfred Tilleke) อธิบดีกรมอัยการ กระทรวงยุติธรรม เขาชื่อเช่นนี้มาแต่เดิมแล้วแต่ต้องการได้รับอนุมัติ จึ่งตกลงให้เขียนว่า“คุณะดิลก”เช่นนี้ เพื่อให้เป็นไทย เดิมเขียนว่า“คุณะติละกะ” (ตัวโรมัน“Guna Tilleke”)
- สิงหลกะ พระราชทาน พระดรุณรักษา (เสงี่ยม) ปลัดบาญชีกรมมหาดเล็ก หลานพระอุดรพิสดาร (สิญญ) ซึ่งเป็นชาวสิงหล
- อินทนูจิตร พระราชทาน พระยาสุรินทร์ภักดีศรีณรงค์จางวาง (เชียงปุม) เจ้ากูยเมืองประทายสมัน เป็นต้นสกุล “อินทนูจิตร” เนื่องด้วยช่วยราชการสงครามกับรัชกาลที่ ๑ และพระราชอนุชาไว้มาก ความดีความชอบครั้งสำคัญ ในสงคราม ๙ ทัพ ในปี พ.ศ. ๒๓๒๘ จึงได้รับการปูนบำเหน็จอวยยศเป็น “พระยาสุรินทร์ภักดีศรีณรงค์จางวาง” ในปีถัดมา และมีการเปลี่ยนชื่อเมืองประทายสมันเป็น “เมืองสุรินทร์” เพื่อเป็นเกียรติยศพิเศษแด่ท่าน ซึ่งราชทินนาม ณรงค์ แปลว่าสงคราม จางวางคือข้าราชการชั้นสูงในกรมมหาดเล็กรับใช้เจ้านายชั้นบรมวงศ์หรือเจ้านายที่ทรงกรม ซึ่งท่านมาจากเมืองสุรินทร์เมืองช้างโดยเชี่ยวชาญด้านคชศาสตร์เป็นพิเศษ
รายชื่อนามสกุลแยกตามรายอาชีพของผู้เป็นต้นสกุล
- สกุลพ่อค้า มีคำว่า วณิช หรือวานิช และ เวส ประกอบในนามสกุลเช่น กมุทวณิช, กัณหะเวส, คุปตะวาณิช, กฤษณวนิช, เตมียาเวส
- สกุลชาวสวน มีคำว่า ผล และ ผลิน ประกอบในนามสกุล เช่น ผลพันธิน, นิตย์อำนวยผล, ผลาชีวะ, มณฑลผลิน
- สกุลชาวนา มีคำว่า กสิกร, เกษตริน และศาลิ ประกอบในนามสกุล เช่น โพธิกสิกร, รัตกสิกร,พงษ์สาริกิจ, สนธิเกษตริน, พฤทธิศาลิกร, ศาลิคุปต
- สกุลทหารบก มีคำว่า โยธิน ประกอบในนามสกุล เช่น พหลโยธิน, พินทุโยธิน, อุตตมะโยธิน, กมลโยธิน,โกษะโยธิน,อัครโยธิน,วัฒนโยธิน,อินทรโยธิน
- สกุลทหารเรือ มีคำว่า นาวิน และกลิน ประกอบในนามสกุล เช่น กมลนาวิน, กนกนาวิน, วิเศษนาวิน, โรหิตนาวิน, ไอศะนาวิน, อังคะนาวิน, กฤษณกลิน, สุนทรกลิน, บุญยรัตกลิน
- สกุลทหารอากาศ มีคำว่า อากาศ หรือ นภา ประกอบในนามสกุล เช่น รณนภากาศ, วุฒากาศ, อากาศไชย
- สกุลช่างสิบหมู่ มีคำว่า ศิลปิน ประกอบในนามสกุล เช่น เกียรติศิลปิน, เตมียศิลปิน
- ศิลปินโขน มีคำว่า นัฏ ประกอบในนามสกุล เช่น กานตะนัฎ, จารุนัฎ, สมรรคนัฎ
- นักดนตรี มีคำว่า วาทิน ประกอบในนามสกุล เช่น กมลวาทิน, วรวาทิน, สุนทรวาทิน
- กรมพระอัศวราช มีคำว่า อัศวิน ประกอบในนามสกุล เช่น ศวิน โกมลาศวิน, ชยาศวิน, มณฑาศวิน
