ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ดาวิด"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Thucydides49 (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
Thucydides49 (คุย | ส่วนร่วม)
บรรทัด 80: บรรทัด 80:
== ในคัมภีร์กุรอาน ==
== ในคัมภีร์กุรอาน ==


หลังจากสมัยของนบีมูซาแล้ว พวกอิสรออีลต้องเดินทางระหกเหินและไม่สามารถรวมตัวเป็นชาติทีเข้มแข็งได้ ดังนั้น ชาวอิสรออีลจึงต้องถูกชาวอื่นรุกรานและกดขี่ข่มเหงมาตลอด ในสมัยนั้น ดาวูดเป็นเด็กคนหนึ่งที่เกิดในเชื้อสายของอิสรออีลและเป็นที่มีความกล้าหาญมาก นบีซามูเอลจึงได้แต่งตั้งชาวอิสรออีลคนหนึ่งซื่อฏอลูตขึ้นเป็นกษัตร์ย์และบอกพวกเขาว่า อัลลอฮได้ทรงแต่งตั้งฏอลูตให้เป็นกษัตริย์สำหรับพวกแล้ว นบีซามูเอลจึงได้กล่าวว่า อัลลอฮได้ทรงประทานพลังความรู้และร่างกายแก่เขาอย่างมากมายมหาศาลและอัลลอฮทนงมีอำนาจที่จะทรงประทานอาณาจักรของพระองค์แก่ใครก็ได้ ที่พระองค์ทรงประสงค์ เพราะอัลลอฮเป็นผู้ทรงรอบรู้ พวกอิสรออีลจึงได้เฝ้ารอและก็ได้พบหีบใบนั้นจริงๆ ชาวอิสรออีลจึงมีความเชื่อมั่นว่าพระเจ้าไม่ได้มอดที้งพวกเขาขณะที่อกกเดินทางไปกับกองทหารเพื่อต่อสู้กับพวกฟิลิสตินที่มารุกราน ฏอลูตต้องการจะดูว่าคนของเขาศรัทธาในอัลลอฮและเชือฟ้งแค่ใหน อัลลอฮกำลังจะทดลองพวกเจ้าด้วลำน้ำสายหนึ่ง ใครก็ตามที่ดื่มน้ำจากลำสายนี้ ขาคนนั้นก็ไม่ใช้พวกของฉัน ถึงแม้จะบอกว่านั้นเป็นการทดสอบจากอัลลอฮ แต่พวกอิสรออีลส่วนใหญ่ก็ไม่เชื่อและหยุดดื่มน้ำกัน มีเพียงไม่กีคนเท่านั้นที่เชื่อฟ้งฏอลูตและไม่ได้ดื่มน้ำ ดังนั้น ฏอลูตจึงได้คัดเอาคนที่เชื่อฟังร่วมทางไปกับเขา แต่ผู้ศรัทธาในอัลอฮจำนวนหนึ่งได้กล่าวว่า มีบ่อยไปที่คนจำนวนน้อยเอาชนะคนจำนวนมากได้ด้วยอำนาจของอัลลอฮ เพราะอัลลอฮจะทรงอยู่กับผู้อดทน เมื่อกองทัพของฏอลูตเผชิญหน้ากับกองทัพชาวฟิลิสติน ซึ่งนำโดยญาลูต(หรือโกไลแอธ) พวกอิสรออีลจึงได้วิงวอนต่ออัลลอฮว่า ช้าพระผู้อภิบาลของเรา ขอพระองค์ได้ทรงประทานความอดทนแก่ราและทรงปฏิเสธศรัทธาด้วเถิด ถ้าพวกเก่งจริงก็ส่งคนมีฝีมือมาต่อสู้กันตัวต่อตัว