ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ภาษามอญ"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ไม่มีความย่อการแก้ไข
ป้ายระบุ: แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่
JBot (คุย | ส่วนร่วม)
ย้อนการแก้ไขที่อาจเป็นการทดลอง หรือก่อกวนด้วยบอต ไม่ควรย้อน? แจ้งที่นี่
บรรทัด 111: บรรทัด 111:
* จำปา เยื้องเจริญและจำลอง สารพัดนึก. แบบเรียนภาษามอญ.กทม.มหาวิทยาลัยศิลปากร, 2528.
* จำปา เยื้องเจริญและจำลอง สารพัดนึก. แบบเรียนภาษามอญ.กทม.มหาวิทยาลัยศิลปากร, 2528.


==อ่านเพิ่ม== มอญ
==อ่านเพิ่ม==
{{refbegin}}
{{refbegin}}



รุ่นแก้ไขเมื่อ 00:33, 21 ธันวาคม 2560

ภาษามอญ
ဘာသာ မန်
( Phesa Mon เพียซาโหม่น )
ออกเสียงpʰesa mɑn
ประเทศที่มีการพูดพม่า ไทย
ภูมิภาคเอเชียอาคเนย์
จำนวนผู้พูดพม่า: 7,429,000 ทั้งหมด: 8,505,300 (Ethnologue, 2004)  (ไม่พบวันที่)
ตระกูลภาษา
ระบบการเขียนอักษรมอญ แต่สามารถใช้อักษรพม่าแทนได้
สถานภาพทางการ
ภาษาทางการไม่มี เป็นภาษาชนกลุ่มน้อย ที่ยอมรับในพม่าและไทย
รหัสภาษา
ISO 639-3อย่างใดอย่างหนึ่ง:
mnw – ภาษามอญปัจจุบัน
omx – ภาษามอญโบราณ
นักภาษาศาสตร์omx ภาษามอญโบราณ
บทความนี้มีสัญลักษณ์สัทอักษรสากล หากระบบของคุณไม่รองรับการแสดงผลที่ถูกต้อง คุณอาจเห็นปรัศนี กล่อง หรือสัญลักษณ์อย่างอื่นแทนที่อักขระยูนิโคด

ภาษามอญ (ဘာသာမောန် [phɛ̀a.sa.mòn] เพียซาโหม่น) เป็นภาษาในตระกูลภาษาออสโตรเอเชียติก กลุ่มภาษามอญ-เขมร ซึ่งเป็นสายหนึ่งในตระกูลภาษามอญ-เขมร 12 สาย พูดโดยชาวมอญ ที่อาศัยอยู่ในพม่า และไทย ภาษาตระกูลมอญ-เขมรมีการใช้มานานประมาณ 3,000-4,000 ปีมาแล้ว มีผู้ใช้ภาษานี้อยู่ประมาณ 5,000,000 คน อักษรมอญ ที่เก่าแก่ที่สุดนั้น ค้นพบในประเทศไทย หลักฐานที่พบคือ จารึกวัดโพธิ์ร้าง พ.ศ. 1143 เป็นอักษรมอญโบราณที่เก่าแก่ที่สุด ในบรรดาจารึกภาษามอญที่ได้ค้นพบ ในแถบเอเซียอาคเนย์ เป็นจารึกที่เขียนด้วยตัวอักษรปัลลวะ ที่ยังไม่ได้ดัดแปลงให้เป็น อักษรมอญ และได้พบอักษรที่มอญประดิษฐ์เพิ่มขึ้น เพื่อให้พอกับเสียงในภาษามอญ[1] ในจารึกเสาแปดเหลี่ยมที่ศาลสูง เมืองลพบุรี ข้อความที่จารึกเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา สันนิษฐานว่า จารึกในพุทธศตวรรษที่ 14 ราว พ.ศ. 1314 อักษรจารึกในศิลาหลักนี้ เรียกว่า ตัวอักษรหลังปัลลวะ[2]

ภาษามอญ ในจารึกสมัยกลางเป็นทั้งภาษามอญและอักษรมอญ ประมาณ พ.ศ. 1600 เป็นต้นมา พม่ารับอักษรมอญมาใช้เขียนภาษาพม่าเป็นครั้งแรก ประมาณพุทธศตวรรษที่ 16-17 ตัวอักษรได้คลี่คลายจากตัวอักษรปัลลวะ มาเป็นตัวอักษรสีเหลี่ยม คือ ตัวอักษรที่เรียกว่า อักษรมอญโบราณ และเปลี่ยนแปลงขนาดเล็กลงในระยะต่อมา