- สกุลแพทย์ มีคำว่า เวช, ไวทยะ, แพทย์ ประกอบในนามสกุล เช่น โกมลเวช, สุนทรเวช, ถาวรเวช, วีระไวทยะ, พัฒนเวชวงศ์, ตีรแพทย์,ไวทยะชีวิน, มิลินทแพทย์, เวชภูติ ,เวชชาชีวะ
- โหรหลวง มีคำว่า โชติ ประกอบในนามสกุล เช่น โชติวิท, เศษโชติ, สุนทรโชติ, หิรัญโชติ
- พราหมณ์ มีคำว่า พราหมณ ประกอบในนามสกุล เช่น จุลละพราหมณ์, พราหมณายน, วินทุพราหมณกุล , วุฒิพราหมณ์ , รัตนพราหมณ์
รายชื่อสกุลที่ขึ้นต้นด้วย "ณ"
สกุลที่ขึ้นต้นด้วย "ณ" เป็นนามสกุลพระราชทาน โดยพระราชทานให้แก่ผู้สืบเชื้อสายจากบรรพบุรุษที่มีนิวาสถานตั้งอยู่ในที่แห่งนั้นเป็นเวลานานมาก มีผู้คนรู้จัก และนับถือโดยมาก โดยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวมีพระบรมราชโองการห้ามไม่ให้ผู้ที่ไม่ได้รับพระบรมราชานุญาตใช้คำว่า "ณ" นำหน้าสกุลเป็นอันขาด[6]
สกุล ณ ที่ได้รับพระราชทาน [7][8] | |||
สกุล | เลขที่ | พระราชทาน | สืบเชื้อสาย |
---|---|---|---|
ณ กาฬสินธุ์ | ๑๑๙๐ | พระยาไชยสุนทร (ท้าวเก) กรมการพิเศษเมืองกาฬสินธุ์ มณฑลร้อยเอ็ด | พระยาไชยสุนทร (เจ้าโสมพะมิตร์) เจ้าเมืองกาฬสินธุ์องค์แรก จากราชวงศ์ล้านช้างเวียงจันทน์ สืบสายทางท้าวอุปฮาด (ท้าวหมาสุ่ย) |
ณ จัมปาศักดิ์ | ๑๖๑๘ | เจ้าศักดิ์ประสิทธิ์ (เจ้าเบงหรือเจ้าเบงคำ) และเจ้าศักดิ์ประเสริฐ (เจ้าอุย) ซึ่งได้ขอเข้ามารับราชการในเมืองไทย โดยไม่ยอมอยู่ในบังคับของฝรั่งเศส | สมเด็จพระเจ้าสร้อยศรีสมุทรพุทธางกูร (เจ้าหน่อกษัตริย์) ปฐมกษัตริย์ราชอาณาจักรล้านช้างจำปาศักดิ์ สืบสายทางสมเด็จเจ้ายุติธรรมธร (เจ้าคำสุก) เจ้าผู้ครองนครจำปาศักดิ์ องค์ที่ ๑๑ |
ณ เชียงใหม่ | ๑๑๖๑ | มหาอำมาตย์โท พลตรี เจ้าแก้วนวรัฐ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ องค์ที่ ๙ องค์สุดท้าย | พระเจ้าบรมราชาธิบดีกาวิละ พระเจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ องค์ที่ ๑ และเจ้าผู้ครองนครลำปาง องค์ที่๓ |
ณ ตะกั่วทุ่ง | ๒๒๘๙ | อำมาตย์โท หลวงราชภักดี (หร่าย) ยกกระบัตรมณฑลปัตตานี หลานทวด | พระยาโลหะภูมิพิสัย ผู้สำเร็จราชการเมืองตะกั่วทุ่ง |
ณ ถลาง | ๐๗๔๒ | พระยาสุนทราทรธุรกิจ (หมี) กระทรวงมหาดไทย และพระอาณาจักรบริบาล (อ้น) กระทรวงมหาดไทย และพระพิไสยสุนทรการ (แปลง) ฃ้าหลวงตรวจการกรมสรรพากรนอก | พระยาถลาง (ฤกษ์) |
