ผลต่างระหว่างรุ่นของ "นกปากห่าง"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Potapt (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
Potapt (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 31: บรรทัด 31:


== การแพร่กระจายพันธุ์ ==
== การแพร่กระจายพันธุ์ ==
นกปากห่างแพร่กระจายพันธุ์ อยู่ในทวีปเอเชียตอนใต้ตั้งแต่[[ปากีสถาน]] [[อินเดีย]] [[เนปาล]] [[ศรีลังกา]] [[บังคลาเทศ]] [[พม่า]] [[ไทย]] ประเทศแถบอินโดจีน จำนวนในแต่ละประเทศไม่สม่ำเสมอตลอดทั้งปี เพราะนกปากห่างมีการอพยพย้ายถิ่นไป ๆ มา ๆ ระหว่างประเทศเหล่านี้ตลอดทั้งปี เพื่อหาแหล่งหากินและทำรังวางไข่<ref>http://www.kmitl.ac.th/agritech/ac/spproject/2552/bird2009/popup1.html</ref>
นกปากห่างแพร่กระจายพันธุ์ อยู่ในทวีปเอเชียตอนใต้ตั้งแต่[[ปากีสถาน]] [[อินเดีย]] [[เนปาล]] [[ศรีลังกา]] [[บังกลาเทศ]] [[พม่า]] [[ไทย]] ประเทศแถบอินโดจีน จำนวนในแต่ละประเทศไม่สม่ำเสมอตลอดทั้งปี เพราะนกปากห่างมีการอพยพย้ายถิ่นไป ๆ มา ๆ ระหว่างประเทศเหล่านี้ตลอดทั้งปี เพื่อหาแหล่งหากินและทำรังวางไข่<ref>http://www.kmitl.ac.th/agritech/ac/spproject/2552/bird2009/popup1.html</ref>


== อ้างอิง ==
== อ้างอิง ==

รุ่นแก้ไขเมื่อ 02:48, 3 มีนาคม 2561

นกปากห่าง
สถานะการอนุรักษ์
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์
อาณาจักร: Animalia
ไฟลัม: Chordata
ชั้น: Aves
อันดับ: Ciconiiformes
วงศ์: Ciconiidae
สกุล: Anastomus
สปีชีส์: A.  oscitans
ชื่อทวินาม
Anastomus oscitans
Boddaert, 1783
แผนที่แสดงการกระจายพันธุ์

นกปากห่าง (ชื่อวิทยาศาสตร์: Anastomus oscitans)[2] จัดอยู่ในวงศ์นกกระสา (Ciconiidae) จัดเป็นนกในวงศ์นี้ขนาดเล็ก แต่จุดเด่นที่ไม่เหมือนใครก็คือปากที่ยามหุบจะเหลือช่องตรงกลาง ทำให้มันคาบเปลือกหอยโข่งและหอยเชอรี่ที่ทั้งกลมทั้งลื่นได้อย่างช่ำชอง เมื่อจับหอยได้แล้วมันจะคาบไปหาทำเลเหมาะ ๆ เพื่อใช้จะงอยปากทำหน้าที่เหมือนแหนบจิกเนื้อหอยออกมากิน

ลักษณะทั่วไป

ตัวผู้และตัวเมียคล้ายกัน มีขายาว คอยาว ปากใหญ่ส่วนกลางของปากห่างออกเพื่อคาบหอยโข่งซึ่งกลมลื่นได้ ขนตามตัวมีสีขาวมอ ๆ หางมีสีดำแกมน้ำเงิน ขนปลายปีกมีสีเหมือนและเป็นแถบสีดำ นกปากห่างมีลำตัวยาว 32 นิ้ว ชอบอยู่เป็นฝูง ทำรังบนต้นไม้ ทำรังด้วยเรียวไม้แบบนกยางหรือรังกา ออกไข่ครั้งละ 2-4 ฟอง ตัวผู้และตัวเมียจะผลัดกันกกไข่ ในการผสมพันธุ์ เวลาตัวผู้ขึ้นทับตัวเมียนั้น นกตัวผู้จะใช้เท้าจับขอบปีกหน้าของตัวเมียไว้แน่น ทั้งสองตัวจะกระพือปีกช่วยการทรงตัว ตัวผู้จะแกว่งปากของมันให้กระทบกับปากของตัวเมียอยู่ตลอดเวลาที่ทำการทับ ลูกนกเมื่อออกจากไข่ใหม่ ๆ จะไม่มีขน หลังจากนั้นไม่กี่วันก็มีขนปุยขาว ๆ คลุม อีกราวเกือบ 2 เดือนก็มีปีกหางแข็งแรงแล้วก็เริ่มหัดบิน [3]

ถิ่นอาศัย

ประชากรนกปากห่างในประเทศไทยมีประมาณ 300,000-400,000 ตัว และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น มักพบในภาคกลางและอีสาน แต่เนื่องจากเป็นนกที่อพยพย้ายถิ่นหากินตามฤดูกาล ทำให้พบได้ในหลายประเทศ ซึ่งในประเทศไทยในเดือนมิถุนายนจะพบเห็นได้มากที่สุด เนื่องจากนกชนิดนี้ได้อพยพกลับมา โดยประเทศไทยเป็นพื้นที่แหล่งทำรังวางไข่ที่สำคัญที่สุดของนกปากห่าง และเป็นพื้นที่อาศัยที่รองรับประชากรของนกปากห่างมากกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ของประชากรทั้งโลก[4]

แหล่งอาหาร

พบทุกภาคในประเทศไทย แต่มักพบมากที่ภาคกลาง บริเวณนาข้าว นกชนิดนี้มักชอบกินหอยเชอร์รี่และหอยโข่ง โดยสถานที่ ๆ ขึ้นชื่อว่าเป็นแหล่งอาศัยของนกปากห่างที่เป็นที่รู้จักกันดี คือ วัดไผ่ล้อม อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี และยังมีตามสวนนกทั่วไปเช่นสวนนกประโคนชัย จังหวัดบุรีรัมย์[5]

การแพร่กระจายพันธุ์

นกปากห่างแพร่กระจายพันธุ์ อยู่ในทวีปเอเชียตอนใต้ตั้งแต่ปากีสถาน อินเดีย เนปาล ศรีลังกา บังกลาเทศ พม่า ไทย ประเทศแถบอินโดจีน จำนวนในแต่ละประเทศไม่สม่ำเสมอตลอดทั้งปี เพราะนกปากห่างมีการอพยพย้ายถิ่นไป ๆ มา ๆ ระหว่างประเทศเหล่านี้ตลอดทั้งปี เพื่อหาแหล่งหากินและทำรังวางไข่[6]

อ้างอิง

  1. BirdLife International (2012). "Anastomus oscitans". IUCN Red List of Threatened Species. Version 2012.1. สืบค้นเมื่อ 16 July 2012.
  2. http://www.oknation.net/blog/plains-wanderer/2012/01/15/entry-1
  3. http://www.thaigoodview.com/library/teachershow/poonsak/bird/sec02p30.html
  4. สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช
  5. นกปากห่างวัดไผ่ล้อม
  6. http://www.kmitl.ac.th/agritech/ac/spproject/2552/bird2009/popup1.html

แหล่งข้อมูลอื่น

ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ Anastomus oscitans ที่วิกิสปีชีส์