ผลต่างระหว่างรุ่นของ "พระอาจารย์ดี ฉนฺโน"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ประวัติ
บรรทัด 24: บรรทัด 24:
'''พระอาจารย์ดี ฉนฺโน''' หรือ '''หลวงปู่ดี ฉนฺโน''' เดิมมีชื่อว่า '''''ดี วงศ์เสนา''''' เกิดเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม [[พ.ศ. 2435]] ณ ''เมืองพนมไพรแดนมฤค'' หรือบ้านกุดน้ำใส อำเภอพนมไพร จังหวัดร้อยเอ็ด ในปัจจุบัน บิดาชื่อ ''หลวงอินทร์ วงศ์เสนา'' มารดาชื่อ ''จันทรา วงศ์เสนา'' เป็นบุตรคนที่ 2 ในจำนวนพี่น้องทั้งหมดรวม 9 คน
'''พระอาจารย์ดี ฉนฺโน''' หรือ '''หลวงปู่ดี ฉนฺโน''' เดิมมีชื่อว่า '''''ดี วงศ์เสนา''''' เกิดเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม [[พ.ศ. 2435]] ณ ''เมืองพนมไพรแดนมฤค'' หรือบ้านกุดน้ำใส อำเภอพนมไพร จังหวัดร้อยเอ็ด ในปัจจุบัน บิดาชื่อ ''หลวงอินทร์ วงศ์เสนา'' มารดาชื่อ ''จันทรา วงศ์เสนา'' เป็นบุตรคนที่ 2 ในจำนวนพี่น้องทั้งหมดรวม 9 คน


ต่อมาในปี [[พ.ศ. 2452]] ครอบครัวของ ''พระอาจารย์ดี ฉนฺโน'' ได้อพยพย้ายถิ่นฐานไปตั้งหลักแหล่งอยู่ที่ ''บ้านกุดแห่'' ตำบลกุดแห่ อำเภอเลิงนกทา จังหวัดยโสธร ในปัจจุบัน
ต่อมาในปี [[พ.ศ. 2452]] ครอบครัวของ ''พระอาจารย์ดี ฉนฺโน'' ได้อพยพย้ายถิ่นฐานไปตั้งหลักแหล่งอยู่ที่ ''บ้านกุดแห่'' ตำบลหนองสิม อำเภอบุ่ง จังหวัดอุบลราชธานีในขณะนั้น หรือในปัจจุบันคือ บ้านกุดแห่ ตำบลกุดแห่ [[อำเภอเลิงนกทา]] [[จังหวัดยโสธร]]


== อุปสมบท ==
== อุปสมบท ==
บรรทัด 30: บรรทัด 30:
ปี [[พ.ศ. 2457]] ได้[[อุปสมบท]]เป็นพระภิกษุ สังกัดคณะสงฆ์[[มหานิกาย]] โดยมี ''พระธรรมบาล'' วัดบ้านกุดมะฮง เป็นพระอุปัชฌาย์ จำพรรษาอยู่ที่วัดศรีบุญเรืองท่าแขก (วัดร้างบ้านกุดแห่ ปัจจุบันเป็นที่ธรณีสงฆ์วัดป่าสุนทราราม)
ปี [[พ.ศ. 2457]] ได้[[อุปสมบท]]เป็นพระภิกษุ สังกัดคณะสงฆ์[[มหานิกาย]] โดยมี ''พระธรรมบาล'' วัดบ้านกุดมะฮง เป็นพระอุปัชฌาย์ จำพรรษาอยู่ที่วัดศรีบุญเรืองท่าแขก (วัดร้างบ้านกุดแห่ ปัจจุบันเป็นที่ธรณีสงฆ์วัดป่าสุนทราราม)


ปี [[พ.ศ. 2470]] ''พระอาจารย์ดี ฉนฺโน'' ได้ขอทำการ [[ทัฬหิกรรม]] ญัตติเป็นพระภิกษุสังกัดคณะสงฆ์[[ธรรมยุติกนิกาย]] ณ พระอุโบสถวัดสร่างโศก อำเภอยโสธร จังหวัดอุบลราชธานี ในขณะนั้น ปัจจุบันคือ [[วัดศรีธรรมาราม]] (พระอารามหลวง) อำเภอเมือง จังหวัดยโสธร โดยมี ''พระครูจิตตวิโสธนาจารย์ (ทองพูน โสภโณ)'' เป็นพระอุปัชฌาย์ ในการนี้[[หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต]] และพระอาจารย์ที่ติดตามอีกหลายรูปร่วมนั่งหัตถบาตร [[File:วัดภูเขาแก้ว7.jpg|thumb|พระอุโบสถวัดภูเขาแก้วในปัจจุบัน]]
ปี [[พ.ศ. 2470]] ''พระอาจารย์ดี ฉนฺโน'' ได้ขอทำการ [[ทัฬหิกรรม]] ญัตติเป็นพระภิกษุสังกัดคณะสงฆ์[[ธรรมยุติกนิกาย]] ณ พระอุโบสถวัดสร่างโศก อำเภอยโสธร จังหวัดอุบลราชธานี ในขณะนั้น ปัจจุบันคือ [[วัดศรีธรรมาราม]] (พระอารามหลวง) อำเภอเมือง จังหวัดยโสธร โดยมี ''พระครูจิตตวิโสธนาจารย์ (ทองพูน โสภโณ)'' เป็นพระอุปัชฌาย์ ในการนี้[[หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต]] และพระอาจารย์ที่ติดตามอีกหลายรูปร่วมนั่งหัตถบาตร


== ชีวิตในร่มกาสาวพัตร์และการศึกษาธรรม ==
== ชีวิตในร่มกาสาวพัตร์และการศึกษาธรรม ==