ณ นคร | ๐๑๐๓ | นายพลโท พระยาวรเดชศักดาวุธ (แย้ม) ปลัดทูลฉลองกระทรวงกลาโหม | เจ้าพระยานครศรีธรรมราช (น้อย) พระราชโอรสในสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชกับเจ้าจอมมารดาเจ้าหญิงปราง พระราชธิดาในพระเจ้านครศรีธรรมราช (หนู) |
ณ น่าน | ๑๑๖๒ | เจ้ามหาพรหมสุรธาดา เจ้าผู้ครองนครน่าน องค์ที่ ๖๔ | พระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดช พระเจ้าผู้ครองนครน่าน |
ณ บางช้าง | ๐๓๖๐ | หลวงขจรเนาวรัฐ (หลำ) กระทรวงมหาดไทย กับหลวงพิพิธวรรณการ (ม้วน) ปลัดกรมกองการปกครอง กรมราชเลขานุการ เป็นบิดากับบุตร | พระแม่กลอง (สอน) กับเจ้าคุณบางช้าง (แก้ว) |
ณ ป้อมเพชร์ | ๐๑๕๐ | พระยาเพชร์ชฎ | พระยาเพชร์ชฎ บรรดาศักดิ์เดิม พระสมุทบุรานุรักษ์ (ฃำ) ผู้ว่าราชการเมืองสมุทรปราการ เดิมตั้งบ้านเรือนอยู่ ณ ป้อมเพชร กรุงศรีอยุธยา |
ณ พัทลุง | ๒๒๗๙ | รองอำมาตย์เอก หลวงวิบูลย์บุรขันฑ์ (นพ) กรมการพิเศษเมืองพัทลุง | พระยาพัทลุง (ขุน) บรรดาศักดิ์เดิม พระยาแก้วเการพพิไชย ผู้สำเร็จราชการเมืองพัทลุง สมัยกรุงธนบุรี |
ณ พิศณุโลก | พิเศษ | หม่อมคัทริน | หม่อมคัทริน พระชายาในสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถ กรมหลวงพิศณุโลกประชานารถ ภายหลังในรัชกาลที่ ๗ พระราชทานนามสกุลเป็น จักรพงศ์ |
ณ มโนรม | ๒๗๗๐ | หลวงวินิจสารา (ดวง) นายเวรกรมบัญชาการ กระทรวงนครบาล | ผู้ว่าราชการเมืองมโนรม |
ณ มหาไชย | ๐๐๐๔ | พระยาเทพทวาราวดี (สาย) อธิบดีกรมมหาดเล็ก | พระยานรนารถภักดี ถิ่นฐานเดิมอยู่ที่ตำบลมหาไชย |
ณ ร้อยเอ็จ | ๑๑๘๙ | พระยาขัติยะวงษาเอกาธิกสตานันท์ (ท้าวเหลา) ผู้สำเร็จราชการเมืองร้อยเอ็ด | เพี้ยพระลคร (ท้าวคำ) เชื้อสายพระยาขัติยวงศาพิสุทธิ์ธิบดี (ท้าวทนต์หรือท้าวสุทนมณี) เจ้าเมืองร้อยเอ็จองค์แรก พระโอรสในเจ้าจารย์แก้ว (เจ้าแก้วมงคล) เจ้าเมืองท่งศรีภูมิ (เมืองสุวรรณภูมิ) จากราชวงศ์ล้านช้างเวียงจันทน์ |
ณ ระนอง | ๒๓๔๕ | อำมาตย์เอก พระยารัตนเศรษฐี (ยู่หงี) ผู้สำเร็จราชการเมืองระนอง | พระยาดำรงสุจริตมหิศรภักดี ชื่อเดิม ซู้เจียง แซ่คอ (คอซู้เจียง) ผู้สำเร็จราชการเมืองระนอง |
ณ ลำปาง | ๑๑๖๖ | พลตรี เจ้าบุญวาทย์วงศ์มานิต (บุญทวงษ์) เจ้าผู้ครองนครลำปาง องค์ที่ ๑๓ | พระเจ้าคำโสม พระเจ้าผู้ครองนครลำปาง องค์ที่ ๔ |
ณ ลำพูน | ๐๘๖๖ | พลตรี เจ้าจักรคำขจรศักดิ์ (น้อยจักรคำ) เจ้าผู้ครองนครลำพูน องค์ที่ ๑๐ องค์สุดท้าย | เจ้าหลวงเศรษฐีคำฝั้น เจ้าผู้ครองนครลำพูน องค์ที่ ๑ และเจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ องค์ที่ ๓ |