ภาษามอญปัจจุบัน เป็นภาษาในระยะพุทธศตวรรษที่ 21 เป็นต้นมา จนถึงปัจจุบัน นับเป็นระยะเวลาประมาณ 400 ปีเศษ ในยุคนี้เป็นจารึกในใบลาน มีลักษณะกลม ซึ่งเกิดจากอิทธิพลของการจารหนังสือโดยใช้เหล็กจารลงบนใบลาน[3]

การจัดตระกูลภาษา ถือว่าอยู่ในตระกูลภาษาออสโตรเอเชียติก ซึ่งเป็นภาษาที่ใช้กันอยู่ในแถบอินโดจีนและทางตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดีย และเมื่อพิจารณาลักษณะทางไวยากรณ์ ภาษามอญ จัดอยู่ในประเภทภาษารูปคำติดต่อ (Agglutinative) อยู่ในกลุ่มภาษาตะวันออกเฉียงใต้ (South Eastern Flank Group) ซึ่งมีนักภาษาศาสตร์ ชื่อ วิลเฮล์ม ชมิดท์ (Willhelm Schmidt) ได้จัดให้อยู่ในตระกูลภาษาสายใต้ (Austric Southern family)

พระยาอนุมานราชธนได้กล่าวถึงภาษามอญไว้ว่า “ภาษามอญ นั้นมีลักษณะเป็นภาษาคำโดด ซึ่งมีรูปภาษาคำติดต่อปน ลักษณะคำมอญ จะมีลักษณะเป็นคำพยางค์เดียว หรือสองพยางค์ ส่วนคำหลายพยางค์ เป็นคำที่ได้รับอิทธิพลจากภาษาต่างประเทศ เช่น ภาษาบาลีและสันสกฤต และคำที่เกิดจากการเติมหน่วยคำผสาน กล่าวคือ การออกเสียงของคำซึ่งไม่เน้นการออกเสียงในพยางค์แรก จะสร้างคำโดยการใช้การผสานคำ (affixation) กับคำพยางค์แรก เพื่อให้มีหน้าที่ทางไวยากรณ์ อีกทั้งการใช้หน่วยผสานกลางศัพท์ และการใช้สระต่าง ๆ กับพยางค์แรก ในคำสองพยางค์ ก็จะเป็นการช่วยเน้นให้พยางค์แรกเด่นชัดขึ้นด้วย แต่พยางค์หลังเป็นส่วนที่มีความหมายเดิม

กล่าวคือ ภาษามอญ เป็นภาษาที่มีโครงสร้างไม่ซับซ้อน ไม่มีการผันคำนาม คำกริยา ตามกฎบังคับทางไวยากรณ์ ประโยคประกอบด้วย คำที่ทำหน้าประธาน กริยา และกรรม ส่วนขยายอยู่หลังคำที่ถูกขยาย[4]

ไวยากรณ์

การเรียงประโยคเป็นแบบ ประธาน-กริยา-กรรม (SVO, subject-verb-object) เช่นเดียวกับภาษาไทย คำคุณศัพท์เติมหลังคำนาม กริยาวิเศษณ์เติมหลังคำกริยา คำที่บอกจำนวนอยู่หน้าหรือหลังนามก็ได้ ส่วนคำที่บ่งชี้จำนวนอยู่หลังคำนาม การบอกกาลใช้การเติมคำบอกกาลเช่น "แล้ว" "จะ" เข้าในประโยคแบบเดียวกับภาษาไทย รูปประธานถูกกระทำแสดงโดยการเติมคำบ่งชี้ประธานถูกกระทำไว้หน้ากริยาสำคัญ

สัทศาสตร์

ไม่มีเสียงวรรณยุกต์แต่มีการแบ่งเสียงพยัญชนะเป็นเสียงโฆษะและอโฆษะแบบเดียวกับภาษาเขมร