ปี [[พ.ศ. 2457]] ''พระอาจารย์ดี ฉนฺโน'' หลังจากอุปสมบทแล้ว ได้มาจำพรรษาอยู่ที่วัดศรีบุญเรืองท่าแขก (วัดบ้านกุดแห่) ต่อมาได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาส ได้พัฒนาวัดจนเจริญรุ่งเรืองมีชื่อเสียงมากในยุคนั้น ท่านเป็นพระนักเทศนาโวหาร มีม้าเป็นพาหนะ ขี่ม้าไปเทศน์ตามบ้านต่างๆ เป็นพระนักพัฒนา มีความรู้ความชำนาญในด้านช่างไม้ ช่างก่อสร้าง งานแกะสลัก จึงได้ก่อสร้างเสนาสนะ ศาลาโรงธรรม หอธรรมาสน์อันมีลวดลายวิจิตร หอไตรรูปทรงสวยงามสำหรับเก็บหนังสือพระธรรมใบลาน อีกทั้งยังเก่งวิชาคาถาอาคมและมีความรู้ด้านยาสมุนไพรจึงมีลูกศิษย์มากมาย
ปี [[พ.ศ. 2457]] หลังจากอุปสมบทแล้ว ''พระอาจารย์ดี ฉนฺโน'' ได้มาจำพรรษาอยู่ที่วัดศรีบุญเรืองท่าแขก (วัดบ้านกุดแห่) ต่อมาได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาส ได้พัฒนาวัดจนเจริญรุ่งเรืองมีชื่อเสียงมากในยุคนั้น ท่านเป็นพระนักเทศนาโวหาร มีม้าเป็นพาหนะ ขี่ม้าไปเทศน์ตามบ้านต่างๆ เป็นพระนักพัฒนา มีความรู้ความชำนาญในด้านช่างไม้ ช่างก่อสร้าง งานแกะสลัก จึงได้ก่อสร้างเสนาสนะ ศาลาโรงธรรม หอธรรมาสน์อันมีลวดลายวิจิตร หอไตรรูปทรงสวยงามสำหรับเก็บหนังสือพระธรรมใบลาน อีกทั้งยังเก่งวิชาคาถาอาคมและมีความรู้ด้านยาสมุนไพรจึงมีลูกศิษย์มากมาย [[File:หลวงปู่ดี3.jpg|thumb|ศาลาวัดป่าสุนทราราม สร้างในสมัยหลวงปูดี ฉนฺโน เป็นเจ้าอาวาส]]


ปี [[พ.ศ. 2465]] ''พระอาจารย์ดี ฉนฺโน'' ได้ออกธุดงค์เที่ยวหาเรียนวิชาอาคม หาของขลังและหาความรู้เพิ่มเติม ท่านได้เดินทางขึ้นไปทางสกลนคร นครพนม จึงได้พบกับ [[หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต]] ที่บ้านสามผง อำเภอศรีสงคราม จังหวัดนครพนม เมื่อได้ฟังธรรมจาก ''หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต'' แล้ว จึงเกิดความเลื่อมใสศรัทธาเชื่อว่าหลวงปู่มั่นเป็นผู้มีญาณวิเศษสำเร็จแล้ว เพราะทักท้วงได้อย่างถูกต้องเหมือนตาเห็นเป็นอัศจรรย์ จึงได้กราบขอฝากตัวเป็นลูกศิษย์ ให้ช่วยชี้แนะแนวทางประพฤติปฏิบัติให้ถูกต้องตามพระธรรมวินัย และได้จำพรรษาในเขตจังหวัดนครพนมและจังหวัดสกลนคร
ปี [[พ.ศ. 2465]] ''พระอาจารย์ดี ฉนฺโน'' ได้ออกธุดงค์เที่ยวหาเรียนวิชาอาคม หาของขลังและหาความรู้เพิ่มเติม ท่านได้เดินทางขึ้นไปทางสกลนคร นครพนม จึงได้พบกับ [[หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต]] ที่บ้านสามผง อำเภอศรีสงคราม จังหวัดนครพนม เมื่อได้ฟังธรรมจาก ''หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต'' แล้ว จึงเกิดความเลื่อมใสศรัทธาเชื่อว่าหลวงปู่มั่นเป็นผู้มีญาณวิเศษสำเร็จแล้ว เพราะทักท้วงได้อย่างถูกต้องเหมือนตาเห็นเป็นอัศจรรย์ จึงได้กราบขอฝากตัวเป็นลูกศิษย์ ให้ช่วยชี้แนะแนวทางประพฤติปฏิบัติให้ถูกต้องตามพระธรรมวินัย และได้จำพรรษาในเขตจังหวัดนครพนมและจังหวัดสกลนคร