ณ วิเชียร | ๒๘๐๓ | พระยาประเสริฐสงคราม (ใจ) จางวางกำกับราชการอำเภอวิเชียร จังหวัดเพชรบูรณ์ | ผู้ว่าราชการเมืองวิเชียรบุรี |
ณ สงขลา | ๐๑๐๘ | พระยาพฤกษาภิรมย์ (ฑิตย์) เจ้ากรมสวนหลวง | เจ้าพระยาสงขลา (หลวงสุวรรณคีรีสมบัติ) ชื่อเดิม เหยี่ยง แซ่เหงา เจ้าเมืองสงขลา สมัยกรุงธนบุรี |
ณ หนองคาย | ๑๑๘๑ | พระอนุชาติวุฒาธิคุณ (ท้าวแพ) นายอำเภอเมืองเพ็ญ เมืองอุดรธานี | พระปทุมเทวาภิบาล (ท้าวสุวอธรรมา) เจ้าเมืองหนองคายองค์แรก บุตรในเจ้าอุปฮาด (แพง) เมืองยโสธร นัดดาในเจ้าพระวิชัยราชสุริยวงศ์ขัติยราช (เจ้าฝ่ายหน้า)เจ้าผู้ครองนครจำปาศักดิ์ องค์ที่ ๓ |
ณ อุบล | ๓๑๒๗ | พระอุบลเดชประชารักษ์ (เสือ) กรมการพิเศษจังหวัดอุบลราชธานี | พระประทุมวรราชสุริยวงศ์ (เจ้าคำผง) เจ้าเมืองอุบลราชธานีศรีวนาลัยประเทศราชองค์แรก โอรสในเจ้าพระวรราชปิตา นัดดาในเจ้าพระวรราชภักดี เมืองหนองบัวลำภู (หนองบัวลุ่มภู) |
สกุล ณ ที่มีการต่อท้ายนามสกุล | |||
สกุล | เลขที่ | พระราชทาน | สืบเชื้อสาย |
---|---|---|---|
พรหมสาขา ณ สกลนคร | ๑๓๖๘ | อำมาตย์โท พระยาประจันตประเทศธานี (โง่นคำ) ผู้ว่าราชการเมืองสกลนคร | พระบรมราชากิตติศัพท์เทพฤๅยศ ทศบุรีศรีโคตรบูรหลวง (ท้าวพรหมา) เจ้าผู้ครองเมืองนครพนม สืบสายทางเจ้าอุปฮาดพระนาคี (ท้าวกิ่งหงษา) เมืองมหาชนไชยกองแก้ว |
ภวภูตานนท์ ณ มหาสารคาม | ๑๒๑๘ | พระเจริญราชเดช (อุ่น) กรมการพิเศษเมืองมหาสารคาม มณฑลร้อยเอ็จ ทวดชื่อราชวงษ์ (หล้า) ปู่ชื่ออุปฮาด (ภู) | พระเจริญราชเดชวรเชษฐมหาขัติยพงศ์สุรชาติ ประเทศราชธำรงค์รักษ์ (ท้าวกวด) เจ้าเมืองมหาสารคามองค์ที่ ๑ บุตรท้าวอุปฮาต (ท้าวสิงห์) นัดดาพระยาขัติยวงศาพิสุทธิบดี (ท้าวสีลัง) เจ้าเมืองร้อยเอ็จ |
รัตนดิลก ณ ภูเก็ต | ๒๓๒๗ | รองอำมาตย์โท หลวงวรเทพภักดี (เดช) กรมการพิเศษเมืองภูเก็ต | พระภูเก็ตโลหเกษตรารักษ์ (แก้ว) บิดาชื่อ พระยาณรงค์เรืองฤทธิ์ประสิทธิสงคราม (เจิม)ผู้สำเร็จราชการเมืองถลาง |
สุนทรกุล ณ ชลบุรี | ๔๖๐๓ | หม่อมหลวงจาบ | กรมขุนสุนทรภูเบศร์ พระนามเดิมว่าเรืองหรือจีนเรือง เดิมเป็นชาวเมืองชลบุรี ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯสถาปนาขึ้นเป็นเจ้านาย |
สกุล ณ ที่มีการต่อท้ายนามสกุลที่แยกออกจาก สกุล ณ เดิม | |||