แต่ในเวลานั้นดาวูดได้อยู่ในที่นั้นด้วย เขาจึงได้ขออนุญาตออกไปต่อสู้ญาลูต หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กัน ดาวูดก็สามารถสังหารญาลูตได้ในที่สุด ดาวูดจึงได้กลายเป็นวีรบุรุษของชาวอิสรออีล ฏอลูตได้ยกลูกสาวให้แต่งงานกับเขาและหลังจากที่ฏอลูตเสียชีวิตแล้ว นบีดาวูดมีลูกชายคนหนึ่งชื่อสุลัยมาซึ่งต่มาได้เป็นกษัตริย์สืบต่อจากเขาและยังเป็นนบีคนสำคัญคนหนึ่ง ขณะที่นบีดาวูดเป็นกษัริตย์ปกครองชาวอิสรออีลอยู่ วันหนึ่ง
หลังจากสมัยของนบีมูซาแล้ว พวกอิสรออีลต้องเดินทางระหกเหินและไม่สามารถรวมตัวเป็นชาติทีเข้มแข็งได้ ดังนั้น ชาวอิสรออีลจึงต้องถูกชาวอื่นรุกรานและกดขี่ข่มเหงมาตลอด ในสมัยนั้น ดาวูดเป็นเด็กคนหนึ่งที่เกิดในเชื้อสายของอิสรออีลและเป็นที่มีความกล้าหาญมาก นบีซามูเอลจึงได้แต่งตั้งชาวอิสรออีลคนหนึ่งซื่อฏอลูตขึ้นเป็นกษัตร์ย์และบอกพวกเขาว่า อัลลอฮได้ทรงแต่งตั้งฏอลูตให้เป็นกษัตริย์สำหรับพวกแล้ว นบีซามูเอลจึงได้กล่าวว่า อัลลอฮได้ทรงประทานพลังความรู้และพลังกายแก่เขาอย่างมากมายมหาศาล และอัลลอฮทรงมีอำนาจที่จะทรงประทานอาณาจักรของพระองค์แก่ใครก็ได้ ที่พระองค์ทรงประสงค์ เพราะอัลลอฮเป็นผู้ทรงรอบรู้ พวกอิสรออีลจึงได้เฝ้ารอและก็ได้พบหีบใบนั้นจริงๆ ชาวอิสรออีลจึงมีความเชื่อมั่นว่าพระเจ้าไม่ได้ทอดที้งพวกเขาขณะที่ออกเดินทางไปกับกองทหารเพื่อต่อสู้กับพวกฟิลิสตินที่มารุกราน ฏอลูตต้องการจะดูว่าคนของเขาศรัทธาในอัลลอฮและเชือฟังแค่ใหน จึงบอกไปว่า "อัลลอฮกำลังจะทดลองพวกเจ้าด้วยลำน้ำสายหนึ่ง ใครก็ตามที่หยุดดื่มน้ำจากลำสายนี้ คนๆนั้นก็ไม่ใช่พวกของฉัน" ถึงแม้จะบอกว่านั้นเป็นการทดสอบจากอัลลอฮ แต่พวกอิสรออีลส่วนใหญ่ก็ไม่เชื่อและหยุดดื่มน้ำกัน มีเพียงไม่กีคนเท่านั้นที่เชื่อฟังฏอลูตและไม่ได้ดื่มน้ำ ดังนั้น ฏอลูตจึงได้คัดเอาคนที่เชื่อฟังร่วมทางไปกับเขา แต่ผู้ศรัทธาในอัลอฮจำนวนหนึ่งได้กล่าวว่า มีบ่อยไปที่คนจำนวนน้อยเอาชนะคนจำนวนมากได้ด้วยอำนาจของอัลลอฮ เพราะอัลลอฮจะทรงอยู่กับผู้อดทน เมื่อกองทัพของฏอลูตเผชิญหน้ากับกองทัพชาวฟิลิสติน