ในปี [[พ.ศ. 2469]] มีเหตุการณ์สำคัญของ ''พระอาจารย์ดี ฉนฺโน'' ที่ทำให้กองทัพธรรมสายของ [[หลวงปู่เสาร์ กนฺตสีโล]] และ [[หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต]] ซึ่งขณะนั้นพำนักอยู่เสนาสนะ บ้านสามผง [[อำเภอศรีสงคราม]] [[จังหวัดนครพนม]] มีชื่อเสียงโด่งดังและได้รับความศรัทธาอย่างสูง เหตุการณ์ที่ว่านี้เป็นเพราะพระเถระที่ชาวบ้านศรัทธามาก 3 รูปได้ขอญัตติเป็นพระฝ่าย[[ธรรมยุต]] ติดตามปฏิบัติธรรมไปกับ [[หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต]] ได้แก่ [[พระอาจารย์ดี ฉนฺโน ]] [[พระอาจารย์เกิ่ง อธิมุตฺตโก]] และ[[พระอาจารย์สีลา อิสฺสโร]]
ปี [[พ.ศ. 2470]] ''พระอาจารย์ดี ฉนฺโน'' ได้ขอทำการ [[ทัฬหิกรรม]] ญัตติเป็นพระภิกษุสังกัดคณะสงฆ์[[ธรรมยุติกนิกาย]] ณ พระอุโบสถวัดสร่างโศก อำเภอยโสธร จังหวัดอุบลราชธานี ในขณะนั้น ปัจจุบันคือ [[วัดศรีธรรมาราม]] (พระอารามหลวง) อำเภอเมือง จังหวัดยโสธร โดยมี ''พระครูจิตตวิโสธนาจารย์ (ทองพูน โสภโณ)'' เป็นพระอุปัชฌาย์ ในการนี้ [[หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต]] และพระอาจารย์ที่ติดตามอีกหลายรูปร่วมนั่งหัตถบาตร

ปี [[พ.ศ. 2470]] ''พระอาจารย์ดี ฉนฺโน'' ได้ทำการ [[ทัฬหิกรรม]] ญัตติเป็นพระภิกษุสังกัดคณะสงฆ์[[ธรรมยุติกนิกาย]] ณ พระอุโบสถวัดสร่างโศก อำเภอยโสธร จังหวัดอุบลราชธานี ในขณะนั้น ปัจจุบันคือ [[วัดศรีธรรมาราม]] (พระอารามหลวง) อำเภอเมือง จังหวัดยโสธร โดยมี ''พระครูจิตตวิโสธนาจารย์ (ทองพูน โสภโณ)'' เป็นพระอุปัชฌาย์ ในการนี้ [[หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต]] และพระอาจารย์ที่ติดตามอีกหลายรูปร่วมนั่งหัตถบาตร

ปี [[พ.ศ. 2471]] เมื่อได้ฝึกอบรมจิตภาวนาและข้อวัตรปฏิบัติกับ[[หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต]] แล้ว ''พระอาจารย์ดี ฉนฺโน'' จึงธุดงค์กลับไปปักกลดที่ ''ดอนคอกวัว'' เพื่อโปรดชาวบ้านกุดแห่ พ่อเฒ่าฝ่ายหน้า บุรารัตน์ เจ้าของที่ดินแปลงนี้ได้ถวายที่ดินเพื่อให้สร้างวัด ''พระอาจารย์ดี ฉนฺโน'' จึงสั่งให้ญาติโยมรื้อศาลากุฏิจากวัดศรีบุญเรืองท่าแขกทั้งหมดเอาไปปลูกสร้างวัดใหม่ที่บริเวณดอนคอกวัว หรือก็คือ [[วัดป่าสุนทราราม]] ในปัจจุบัน ซึ่งพื้นที่วัดศรีบุญเรืองท่าแขกเดิมได้กลายเป็นธรณีสงฆ์ของวันป่าสุนทรารามในปัจจุบัน

ในระหว่างพรรษานี้ [[พระอาจารย์สิงห์ ขนฺตยาคโม]] ศิษย์อาวุโสของ[[หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต]] ซึ่งอยู่จำพรรษาที่บ้านหนองขอน จังหวัดอุบลราชธานี ได้รับจดหมายนิมนต์จาก ''พระครูพิศาลอรัญเขต'' เจ้าอาวาสวัดศรีจันทร์และเจ้าคณะธรรมยุตจังหวัดขอนแก่นในขณะ ต่อมาก็คือ [[พระเทพสิทธาจารย์ (จันทร์ เขมิโย)]] ให้ไปช่วยเผยแผ่ธรรมปฎิบัติให้กับประชาชนชาว[[จังหวัดขอนแก่น]] หลังจากออกพรรษา ''พระอาจารย์ดี ฉนฺโน'' จึงได้เดินทางไปบ้านน่าหัวงัวเพื่อนมัสการ[[หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต]] และร่วมประชุมปรึกษาหารือในกิจนิมนต์ดังกล่าว ในการนี้มีพระภิกษุสามเณรลูกศิษย์ของ[[หลวงปู่เสาร์ กนฺตสีโล]] และ [[หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต]] จากเมืองอุบลฯ เมืองสกลฯ เมืองนครพนม เมืองยโสธร เมืองหนองคาย และเมืองเลย ต่างก็เดินทางมาประชุมพร้อมกันในช่วง[[วันมาฆบูชา]] วันเพ็ญเดือน 3 ณ ''บ้านนาหัวงัว'' [[อำเภอกุดชุม]] [[จังหวัดอุบลราชธานี]]ในขณะนั้น หรือในปัจจุบันคือ[[ยโสธร]] เมื่อที่ประชุมคณะสงฆ์ตกลงเห็นพ้องต้องกันแล้ว จึงได้แยกย้ายกันเดินทางมุ่งสู่[[จังหวัดขอนแก่น]] คณะสงฆ์กองทัพธรรมนำโดย [[พระอาจารย์สิงห์ ขนฺตยาคโม]] [[พระอาจารย์มหาปิ่น ปญฺญาพโล]] [[พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร]] [[พระอาจารย์ดี ฉนฺโน ]] [[พระอาจารย์อ่อน ญาณสิริ]] [[พระอาจารย์เกิ่ง อธิมุตฺตโก]] [[พระอาจารย์สีลา อิสฺสโร]] เป็นต้น เมื่อไปถึงแล้วได้พำนักที่ ''ป่าช้าโคกเหล่างา'' ด้านทิศตะวันออกของเมืองขอนแก่น คณะสงฆ์จึงได้ร่วมกันสร้าง ''สำนักสงฆ์ป่าช้าโคกเหล่างา'' หรือ ''วัดป่าเหล่างา'' ขึ้น ซึ่งปัจจุบันก็คือ [[วัดป่าวิเวกธรรม]] อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น