สกุล | เลขที่ | สกุลใหม่ | พระราชทาน |
---|---|---|---|
ณ นคร | ๐๒๕๓ | โกมารกุล ณ นคร | พระยาไชยยศสมบัติ (เฉลิม) อธิบดีกรมพระคลังมหาสมบัติ กระทรวงพระคลังมหาสมบัติ สำหรับผู้ที่สืบสกุลจากเจ้าพระยานคร (น้อย) ลงมาทางเจ้าพระยามหาศิริธรรม (น้อยเมือง) และพระยาศรีสรราชภักดี (หนูเล็ก) |
ณ ถลาง | ๓๙๔๕ | ประทีป ณ ถลาง | หลวงราชอาณัติ (กล่อม) ผู้พิพากษาศาลจังหวัดตะกั่วป่า |
ณ พัทลุง | ๒๔๒๕ | สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง | มหาดเล็กสำรองสมบุญ ประจำกรมมหาดเล็ก ปู่ชื่อกลิ่น บิดาชื่อชม |
นามสกุลจากราชทินนาม
คือ นามสกุลที่ตั้งขึ้นมาโดยมีที่มาจากราชทินนามของขุนนาง ราชทินนาม มีความหมายคือ นามที่ได้รับพระราชทาน ซึ่งแสดงถึงตำแหน่งหน้าที่ทางราชการของขุนนางผู้นั้น นามพระราชทานนี้อยู่ต่อท้ายบรรดาศักดิ์ (อันได้แก่เจ้าพระยา พระยา พระ หลวง ขุนหมื่น พัน ทนาย ฯ) ในบางกรณี ราชทินนาม พระเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯให้เจ้ากระทรวงแต่งตั้งให้แก่ชนชั้นขุนนางที่ได้รับบรรดาศักดิ์ ดังนั้นราชทินนาม เป็นความดีความชอบที่มอบให้แก่ชนชั้นปกครอง ซึ่งไม่ได้รับเงินเดือนในสมัยกรุงศรีอยุธยา นอกจากนี้ ราชทินนาม ยังใช้สำหรับสมณศักดิ์ชั้นสัญญาบัตรที่พระเจ้าแผ่นดินพระราชทานแก่พระภิกษุสงฆ์ เช่นเจ้าคณะฯ
ทั้งนี้ การที่จะใช้ราชทินนามขุนนางเป็นนามสกุลได้ต้องนำความกราบบังคมทูลขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตก่อน เมื่อโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาตแล้ว ผู้ขอใช้ราชทินนามเป็นนามสกุลจึงจะไปแจ้งขอเปลี่ยนนามสกุลได้
ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล มีพระบรมราชานุญาตให้ใช้นามสกุลจากราชทินนาม ตามความในมาตรา 18 แห่งพระราชบัญญัติชื่อบุคคล พุทธศักราช 2484 ว่า "ผู้ใดประสงค์จะขอใช้ราชทินนามของตนทั้งหมดหรือแต่บางส่วนเป็นชื่อสกุล ให้ยื่นเรื่องราวต่อรัฐมนตรีเพื่อถวายต่อพระมหากษัตริย์ ถ้าได้รับพระบรมราชานุญาตและได้นำหลักฐานไปจดทะเบียนต่อกรมการอำเภอ ณ ที่ว่าการอำเภอท้องที่ซึ่งผู้ยื่นเรื่องราวมีภูมิลำเนาแล้ว จึงให้ถือว่าเป็นชื่อสกุลอันชอบด้วยกฎหมาย"
ทันทีที่พระราชบัญญัติฉบับดังกล่าวนั้นประกาศใช้อย่างเป็นทางการ ได้มีผู้ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตใช้ราชทินนามเป็นนามสกุลในครั้งแรก[9] จำนวน 10 คนดังนี้