พยัญชนะ

โอษฐชะ
(Bilabial)
ทันตชะ
(Dental)
ตาลุชะ
(Palatal)
จากเพดานอ่อน
(Velar)
จากเส้นเสียง
(Glottal)
เสียงหยุด
(Stops)
p, pʰ, ɓ t, tʰ, ɗ c, cʰ k, kʰ ʔ
เสียงเสียดแทรก
(Fricatives)
s ç * h
เสียงนาสิก
(Nasals)
m n ɲ ŋ
พยัญชนะเหลว
(Liquids)
w l, r j

* ç พบเฉพาะคำที่ยืมจากภาษาพม่า

สระ

หน้า กลาง หลัง
สระปิด i u
สระกึ่งปิด e o
สระกึ่งเปิด ɛ ʌ ɔ
สระเปิด a

อ้างอิง

  • จำปา เยื้องเจริญและจำลอง สารพัดนึก. แบบเรียนภาษามอญ.กทม.มหาวิทยาลัยศิลปากร, 2528.

อ่านเพิ่ม

  • Aung-Thwin, Michael (2005). The mists of Rāmañña: The Legend that was Lower Burma (illustrated ed.). Honolulu: University of Hawai'i Press. ISBN 9780824828868.
  • Bauer, Christian. 1982. Morphology and syntax of spoken Mon. Ph.D. thesis, University of London (SOAS).
  • Bauer, Christian. 1984. A guide to Mon studies. Working Papers, Monash U.
  • Bauer, Christian. 1986. The verb in spoken Mon. Mon–Khmer Studies 15.
  • Bauer, Christian. 1986. Questions in Mon: Addenda and Corrigenda. Linguistics of the Tibeto-Burman Area v. 9, no. 1, pp. 22–26.
  • Diffloth, Gerard. 1984. The Dvarati Old Mon language and Nyah Kur. Monic Language Studies I, Chulalongkorn University, Bangkok. ISBN 974-563-783-1
  • Diffloth, Gerard. 1985. The registers of Mon vs. the spectrographist's tones. UCLA Working Papers in Phonetics 60:55-58.
  • Ferlus, Michel. 1984. Essai de phonetique historique du môn. Mon–Khmer Studies, 9:1-90.
  • Guillon, Emmanuel. 1976. Some aspects of Mon syntax. in Jenner, Thompson, and Starosta, eds. Austroasiatic Studies. Oceanic linguistics special publication no. 13.
  • Halliday, Robert. 1922. A Mon–English dictionary. Bangkok: Siam society.
  • Haswell, James M. 1874. Grammatical notes and vocabulary of the Peguan language. Rangoon: American Baptist Mission Press.[1]
  • Huffman, Franklin. 1987–1988. Burmese Mon, Thai Mon, and Nyah Kur: a synchronic comparison. Mon–Khmer Studies 16-17.
  • Jenny, Mathias. 2005. The Verb System of Mon. Arbeiten des Seminars für Allgemeine Sprachwissenschaft der Universität Zürich, Nr 19. Zürich: Universität Zürich. ISBN 3-9522954-1-8
  • Lee, Thomas. 1983. An acoustical study of the register distinction in Mon. UCLA Working Papers in Phonetics 57:79-96.
  • Pan Hla, Nai. 1986. Remnant of a lost nation and their cognate words to Old Mon Epigraph. Journal of the Siam Society 7:122-155
  • Pan Hla, Nai. 1989. An introduction to Mon language Center for Southeast Asian Studies, Kyoto University.
  • Pan Hla, Nai. 1992. The Significant Role of the Mon Language and Culture in Southeast Asia. Tokyo, Japan: Institute for the Study of Languages and Cultures of Asia and Africa.
  • Shorto, H.L. 1962. A dictionary of modern spoken Mon. Oxford University Press.
  • Shorto, H.L.; Judith M. Jacob; and E.H.S. Simonds. 1963. Bibliographies of Mon–Khmer and Tai linguistics. Oxford University Press.
  • Shorto, H.L. 1966. Mon vowel systems: a problem in phonological statement. in Bazell, Catford, Halliday, and Robins, eds. In memory of J.R. Firth, pp. 398–409.
  • Shorto, H.L. 1971. A dictionary of the Mon inscriptions from the sixth to the sixteenth centuries. Oxford University Press.
  • Thongkum, Therapan L. 1987. Another look at the register distinction in Mon. UCLA Working Papers in Phonetics. 67:132-165

แหล่งข้อมูลอื่น