ปี [[พ.ศ. 2472]] ''พระอาจารย์ดี ฉนฺโน'' ได้สร้างสำนักสงฆ์และจำพรรษาที่ ''วัดป่าโคกโจด'' ตำบลพระลับ อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น ได้เทศนาสั่งสอนประชาชนให้ละมิจฉาทิฐิ เลิกจากการถือภูตฝีปีศาจ ให้ตั้งอยู่ในพระไตรสรณคมน์ กำหราบหมอผีมนต์ดำเดรัชฉานวิชา รักษาชาวบ้านด้วยยาสมุนไพร ตลอดระยะเวลา 3 ปี

ปี [[พ.ศ. 2475]] ''พระอาจารย์ดี ฉนฺโน'' ได้ออกเดินธุดงค์ไปโปรดประชาชนชาวจังหวัดขอนแก่น ผ่านบ้านโสกแสง อำเภอน้ำพอง บ้านเม็งใหญ่ บ้านยางคำ อำเภอหนองเรือ และบ้านกุดเค้า อำเภอมัญจาคีรี จังหวัดขอนแก่น จึงได้พำนักจำพรรษาบริเวณนี้

ปี [[พ.ศ. 2476]] ''พระอาจารย์ดี ฉนฺโน'' ได้จำพรรษาอยู่ที่ ''วัดป่าศิลาวิเวก'' อำเภอเมือง [[จังหวัดมุกดาหาร]] ในช่วงนี้ท่านได้ปฎิบัติธรรมกรรมฐานทำความเพียรอย่างอุกฤษฎ์ และได้รับ ''สามเณรถิร บุญญวรรณ'' เป็นศิษย์ ซึ่งต่อมาก็คือ ''หลวงปู่ถิร ฐิตธมฺโม'' หรือ [[พระครูสถิตธรรมวิสุทธิ์ (ถิร ฐิตธมฺโม)]]

ปี [[พ.ศ. 2479]] ''พระอาจารย์ดี ฉนฺโน'' ได้มีโอกาสกราบถวายตัวเป็นศิษย์ [[หลวงปู่เสาร์ กนฺตสีโล]] และได้ออกธุดงค์ติดตามหลวงปู่ใหญ่เสาร์ตลอด จนกระทั้งวาระสุดท้ายที่หลวงปู่เสาร์มรณภาพ

ในปีนั้น [[หลวงปู่เสาร์ กนฺตสีโล]] ได้ปรารภถึงการเดินทางกลับ[[จังหวัดอุบลราชธานี]] คณะศิษย์ทั้งหลายจึงได้จัดประชุมคณะสงฆ์และร่วมทำบุญใน[[วันมาฆบูชา]] ณ ''วัดอ้อมแก้ว'' หรือ [[วัดเกาะแก้วอัมพวัน]] [[อำเภอธาตุพนม]] [[จังหวัดนครพนม]] ถือเป็นภารกิจสุดท้ายของหลวงปู่ใหญ่เสาร์ที่จังหวัดนครพนมและถือเป็นโอวาทครั้งสุดท้ายแก่คณะศิษย์ที่ไม่ได้เดินทางติดตามไปที่จังหวัดอุบลราชธานี การประชุมในครั้งนี้ ถือเป็นการประชุมพระธุรงค์กรรมฐานครั้งใหญ่ที่สุดของจังหวัดนครพนมในสมัยนั้น

คณะศิษย์ได้เดินทางติดตาม [[หลวงปู่เสาร์ กนฺตสีโล]] ไปพำนักที่จังหวัดอุบลราชธานี ในครั้งนั้นมีไม่น้อยกว่า 70-80 รูป หลวงปู่ใหญ่เสาร์จึงแบ่งคณะศิษย์ออกเป็นหลายกลุ่มหลายคณะ โดยมีศิษย์อาวุโสรับเป็นหัวหน้าแต่ละคณะ พร้อมทั้งกำหนดหมู่บ้านต่างๆ ที่แต่ละคณะจไปพำนักเพื่อโปรดญาติโยมชาวเมืองอุบลราชธานี เช่น [[หลวงปู่เสาร์ กนฺตสีโล]] ไปพำนักจำพรรษาที่บ้านข่าโคม บ้านเกิดของท่าน [[พระอาจารย์ทองรัตน์ กนฺตสีโล]] ศิษย์อาวุโสฝ่าย[[มหานิกาย]] ไปตั้งวัดจำพรรษาอยู่ที่บ้านชีทวน [[พระอาจารย์บุญมาก ฐิติปุญโญ]] ไปอยู่บ้านท่าศาลา [[พระอาจารย์ทอง อโสโก]] ไปอยู่บ้านสวนงัว และ[[พระอาจารย์ดี ฉนฺโน]] ไปอยู่บ้านกุดแห่ ซึ่งเป็นบ้านของท่าน เป็นต้น
[[File:วัดภูเขาแก้ว7.jpg|thumb|พระอุโบสถวัดภูเขาแก้ว ในปัจจุบัน]]
ปี [[พ.ศ. 2480]] [[สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (อ้วน ติสฺโส)]] ในขณะที่ดำรงสมณศักดิ์เป็น ''พระพรหมมุนี'' และดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาส[[วัดสุปัฏนาราม]]และเจ้าคณะมณฑลนครราชสีมา ได้ขอให้ [[พระครูวิเวกพุทธกิจ (เสาร์ กนฺตสีโล)]] พิจารณาสร้างวัดป่ากรรมฐานขึ้นที่[[อำเภอพิบูลมังสาหาร]] ด้วยเหตุนี้ [[หลวงปู่เสาร์ กนฺตสีโล]] จึงมอบหมายให้ ''พระอาจารย์ดี ฉนฺโน'' ออกธุดงค์ไปยัง[[อำเภอพิบูลมังสาหาร]] ตั้งสำนักปฎิบัติธรรมกรรมฐานที่ '''ป่าช้าโคกภูดิน''' บริเวณเนินเขาสูง โดยมี[[สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (อ้วน ติสฺโส)]]และชาวอำเภอพิบูลมังสาหารได้ให้การสนุนสนับ ชาวบ้านเรียกสำนักแห่งนี้ว่า 'วัดป่าภูดิน'' หรือ ''วัดป่าภูเขาแก้ว'' โดยมี ''พระอาจารย์ดี ฉนฺโน'' เป็นเจ้าอาวาสรูปแรกและอยู่จำพรรษาที่วัดแห่งนี้ ซึ่งในปัจจุบันก็คือ [[วัดภูเขาแก้ว]] [[อำเภอพิบูลมังสาหาร]] [[จังหวัดอุบลราชธานี]]