- จอมพล หลวงพิบูลสงคราม (แปลก ขิตตะสังคะ) ขอใช้นามสกุล พิบูลสงคราม
- พลตำรวจตรี หลวงอดุลเดชจรัส (อดุล พึ่งพระคุณ) ขอใช้นามสกุล อดุลเดชจรัส
- นาวาเอก หลวงธำรงนาวาสวัสดิ์ (ถวัลย์ ธารีสวัสดิ์) ขอใช้นามสกุล ธำรงนาวาสวัสดิ์
- พันเอก หลวงเชวงศักดิ์สงคราม (ช่วง ขวัญเชิด) ขอใช้นามสกุล เชวงศักดิ์สงคราม
- พลโท หลวงพรหมโยธี (มังกร ผลโยธิน) ขอใช้นามสกุล พรหมโยธี
- พลอากาศตรี พระเวชยันตรังสฤษฏ์ (มุนี มหาสันทนะ) ขอใช้นามสกุล เวชยันตรังสฤษฏ์
- นายพันเอก พระบริภัณฑ์ยุทธกิจ (เภา เพียรเลิศ) ขอใช้นามสกุล บริภัณฑ์ยุทธกิจ
- นายพลตรี หลวงเสรีเริงฤทธิ์ (จรูญ รัตนกุล) ขอใช้นามสกุล เสรีเริงฤทธิ์
- หลวงวิจิตรวาทการ (วิจิตร วัฒนปฤดา) ขอใช้นามสกุล วิจิตรวาทการ
- ขุนสมาหารหิตะคดี (โป-ระ โปรคุปต์) ขอใช้นามสกุล สมาหาร
การขอพระราชทานใช้ราชทินนามเป็นนามสกุล เป็นผลสืบเนื่องมาจากการยกเลิกบรรดาศักดิ์ในสมัยจอมพล ป.พิบูลสงครามเป็นนายกรัฐมนตรี ที่กำหนดให้ข้าราชการเลิกใช้บรรดาศักดิ์ คงเป็นนายเท่าเทียมกันทั้งหมด จึงทำให้บรรดาข้าราชการที่เคยมีบรรดาศักดิ์และเคยรู้จักกันทั่วไปราชทินนามต่างๆ พากันนำราชทินนามมาใช้ร่วมกับนามและนามสกุลเดิม เช่น พระยาภะรตราชา อดีตผู้บัญชาการจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก็ได้เปลี่ยนมาใช้นามตามรัฐนิยมว่า หม่อมหลวงทศทิศ อิศรเสนา ภะรตราชา ,พระยาอนุมานราชธน ท่านก็เปลี่ยนมาเป็นนายยง เสฐียรโกเศศ อนุมานราชธน ,สกุลเจ้าเมืองจังหวัดสุรินทร์ ก็สามารถใช้ราชทินนามพระยาสุรินทร์ภักดีศรีณรงค์จางวาง มาใช้ร่วมกับนามและนามสกุลพระราชทานตาม รัฐนิยมว่า สุรินทร์ภักดี อินทนูจิตร ได้ , ขุนเสลวาปี ขุนนางในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ก็มาใช้ราชทินนามร่วมกับนามตาม รัฐนิยม ว่า เสลวาปีนุสรณ์
ต่อมาได้มีการเปลี่ยนแปลงแก้ไขพระราชบัญญัติชื่อบุคคล พุทธศักราช 2484 เป็นพระราชบัญญัติชื่อบุคคล พุทธศักกราช 2505 โดยในมาตรา 19 บัญญัติว่า "ผู้ใดประสงค์จะใช้ราชทินนามของตน ของผู้บุพการีหรือของผู้สืบสันดานเป็นชื่อสกุล ให้ยื่นคำขอต่อนายทะเบียนท้องที่ในท้องที่ที่ตนมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนราษฎร แล้วให้นายทะเบียนท้องที่นั้นเสนอต่อไปตามลำดับจนถึงนายทะเบียนกลาง เมื่อนายทะเบียนกลางพิจารณาเห็นสมควร ให้เสนอรัฐมนตรีเพื่อนำความกราบบังคมทูล เมื่อได้รับพระบรมราชานุญาตแล้ว จึงให้นายทะเบียนท้องที่รับจดทะเบียนชื่อสกุลนั้น และออกหนังสือสำคัญแสดงการรับจดทะเบียนชื่อสกุลให้แก่ผู้ขอ"