ซึ่งนำโดยญาลูต(หรือโกไลแอธ) พวกอิสรออีลจึงได้วิงวอนต่ออัลลอฮว่า ช้าพระผู้อภิบาลของเรา ขอพระองค์ได้ทรงประทานความอดทนแก่ราและทรงปฏิเสธศรัทธาด้วเถิด ถ้าพวกเก่งจริงก็ส่งคนมีฝีมือมาต่อสู้กันตัวต่อตัว แต่ในเวลานั้นดาวูดได้อยู่ในที่นั้นด้วย เขาจึงได้ขออนุญาตออกไปต่อสู้ญาลูต หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กัน ดาวูดก็สามารถสังหารญาลูตได้ในที่สุด ดาวูดจึงได้กลายเป็นวีรบุรุษของชาวอิสรออีล ฏอลูตได้ยกลูกสาวให้แต่งงานกับเขาและหลังจากที่ฏอลูตเสียชีวิตแล้ว นบีดาวูดมีลูกชายคนหนึ่งชื่อสุลัยมาซึ่งต่มาได้เป็นกษัตริย์สืบต่อจากเขาและยังเป็นนบีคนสำคัญคนหนึ่ง ขณะที่นบีดาวูดเป็นกษัริตย์ปกครองชาวอิสรออีลอยู่ วันหนึ่งชาวอิสรออีลสองคนได้มาขอให้ท่านตัดสินกรณีขัดแย้งระหว่างเขาทั้งสอง นบีดาวูดได้ตัดสินให้เจ้าของแพะมอบแพะทั้งหมดที่เข้ากินต้นไม้ใบหญ้าให้แก่เจ้าของที่ดินที่ได้รับความเสียหาย ถึงต้นไม้ใบหญ้าจะเสียหาย แต่ที่ดินยังคงอยู่ ดังนั้น จึงไม่ควรให้เจ้าของที่ดินยึดแพะทั้งหมดเอาไว้เลย เมื่อต้นไม้ใบหญ้าเติบโตใหม่แล้ว เจ้าของที่ก็ควรจะคืนแพะให้แก่เจ้าของเดิมไป นบีดาวูดเห็นด้วยกับคำแนะนำของสุลัยมานเพราะเป็นความยุติธรรมและท่านได้ตัดสินไปตามนั้น นอกจากนั้นแล้ว คัมภีร์กุรอานยังได้บอกให้เรารู้ว่าอัลลอฮได้ทรงสอนท่านนบีดาวูดให้รู้จักการนำเอาเหล็กมาทำเป็นเครืองใช้ต่างๆ
ชาวอิสรออีลสองคนได้มาขอให้ท่านตัดสินกรณีขัดแย้งระหว่างเขาทั้งสอง นบีดาวูดได้ตัดสินให้เจ้าของแพะมอบแพะทั้งหมดที่เข้ากินต้นไม้ใบหญ้าให้แก่เจ้าของที่ดินที่ได้รับความเสียหาย ถึงต้นไม้ใบหญ้าจะเสียหาย แต่ที่ดินยังคงอยู่ ดังนั้น จึงไม่ควรให้เจ้าของที่ดินยึดแพะทั้งหมดเอาไว้เลย เมื่อต้นไม้ใบหญ้าเติบโตใหม่แล้ว เจ้าของที่ก็ควรจะคืนแพะให้แก่เจ้าของเดิมไป นบีดาวูดเห็นด้วยกับคำแนะนำของสุลัยมานเพราะเป็นความยุติธรรมและท่านได้ตัดสินไปตามนั้น นอกจากนั้นแล้ว คัมภีร์กุรอานยังได้บอกให้รารู้ว้อัลลอฮได้ทรงสอนท่านนบีดาวูดให้รู้จักการนำเอาเหล็กมาทำเป็นเครืองใช้ต่างๆ