ปี [[พ.ศ. 2481]]




ปี [[พ.ศ. 2471]] เมื่อได้ฝึกอบรมจิตภาวนาและข้อวัตรปฏิบัติกับ ''หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต'' แล้ว ''พระอาจารย์ดี ฉนฺโน'' จึงธุดงค์กลับไปปักกลดที่ ''ดอนคอกวัว'' เพื่อโปรดชาวบ้านกุดแห่ พ่อเฒ่าฝ่ายหน้า บุรารัตน์ เจ้าของที่ดินแปลงนี้ได้ถวายที่ดินเพื่อให้สร้างวัด ''พระอาจารย์ดี ฉนฺโน'' จึงสั่งให้ญาติโยมรื้อศาลากุฏิจากวัดศรีบุญเรืองท่าแขกทั้งหมดเอาไปปลูกสร้างวัดใหม่ที่บริเวณดอนคอกวัว หรือก็คือ [[วัดป่าสุนทราราม]] ในปัจจุบัน ซึ่งพื้นที่วัดศรีบุญเรืองท่าแขกเดิมได้กลายเป็นธรณีสงฆ์ของวันป่าสุนทรารามในปัจจุบัน [[File:หลวงปู่ดี3.jpg|thumb|ศาลาวัดป่าสุนทราราม สร้างในสมัยหลวงปูดี ฉนฺโน]]


== อ้างอิง ==
== อ้างอิง ==

รุ่นแก้ไขเมื่อ 16:46, 24 ธันวาคม 2560

พระดี ฉันโน

(ดี ฉนฺโน)
ชื่ออื่นพระอาจารย์ดี, หลวงปู่ดี
ส่วนบุคคล
เกิด26 กรกฎาคม พ.ศ. 2435 (66 ปี ปี)
มรณภาพ8 เมษายน พ.ศ. 2502
นิกายธรรมยุติกนิกาย
ตำแหน่งชั้นสูง
ที่อยู่วัดภูเขาแก้ว, วัดป่าสุนทราราม จังหวัดอุบลราชธานี,จังหวัดยโสธร
อุปสมบทพ.ศ. 2457
พรรษา45
ตำแหน่งอดีตเจ้าอาวาส วัดภูเขาแก้ว, วัดป่าสุนทราราม

พระอาจารย์ดี ฉนฺโน หรือ หลวงปู่ดี ฉนฺโน เป็นพระภิกษุฝ่ายวิปัสสนาธุระ สังกัดคณะสงฆ์ธรรมยุติกนิกาย ลูกศิษย์องค์สำคัญของ พระครูวิเวกพุทธกิจ (เสาร์ กนฺตสีโล) และ พระครูวินัยธรมั่น ภูริทตฺโต

พระอาจารย์ดี ฉนฺโน ท่านเป็นผู้มีอุปนิสัยใจคอหนักแน่น เด็ดเดียว เก่งในด้านวิปัสสนากรรมฐาน ชำนาญด้านกสิณและอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ เป็นนักเทศนาโวหาร เป็นผู้มีวิชาคาถาอาคมเก่งกล้า เป็นนักอนุรักษ์ประเพณีวัฒนธรรม นอกจากนี้ยังชำนาญในด้านช่างไม้ ช่างก่อสร้าง ช่างปั้นดินเผา งานแกะสลัก และงานเขียนภาพ อีกทั้งยังมีความรู้ด้านยาสมุนไพร ถือได้ว่าท่านเป็นผู้เชี่ยวชาญทางการช่างและแพทย์แผนโบราณอีกด้วย

ชาติกำเนิด

พระอาจารย์ดี ฉนฺโน หรือ หลวงปู่ดี ฉนฺโน เดิมมีชื่อว่า ดี วงศ์เสนา เกิดเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2435เมืองพนมไพรแดนมฤค หรือบ้านกุดน้ำใส อำเภอพนมไพร จังหวัดร้อยเอ็ด ในปัจจุบัน บิดาชื่อ หลวงอินทร์ วงศ์เสนา มารดาชื่อ จันทรา วงศ์เสนา เป็นบุตรคนที่ 2 ในจำนวนพี่น้องทั้งหมดรวม 9 คน

ต่อมาในปี พ.ศ. 2452 ครอบครัวของ พระอาจารย์ดี ฉนฺโน ได้อพยพย้ายถิ่นฐานไปตั้งหลักแหล่งอยู่ที่ บ้านกุดแห่ ตำบลหนองสิม อำเภอบุ่ง จังหวัดอุบลราชธานีในขณะนั้น หรือในปัจจุบันคือ บ้านกุดแห่ ตำบลกุดแห่ อำเภอเลิงนกทา จังหวัดยโสธร