รายชื่อนามสกุลพระราชทานในรัชกาลที่ ๖
ลำดับ | นามสกุล (อักษรไทย) | นามสกุล (อักษรโรมัน) | พระราชทานแด่ | วันที่พระราชทาน | หมายเหตุ |
---|---|---|---|---|---|
1 | สุขุม | Sukhum | เจ้าพระยายมราช (ปั้น สุขุม) | 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2456 | * ทรงเขียนให้เอง (สกุลตั้งใหม่) * เสนาบดีกระทรวงนครบาล *เดิม พระยาสุขุมนัยวินิต พระอาจารย์ภาษไทยในขณะที่รัชกาลที่ 6 ทรงกำลังศึกษาอยู่ที่ประเทศอังกฤษ |
2 | มาลากุล ณ กรุงเทพ | Malakul na Krungdeb | เจ้าพระยาพระเสด็จสุเรนทราธิบดี (หม่อมราชวงศ์เปีย มาลากุล) และเจ้าพระยาธรรมาธิกรณาธิบดี (หม่อมราชวงศ์ปุ้ม มาลากุล) | 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2456 | * ทรงเขียนให้เอง * เดิม พระยาวิสุทธสุริยศักดิ์ (หม่อมราชวงษ์เปีย) เสนาบดีกระทรวงธรรมการ และพระยาอนุรักษ์ราชมณเฑียร (หม่อมราชวงษ์ปุ้ม) เสนาบดีกระทรวงวัง * สำหรับบรรดาผู้ที่สืบสกุลจากสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอชั้น ๒ เจ้าฟ้ามหามาลา กรมพระยาบำราบปรปักษ์ |
3 | พึ่งบุญ ณ กรุงเทพ | Phungbun na Krungdeb | เจ้าพระยารามราฆพ (หม่อมหลวงเฟื้อ พึ่งบุญ) | 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2456 | *ทรงเขียนให้เอง * เดิม พระยาประสิทธิ์ศุภการ จางวางมหาดเล็กห้องพระบรรทม อธิบดีกรมมหาดเล็กและผู้บัญชาการกรมมหรศพ * สกุลหม่อมไกรสร |
4 | ณ มหาไชย | Na Mahajai | พระยาบำเรอบริรักษ์ (สาย ณ มหาไชย) | 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2456 | * ทรงเขียนให้เอง * เดิม พระยาเทพทวาราวดี (สาย) อธิบดีกรมมหาดเล็ก * สำหรับสกุลพระยานรนารถภักดีด้วย ซึ่งมาจากตำบลมหาไชย * ปัจจุบันยังคงสะกดเป็น "ณ มหาไชย" |
5 | ไกรฤกษ์ | Krairiksh | พระยาบุรุษรัตนราชพัลลภ (นพ) และเจ้าพระยามหิธร (ลออ ไกรฤกษ์) | 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2456 | * ทรงเขียนให้เอง * เดิม อธิบดีกรมชาวที่ และพระยาจักรปาณีศรีศิลวิสุทธิ์ (ลออ) กรรมการศาลฎีกา และสมุหพระนิติศาสตร์ * สำหรับบรรดาผู้ที่สืบสกุลจากพระยาไกรโกษา (ฤกษ์) |
อ้างอิง