บางท่านให้ทัศนะว่า เพลงสดุดีเป็นคัมภีร์ "ซะบูร" ที่ถูกประทานแก่ "นบีดาวูด" (เดวิด) ทั้งบท ไม่มีหลักฐานยืนยัน<ref>http://www.atriumtech.com/cgi-bin/hilightcgi?Home=/home/InterWeb2000&File=/home2/searchdata/Forums/http/www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y4585340/Y4585340.html</ref>
บางท่านให้ทัศนะว่า เพลงสดุดีเป็นคัมภีร์ "ซะบูร" ที่ถูกประทานแก่ "นบีดาวูด" (เดวิด) ทั้งบท ไม่มีหลักฐานยืนยัน<ref>http://www.atriumtech.com/cgi-bin/hilightcgi?Home=/home/InterWeb2000&File=/home2/searchdata/Forums/http/www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y4585340/Y4585340.html</ref>

รุ่นแก้ไขเมื่อ 05:47, 9 ธันวาคม 2560

ดาวิด
ผู้เผยพระวจนะ
รูปสลักกษัตริย์ดาวิด ณ มหาวิหารซันตามาเรียมัจโจเร
กรุงโรม ประเทศอิตาลี
กษัตริย์แห่งยูดาห์
ครองราชย์1010 – 1002 ปีก่อนค.ศ. [1]
ก่อนหน้าไม่มี
ถัดไปตัวเขาเอง (รวมประเทศ)
กษัตริย์แห่งอิสราเอล
ครองราชย์1002 – 970 ปีก่อนค.ศ.
ก่อนหน้าอิชโบเสธ
ถัดไปซาโลมอน
ประสูติ1040 ปีก่อนค.ศ.
เบธเลเฮม อาณาจักรอิสราเอล
สวรรคต970 ปีก่อนค.ศ. (ชันษา 69 หรือ 70)
เยรูซาเล็ม อาณาจักรอิสราเอล
มเหสีMichal
Ahinoam
Abigail
Maachah
Haggith
Abital
Eglah
Bathsheba
พระราชบุตรAmnon
Chileab
Absalom
Adonijah
Shephatiah
Ithream
Shammua
Shobab
Nathan
Solomon
Ibhar
Elishua
Nepheg
Japhia
Elishama
Eliada
Eliphalet
Tamar
ราชสกุลราชวงศ์ดาวิด
พระราชบิดาเจสซี
พระราชมารดาNitzevet (Talmud)

กษัตริย์ดาวิด[2] หรือ พระเจ้าดาวิด (อังกฤษ: David; ฮีบรู: דָּוִד ภาษาฮีบรูมาตรฐาน: Davíd [ดาวิด]; ภาษาฮีบรูไทบีเรียน: Dāwíð; อาหรับ: داوود or داود, Dāwūd, [ดาวูด]; หมายถึง เป็นที่รัก) (1037 - 967 ก่อนคริสต์ศักราช; ปกครองราชอาณาจักรยูดาห์และราชอาณาจักรอิสราเอล 1005 - 967 ก่อนคริสต์ศักราช)

ดาวิด เป็นพระมหากษัตริย์พระองค์ที่สองของราชอาณาจักรอิสราเอล กล่าวกันว่ามีคุณธรรมและเป็นนักการทหารที่มีความสามารถ นอกจากนี้ยังเป็นนักดนตรี กวี (เชื่อกันว่าเป็นผู้เขียนเพลงสดุดีหลายเพลง) ดาวิดในวัยเด็กเป็นเพียงเด็กเลี้ยงแกะธรรมดา แต่เป็นผู้ที่พระเจ้าทรงเลือกและมีอุปนิสัยกล้าหาญไม่เกรงกลัวใคร โดยอาสาเข้าต่อสู้ตัวต่อตัวกับ โกไลแอ็ธ นักรบร่างมหึมาผู้เป็นทหารเอกของชาวฟิลิสทีน และสามารถสังหารโกไลแอ็ธลงได้ จึงมีความดีความชอบได้มารับใช้พระเจ้าซาอูล (Saul) ในฐานะนายพลและที่ปรึกษาทางทหารคนสนิท และยังเป็นเพื่อนสนิทกับ โจนาธาน ราชบุตรของซาอูล ต่อมาพระเจ้าซาอูลเกิดระแวงว่าดาวิดจะแย่งชิงราชบัลลังก์ จึงพยายามกำจัดดาวิด แต่ซาอูลและโจนาธานพ่ายแพ้เสียชีวิตในการรบ ดาวิดจึงได้รับการเจิมขึ้นเป็นกษัตริย์องค์ใหม่ของอิสราเอล ต่อมาพระเจ้าดาวิดทรงพิชิตเยรูซาเลมได้ และนำหีบแห่งพันธสัญญาเข้ามาประดิษฐานในเมือง แต่เนื่องจากทรงประพฤติผิดทางเพศต่อนางแบธชีบา ทำให้พระองค์ถูกพระเจ้าตำหนิติเตียนและทำให้ทรงหมดความชอบธรรมที่จะสร้างวิหารศักดิ์สิทธิ์ขึ้นในเยรูซาเลม