อุปสมบท

ปี พ.ศ. 2457 ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย โดยมี พระธรรมบาล วัดบ้านกุดมะฮง เป็นพระอุปัชฌาย์ จำพรรษาอยู่ที่วัดศรีบุญเรืองท่าแขก (วัดร้างบ้านกุดแห่ ปัจจุบันเป็นที่ธรณีสงฆ์วัดป่าสุนทราราม)

ปี พ.ศ. 2470 พระอาจารย์ดี ฉนฺโน ได้ขอทำการ ทัฬหิกรรม ญัตติเป็นพระภิกษุสังกัดคณะสงฆ์ธรรมยุติกนิกาย ณ พระอุโบสถวัดสร่างโศก อำเภอยโสธร จังหวัดอุบลราชธานี ในขณะนั้น ปัจจุบันคือ วัดศรีธรรมาราม (พระอารามหลวง) อำเภอเมือง จังหวัดยโสธร โดยมี พระครูจิตตวิโสธนาจารย์ (ทองพูน โสภโณ) เป็นพระอุปัชฌาย์ ในการนี้หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต และพระอาจารย์ที่ติดตามอีกหลายรูปร่วมนั่งหัตถบาตร

ชีวิตในร่มกาสาวพัตร์และการศึกษาธรรม

ปี พ.ศ. 2457 หลังจากอุปสมบทแล้ว พระอาจารย์ดี ฉนฺโน ได้มาจำพรรษาอยู่ที่วัดศรีบุญเรืองท่าแขก (วัดบ้านกุดแห่) ต่อมาได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาส ได้พัฒนาวัดจนเจริญรุ่งเรืองมีชื่อเสียงมากในยุคนั้น ท่านเป็นพระนักเทศนาโวหาร มีม้าเป็นพาหนะ ขี่ม้าไปเทศน์ตามบ้านต่างๆ เป็นพระนักพัฒนา มีความรู้ความชำนาญในด้านช่างไม้ ช่างก่อสร้าง งานแกะสลัก จึงได้ก่อสร้างเสนาสนะ ศาลาโรงธรรม หอธรรมาสน์อันมีลวดลายวิจิตร หอไตรรูปทรงสวยงามสำหรับเก็บหนังสือพระธรรมใบลาน อีกทั้งยังเก่งวิชาคาถาอาคมและมีความรู้ด้านยาสมุนไพรจึงมีลูกศิษย์มากมาย

ศาลาวัดป่าสุนทราราม สร้างในสมัยหลวงปูดี ฉนฺโน เป็นเจ้าอาวาส

ปี พ.ศ. 2465 พระอาจารย์ดี ฉนฺโน ได้ออกธุดงค์เที่ยวหาเรียนวิชาอาคม หาของขลังและหาความรู้เพิ่มเติม ท่านได้เดินทางขึ้นไปทางสกลนคร นครพนม จึงได้พบกับ หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต ที่บ้านสามผง อำเภอศรีสงคราม จังหวัดนครพนม เมื่อได้ฟังธรรมจาก หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต แล้ว จึงเกิดความเลื่อมใสศรัทธาเชื่อว่าหลวงปู่มั่นเป็นผู้มีญาณวิเศษสำเร็จแล้ว เพราะทักท้วงได้อย่างถูกต้องเหมือนตาเห็นเป็นอัศจรรย์ จึงได้กราบขอฝากตัวเป็นลูกศิษย์ ให้ช่วยชี้แนะแนวทางประพฤติปฏิบัติให้ถูกต้องตามพระธรรมวินัย และได้จำพรรษาในเขตจังหวัดนครพนมและจังหวัดสกลนคร

ในปี พ.ศ. 2469 มีเหตุการณ์สำคัญของ พระอาจารย์ดี ฉนฺโน ที่ทำให้กองทัพธรรมสายของ หลวงปู่เสาร์ กนฺตสีโล และ หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต ซึ่งขณะนั้นพำนักอยู่เสนาสนะ บ้านสามผง อำเภอศรีสงคราม จังหวัดนครพนม มีชื่อเสียงโด่งดังและได้รับความศรัทธาอย่างสูง เหตุการณ์ที่ว่านี้เป็นเพราะพระเถระที่ชาวบ้านศรัทธามาก 3 รูปได้ขอญัตติเป็นพระฝ่ายธรรมยุต ติดตามปฏิบัติธรรมไปกับ หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต ได้แก่ พระอาจารย์ดี ฉนฺโน พระอาจารย์เกิ่ง อธิมุตฺตโก และพระอาจารย์สีลา อิสฺสโร

ปี พ.ศ. 2470 พระอาจารย์ดี ฉนฺโน ได้ทำการ ทัฬหิกรรม ญัตติเป็นพระภิกษุสังกัดคณะสงฆ์ธรรมยุติกนิกาย ณ พระอุโบสถวัดสร่างโศก อำเภอยโสธร จังหวัดอุบลราชธานี ในขณะนั้น ปัจจุบันคือ วัดศรีธรรมาราม (พระอารามหลวง) อำเภอเมือง จังหวัดยโสธร โดยมี พระครูจิตตวิโสธนาจารย์ (ทองพูน โสภโณ) เป็นพระอุปัชฌาย์ ในการนี้ หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต และพระอาจารย์ที่ติดตามอีกหลายรูปร่วมนั่งหัตถบาตร