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, พระราชบัญญัติขนามนามสกุล พุทธศักราช ๒๔๕๖, เล่ม ๒๙, ตอน ๐ ก, ๓๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๕๕, หน้า ๒๘๓
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, พระบรมราชโองการ ประกาศ ให้เลื่อนการใช้พระราชบัญญัติขนานนามสกุล, เล่ม ๓๐, ตอน ๐ก, ๑๓ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๕๖, หน้า ๕๘
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, พระบรมราชโองการ ประกาศ การเลื่อนใช้พระราชบัญญัติขนานนามสกุล พระพุทธศักราช ๒๔๕๖, เล่ม ๓๐, ตอน ๐ ก, ๒๒ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๕๖, หน้า ๔๙๓
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศกระทรวงมุรธาธร เรื่อง ประกาศพระราชทานนามสกุล ครั้งที่ ๑, เล่ม ๓๐, ตอน ๐ ง, ๒๖ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๕๖, หน้า ๖๔๘
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศกรมราชเลขานุการ เรื่อง พระราชทานนามสกุล สำหรับสืบเชื้อพระวงศ์ พระเจ้าบรมวงศ์เธอชั้น ๔, เล่ม ๓๒, ตอน ๐ ง, ๑๘ เมษายน พ.ศ. ๒๔๕๘, หน้า ๑๓๕
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศ ห้ามมิให้ผู้ที่ไม่ได้รับพระราชทานนามสกุลใช้ "ณ" นำหน้านามสกุล, เล่ม ๓๒, ตอน ๐ ก, ๑๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๕๘, หน้า ๓๙๕
- ↑ http://www.sakulthai.com/DSakulcolumndetailsql.asp?stcolumnid=3004&stissueid=2591&stcolcatid=2&stauthorid=13
- ↑ http://www.amed.go.th/AboutUs/palace/nameH.htm
- ↑ ประกาศกระทรวงมหาไทย เรื่องพระราชทานพระบรมราชานุญาติใช้ราชทินนามเป็นชื่อสกุล ณ วันที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2474 สืบค้นวันที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2557
- เทพ สุนทรศารทูล. นามสกุลพระราชทาน ในรัชกาลที่6 รัชกาลที่7 รัชกาลที่8 รัชกาลที่9. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, 2555.
แหล่งข้อมูลอื่น
- เว็บไซต์ พระราชวังพญาไท หัวข้อ นามสกุลพระราชทานเรียงลำดับตามอักษร
- พระราชบัญญัติชื่อบุคคล พุทธศักราช 2484 สืบค้นวันที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2557
- พระราชบัญญัติชื่อบุคคล พุทธศักกราช 2505 สืบค้นวันที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2557