ชาวยิวถือว่าดาวิดและกษัตริย์โซโลมอน พระราชบุตรของพระองค์ เป็นผู้ก่อตั้งประเทศอิสราเอลขึ้น ดาวิดถือเป็นต้นแบบของกษัตริย์ในอุดมคติของชาวอิสราเอล นอกจากนี้ยังเชื่อกันว่า พระเมสสิยาห์ หรือพระผู้ไถ่ ที่จะมาจุติในอนาคตจะเป็นผู้สืบเชื้อสายมาจากพระองค์ ชีวิตของกษัตริย์ดาวิดที่บันทึกไว้ในหนังสือซามูเอล เล่มที่ 1 ในพันธสัญญาเดิมตั้งแต่บทที่ 16 เป็นต้นไปและหนังสือพงศาวดาร

ดาวิดเป็นบุคคลสำคัญในศาสนาอับราฮัม

ผู้ได้รับเลือก

พระเจ้าไม่โปรดปรานกษัตริย์ซาอูล เพราะพระเจ้าทรงบัญชาให้ซาอูลไปทำลายล้างศัตรูของชนชาติอิสราเอล แต่ซาอูลกลับละโมบหวังเอาสมบัติของชนชาติศัตรูแทนที่จะฟังคำสั่งของพระเจ้า ๆ จึงทอดทิ้งซาอูล และสั่งให้ประกาศก ซามูเอล ออกไปตามหาคนจะมาเป็นกษัตริย์ของอิสราเอลคนใหม่ ทันทีที่ซามูเอลได้พบกับดาวิดซึ่งกำลังเลี้ยงแกะอยู่ พระเจ้าก็กล่าวต่อซามูเอลว่า "เจิมเดวิดเสีย เพราะนี่คือกษัตริย์"[3]

ดาวิดเล่นพิณต่อหน้าซาอูล

เมื่อซาอูลทรงถูกทรมานจากสิ่งชั่วร้าย คนรับใช้ก็แนะนำซาอูลให้เรียกตัวเดวิดผู้มึความเชี่ยวชาญในการเล่นพิณ เป็นผู้มีศักดิ์ เป็นนายทหารเก่งกล้า และเป็นผู้รู้จักพูด และเป็นผู้นับถือพระเจ้า ให้มาช่วย เดวิดจึงได้เข้ามารับราชการกับซาอูล และเป็นคนโปรดของซาอูล เมื่อใดที่ซาอูลไม่สบายเดวิดก็เล่นพิณถวายจนทรงรู้สึกปกติ [4]

ดาวิดและโกลิอัท

ในระหว่างที่ซาอูลเป็นกษัตริย์ ชาวอิสราเอลมักถูกรุกรานโดยชาวฟิลลิสเตีย (Philistia) ที่อยู่ทางตอนใต้ของอิสราเอล ขณะที่ดาวิดนำเสบียงไปส่งให้พี่ชายผู้ติดทัพอยู่กับซาอูล ดาวิดก็ได้ข่าวว่าชาวฟิลลิสเตียมึนักต่อสู้ยักษ์ชื่อ โกลิอัท ซึ่งฟิลลิสเตียก็ท้าให้ชาวอิสราเอลส่งนักสู้มารบกับโกลิอัทให้รู้แพ้รู้ชนะ