ปี พ.ศ. 2471 เมื่อได้ฝึกอบรมจิตภาวนาและข้อวัตรปฏิบัติกับหลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต แล้ว พระอาจารย์ดี ฉนฺโน จึงธุดงค์กลับไปปักกลดที่ ดอนคอกวัว เพื่อโปรดชาวบ้านกุดแห่ พ่อเฒ่าฝ่ายหน้า บุรารัตน์ เจ้าของที่ดินแปลงนี้ได้ถวายที่ดินเพื่อให้สร้างวัด พระอาจารย์ดี ฉนฺโน จึงสั่งให้ญาติโยมรื้อศาลากุฏิจากวัดศรีบุญเรืองท่าแขกทั้งหมดเอาไปปลูกสร้างวัดใหม่ที่บริเวณดอนคอกวัว หรือก็คือ วัดป่าสุนทราราม ในปัจจุบัน ซึ่งพื้นที่วัดศรีบุญเรืองท่าแขกเดิมได้กลายเป็นธรณีสงฆ์ของวันป่าสุนทรารามในปัจจุบัน

ในระหว่างพรรษานี้ พระอาจารย์สิงห์ ขนฺตยาคโม ศิษย์อาวุโสของหลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต ซึ่งอยู่จำพรรษาที่บ้านหนองขอน จังหวัดอุบลราชธานี ได้รับจดหมายนิมนต์จาก พระครูพิศาลอรัญเขต เจ้าอาวาสวัดศรีจันทร์และเจ้าคณะธรรมยุตจังหวัดขอนแก่นในขณะ ต่อมาก็คือ พระเทพสิทธาจารย์ (จันทร์ เขมิโย) ให้ไปช่วยเผยแผ่ธรรมปฎิบัติให้กับประชาชนชาวจังหวัดขอนแก่น หลังจากออกพรรษา พระอาจารย์ดี ฉนฺโน จึงได้เดินทางไปบ้านน่าหัวงัวเพื่อนมัสการหลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต และร่วมประชุมปรึกษาหารือในกิจนิมนต์ดังกล่าว ในการนี้มีพระภิกษุสามเณรลูกศิษย์ของหลวงปู่เสาร์ กนฺตสีโล และ หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต จากเมืองอุบลฯ เมืองสกลฯ เมืองนครพนม เมืองยโสธร เมืองหนองคาย และเมืองเลย ต่างก็เดินทางมาประชุมพร้อมกันในช่วงวันมาฆบูชา วันเพ็ญเดือน 3 ณ บ้านนาหัวงัว อำเภอกุดชุม จังหวัดอุบลราชธานีในขณะนั้น หรือในปัจจุบันคือยโสธร เมื่อที่ประชุมคณะสงฆ์ตกลงเห็นพ้องต้องกันแล้ว จึงได้แยกย้ายกันเดินทางมุ่งสู่จังหวัดขอนแก่น คณะสงฆ์กองทัพธรรมนำโดย พระอาจารย์สิงห์ ขนฺตยาคโม พระอาจารย์มหาปิ่น ปญฺญาพโล พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร พระอาจารย์ดี ฉนฺโน พระอาจารย์อ่อน ญาณสิริ พระอาจารย์เกิ่ง อธิมุตฺตโก พระอาจารย์สีลา อิสฺสโร เป็นต้น เมื่อไปถึงแล้วได้พำนักที่ ป่าช้าโคกเหล่างา ด้านทิศตะวันออกของเมืองขอนแก่น คณะสงฆ์จึงได้ร่วมกันสร้าง สำนักสงฆ์ป่าช้าโคกเหล่างา หรือ วัดป่าเหล่างา ขึ้น ซึ่งปัจจุบันก็คือ วัดป่าวิเวกธรรม อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น

ปี พ.ศ. 2472 พระอาจารย์ดี ฉนฺโน ได้สร้างสำนักสงฆ์และจำพรรษาที่ วัดป่าโคกโจด ตำบลพระลับ อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น ได้เทศนาสั่งสอนประชาชนให้ละมิจฉาทิฐิ เลิกจากการถือภูตฝีปีศาจ ให้ตั้งอยู่ในพระไตรสรณคมน์ กำหราบหมอผีมนต์ดำเดรัชฉานวิชา รักษาชาวบ้านด้วยยาสมุนไพร ตลอดระยะเวลา 3 ปี

ปี พ.ศ. 2475 พระอาจารย์ดี ฉนฺโน ได้ออกเดินธุดงค์ไปโปรดประชาชนชาวจังหวัดขอนแก่น ผ่านบ้านโสกแสง อำเภอน้ำพอง บ้านเม็งใหญ่ บ้านยางคำ อำเภอหนองเรือ และบ้านกุดเค้า อำเภอมัญจาคีรี จังหวัดขอนแก่น จึงได้พำนักจำพรรษาบริเวณนี้

ปี พ.ศ. 2476 พระอาจารย์ดี ฉนฺโน ได้จำพรรษาอยู่ที่ วัดป่าศิลาวิเวก อำเภอเมือง จังหวัดมุกดาหาร ในช่วงนี้ท่านได้ปฎิบัติธรรมกรรมฐานทำความเพียรอย่างอุกฤษฎ์ และได้รับ สามเณรถิร บุญญวรรณ เป็นศิษย์ ซึ่งต่อมาก็คือ หลวงปู่ถิร ฐิตธมฺโม หรือ พระครูสถิตธรรมวิสุทธิ์ (ถิร ฐิตธมฺโม)

ปี พ.ศ. 2479 พระอาจารย์ดี ฉนฺโน ได้มีโอกาสกราบถวายตัวเป็นศิษย์ หลวงปู่เสาร์ กนฺตสีโล และได้ออกธุดงค์ติดตามหลวงปู่ใหญ่เสาร์ตลอด จนกระทั้งวาระสุดท้ายที่หลวงปู่เสาร์มรณภาพ