ดาวิดยืนยันกับพี่ชายว่ามีความสามารถจะต่อสู้กับโกลิอัทได้ ซาอูลทรงส่งเดวิดไปต่อสู้อย่างไม่ค่อยเต็มใจ แต่ดาวิดกลับได้รับชัยชนะโดยล้มโกลิอัทด้วยการเหวี่ยงหินก้อนเดียว พวกฟิลลิสเตียเห็นเช่นนั้นก็วิ่งหนีขวัญเสีย ชาวอิสราเอลจึงได้รับชัยชนะ

ดาวิดนำหัวโกลิอัทมาถวายซาอูล ทรงถามว่าเป็นบุตรใคร เดวิดตอบว่า "ข้าเป็นบุตรของเจสสีชาวเบธเลเฮมผู้เป็นผู้รับใช้ของพระองค์" [5]

ศัตรูของซาอูล

หลังจากได้รับชัยชนะซาอูลก็ทรงแต่งตั้งให้ดาวิดเป็นแม่ทัพและยกมิคาลผู้เป็นพระธิดาให้ดาวิด ดาวิดก็ได้รับชัยชนะในการต่อสู้อีกหลายศึก จนพวกผู้หญิงกล่าวกันว่า "พระเจ้าซาอูลสังหารข้าศึกเป็นพัน และดาวิดสังหารเป็นแสน"

ดาวิดเป็นที่ชื่นชอบของประชาชนมาก ซาอูลกลับทรงระแวงว่าจะชิงอาณาจักร จึงพยายามสังหารด้วยกลอุบายหลายครั้ง แต่ไม่สำเร็จ กลับยิ่งทำให้เดวิดเป็นที่นิยมมากขึ้น โดยเฉพาะกับโจนาธานพระโอรสของซาอูลเอง โจนาธานเตือนดาวิดถึงแผนของซาอูล เดวิดจึงหนีเข้าป่า [6]

ลี้ภัย

เมื่อหนีไปดาวิดก็รวบรวมกำลังผู้ที่ถูกข่มเหงโดยซาอูล ขณะที่ลี้ภัยเดวิดก็ได้รับเมืองซิคแล็กเป็นบรรณาการจากพระเจ้าอาชิส (King Achish) กษัตริย์ฟิลลิสเตียแห่งแกธ แต่ดาวิดก็ยังเป็นวีรบุรุษของชาวอิสราเอล ต่อมาพระเจ้าอาชิสยกทัพไปต่อสู้กับซาอูล แต่ดาวิดก็ไม่ได้ร่วมในการสงครามครั้งนี้ เพราะถูกกล่าวหาโดยชาวฟิลลิสเตียถึงความไม่น่าไว้ใจในความจงรักภักดีต่อฟิลลิสเตีย

เป็นกษัตริย์

ซาอูลและโจนาธานถูกสังหารโดยฟิลลิสเตียระหว่างสงคราม ดาวิดมีความโศกเศร้าต่อการสูญเสียเป็นอันมาก [7]

หลังจากนั้นดาวิดก็เดินทางไปเฮโบรน เพื่อไปได้รับการเจิมเป็นพระเจ้าแผ่นดินปกครองอาณาจักรยูดาห์ ขณะที่ อิชโบเชธ (Ish-Bosheth) พระโอรสของซาอูล ได้รับการเจิมเป็นพระเจ้าแผ่นดิน ปกครองอาณาจักรอิสราเอลทางตอนเหนือ [8]

ดาวิดกับอิชโบเชธก็ทำสงครามกันจนอิชโบเชธถูกลอบสังหาร ผู้ลอบสังหารก็นำพระเศียรของอิชโบเชธมาถวายเดวิดเพราะหวังจะได้รับรางวัล แต่ดาวิดสั่งประหารชีวิตผู้ที่ฆ่าอิชโบเชธ ในฐานะที่เป็นอาชญากร [9]

เมื่อพระโอรสของซาอูลสิ้นพระชนม์ลง พวกปุโรหิตชาวอิสราเอลก็เดินทางมาเฮโบรน เพื่อมาทำพิธียกดาวิดขึ้นเป็นกษัตริย์ของอาณาจักรยูดาห์และอาณาจักรประเทศอิสราเอล ขณะนั้นดาวิดมีพระชนมพรรษา 30 ปี [10]

กษัตริย์ดาวิด

เมื่อพระเจ้าดาวิดได้ชัยชนะจากในการโจมตีป้อมเยบูไซท์ (Jebusite) ของเมืองเยรูซาเลมก็ยกเยรูซาเลมขึ้นเป็นเมืองหลวง “พระเจ้าฮิรามแห่งไทเร (Tyre) ก็ส่งผู้ถือสาส์นมาถึงพระเจ้าดาวิดพร้อมกับต้นซีดาร์ และช่างไม้และปูนเพื่อสร้างวังของดาวิด”[11] พระเจ้าดาวิดก็นำหีบพันธสัญญาศักดิ์สิทธิ์ (Ark of the Covenant) มาเยรูซาเลมโดยตั้งใจประดิษฐานในวัดที่สร้างใหม่ [12] แต่พระเจ้าก็ทรงกล่าวกับผู้เผยพระวจนะเนธาน (Prophet Nathan) ห้ามและกล่าวว่าการสร้างวัดต้องรอต่อมาให้ชนรุ่นหลังสร้าง แต่พระเจ้าก็ทรงทำพันธสัญญากับดาวิดว่าดาวิดจะเป็นผู้สร้างตระกูลดาวิด (House of David) และ “บัลลังก์ของเจ้าจะเป็นบัลลังก์ที่ยืนยาวตลอดไป” [13]

หลังจากนั้นกษัตริย์ดาวิดก็ทรงขยายอำนาจ ได้รับชัยชนะต่อ โซบาท์ (Zobah) และ อารัม (Aram) (ปัจจุบันอยู่ในประเทศซีเรีย), บริเวณเอโดม (Edom) และ โมอับ (Moab) (ปัจจุบันอยู่ในประเทศจอร์แดน), ฟิลลิสเตีย และดินแดนอื่นๆ [14]