ในปีนั้น หลวงปู่เสาร์ กนฺตสีโล ได้ปรารภถึงการเดินทางกลับจังหวัดอุบลราชธานี คณะศิษย์ทั้งหลายจึงได้จัดประชุมคณะสงฆ์และร่วมทำบุญในวันมาฆบูชาวัดอ้อมแก้ว หรือ วัดเกาะแก้วอัมพวัน อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม ถือเป็นภารกิจสุดท้ายของหลวงปู่ใหญ่เสาร์ที่จังหวัดนครพนมและถือเป็นโอวาทครั้งสุดท้ายแก่คณะศิษย์ที่ไม่ได้เดินทางติดตามไปที่จังหวัดอุบลราชธานี การประชุมในครั้งนี้ ถือเป็นการประชุมพระธุรงค์กรรมฐานครั้งใหญ่ที่สุดของจังหวัดนครพนมในสมัยนั้น

คณะศิษย์ได้เดินทางติดตาม หลวงปู่เสาร์ กนฺตสีโล ไปพำนักที่จังหวัดอุบลราชธานี ในครั้งนั้นมีไม่น้อยกว่า 70-80 รูป หลวงปู่ใหญ่เสาร์จึงแบ่งคณะศิษย์ออกเป็นหลายกลุ่มหลายคณะ โดยมีศิษย์อาวุโสรับเป็นหัวหน้าแต่ละคณะ พร้อมทั้งกำหนดหมู่บ้านต่างๆ ที่แต่ละคณะจไปพำนักเพื่อโปรดญาติโยมชาวเมืองอุบลราชธานี เช่น หลวงปู่เสาร์ กนฺตสีโล ไปพำนักจำพรรษาที่บ้านข่าโคม บ้านเกิดของท่าน พระอาจารย์ทองรัตน์ กนฺตสีโล ศิษย์อาวุโสฝ่ายมหานิกาย ไปตั้งวัดจำพรรษาอยู่ที่บ้านชีทวน พระอาจารย์บุญมาก ฐิติปุญโญ ไปอยู่บ้านท่าศาลา พระอาจารย์ทอง อโสโก ไปอยู่บ้านสวนงัว และพระอาจารย์ดี ฉนฺโน ไปอยู่บ้านกุดแห่ ซึ่งเป็นบ้านของท่าน เป็นต้น

พระอุโบสถวัดภูเขาแก้ว ในปัจจุบัน

ปี พ.ศ. 2480 สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (อ้วน ติสฺโส) ในขณะที่ดำรงสมณศักดิ์เป็น พระพรหมมุนี และดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสวัดสุปัฏนารามและเจ้าคณะมณฑลนครราชสีมา ได้ขอให้ พระครูวิเวกพุทธกิจ (เสาร์ กนฺตสีโล) พิจารณาสร้างวัดป่ากรรมฐานขึ้นที่อำเภอพิบูลมังสาหาร ด้วยเหตุนี้ หลวงปู่เสาร์ กนฺตสีโล จึงมอบหมายให้ พระอาจารย์ดี ฉนฺโน ออกธุดงค์ไปยังอำเภอพิบูลมังสาหาร ตั้งสำนักปฎิบัติธรรมกรรมฐานที่ ป่าช้าโคกภูดิน บริเวณเนินเขาสูง โดยมีสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (อ้วน ติสฺโส)และชาวอำเภอพิบูลมังสาหารได้ให้การสนุนสนับ ชาวบ้านเรียกสำนักแห่งนี้ว่า 'วัดป่าภูดิน หรือ วัดป่าภูเขาแก้ว โดยมี พระอาจารย์ดี ฉนฺโน เป็นเจ้าอาวาสรูปแรกและอยู่จำพรรษาที่วัดแห่งนี้ ซึ่งในปัจจุบันก็คือ วัดภูเขาแก้ว อำเภอพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานี

ปี พ.ศ. 2481



อ้างอิง

  • ปรมินทร์ แสงศักดิ์สิทธารถ. พระอาจารย์ดี ฉันโน อดีตเจ้าอาวาสวัดป่าสุนทราราม บ้านกุกแห่ อำเภอเลิกนกทา จังวัดยโสธร. [ม.ป.ท.] : [ม.ป.พ.], [ม.ป.ป.]. 153 หน้า.
  • คณะศรัทธาและศิษย์นุศิษย์. ร่มเย็น ร่มธรรม พระครูสุนทร์ศีลขันธ์ (สิงห์ทอง ปภากโร). [ม.ป.ท.] : [ม.ป.พ.], [ม.ป.ป.]. 278 หน้า.
  • จงดี ภิรมย์ไชย. ประวัติวัดป่าวิเวกธรรม (เหล่างา). [ม.ป.ท.] : [ม.ป.พ.], [ม.ป.ป.]. 75 หน้า.
  • รศ.ดร.ปฐม-รศ.ภัทรา นิคมานนท์. พระญาณวิศิษฏ์สมิทธิวีราจารย์ (หลวงปู่สิงห์ ขนฺตยาคโม) วันป่าสาลวัน อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา โครงการหนังสือบูรพาจารย์อิสานใต้ เล่ม 2. [ม.ป.ท.] : [ม.ป.พ.], [ม.ป.ป.]. 657 หน้า.
  • พระครูพิบูลธรรมภาณ (โชติ อาภคฺโค), ผู้ให้ข้อมูล.
  • ภาพพระอุโบสถวัดภูเขาแก้วในปัจจุบัน : งานข้อมูลท้องถิ่น สำนักวิทยบริการ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี, 2560. http://www.lib2.ubu.ac.th/isaninfo/?p=2951