ในคัมภีร์กุรอาน

หลังจากสมัยของนบีมูซาแล้ว พวกอิสรออีลต้องเดินทางระหกเหินและไม่สามารถรวมตัวเป็นชาติทีเข้มแข็งได้ ดังนั้น ชาวอิสรออีลจึงต้องถูกชาวอื่นรุกรานและกดขี่ข่มเหงมาตลอด ในสมัยนั้น ดาวูดเป็นเด็กคนหนึ่งที่เกิดในเชื้อสายของอิสรออีลและเป็นที่มีความกล้าหาญมาก นบีซามูเอลจึงได้แต่งตั้งชาวอิสรออีลคนหนึ่งซื่อฏอลูตขึ้นเป็นกษัตร์ย์และบอกพวกเขาว่า อัลลอฮได้ทรงแต่งตั้งฏอลูตให้เป็นกษัตริย์สำหรับพวกแล้ว นบีซามูเอลจึงได้กล่าวว่า อัลลอฮได้ทรงประทานพลังความรู้และพลังกายแก่เขาอย่างมากมายมหาศาล และอัลลอฮทรงมีอำนาจที่จะทรงประทานอาณาจักรของพระองค์แก่ใครก็ได้ ที่พระองค์ทรงประสงค์ เพราะอัลลอฮเป็นผู้ทรงรอบรู้ พวกอิสรออีลจึงได้เฝ้ารอและก็ได้พบหีบใบนั้นจริงๆ ชาวอิสรออีลจึงมีความเชื่อมั่นว่าพระเจ้าไม่ได้ทอดที้งพวกเขาขณะที่ออกเดินทางไปกับกองทหารเพื่อต่อสู้กับพวกฟิลิสตินที่มารุกราน ฏอลูตต้องการจะดูว่าคนของเขาศรัทธาในอัลลอฮและเชือฟังแค่ใหน จึงบอกไปว่า "อัลลอฮกำลังจะทดลองพวกเจ้าด้วยลำน้ำสายหนึ่ง ใครก็ตามที่หยุดดื่มน้ำจากลำสายนี้ คนๆนั้นก็ไม่ใช่พวกของฉัน" ถึงแม้จะบอกว่านั้นเป็นการทดสอบจากอัลลอฮ แต่พวกอิสรออีลส่วนใหญ่ก็ไม่เชื่อและหยุดดื่มน้ำกัน มีเพียงไม่กีคนเท่านั้นที่เชื่อฟังฏอลูตและไม่ได้ดื่มน้ำ ดังนั้น ฏอลูตจึงได้คัดเอาคนที่เชื่อฟังร่วมทางไปกับเขา แต่ผู้ศรัทธาในอัลอฮจำนวนหนึ่งได้กล่าวว่า มีบ่อยไปที่คนจำนวนน้อยเอาชนะคนจำนวนมากได้ด้วยอำนาจของอัลลอฮ เพราะอัลลอฮจะทรงอยู่กับผู้อดทน เมื่อกองทัพของฏอลูตเผชิญหน้ากับกองทัพชาวฟิลิสติน ซึ่งนำโดยญาลูต(หรือโกไลแอธ) พวกอิสรออีลจึงได้วิงวอนต่ออัลลอฮว่า ช้าพระผู้อภิบาลของเรา ขอพระองค์ได้ทรงประทานความอดทนแก่ราและทรงปฏิเสธศรัทธาด้วเถิด ถ้าพวกเก่งจริงก็ส่งคนมีฝีมือมาต่อสู้กันตัวต่อตัว แต่ในเวลานั้นดาวูดได้อยู่ในที่นั้นด้วย เขาจึงได้ขออนุญาตออกไปต่อสู้ญาลูต หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กัน ดาวูดก็สามารถสังหารญาลูตได้ในที่สุด ดาวูดจึงได้กลายเป็นวีรบุรุษของชาวอิสรออีล ฏอลูตได้ยกลูกสาวให้แต่งงานกับเขาและหลังจากที่ฏอลูตเสียชีวิตแล้ว นบีดาวูดมีลูกชายคนหนึ่งชื่อสุลัยมาซึ่งต่มาได้เป็นกษัตริย์สืบต่อจากเขาและยังเป็นนบีคนสำคัญคนหนึ่ง ขณะที่นบีดาวูดเป็นกษัริตย์ปกครองชาวอิสรออีลอยู่ วันหนึ่งชาวอิสรออีลสองคนได้มาขอให้ท่านตัดสินกรณีขัดแย้งระหว่างเขาทั้งสอง นบีดาวูดได้ตัดสินให้เจ้าของแพะมอบแพะทั้งหมดที่เข้ากินต้นไม้ใบหญ้าให้แก่เจ้าของที่ดินที่ได้รับความเสียหาย ถึงต้นไม้ใบหญ้าจะเสียหาย แต่ที่ดินยังคงอยู่ ดังนั้น จึงไม่ควรให้เจ้าของที่ดินยึดแพะทั้งหมดเอาไว้เลย เมื่อต้นไม้ใบหญ้าเติบโตใหม่แล้ว เจ้าของที่ก็ควรจะคืนแพะให้แก่เจ้าของเดิมไป นบีดาวูดเห็นด้วยกับคำแนะนำของสุลัยมานเพราะเป็นความยุติธรรมและท่านได้ตัดสินไปตามนั้น นอกจากนั้นแล้ว คัมภีร์กุรอานยังได้บอกให้เรารู้ว่าอัลลอฮได้ทรงสอนท่านนบีดาวูดให้รู้จักการนำเอาเหล็กมาทำเป็นเครืองใช้ต่างๆ

บางท่านให้ทัศนะว่า เพลงสดุดีเป็นคัมภีร์ "ซะบูร" ที่ถูกประทานแก่ "นบีดาวูด" (เดวิด) ทั้งบท ไม่มีหลักฐานยืนยัน[15]

อ้างอิง

ดูเพิ่ม

แหล่งข้อมูลอื่น